โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล
มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาดแหล่งที่มา หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{ละเมิดลิขสิทธิ์}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐานในหน้าอภิปราย โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล Ammartpanichnukul School | |
---|---|
![]() ตราสัญลักษณ์ โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล | |
ที่ตั้ง | |
![]() | |
พิกัด | 8°03′30″N 98°54′49″E / 8.058438148083868°N 98.913571566574°E |
ข้อมูล | |
ชื่ออื่น | อ.ม.(UM) |
ประเภท | รัฐ |
คำขวัญ | "เรียนเด่น ประพฤติดี สามัคคี มีวินัย" ปญฺญา นรานํ รตนํ (ปัญญาคือแก้วประดับตน) |
สถาปนา | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 |
ผู้ก่อตั้ง | พระยาอิศราธิชัย (หมี ณ ถลาง) |
หน่วยงานกำกับ | สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ |
ผู้อำนวยการ | นายวิโรจน์ วุ่นแก้ว |
ระดับปีที่จัดการศึกษา | ม.1-ม.6 |
ภาษาที่ใช้เป็นสื่อการสอน | ภาษาที่โรงเรียนจัดสอน: |
สี | ███ น้ำเงิน ███ ขาว |
เพลง | มาร์ชอำมาตย์ |
เว็บไซต์ | http://www.ammart.ac.th |
โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล (อังกฤษ: Ammartpanichnukul School) เป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 10 ถนนกระบี่ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พุทธศักราช 2452 โดยพระยาอิศราธิชัย หรือ หมี ณ ถลาง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่อยู่ในขณะนั้น ซึ่งสร้างขึ้นเขตวัดแก้วโกรวาราม โดยมีพ่อค้า ประชาชน ในจังหวัดกระบี่ร่วมกันออกกำลังทรัพย์ กำลังกายในการก่อสร้าง
ประวัติ[1][2][3][4][5][6][7][8][แก้]
ทศวรรษที่ 1 - 3 ยุคบุกเบิก (ระหว่าง พ.ศ. 2452 - 2482)[แก้]
เริ่มเมื่อ พ.ศ.2552 ตามหลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึก บ่งบอกถึงการสร้างโรงเรียนชัดเจนว่า "โรงเรียนนี้พระแก้วโกรพ หมี ได้เป็นหัวหน้า พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้าเมืองกระบี่ จัดสร้างขึ้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี บอซิมบี้ เป็นข้าหลวงเทศาภิบาล มณฑลภูเก็ต สำเร็จเมื่อรัตนโกสินทรศก 128 จุลศักราช 1272* พระพุทธศักราช 2452 ปีระกา เอกศก"
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0d/%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AF.jpg/392px-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AF.jpg)
โรงเรียนที่ พระแก้วโกรพ หรือบรรดาศักดิ์สมัยต่อมา คือ อำมาตย์-เอก พระยาอิศราธิชัย (หมี ณ ถลาง) ได้สร้างขึ้นโดยการร่วมมือของ ข้าราชการและพ่อค้านั้น ตั้งอยู่บริเวณด้านขวาของทางเข้าฌาปนสถาน “วัดแก้วโกรวาราม พระอารามหลวง” ในปัจจุบัน ซึ่ง “โรงเรียนประจำจังหวัดกระบี่” เรียกกันโดยทั่วไปว่า “โรงเรียนจังหวัด”
ยุคบุกเบิกเมื่อ พ.ศ. 2452 อันเป็นปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต่อกับต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เริ่มเป็นโรงเรียนตามนโยบายของกระทรวงธรรมการในสมัยนั้น (กระทรวงศึกษาธิการ) ซึ่งต้องการให้มีโรงเรียนหลวงทุกจังหวัด
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/df/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C.jpg/401px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C.jpg)
