จักรพรรดิโกะ-ไซ
จักรพรรดิโกะ-ไซ 後西天皇 | |||||
---|---|---|---|---|---|
โกะ-ไซ โดยเจ้าชายโคเบ็ง | |||||
จักรพรรดิญี่ปุ่น | |||||
ครองราชย์ | 5 มกราคม ค.ศ. 1655 – 5 มีนาคม ค.ศ. 1663 | ||||
ราชาภิเษก | 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1656 | ||||
ก่อนหน้า | โกะ-โคเมียว | ||||
ถัดไป | เรเง็ง | ||||
โชกุน | โทกูงาวะ อิเอ็ตสึนะ | ||||
ประสูติ | 1 มกราคม ค.ศ. 1638 เกียวโต จังหวัดเกียวโต รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ นางาฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 良仁; โรมาจิ: Nagahito) | ||||
สวรรคต | มีนาคม 26, 1685 รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ (ประเทศญี่ปุ่น) | (47 ปี)||||
ฝังพระศพ | สึกิ โนะ วะ โนะ มิซาซางิ เกียวโต | ||||
คู่อภิเษก | อากิโกะ | ||||
พระราชบุตร | ดูข้างล่าง | ||||
| |||||
ราชสกุล | ราชวงศ์ญี่ปุ่น | ||||
พระราชบิดา | จักรพรรดิโกะ-มิซูโน | ||||
พระราชมารดา | คูชิเงะ (ฟูจิวาระ) ทากาโกะ [ja] |
นางาฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 良仁; โรมาจิ: Nagahito) ได้รับการเลื่อนพระเกียรติหลังสวรรคตเป็น จักรพรรดิโกะ-ไซ (ญี่ปุ่น: 後西天皇; โรมาจิ: Go-Sai-tennō; 1 มกราคม ค.ศ. 1638 – 22 มีนาคม ค.ศ. 1685) มีอีกพระนามว่า จักรพรรดิโกะ-ไซอิง (ญี่ปุ่น: 後西院天皇; โรมาจิ: Go-Saiin-tennō) เป็นจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นองค์ที่ 11[1] ตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ตามประเพณี[2]
รัชสมัยของจักรพรรดิโกะ-ไซกินเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1655 ถึง ค.ศ. 1663[3]
พระนามของจักรพรรดิโกะ-ไซนำมาจากพระนามของ จักรพรรดิจุนนะ (ญี่ปุ่น: 淳和天皇; โรมาจิ: Junna-tennō) จักรพรรดิองค์ที่ 53 ที่ปกครองญี่ปุ่นในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งมีพระสมัญญาว่า ไซอิง โนะ มิกะโดะ ที่แปลว่า จักรพรรดิวังตะวันตก เมื่อใส่คำว่า โกะ (後) เข้าไปทำให้พระนามของจักรพรรดิโกะ-ไซมีความหมายว่า จักรพรรดิไซที่สอง หรือ จักรพรรดิไซยุคหลัง
พระบรมวงศานุวงศ์
[แก้]ก่อนที่จักรพรรดิโกะไซจะขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ พระองค์มีพระนามเดิม (อิมินะ) ว่านางาฮิโตะ[4] หรือ โยชิฮิโตะ[3] และพระอิสริยยศก่อนการขึ้นครองราชบัลลังก์คือ เจ้าฮิเดะ (ญี่ปุ่น: 秀宮; โรมาจิ: Hide-no-miya) หรือ เจ้าโมโมโซโนะ (Momozono-no-miya)[2]
พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์ที่แปดของจักรพรรดิโกะ-มิซุโน พระองค์ถูกเลี้ยงดูมาราวกับว่าพระองค์เป็นโอรสของโทฟูกุมนอิง[2] ทั้งอดีตจักรพรรดินีเมโช และอดีตจักรพรรดิโกะ-โคเมียว เป็นพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีต่างพระราชมารดาของพระองค์
พระราชวงศ์ของจักรพรรดิโกะ-ไซประทับอยู่ใน ไดริ หรือเขตพระราชฐานชั้นในของพระราชวังหลวงเกียวโต พระราชวงศ์ของจักรพรรดิโกะ-ไซประกอบด้วยพระราชโอรสอย่างน้อย 16 พระองค์และพระราชธิดา 17 พระองค์ และไม่มีพระราชโอรสและพระราชธิดาของจักรพรรดิโกะ-ไซที่ได้สืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ[5]
- เนียวโงะ: เจ้าหญิงอากิโกะ (明子女王; 1638–1680) ภายหลังเป็น เมียวกิจิโจอิง (妙吉祥院) พระธิดาในเจ้าชายทากามัตสึ-โนะ-มิยะ โยชิฮิโตะ
- พระราชธิดาองค์แรก: เจ้าหญิงโทโมโกะ (1654–1686; 誠子内親王)
- พระราชโอรสองค์แรก: เจ้าชายฮาจิโจ-โนะ-มิยะ โอซาฮิโตะ (1655–1675; 八条宮長仁親王) – ฮาจิโจ-โนะ-มิยะองค์ที่ 4, พระโอรสบุญธรรมในฮาจิโจ-โนะ-มิยะ ยาซูฮิโตะ
- นางสนองพระโอษฐ์: เซกันจิ โทโมโกะ (สิ้นพระชนม์ ค.ศ. 1695; 清閑寺共子) ธิดาในเซกันจิ โทมตสึนะ
