ข้ามไปเนื้อหา

จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ
後桃園天皇
จักรพรรดิญี่ปุ่น
ครองราชย์9 มกราคม ค.ศ. 1771 – 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779
ก่อนหน้าโกะ-ซากูรามาจิ
ถัดไปโคกากุ
โชกุนโทกูงาวะ อิเอฮารุ
(1771-1779)
ประสูติ5 สิงหาคม ค.ศ. 1758(1758-08-05)
เฮอังเกียว เกียวโต รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ
ฮิเดฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 英仁โรมาจิHidehito)
สวรรคต16 ธันวาคม ค.ศ. 1779(1779-12-16) (21 ปี)
เกียวโต รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ
ฝังพระศพสึกิ โนะ วะ โนะ มิซาซางิ เกียวโต
คู่อภิเษกโคโนเอะ โคเรโกะ
พระราชบุตรเจ้าหญิงโยชิโกะ
พระสมัญญานาม
สึอิโง:
จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ (後桃園院 หรือ 後桃園天皇)
ราชสกุลราชวงศ์ญี่ปุ่น
พระราชบิดาจักรพรรดิโมโมโซโนะ
พระราชมารดาอิจิโจ โทมิโกะ [ja]
ลายพระอภิไธย

ฮิเดฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 英仁โรมาจิHidehito; 5 สิงหาคม ค.ศ. 1758 – 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779) ได้รับการเลื่อนพระเกียรติหลังสวรรคตเป็น จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ (ญี่ปุ่น: 後桃園天皇โรมาจิGo-Momozono-tennō, 5 สิงหาคม 1758–16 ธันวาคม 1779) เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 118 ของญี่ปุ่น ตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์[1][2] พระองค์ได้รับการตั้งพระนามตามพระราชบิดาของพระองค์คือจักรพรรดิโมโมโซโนะ โดยพระนามของพระองค์นำมาจากพระนามของ จักรพรรดิโมโมโซโนะ จักรพรรดิองค์ที่ 117 ผู้เป็นพระราชบิดาเมื่อใส่คำว่า โกะ (後) ที่แปลว่า ที่สอง หรือ ยุคหลัง เข้าไปในพระนามทำให้พระนามของพระองค์มีความหมายว่า จักรพรรดิโมโมโซโนะที่สอง หรือ จักรพรรดิโมโมโซโนะยุคหลัง

เจ้าชายฮิเดฮิโตะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิในปี 1771 แต่ครองราชย์ได้ไม่นานก็สวรรคตในปี 1779[3] เหตุการณ์ในรัชสมัยของพระองค์ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายครั้งที่เกิดขึ้นในปี 1772 นอกจากนั้น สถานการณ์ทางการเมืองกับโชกุนยังเงียบสงบ ในปลายรัชสมัย จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะต้องเผชิญกับปัญหาการสืบราชบัลลังก์เนื่องจากจักรพรรดิไม่มีผู้สืบทอดที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงรีบรับเอาเจ้าชายคาเนฮิโตะ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโมโรฮิโตะ) มาเป็นพระราชโอรสบุญธรรมซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป

พงศาวลี

[แก้]

พระองค์เป็นโอรสของจักรพรรดิโมโมโซโนะกับนางสนองพระโอษฐ์ ก่อนขึ้นเป็นจักรพรรดิ พระองค์มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายฮิเดฮิโตะ (英仁親王)

  • นางใน : โคโนเอะ โคเรโกะ (近衛維子)
    • พระราชธิดาองค์ที่ 1 (第一皇子) : เจ้าหญิงโยชิโกะ (欣子内親王) ต่อมาคือจักรพรรดินีในจักรพรรดิโคกะกุหรือต่อมาคือ ชินเซวะอิง (新清和院)
  • พระราชโอรสบุญธรรม (養子)

เหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ

[แก้]

พระราชประวัติ

[แก้]

ก่อนที่จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะจะสืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ พระองค์มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายฮิเดฮิโตะ (英仁親王)[4][5] เจ้าชายฮิเดฮิโตะประสูติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 1758 และเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของจักรพรรดิโมโมโซโนะ[6] หลังจากที่พระราชบิดาของพระองค์สวรรคตในปี 1762 ตำแหน่งจักรพรรดิก็ตกเป็นของพระปิตุจฉา (ป้า) ซึ่งเป็นที่รู้จักในพระนามจักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิ เจ้าชายฮิเดฮิโตะยังเยาว์เกินไปที่จะเป็นจักรพรรดิในขณะนั้น แต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทในอีก 5 ปีต่อมา[2] จักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิ สละราชบัลลังก์ให้กับพระนัดดาในวันที่ 9 มกราคม 1771 และเจ้าชายฮิเดฮิโตะก็สืบราชบัลลังก์ในทันที[6]

ในฐานะจักรพรรดิ

[แก้]

เพียงปีเศษหลังจากจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะเสด็จขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นก็เผชิญกับ "เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ปีเมวะ" เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1772 มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า พบพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่านและขี้เถ้า กว้างประมาณ 8 กิโลเมตร ยาวประมาณ 15 ไมล์ (24 กิโลเมตร) ทำลายวัดวาอารามและศาลเจ้า 178 แห่ง บ้านขุนนางไดเมียว 127 หลัง บ้านเรือนราษฎร 878 หลัง บ้านข้าราชสำนัก 8705 หลัง ร้านค้า 628 แถว มีผู้เสียชีวิตประมาณ 6,000 คน ผลพวงจากความพินาศครั้งนี้คือภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลในการฟื้นฟู[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Imperial Household Agency (Kunaichō): 後桃園天皇 (118)
  2. 2.0 2.1 Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 120.
  3. Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du Japon, pp. 419–420.
  4. Ponsonby-Fane, p. 10
  5. Titsingh, p. 419.
  6. 6.0 6.1 Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit, p. 186.
  7. Hall, John. (1955). Tanuma Okitsugu, p. 120.

ข้อมูล

[แก้]