พระสุตาวุธวิสิฐ (ขรรค์ชัย ชนะกุล) วัดแก้วโกรวาราม พระอารามหลวง อดีตเจ้าคณะจังหวัดกระบี่ อดีตเจ้าอาวาส วัดแก้วโกรวาราม พระอารามหลวง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนั้น บวชเป็นสามเณรอยู่วัดแก้วโกรวารามนี้ “หลวงตาแคล้ว อชิโต” ซึ่งอยู่ในวัดเดียวกันว่า โรงเรียนนี้ (โรงเรียนประจำ จังหวัดกระบี่) เมื่อเริ่มก่อสร้าง หลวงปู่กิ่ม หรือ พระสมุห์กิ่ม พุทฺธรกฺขิโต (ภายหลังได้สมณศักดิ์เป็น พระครูธรรมาวุธ วิศิษฐ์สังฆปาโมกข์) เจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวารามในสมัยนั้น ได้ขอแรงหญิงแม่บ้านจากตำบลต่าง ๆ มาช่วยทำอาหารเลี้ยง คนที่ร่วมกันก่อสร้างโรงเรียน วันละ 1 มื้อ วัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ตะปู ปูนซีเมนต์ เป็นต้น ต้องสั่งจากปีนัง (ประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน) โดยผ่านเอเยนต์ที่ภูเก็ต บางครั้ง หลวงปู่ต้องเดินทางไปหาซื้อวัสดุก่อร้างด้วยตนเองที่ภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 3 - 4 วัน ไม้ที่นำมาก่อสร้าง ต้องไปแปรรูปที่บ้านโพธิ์เรียง (ปัจจุบันอยู่เขตพื้นที่เทศบาลตำบลกระบี่น้อย) ลักษณะของอาคารเป็นอาคารไม้ ชั้นเดียว ยกพื้นสูงพอประมาณ มีระเบียงหน้าห้องเรียน ใช้เวลาก่อสร้างปีกว่า เปิดสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 1 - 3 มี 3 ห้องเรียน คือ ชั้น ม.1 ม.1 พิเศษ และ ม.2 ส่วน ม.3 แยกไปเรียนอาคารชั่วคราว ซึ่งสร้างเป็น อาคารไม้ฝาขัดแตะ ครูใหญ่คนแรก คือ นายกิ้มเฮง สุคันธปรีดิ์
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b4/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%28%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5_%E0%B8%93_%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%29.png/233px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%28%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5_%E0%B8%93_%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%29.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/91/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5.png/214px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/23/%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88.png/580px-%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88.png)
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ “สามเณรสิงห์ นบนอบ” หรือ หลวง ปู่สิงห์ (พระราชสุตกวี) สหชาติกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (เกิดวัน เดือน ปี) เดียวกันกับรัชกาลที่ 7 อดีตเจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม ได้มาเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูลแห่งนี้ด้วย โดยการช่วยเหลือและอุปการะของหลวงปู่กิ่ม ต่อมาทางราชการขอตัวไปเป็นครูผู้สอนที่วัดคลองเสียด และที่วัดปกาสัย ก่อนจะกลับมาวัดแก้วโกรวารามอีกครั้ง และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม ในโอกาสต่อมา
สำหรับศิลาจารึกที่กล่าวถึงการสร้างโรงเรียนพบเมื่อรื้ออาคาร ดังกล่าว หลังจากทรุดโทรมมาก และนักเรียนย้ายไปเรียนอาคารแห่งใหม่ แล้ว โดยหลวงปู่สิงห์ขอให้เทศบาลเมืองกระบี่ช่วยรื้อ ซึ่งสมัยนั้น นายสินธุ์ ประทีป ณ ถลาง เป็นนายกเทศมนตรี
