ข้ามไปเนื้อหา

จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พิกัด: 19°16′N 97°56′E / 19.27°N 97.93°E / 19.27; 97.93
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันChangwat Mae Hong Son
(ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย): วัดพระธาตุดอยกองมู, ทุ่งบัวตอง ในดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม, ถ้ำผีแมน, ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน, ปางอุ๋ง
คำขวัญ: 
หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนเน้นสีแดงประเทศมาเลเซียประเทศพม่าประเทศลาวประเทศเวียดนามประเทศกัมพูชาจังหวัดนราธิวาสจังหวัดยะลาจังหวัดปัตตานีจังหวัดสงขลาจังหวัดสตูลจังหวัดตรังจังหวัดพัทลุงจังหวัดกระบี่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดพังงาจังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดระนองจังหวัดชุมพรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จังหวัดเพชรบุรีจังหวัดราชบุรีจังหวัดสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสาครกรุงเทพมหานครจังหวัดสมุทรปราการจังหวัดฉะเชิงเทราจังหวัดชลบุรีจังหวัดระยองจังหวัดจันทบุรีจังหวัดตราดจังหวัดสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรีจังหวัดนครนายกจังหวัดปทุมธานีจังหวัดนนทบุรีจังหวัดนครปฐมจังหวัดกาญจนบุรีจังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจังหวัดอ่างทองจังหวัดสิงห์บุรีจังหวัดสระบุรีจังหวัดลพบุรีจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดสุรินทร์จังหวัดศรีสะเกษจังหวัดอุบลราชธานีจังหวัดอุทัยธานีจังหวัดชัยนาทจังหวัดอำนาจเจริญจังหวัดยโสธรจังหวัดร้อยเอ็ดจังหวัดมหาสารคามจังหวัดขอนแก่นจังหวัดชัยภูมิจังหวัดเพชรบูรณ์จังหวัดนครสวรรค์จังหวัดพิจิตรจังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดตากจังหวัดมุกดาหารจังหวัดกาฬสินธุ์จังหวัดเลยจังหวัดหนองบัวลำภูจังหวัดหนองคายจังหวัดอุดรธานีจังหวัดบึงกาฬจังหวัดสกลนครจังหวัดนครพนมจังหวัดพิษณุโลกจังหวัดอุตรดิตถ์จังหวัดสุโขทัยจังหวัดน่านจังหวัดพะเยาจังหวัดแพร่จังหวัดเชียงรายจังหวัดลำปางจังหวัดลำพูนจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนเน้นสีแดง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนเน้นสีแดง
ประเทศ ไทย
การปกครอง
 • ผู้ว่าราชการ ชูชีพ พงษ์ไชย[1]
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2567)
พื้นที่[2]
 • ทั้งหมด12,681.259 ตร.กม. (4,896.261 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่อันดับที่ 8
ประชากร
 (พ.ศ. 2566)[3]
 • ทั้งหมด287,644 คน
 • อันดับอันดับที่ 69
 • ความหนาแน่น22.68 คน/ตร.กม. (58.7 คน/ตร.ไมล์)
 • อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 77
รหัส ISO 3166TH-58
ชื่อไทยอื่น ๆเมืองสามหมอก
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
 • ต้นไม้จั่น
 • ดอกไม้บัวตอง
 • สัตว์น้ำกบทูด
ศาลากลางจังหวัด
 • ที่ตั้งภายในศูนย์ราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถนนขุนลุมประพาส ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58000
 • โทรศัพท์0 5361 2156
เว็บไซต์www.maehongson.go.th/new
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

แม่ฮ่องสอน (ไทยถิ่นเหนือ: ᨾᩯ᩵ᩁᩬ᩵ᨦᩈᩬᩁ; ไทใหญ่: မႄႈႁွင်ႈသွၼ်) เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ

จังหวัดแม่ฮ่องสอน
"แม่ฮ่องสอน" ในภาษาไทย (บน)
และในคำเมืองอักษรธรรมล้านนา (ล่าง)
ชื่อภาษาไทย
อักษรไทยแม่ฮ่องสอน
อักษรโรมันMae Hong Son
ชื่อคำเมือง
อักษรธรรมล้านนาᨾᩯ᩵ᩁᩬ᩵ᨦᩈᩬᩁ
อักษรไทยแม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง 97.5 องศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.5 องศาตะวันออก)