- พระราชโอรสองค์ที่ 2: เจ้าชายอาริซูงาวะ-โนะ-มิยะ ยูกิฮิโตะ (1656–1695; 有栖川宮幸仁親王) – อาริซูงาวะ-โนะ-มิยะองค์ที่ 3
- พระราชธิดาองค์ที่ 2: เจ้าหญิงองค์ที่ 2 (อนนะ-นิ-โนะ-มิยะ, 1657–1658; 女二宮)
- พระราชธิดาองค์ที่ 3: เจ้าหญิงโซเอ (1658–1721; 宗栄女王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 4: เจ้าหญิงซนชู (1661–1722; 尊秀女王)
- พระราชโอรสองค์ที่ 4: เจ้าชายนักบวชกิเอ็ง (1662–1706; 義延法親王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 6: เจ้าหญิงเอ็นโกอิง (1663; 円光院宮)
- พระราชโอรสองค์ที่ 5: เจ้าชายนักบวชเท็นชิง (1664–1690; 天真法親王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 7: เจ้าหญิงคายะ (1666–1675; 賀陽宮)
- พระราชธิดาองค์ที่ 10: เจ้าหญิงมาชิโกะ (1669–1738; 益子内親王) สมรสกับคูโจ ซูเกซาเนะ
- พระราชธิดาองค์ที่ 11: เจ้าหญิงริโฮ (1672–1745; 理豊女王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 13: เจ้าหญิงซูอิโก (1674–1706; 瑞光女王)
- พระมเหสี: ธิดาในอิวากูระ โทโมกิ
- พระราชโอรสองค์ที่ 3: เจ้าชายนักบวชเอโงะ (1659–1676; 永悟法親王)
- พระมเหสี: อูเกียว-โนะ-สึโบเนะ (右京局) ธิดาในโทมิโนโกจิ โยรินาโอะ
- พระราชธิดาองค์ที่ 5: เจ้าหญิงสึเนะ (1661–1665; 常宮)
- พระมเหสี: อูเมโนโกจิ ซาดาโกะ (梅小路定子) ธิดาบุญธรรมในอูเมโนโกจิ ซาดาโนริ และธิดาในโคเง็นจิ โทโมฮิเดะ
- พระราชธิดาองค์ที่ 8: เจ้าหญิงคากุ (1667–1668; 香久宮)
- พระราชธิดาองค์ที่ 9: เจ้าหญิงโชอัง (1668–1712; 聖安女王)
- พระราชโอรสองค์ที่ 6: เจ้าชายนักบวชโคเบ็ง (1669–1716; 公弁法親王)
- พระราชโอรสองค์ที่ 7: เจ้าชายนักบวชโดยู (1670–1691; 道祐法親王)
- พระราชโอรสองค์ที่ 8: เจ้าชายฮาจิโจ-โนะ-มิยะ นาโอฮิโตะ (1671–1689; 八条宮尚仁親王) – ฮาจิโจ-โนะ-มิยะองค์ที่ 5
- พระราชธิดาองค์ที่ 12: เจ้าหญิงมิตสึ (1672–1677; 満宮)
- พระราชธิดาองค์ที่ 14: เจ้าหญิงซนโก (1675–1719; 尊杲女王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 15: เจ้าหญิงซนโช (1676–1703; 尊勝女王)
- พระราชโอรสองค์ที่ 11: เจ้าชายนักบวชเรียวโอ (1678–1708; 良応法親王)
- พระราชธิดาองค์ที่ 16: เรียวเง็ตสึอิง (1679; 涼月院) (มีข้อสงสัยต่อพระมารดาผู้ให้กำเนิด)
- พระมเหสี: อาเซจิ-โนะ-สึโบเนะ (按察使局) ธิดาในทากัตสึจิ โทโยนางะ
- พระราชโอรสองค์ที่ 9: เจ้าชายนักบวชซนโด (道尊法親王) (1676–1705; พระภิกษุ)
- พระมเหสี: มัตสึกิ อัตสึโกะ (松木条子) ธิดาในมัตสึกิ มูเนอัตสึ
- พระราชโอรสองค์ที่ 10: เจ้าชายโรเออิง (槿栄院宮; 1677)
- พระราชโอรสองค์ที่ 16: เจ้าชายซาโตฮิโตะ ภายหลังเป็นจักรพรรดิเรเง็ง
เหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิโกะ-ไซ
[แก้]เจ้าชายนางาฮิโตะขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศเมื่อจักรพรรดิโกะ-โคเมียวสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาท การสวรรคตของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวทำให้ตำแหน่งจักรพรรดิว่างลง หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายนางาฮิโตะซึ่งเป็นพระอนุชาต่างพระราชมารดาของจักรพรรดิโกะ-โคเมียว ได้สืบทอดราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ[6] รัชสมัยของจักรพรรดิโกไซตรงกับช่วงเวลาที่โทกูงาวะ อิเอสึนะเป็นผู้นำของรัฐบาลเอโดะ
จักรพรรดิโกะ-ไซอภิเษกกับพระธิดาของ ทากามัตสึ-โนะ-มิยะ องค์แรกคือเจ้าชายโยชิฮิโตะ (高松宮好仁親王) และพระองค์ก็สืบทอดพระอิสริยยศ ทากามัตสึ-โนะ-มิยะ เป็นองค์ที่ 2 จากนั้นเจ้าชายพระองค์นี้ก็กลายเป็นจักรพรรดิเป็นการชั่วคราวจนกว่าพระอนุชาต่างพระมารดาอีกพระองค์หนึ่งของพระองค์คือเจ้าชายซาโตฮิโตะ (識仁親王) จะเจริญพระชนม์พอที่จะสืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศได้