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/ba/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C_%28%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1_%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%BA%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%BA%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95%29.png/220px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C_%28%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1_%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%BA%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%BA%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95%29.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/05/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5_%28%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C_%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A0%29.png/206px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5_%28%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C_%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A0%29.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e0/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1.jpg/545px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1.jpg)
(นับจากซ้าย)
แถวล่างพระสงฆ์รูปที่ 2 พระปัญญาวุธธรรมคณี (บริสุทธิ์ ขนฺติโก น.ธ.เอก จล.) อดีตเจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม
แถวล่างพระสงฆ์รูปที่ 3 พระราชสุตก (สิงห์ จนฺทาโภ , นบนอบ ป.ธ.6, น.ธ.เอก)
แถวล่างพระสงฆ์รูปที่ 4 พระสุตาวุธวิสิฐ (ขรรค์ชัย อาภากโร , ชนะกุล , น.ธ.เอก)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a4/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%28%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5_%E0%B8%93_%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%29.png/253px-%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%28%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5_%E0%B8%93_%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%29.png)
จากการให้สัมภาษณ์พระสุตาวุธวิสิฐ (ขรรค์ชัย อาภากโร , ชนะกุล) ทำให้เกิดร่องรอยเกี่ยวกับ โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ ประเด็นแรก โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล ได้ร่วมสร้างโดยข้าราชการ (อำมาตย์) พ่อค้า (คหบดี) พระภิกษุ สามเณร ตลอดถึงประชาชนที่อาสาสมัครมาจากตำบลต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นโรงเรียนที่มีกำเนิดมาจาก ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
ประเด็นต่อมา หลวงปู่กิ่ม เป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่เป็นผู้มีคุณูปการต่อโรงเรียนมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกซึ่งโรงเรียน จะละเลยถึงพระคุณมิได้เลย
ประเด็นสุดท้าย มีหลักฐานชัดเจนว่า หลวงปู่สิงห์เป็นศิษย์เก่าที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณภาพยากที่จะหาใคร ทัดเทียมได้ เมื่อหลวงปู่สิงห์ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวารามแล้ว ก็ได้ให้การอุปถัมภ์ค้ าจุนโรงเรียนอำมาตย์ พานิชนุกูล มาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย จนกระทั่งมรณภาพ จึงนับเป็นคุณูปการต่อโรงเรียนอย่างสูงเช่นกัน
ทศวรรษที่ 4 : ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 (ระหว่าง พ.ศ. 2482 - 2492)[แก้]