แม่ฮ่องสอนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2417 โดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าเมืองประเทศราชแห่งสยามประเทศ

ประวัติศาสตร์

[แก้]

บริเวณที่ตั้งเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบันนี้ แต่เดิมเป็นเพียงสถานที่ที่มีผู้คนมาปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ บริเวณที่ราบริมเชิงเขา เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกมาก ผู้คนที่อาศัยตามที่ราบมักจะเป็นชาวไทใหญ่ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยมักจะเป็นกะเหรี่ยง ลัวะ และมูเซอ บริเวณนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) ประมาณ 40 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2374 สมัยพระยาพุทธวงศ์ เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และต้องการช้างป่าไว้ใช้งาน จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา ซึ่งเป็นญาติพร้อมด้วยกำลังช้างต่อหมอควาญออกเดินทางไปสำรวจและไล่จับช้างป่ามาฝึกใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมาจึงยกกระบวนเดินทางรอนแรมจากเชียงใหม่ผ่านไปทางเมืองปาย ใช้เวลาหลายคืนจนบรรลุถึงป่าแห่งหนึ่ง ทางทิศใต้ริมฝั่งแม่น้ำปาย เป็นป่าดงว่างเปล่าและเป็นดินโป่งที่มีหมูป่าลงมากินโป่งชุกชุม เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า ที่แถวนี้เป็นทำเลที่ดี น้ำท่าบริบูรณ์สมควรที่จะตั้งเป็นหมู่บ้าน จึงหยุดพักอยู่ ณ ที่นี้ และเรียกผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วย ริมเขาซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ และกะเหรี่ยง (ยางแดง) มาประชุม ชี้แจงให้ทราบถึงความคิดที่จะตั้งบริเวณนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้าน และบุกเบิกที่ดินที่เป็นไร่นาที่ทำมาหากินต่อไป และเจ้าแก้วเมืองมาแต่งตั้งให้ชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความรู้ดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ชื่อว่า "พะกาหม่อง" ให้เป็น "ก๊าง" (คือตำแหน่งนายบ้านหรือผู้ใหญ่บ้าน) มีหน้าที่คอยควบคุมดูแล และให้คำแนะนำพวกลูกบ้านใน การดำเนินการต่อไป พะกาหม่องได้เป็นผู้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพวกที่อยู่ใกล้เคียง ให้ย้ายมาอยู่รวมกัน แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านโป่งหมู" โดยถือเอาว่าที่โป่งนั้น มีหมูป่าลงมากินโป่งมากนั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ เรียกว่า "บ้านปางหมู" อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร[4]

เมื่อจัดตั้งหมู่บ้านแล้ว เจ้าแก้วเมืองมาก็ยกขบวนออกเดินทางตรวจชายแดน และคล้องช้างป่าต่อไป จนถึงลำห้วยแห่งหนึ่ง มีรอยช้างป่าอยู่มากมาย ก็หยุดคล้องช้างป่าได้หลายเชือก แล้วให้ตั้งคอกสอนช้างในร่องห้วย ริมห้วยนั้นเป็นพื้นที่ราบกว้างขวางพื้นดินดีกว่าบ้านโป่งหมูและมีชาวไทใหญ่ตั้งกระท่อมอยู่เป็นอันมาก เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า เป็นทำเลที่เหมาะสมพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง จึงเรียกชาวไทใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเขยของพะกาหม่อง ชื่อ "แสนโกม" มาแนะนำชี้แจงแต่งตั้งให้เป็นก๊าง ให้เป็นหัวหน้าเกลี้ยกล่อมผู้คนให้มาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ เจ้าแก้วเมืองมาตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านแม่ฮ่องสอน" ซึ่ง ฮ่อง ในภาษาล้านนา คือ ร่อง โดยอาศัยที่ร่องน้ำนั้น เป็นคอกที่ฝึกสอนช้างป่า เมื่อเจ้าแก้วเมืองมาคล้องช้างป่าได้พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ แล้วกราบทูลให้พระเจ้ามโหตรประเทศทราบ[5]