- 1 มกราคม ค.ศ. 1638: การประสูติของเจ้าชายที่จะกลายเป็นที่รู้จักในพระนามจักรพรรดิโกะ-ไซ[7]
- 5 มกราคม ค.ศ. 1655: การสวรรคตของจักรพรรดิโกะ-โคเมียวทำให้การสืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศสืบทอดต่อไปยังพระอนุชาต่างพระมารดาของพระองค์ และเมื่อสืบราชบัลลังก์แล้ว รัชสมัยของจักรพรรดิโกะ-ไซก็ได้เริ่มต้นขึ้น[7]
- ค.ศ. 1655: ราชทูตเกาหลีคนใหม่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น[3]
- 2-3 มีนาคม ค.ศ. 1657: ไฟไหม้ครั้งใหญ่ปีเมเรกิ: เมืองเอโดะถูกทำลายด้วยไฟอย่างรุนแรง[2]
- ค.ศ. 1659: ในเอโดะ เริ่มก่อสร้างสะพานเรียวโงกุ[3]
- 20 มีนาคม ค.ศ. 1662: เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในเกียวโตซึ่งทำลายหลุมฝังศพของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ[3]
- 5 มีนาคม ค.ศ. 1663: จักรพรรดิโกะ-ไซสละราชบัลลังก์[7] ซึ่งหมายความว่าเจ้าชายซาโตฮิโตะ พระอนุชาต่างพระมารดาได้รับสืบทอดราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายซาโตฮิโตะได้ประกอบพิธีเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศอย่างเป็นทางการ[8]
ภายหลังสละราชบัลลังก์ อดีตจักรพรรดิโกะ-ไซ พระราชนิพนธ์หนังสือหลายเล่ม รวมทั้ง "น้ำและแสงแดด" (水日集) พระองค์มีพรสวรรค์ในบทกวีวากะ; และพระองค์มีพระปรีชาญาณอย่างลึกซึ้ง
ในรัชสมัยของพระองค์ เกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ที่ศาลเจ้าอิเสะ ปราสาทโอซากะ และพระราชวังหลวง เป็นต้น ไฟไหม้ใหญ่ปีเมเรกิ แผ่นดินไหว และน้ำท่วมซ้ำซาก ทำให้หลายคนตำหนิองค์จักรพรรดิ
พระราชพงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของจักรพรรดิโกะ-ไซ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "-天皇陵-後西天皇 月輪陵(ごさいてんのう つきのわのみささぎ))". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2023-04-27.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, pp. 116.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Rin-siyo, Siyun-zai (1834). Nipon o daï itsi ran; ou, Annales des empereurs du Japon (ภาษาฝรั่งเศส). Oriental Translation Fund. p. 413.
- ↑ Ponsonby-Fane, p. 9.
- ↑ Ponsonby-Fane, p. 116.
- ↑ Titsingh, p. 413. A distinct act of senso is unrecognized prior to Emperor Tenji; and all sovereigns except Jitō, Yōzei, Go-Toba, and Fushimi have senso and sokui in the same year until the reign of Emperor Go-Murakami – see Varley, H. Paul. (1980).Jinnō Shōtōki, p. 44.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit, p. 186.
- ↑ Titsingh, p. 414.
- ↑ "Genealogy". Reichsarchiv (ภาษาญี่ปุ่น). 30 April 2010. สืบค้นเมื่อ 20 January 2018.
- Martin, John H. and Phyllis G. Martin. (2002). Kyoto: A Cultural Guide to Japan's Ancient Imperial City. Tokyo:Tuttle Publishing. ISBN 978-0-8048-1955-8; OCLC 243831939
- Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit: unter besonderer Berücksichtigung der Jahre 1846 bis 1867. Münster: LIT Verlag. ISBN 978-3-8258-3939-0; OCLC 42041594
- Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
- Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691
- Varley, H. Paul. (1980). Jinnō Shōtōki: A Chronicle of Gods and Sovereigns. New York: Columbia University Press. ISBN 978-0-231-04940-5; OCLC 59145842
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- National Museum of Japanese History – see example of Emperor Go-sai's calligraphy