ปี พ.ศ.2482 ราชการได้จัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ตรงกับบริเวณที่ตั้งของอาคาร 2 ในปัจจุบัน เป็นที่ดินที่พระยาอิศราธิชัย (หมี ณ ถลาง) สงวนไว้เพื่อสร้างโรงเรียนประจำจังหวัดโดยเฉพาะเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างปล่อยโล่ง เสาคอนกรีต หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้อง ทาสีขาวเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางแมกไม้ในป่าใหญ่ เป็นความภาคภูมิใจของนักเรียนอย่างยิ่ง ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองต่างร่วมกันขนานนามอาคารหลังนี้ว่า “อาคารสง่างาม” และได้ขยายชั้นเรียนไปถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 มีนายเนิ่น เกษสุวรรณ รักษาการในตำแหน่งครูใหญ่ ให้นักเรียนชั้น ม.4 - 6 เรียนอาคารใหม่ ส่วนนักเรียนชั้น ม.1 - 3 ยังคงเรียนที่อาคารเดิมที่วัดแก้ว เริ่มมีการกำหนดสีโรงเรียน คือ น้ำเงิน ขาว
ปี พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยต้องจำยอมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ คือ ญี่ปุ่น และต้องประกาศสงครามกับอเมริกาและอังกฤษ กองทัพญี่ปุ่นซึ่งเป็นมหามิตรกับเราจึงเข้ามาตั้งฐานทัพ ในประเทศไทยหลายแห่ง กระบี่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งทางฝั่งทะเลอันดามัน กองทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งอยู่ในกระบี่ 2 แห่ง คือ บริเวณบ้านทุ่งแดง และบริเวณบ้านคลองหิน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ยึดอาคารโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูลเป็นที่ตั้งกองบัญชาการ โรงเรียนต้องหยุดเรียนโดยไม่มีกำหนด ขณะนั้นนายกล่อม สัจจะบุตร เป็นครูใหญ่ ได้มีประกาศให้นักเรียนได้เลื่อนชั้นทุกคนโดยไม่ต้องสอบไล่
ร่องรอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับฐานทัพญี่ปุ่นในยุคนี้ คือ มีผู้บังคับบัญชากองทหารญี่ปุ่นชื่อ “ร.ต. โอบุระ” เป็นผู้มีบทบาทสำคัญมากในฐานทัพ ขณะนั้นเรือกลไฟลำหนึ่งของญี่ปุ่นชื่อ “เรือถ่องโห” ได้บรรทุกทหารจากฐานทัพกระบี่ไปกันตัง (จังหวัดตรัง) แต่ถูกยิงใกล้เกาะหัวขวาน ยังมีซากเรือปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงปี พ.ศ. 2486 – 2487 สงครามโลกครั้งที่ 2 ทวีความรุนแรงขึ้น มีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ ประชาชนเริ่มอดยาก เครื่องอุปโภค บริโภค สมุด ปากกา ดินสอ เสื้อผ้า ขาดแคลน นักเรียนได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่ง มีนักเรียนลาออกไปมาก ครูแก้ปัญหาโดยการสอนเรื่องการทำสวน เลี้ยงสัตว์ ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือนร้อนไปได้บ้าง
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/c5/%E0%B8%9C%E0%B8%AD.%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%AD_%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C.png/220px-%E0%B8%9C%E0%B8%AD.%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%AD_%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C.png)
นักเรียนชั้น ม.1 - 3 ได้ย้ายมาเรียนรวมกับชั้น ม.4 - 6 ที่อาคารสง่างาม ชั้น ม.4 - 6 เรียนชั้นบน ส่วน ม.1 - 3 ใช้ใต้ถุนของอาคารกั้นเป็นห้อง ๆ ด้วยฝาขัดแตะ 3 ห้องเรียน ขณะนั้นมีนักเรียนชั้น ม.6 ประมาณ 100 กว่าคน มีผู้หญิงเรียนรวมอยู่ด้วยเล็กน้อย
คืนวันที่ 25 มีนาคม 2488 ประมาณ 19 - 20 นาฬิกา ก่อนวันประกาศผลการสอบ 1 วัน ประชาชนที่อยู่ใกล้โรงเรียนต่างตื่นตระหนกกับแสงเพลิงที่แดงฉานจับท้องฟ้า อาคารสง่างามถูกพระเพลิงเผาผลาญวอดวาย ไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุของไฟไหม้ในครั้งนี้ ทุกคนต่างโศกเศร้าและเสียดาย บางคนถึงกับร้องไห้