เมื่อเจ้าแก้วเมืองมากลับนครเชียงใหม่แล้วพะกาหม่องและแสนโกมบุตรเขยก็ได้พยายามชักชวนผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ให้อพยพครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทำมาหากินจนแน่นหนาขึ้นเป็นหมู่บ้านใหญ่ และต่อมาเห็นว่าบริเวณนั้นมีไม้สักมาก พะกาหม่องและแสนโกม เห็นว่าหากตัดเอาไม้สักนั้นไปขายประเทศพม่าโดยใช้วิธีชักลากลงลำห้วย แล้วปล่อยให้ไหลลงแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) ก็คงได้เงินมาช่วยในด้านเศรษฐกิจและการบำรุงบ้านเมือง เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้วพะกาหม่องและแสนโกม จึงเดินทางเข้ามาเฝ้าพระเจ้ามโหตรประเทศฯ ที่นครเชียงใหม่ กราบทูลขออนุญาตตัดฟันชักลากไม้ไปขายแล้วจะแบ่งเงินค่าตอบแทนถวายตลอดปี พระเจ้ามโหตรประเทศฯก็ทรงอนุญาต พะกาหม่องและแสนโกม จึงทูลลากลับ และเริ่มลงมือทำไม้ขอนสักส่งไปขายที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่าได้เงินมาก็เก็บแบ่งถวายพระเจ้ามโหตรประเทศทุกปี นอกนั้นก็ใช้ประโยชน์ส่วนตัวและบำรุงบ้านเมือง[6]

ครั้นถึง พ.ศ. 2397 พระเจ้ามโหตรประเทศฯถึงแก่พิราลัย เจ้ากาวิโลรสซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหัวเมืองแก้วได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แทน ทรงนามว่า "พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์" ใน พ.ศ. 2399 พะกาหม่อง และแสนโกม ก็ยังคงทำป่าไม้และส่งเงินไปถวายทุกปี พะกาหม่องกับแสนโกมจึงมีฐานะดีขึ้น และหมู่บ้านโป่งหมูและบ้านแม่ฮ่องสอนก็เจริญขึ้นตามลำดับ ในครั้งนั้นหัวเมืองไทใหญ่ตามแถบตะวันตกฝั่งแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) เกิดการจลาจลเกิดรบราฆ่าฟัน จึงมีชาวไทใหญ่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านปางหมูหรือโป่งหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนมากขึ้น บางพวกก็ลงไปอาศัยอยู่ที่บ้านขุนยวม (หมู่บ้านไทใหญ่บนเขา) บางพวกอพยพเลยขึ้นไปทางเหนือ ไปอยู่ที่เมืองปาย กลุ่มพวกไทใหญ่ที่อพยพเข้ามานี้ มีผู้หนึ่งชื่อว่า "พะก่าเติ๊กซาน" หรือ "ชานกะเล" เป็นชาวเมืองจ๋ามกา เป็นคนขยันขันแข็งชานกะเลเข้ามาอาศัยที่บ้านปางหมู และช่วยพะกาหม่องทำไม้ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก พะกาหม่องไว้วางใจและรักใคร่มาก ถึงกับยกลูกสาวชื่อนาง ใส ให้เป็นภรรยา นางใส มีบุตรกับชานกะเลคนหนึ่งชื่อนางคำ[7]

กาลเวลาผ่านไปหมู่บ้านปางหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนก็มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่นยิ่งขึ้น และใน พ.ศ. 2409 นั่นเอง มีเหตุการณ์สำคัญที่ชักนำเอาบุคคลสำคัญของชาวไทใหญ่ให้มาอพยพอยู่ในแม่ฮ่องสอนอีกคือเจ้าฟ้าเมืองนายมีเรื่องขัดเคืองกับ เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่ จึงได้ยกทัพมาตีเมืองหมอกใหม่แตก เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่จึงพาครอบครัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่กับแสนโกมที่บ้านแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่านมีภรรยาชื่อ นาง เกี๋ยง มีบุตรชายชื่อ เจ้าขุนหลวง มีหลาน 4 คนเป็นชาย 1 หญิง 3 ชายชื่อ ขุนแจหญิงชื่อ เจ้าหอม เจ้านางนุ เจ้านางเมี้ยะ เมื่อเจ้าฟ้าโกหล่านมาอาศัยอยู่ด้วย แสนโกมได้มีหนังสือทูลให้พระเจ้ากาวิโลรสฯ ทราบพระเจ้ากาวิโลรสฯ จึงรับสั่งให้ส่งตัวเข้าเฝ้า แต่เจ้าฟ้าโกหล่านป่วย จึงส่งเจ้าขุนหลวงบุตรไปแทน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ โปรดเจ้าขุนหลวงทรงยกเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นหลานให้เป็นภรรยาอยู่กินด้วยกันที่เชียงใหม่ จนมีบุตรคนหนึ่งชื่อ เจ้าน้อยสุขเกษมและอนุญาตให้เจ้าฟ้าโกหล่านอาศัยอยู่ในเขตแดนต่อไป ต่อมานางใส ภรรยาของชานกะเลถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่านจึงทรงยกเจ้านางเมี๊ยะหลานสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของชานกะเล ชานกะเลได้ไปตั้งเมืองอยู่บนภูเขาอีกแห่งหนึ่งทางเหนือต้นแม่น้ำยวม เรียกว่า เมืองขุนยวม ต่อมาใน พ.ศ. 2417 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ทรงแต่งตั้งให้ ชานกะเลเป็น "พญาสิงหนาทราชา" เป็นพ่อเมืองคนแรก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมืองขุนยวมเป็นเมืองรอง[8]

พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเมืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถึง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองแทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า "เจ้านางเมี๊ยะ" โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2434 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตั้งพญาขันธเสมาราชานุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระบบการปกครองใหม่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า "บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก" ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งความเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 119) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "บริเวณพายัพเหนือ" จนถึง พ.ศ. 2450 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้งพญาพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า "เมืองแม่ฮ่องสอน" แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมือง ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก[9]

ภูมิศาสตร์

[แก้]
แม่น้ำสาละวินที่บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝั่งซ้ายมือในภาพ คือ ประเทศพม่า

ที่ตั้ง

[แก้]

จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 924 กิโลเมตร (574 ไมล์)

อาณาเขตติดต่อ

[แก้]

มีอาณาเขตทางทิศเหนือและทิศตะวันตกติดต่อกับสามรัฐของประเทศพม่า ได้แก่ รัฐฉาน รัฐกะยา และรัฐกะเหรี่ยง โดยมีแนวกั้นธรรมชาติเป็นทิวเขาถนนธงชัยตะวันตก แม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำเมย ทางทิศใต้ติดต่อกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยมีแม่น้ำเงาเป็นแนวกั้น และทางทิศตะวันออกติดต่อกับอำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอสะเมิง อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด และอำเภออมก๋อย ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแนวกั้นเป็นทิวเขาถนนธงชัยกลางและตะวันออก

ประชากรศาสตร์

[แก้]

ประชากรในจังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลาย โดยมากเป็นชาวไทใหญ่ นอกนั้นเป็นชาวไทยวน กะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ ลัวะ ม้ง ฮ่อ ปะโอ และอื่น ๆ[10] โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้โดยไม่เคยปรากฏความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด

ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติดังกล่าวนี้ ประชากรในแม่ฮ่องสอนจึงมีการใช้ภาษาที่หลากหลายด้วย โดยในชาติพันธุ์ต่าง ๆก็จะพูดภาษาต่างกัน โดยแบ่งเป็นใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

ภาษาพูดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ตระกูลภาษา กลุ่มภาษาแยกย่อย กลุ่มชาติพันธุ์
ตระกูลภาษาขร้า-ไท, กลุ่มตะวันตกเฉียงใต้ กลุ่มภาษาเชียงแสน ไทยภาคเหนือ (ล้านนา-ไทยวน), ไทลื้อ, ไทเขิน, ไทยภาคกลาง (สยาม)
กลุ่มภาษาไตตะวันตกเฉียงเหนือ ไทใหญ่
ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า พม่า
ภาษาลาฮู ล่าหู่ (ชาวมูเซอ)
ภาษาลีสู่ ลีซู (ลีซอ)
ภาษาจีน-จีนกลาง จีนฮ่อ (จีนยูนนาน)
ภาษากะเหรี่ยงสะกอ กะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ)
ตระกูลภาษาม้ง-เมี่ยน ภาษาม้งเขียว-ภาษาม้งขาว ม้ง (แม้ว)
ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ภาษากลุ่มมอญ-เขมร ลัวะ (ละเวือะ)

จากการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.2 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 25.53 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.02[10] มีชุมชนมุสลิมในจังหวัด ประมาณ 1,300 คน มีมัสยิดจดทะเบียน 3 แห่ง ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย และอำเภอแม่สะเรียง[11] ส่วน รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2565 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.44 ศาสนาคริสต์ ร้อยละ 25.32 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.21 ศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ ร้อยละ 0.03[12]

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

[แก้]

การเมืองการปกครอง

[แก้]

หน่วยการปกครอง

[แก้]

การปกครองส่วนภูมิภาค

[แก้]

การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 45 ตำบล 415 หมู่บ้าน

  1. อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
  2. อำเภอขุนยวม
  3. อำเภอปาย
  4. อำเภอแม่สะเรียง
  5. อำเภอแม่ลาน้อย
  6. อำเภอสบเมย
  7. อำเภอปางมะผ้า
 
แผนที่อำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน

รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน

[แก้]

เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน

[แก้]
ลำดับ รายนาม เริ่มตำแหน่ง สิ้นสุดตำแหน่ง
1 พญาสิงหนาทราชา (พะก่าเติ๊กซาน หรือ ชานกะเล) 2417 2427
2 เจ้าแม่นางเมี้ยะ (เจ้านางเมี้ยะ) 2427 2434
3 พญาพิทักษ์สยามเขต (ปู่ขุนโท้ะ) 2434 2450
4 พญาพิศาลฮ่องสอนกิจ

หรือ พญาพิศาลฮ่องสอนบุรี (ขุนหลู่ หรือ ขุนหลู่ชิง)

2450 2484

รายชื่อผู้ว่าราชการ

[แก้]
ลำดับ รายนาม ดำรงตำแหน่ง
1 พระยาศรสุรราช (เปลื้อง) พ.ศ. 2455- พ.ศ. 2455
2 พันตำรวจตรี พระสุรการบัญชา (ยิ้ม นีละโยธิน) พ.ศ. 2455 - พ.ศ. 2463
3 พระพิทักษ์เทพธานี (ปุ่น อาสนจินดา) พ.ศ. 2463 - พ.ศ. 2470
4 พระประธานธุรารักษ์ (ถาบ ผลนิวาส) พ.ศ. 2470 - พ.ศ. 2472
5 พระพายัพพิริยกิจ (เอม ทินนะลักษณ์) 18 ธันวาคม 2472 - พ.ศ. 2473
6 พระพิบูลย์บริหาร(ทรัพย์ สุวรรณสมบูรณ์) 1 เมษายน 2473 - พ.ศ. 2481
7 หลวงพำนักนิกรชน (อุ่น สมิตตามร) 6 มิถุนายน 2481 - 5 สิงหาคม 2483
8 ขุนไกรกิตตยานุกูล (อัมพร สาครพันธ์) 6 สิงหาคม 2483 - 1 มิถุนายน 2486
9 หม่อมราชวงศ์บุง ลดาวัลย์ 20 พฤศจิกายน 2486 - 10 มิถุนายน 2487
10 นายพรหม สูตรสุคนธ์ 11 มิถุนายน 2487 - 29 เมษายน 2488
11 นายถนอม พิบูลย์มงคล 30 เมษายน 2488 - 1 ธันวาคม 2490
12 ขุนบุรราษฎร์นราภัย (สอาด สุตบุตร) 1 กุมภาพันธ์ 2491 - 4 มกราคม 2493
13 นายมานิต ปุรณะพรรค์ 14 มกราคม 2493 - 9 มิถุนายน 2496
14 นายทำนุก รัตนดิลก ณ ภูเก็ต 10 มิถุนายน 2496 - 20 ธันวาคม 2497
15 นายจำรัส ธารีสาร 1 มิถุนายน 2498 - 23 พฤศจิกายน 2500
16 นายเครือ สุวรรณสิงห์ 17 กรกฎาคม 2500 - 14 มิถุนายน 2501
17 นายสุจิตต์ สมบัติศิริ 15 มิถุนายน 2501 - 27 กันยายน 2507
18 นายสุวรรณ กฤตธรรม 1 ตุลาคม 2507 - 30 กันยายน 2508
19 นายเอี่ยม เกรียงศิริ 1 ตุลาคม 2508 - 30 เมษายน 2512
20 พันตำรวจเอก เปลื้อง ตันตาคม 1 พฤศจิกายน 2512 - 30 กันยายน 2514
21 พลตรี ปราการ ภูวนารถนุรักษ์ 1 ตุลาคม 2514 - 30 สิงหาคม 2515
22 นายสุโข อินทรประชา 1 ตุลาคม 2515 - 30 กันยายน 2518
23 นายอรุณ ปุสเทพ 1 ตุลาคม 2518 - 30 กันยายน 2519
24 นายไพฑูรย์ ลิมปิทีป 1 ตุลาคม 2519 - 30 กันยายน 2521
25 นายจำนง ยังเทียน 1 ตุลาคม 2521 - 30 กันยายน 2523
26 นายอนันท์ มีชำนะ 1 ตุลาคม 2523 - 30 กันยายน 2526
27 นายวนิช พรพิบูลย์ 1 ตุลาคม 2526 - 30 กันยายน 2528
28 นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ 1 ตุลาคม 2528 - 30 กันยายน 2530
29 นายประมูล สังฆมณี 1 ตุลาคม 2530 - 30 กันยายน 2531
30 นายประมวล รุจนเสรี 1 ตุลาคม 2531 - 5 สิงหาคม 2533
31 ร้อยตรี ชาญชัย ใจใส 6 สิงหาคม 2533 - 30 กันยายน 2535
32 นายสหัส พินทุเสนีย์ 1 ตุลาคม 2535 - 24 พฤษภาคม 2537
33 นายสมเจตน์ วิริยะดำรงค์ 25 พฤษภาคม 2537 - 30 กันยายน 2539
34 นายภักดี ชมภูมิ่ง 1 ตุลาคม 2539 - 24 เมษายน 2541
35 นายสำเริง ปุณโยปกรณ์ 25 เมษายน 2541 - 30 กันยายน 2542
36 นายพจน์ อู่ธนา 1 ตุลาคม 2542 - 30 กันยายน 2545
37 นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ 1 ตุลาคม 2545 - 30 กันยายน 2548
38 นายดิเรก ก้อนกลีบ 1 ตุลาคม 2548 - 30 กันยายน 2550
39 นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง 1 ตุลาคม 2550 - 30 กันยายน 2552
40 นายกำธร ถาวรสถิตย์ 1 ตุลาคม 2552 - 8 มกราคม 2555
41 นางนฤมล ปาลวัฒน์ 9 มกราคม 2555 - 30 กันยายน 2556
42 นายสุรพล พนัสอำพล 1 ตุลาคม 2556 - 30 กันยายน 2558
43 นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ 1 ตุลาคม 2558 - 30 กันยายน 2559
44 นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ 1 ตุลาคม 2559 - 28 มิถุนายน 2561
45 นายสิริรัฐ ชุมอุปการ 29 มิถุนายน 2561 - 30 กันยายน 2562
46 นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ 1 ตุลาคม 2562 - 30 กันยายน 2563
47 นายสิธิชัย จินดาหลวง 1 ตุลาคม 2563 - 30 กันยายน 2564
48 นายเชษฐา โมสิกรัตน์ 15 ธันวาคม 2564 - 18 มีนาคม 2567
49 นายชูชีพ พงษ์ไชย 19 มีนาคม 2567 - ปัจจุบัน

การคมนาคม

[แก้]

ระยะห่างจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ

[แก้]

สถานที่ท่องเที่ยว

[แก้]
วัดจองคำ บริเวณหนองจองคำ วัดศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน
ถ้ำ
น้ำตก
น้ำพุร้อน
ตลาด
วัด/พระตำหนัก
อุทยาน
อื่น ๆ

สถาบันการศึกษา

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
  2. ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm เก็บถาวร 2016-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
  3. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_64.pdf 2564. สืบค้น 23 กุมภาพันธ์ 2565.
  4. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 : 48-4 9
  5. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 :4 9
  6. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 :4 9
  7. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 : 49-50
  8. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2549: 50
  9. "ศูนย์ไทใหญ่ศึกษา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-07. สืบค้นเมื่อ 2012-10-28.
  10. 10.0 10.1 "ลักษณะทางสังคม". จังหวัดแม่ฮ่องสอน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-06. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. มุสลิมและมัสยิดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
  12. รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2565 (PDF). สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน. กรกฎาคม 2565. p. 7.

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

19°16′N 97°56′E / 19.27°N 97.93°E / 19.27; 97.93