เช้าของวันที่ 26 มีนาคม 2488 เป็นวันประกาศผลการสอบ นักเรียนและผู้ปกครองต่างมายืนรอ ใต้ต้นกอใหญ่ นายหล่อ รีละชาติ ศึกษาธิการจังหวัด ได้เดินทางมากล่าวปลอบขวัญและให้กำลังกับทุกคน ณ ที่นั้น เนื่องจากเอกสารหลักฐานมอดไหม้จนเป็นจุลไปกับพระเพลิง ปีนั้นนักเรียนจึงได้เลื่อนชั้นทุกคนโดยไม่ต้องสอบอีกครั้ง
เมื่อขึ้นปีการศึกษาใหม่ นักเรียนชั้น ม.4 - 6 ต้องไปอาศัยเรียนที่โรงเรียนอุตรกิจ ส่วน ม.1 - 3 ไปอาศัยเรียนที่อาคารทอผ้า (ปัจจุบันคือ ที่ตั้งห้องสมุดประชาชนจังหวัดกระบี่) ซึ่งเป็นอาคารที่จังหวัดใช้เป็นสถานที่ฝึกสอนการทอผ้าให้กับชาวบ้าน เพราะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เสื้อผ้าขาดแคลน นายชลอ นครินทร์ ได้เลขประจำตัวเป็นเลขที่ 1 (จากคำให้สัมภาษณ์ของ ผอ.ชลอ นครินทร์ เองว่า ครูมนูญ กัณหกุล เป็นผู้กำหนดให้)
ปีการศึกษา 2489 ครูใหญ่ชื่อ นายจิตต์ พิเศษศิลป์ ครูน้อยส่วนใหญ่เป็นคนในท้องที่ เช่น ครูละวาด ภิรมย์รัตน์ , ครูสุตา ผลิพัฒน์ , ครูสุวิทย์ จินดาพล , ครูสมบูรณ์ เพชรล้วน , ครูละเมียด แก้วละเอียด , ครูมนูญ หนูคำ , ครูสัญชัย แก้วสมศรี , ครูมนูญ กัณหกุล , ครูเอื้อม เดชเจริญ , ครูถ้วน บุญเสริม , ครูลิขิต (จำเนียร) เข็มปัญญา , ครูโสภา , ครูสังวาลย์ , ครูฟุ้งกราว นักเรียนชั้น ม.6 มี 14 คน เมื่อจบการศึกษา ศึกษาธิการจังหวัดขณะนั้น ได้คัดเลือกนักเรียนเรียนดี เป็นชาย 4 คน และหญิง 2 คน เพื่อไปเรียนฝึกหัดครูที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยา 4 คน โรงเรียนฝึกหัดครูสวนสุนันทา 2 คน
ปลายปี พ.ศ.2489 สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การเรียนการสอนเป็นไปอย่างทุลักทุเล โรงเรียนเริ่มขาดแคลนครู เพราะมีครูขอย้ายหลายคน
ทศวรรษที่ 5 : ยุคกระบี่อำมาตย์พานิชนุกูล (ระหว่าง พ.ศ. 2492 - 2502)[แก้]
ทศวรรษที่ 5 : ยุคกระบี่อำมาตย์พานิชนุกูล (ระหว่าง พ.ศ.2492 - 2502) เป็นยุคที่ “ฟ้ากระจ่างหลังพายุ” ราชการได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมบริจาคสมทบอีก 170,000 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) สร้างอาคารหลังใหม่แทนหลังที่ถูกไฟไหม้ เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว มีใต้ถุนเตี้ยๆ แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2492 โรงเรียนเริ่มเข้ารูปเข้ารอยขึ้น มีการจัดระบบการบริหารงานที่ลงตัวขึ้น และมีทิศทางที่ชัดเจน
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e3/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2490.png/351px-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2490.png)
การเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น “กระบี่อำมาตย์พานิชนุกูล” น่าจะเปลี่ยนในยุคนี้ เพราะภาพเก่า อาคารหลังที่ 3 ที่เข้าใจว่าสร้างเมื่อ พ.ศ. 2490 มีป้ายชื่อหน้าจั่วเป็น “กระบี่อำมาตย์พานิช (ณิช) นุกูล”
ทศวรรษที่ 6 ยุบรวมสตรีการช่างเข้าด้วยกัน (ระหว่าง พ.ศ. 2502 - 2512)[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/05/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2508.png/351px-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2508.png)
ยุคนี้ เป็นช่วงระยะเวลาที่นักเรียนรุ่นไฟไหม้กลับมารับใช้บ้านเกิดด้วยการเป็นครู เช่น นายดวล ดำดี นายชวน ชูมณี นายแอบ เทอดสุวรรณ นายวิพิศ เดชเจริญ นายชลอ นครินทร์ นางสาวประยูรศรี รอดกุล นางสาวสุภา เวสพันธุ์ นายรักษา สุวรรณพิทักษ์ นางสาววัณโน สัสดีเดช นางสาวมาลี บุณโยดม และนางสาวโสพิศ ผลิพัฒน์ เป็นต้น
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/d6/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5_%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C.png)
ปี พ.ศ. 2508 ได้มีการยุบรวมโรงเรียนสตรีการช่างเข้าด้วยกัน นายเสรี ลาชโรจน์ เป็นอาจารย์ใหญ่ในขณะนั้น ท่านได้เล่าให้ฟัง ว่ามีปัญหาต่าง ๆ มากมาย สภาพโรงเรียนในช่วงปลายปี พ.ศ.2509 ถึงปี พ.ศ.2512 ต้องแก้ไขเรื่องที่เรียนที่เล่นของเด็ก และที่อยู่อาศัยของครูให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ที่อยู่ของนักการภารโรงหลายคนก็ยังลำบาก เมื่อมีการรื้ออาคารเก่าเพื่อสร้างอาคารใหม่นั้น ไม้เก่าเหลืออยู่มาก ท่านจึงชี้แจงนักการภารโรงว่า จะต้องช่วยกันสร้างบ้านพักโดยใช้เวลาเย็นและวันหยุดเพื่อไม่ให้กระทบต่อเวลาทำงาน เขียนแปลนเองแบบคร่าว ๆ ทุกคนช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง ได้บ้านพักภารโรงเป็นเรือนแถวอยู่ในพื้นที่ลุ่มด้านตรงกันข้ามกับเรือนจำจังหวัดกระบี่ บ้านเดี่ยวหลังสนามฟุตบอลอีกหลังหนึ่งด้วย
ปี พ.ศ.2510 นายเสรี ลาชโรจน์ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล ในขณะนั้น เดินทางเพื่อไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/cc/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2508.png/354px-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2508.png)
ทศวรรษที่ 7 : ยุควิกฤติและปฏิรูปโรงเรียน (ระหว่าง พ.ศ. 2512 - 2522)[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f6/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2513.png/372px-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2513.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/30/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2510-2514.png/407px-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2510-2514.png)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6b/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_2513.png/339px-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_2513.png)
ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2510 – 2517 คาบเกี่ยวกัน ระหว่างทศวรรษที่ 6 กับ 7 หลังจากมีการยุบรวมโรงเรียนแล้ว กรมวิสามัญศึกษา ได้จัดสรรงบประมาณให้ต่อเนื่องทุกปี โรงเรียนจึงมีการก่อสร้างตลอดเวลาอาคารหลักของโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล เป็นอาคารยกพื้นไม้เตี้ย ๆ เป็นรูปตัวอี (E) มีห้องมุขยื่นออกมาตรงกลางเป็นห้องครูใหญ่
ปี พ.ศ.2512 กรมวิสามัญศึกษา (ในสมัยนั้นทำหน้าที่ดูแลการมัธยมศึกษา ส่วนกรมสามัญศึกษาดูแลการประถมศึกษา) มีคำส่งให้ยุบโรงเรียนสตรีกระบี่รวมกับโรงเรียนกระบี่อำมาตย์พานิชนุกูล เปลี่ยนชื่อเป็น “อำมาตย์พานิชนุกูล” อ่านว่า (อำ-หมาด-พา-นิด-ชะ-นุ-กูน) ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีนายเสรี ลาชโรจน์ เป็นอาจารย์ใหญ่/ผู้บริหารโรงเรียน
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/02/%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95.png/398px-%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95.png)
จากบันทึกความทรงจำของ นายเสรี ลาชโรจน์ : อาจารย์ใหญ่โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล ได้กล่าวถึงสภาพของอาคารที่ทรุดโทรม เช่น โรงอาหาร บ้านพักครู ซึ่งมีสภาพจะพังแหล่มิพังแหล่ ตั้งอยู่ชายป่าหลังโรงเรียน ส้วมยังเป็นส้วมหลุมอยู่ข้างสนามฟุตบอล ความเป็นอยู่ของครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ลำบากมาก เช่น เวลาจะอาบน้ำต้องเดินลงหุบลาดเขาทางลงไปวัดแก้วโกรวาราม ผูกอาหารปิ่นโต อาคารไม้เดิมของโรงเรียนการช่างสตรีกระบี่ใช้เป็นที่เรียนและที่พักของครู ช่วงที่มีการสร้างบ้านพักครูเพิ่มเติม อาจารย์เครือวัลย์ ใจสุทธิ์ และอาจารย์ศุภนิตย์ นาคะวิทย์ พักอยู่ที่อาคารนี้ มีโรงอาหารที่ทรุดโทรมมากอยู่หลังหนึ่ง ท่านจึงถ่ายภาพและชี้แจงถึงความล้าหลังของโรงเรียนไปยังฝ่ายจัดสรรงบประมาณพร้อมหลักฐานประกอบเป็นภาพถ่าย จึงได้งบประมาณมาสร้างส้วมและโรงอาหาร
ระหว่างปี พ.ศ.2510 – 2517 โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล มีการก่อสร้างตลอด ได้ส้วมหลังใหม่แทนหลังที่พัฒนามาจากส้วมหลุม ได้โรงอาหารใหม่ ซึ่งเมื่อมีการประมูลและลงมือสร้างไปได้ระยะหนึ่ง ผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน คนงานก็ยังค้างอยู่ในโรงเรียน ไม่มีเงิน ไม่มีข้าวกิน แต่มีเงินประกันสัญญาอยู่ จึงมีการตกลงกับทางจังหวัดขอให้โรงเรียนดำเนินการสร้างต่อด้วยตนเองจนสำเร็จ เบิกจ่ายค่าแรงเป็นข้าวสารและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น อาหารทะเลมีมากและราคาถูก คนงานก่อสร้างจึงได้กินอิ่มนอนหลับ และมีเงิน ค่าแรง เบิกได้ตรงเวลา โรงอาหารจึงสามารถสร้างสำเร็จได้ พร้อมทั้งยังได้ตึกเรียน 3 ชั้น 16 ห้องเรียน หลังจากได้บ้านพักครูใหญ่ ซึ่งสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2511
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/c0/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2511.png/396px-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5_%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2511.png)
ทำเนียบผู้บริหาร[2][แก้]
นายวิโรจน์ วุ่นแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล
นางจุลัยวรรณ ชนะกุล รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ
นายสุชาติ ขุนฤทธิ์เอียด รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงบประมาณ
นายสมชิต บรรทิต รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารบุคคล
นายมนตรี พันธ์คำ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป
อาคารและสถานที่ภายในโรงเรียน[แก้]
โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูลประกอบไปด้วยอาคารเรียน 8 อาคารดังต่อไปนี้
- อาคาร 1 ประกอบไปด้วยที่ทำการของงานแนะแนว, ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์, ห้องเรียน และห้องพักครู
- อาคาร 2 ประกอบไปสำนักงานกิจการนักเรียน และห้องพักครู , ห้องคณิตศาสตร์ , ห้องแนะแนว
- อาคาร 3 ประกอบไปด้วยห้องเรียนกลุ่มสังคมศึกษา ได้แก่ ห้องสังคมศึกษา, ห้องอิสลาม, ห้องพระพุทธ, ห้องพยาบาล และห้องพักครู , ห้องคณิตศาสตร์
- อาคาร 4 ประกอบไปด้วยอาคารเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ห้องเรียนสีเขียว และห้องพักครู ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ เคมี ชีวะ
- อาคาร 5 ประกอบไปด้วยห้องสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต, ห้อง TOT, ห้องสมุดหลัก, ห้องเรียน, หอประชุม 96 ปี, สถานีวิทยุเพื่อการศึกษา 95.25 MHz
- อาคาร 6 ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการดนตรีสากล, ห้องปฏิบัติการดนตรีไทย และเป็นที่ทำการของกลุ่มวิชาการงานอาชีพ ห้องเรียนทำอาหาร
- อาคาร 84 ปี ชั้นบนจัดเป็นหอประชุม ชั้นล่างจัดเป็นโรงอาหาร1
- อาคาร 9 อำมาตย์ฯ 100 ปี เปิดใช้อาคารวันที่ 8 กรกฎาคม 2552 ฉลอง100 ปีอำมาตย์ฯ ประกอบไปด้วยห้องนาฏศิลป์ ห้องภาษาต่างๆ ได้แก่ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส,ภาษาเกาหลี, ห้อง Resource Center, โรงอาหาร2
- อาคาร 10 อำมาตย์ฯ 108 ปี ร่มเย็น ซึ่งเป็นอาคารโดมสำหรับเล่นกีฬาและปฏิบัติกิจกรรมหน้าเสาธง
- อาคาร 11 อำมาตย์ฯ 112 ปี ประกอบไปด้วยห้องเรียนนักเรียนโครงการ 2 ภาษา, ห้องสภานักเรียน, ห้องเรียนนาฏศิลป์, ห้องประชุม 112 ปี, ห้องครูผู้สอนภาษาต่างประเทศ, ห้องสมุดภาษาอังกฤษ, ห้องเรียนวิทยาศาสตร์
ชีวิตในโรงเรียน[แก้]
นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณภาพและศักยภาพในการแข่งขัน ตระหนักในสิ่งแวดล้อม มีความสามารถด้านเทคโนโลยีและมีความเป็นไทยในโลกสากล
เกียรติยศ[แก้]
- โรงเรียนได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน ในปี พ.ศ. 2529
- โรงเรียนมัธยมศึกษาดีเด่น ในปี พ.ศ. 2529
- โรงเรียนจัดกิจกรรมจริยศึกษาดีเด่น ในปี พ.ศ. 2529
- ได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทานครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2537
- ได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน ประเภทชมเชย ในปี พ.ศ. 2545
- ได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทานประเภทสถานศึกษาขนาดใหญ่ ในปี พ.ศ. 2547
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- เว็บไซต์โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล
- โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล ที่เฟซบุ๊ก
- ข้อมูลพื้นฐานโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูลในระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ↑ "จากอดีตถึงปัจจุบัน - GotoKnow". www.gotoknow.org.
- ↑ 2.0 2.1 "ฝ่ายบริหาร". www.ammart.ac.th.
- ↑ "บทเรียนออนไลน์อำมาตย์ฯ ๑๑๒ปี ๖๔.pdf". Google Docs. (อ้างอิงหลัก)
- ↑ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทย", วิกิพีเดีย, 2023-04-04, สืบค้นเมื่อ 2023-04-19
- ↑ โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล. 80 ปี อำมาตย์. พิมพ์ครั้งที่ 1. ภูเก็ต : พิมพ์กองทอง, 2532 วัดแก้วโกรวาราม. งานพระราชทานเพลิงศพพระราชสุตกวี (สิงห์ จนฺทาโภ) วัดแก้วโกรวาราม
- ↑ จังหวัดกระบี่ 14 มีนาคม 2536. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : วี.เจพริ้นติ้ง, 2536 โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล. 9 ทศวรรษ หนังสืออนุสรณ์อำมาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่
- ↑ ครบ 7 รอบ ปีนักษัตร หรือ 84 ปี กรกฎาคม 2563. พิมพ์ครั้งที่ 1. กระบี่ : ไชยวัฒน์, 2536
- ↑ ร้อยรักษ์อำมาตย์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : เอส เอส โปรอาร์ต, 2552 สุตาวุธวิสิฐ พระอนุสรณ์วางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุเจดีย์ วัดแก้วโกรวาราม จังหวัดกระบี่ 23 กันยายน 2552
ครบ 7 รอบ ปีนักษัตร หรือ 84 ปี กรกฎาคม 2563. พิมพ์ครั้งที่ 1. กระบี่ : ไชยวัฒน์, 2536
ร้อยรักษ์อำมาตย์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : เอส เอส โปรอาร์ต, 2552 สุตาวุธวิสิฐ พระอนุสรณ์วางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุเจดีย์ วัดแก้วโกรวาราม จังหวัดกระบี่ 23 กันยายน 2552