การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศเกาหลีใต้
บทความนี้อาจขยายความได้โดยการแปลบทความที่ตรงกันในภาษาอังกฤษ คลิกที่ [ขยาย] เพื่อศึกษาแนวทางการแปล
|
การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศเกาหลีใต้ | |
---|---|
แผนที่เมืองพิเศษและเทศบาลที่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือสงสัย (ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2563): ยืนยัน 1–9 คน ยืนยัน 10–99 คน ยืนยัน 100–499 คน ยืนยัน 500–999 คน ยืนยัน 1000–9999 คน ยืนยันมากกว่าหรือเท่ากับ 10000 คน | |
โรค | โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 |
สถานที่ | ประเทศเกาหลีใต้ |
การระบาดครั้งแรก | อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน |
ผู้ป่วยต้นปัญหา | ท่าอากาศยานอินช็อน |
วันแรกมาถึง | 20 มกราคม พ.ศ. 2563 (4 ปี 9 เดือน 24 วัน) |
ผู้ป่วยยืนยันสะสม | 70,212 คน |
ผู้ป่วยปัจจุบัน | 14,391 คน |
ผู้ต้องสงสัยป่วย‡ | 182,914 คน |
อาการร้ายแรง | 0 คน |
หาย | 54,636 คน |
เสียชีวิต | 1,185 คน |
อัตราการเสียชีวิต | 1.36% |
เว็บไซต์ของรัฐบาล | |
ncov | |
‡ ผู้ป่วยต้องสงสัยยังไม่ได้รับยืนยันว่าเกิดขึ้นจากสายพันธุ์นี้จากการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ แม้อาจแยกสายพันธุ์อื่นออกไปบ้างแล้ว |
การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศเกาหลีใต้ ดำเนินอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นวันที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ[1] โดยจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเกาหลีใต้ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 20 ราย และวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 58[2] จนในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีผู้ติดเชื้อรวม 346 ราย ซึ่งบันทึกโดยสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) และสถานการณ์เลวร้ายขึ้นจากกิจกรรม แพเชิน 31 ซึ่งเป็นกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ที่คริสตจักรพระเยซูชินซ็อนจิในแทกู[3][4]
ท่ามกลางความตระหนกว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากกว่านี้ทำให้กิจกรรมที่มีผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมากหลายกิจกรรมต้องถูกยกเลิกไป และเริ่มมีมาตการปิดกั้นในเมืองต่างๆ ของประเทศ และทหาร 300 นายในแทกูก็ถูกแยกตัวออกมาและกักตัว[5][6] ทั้งนี้ยังปฏเสธการเข้าประเทศของชาวต่างประเทศที่มาจากมณฑลหูเป่ย ประเทศจีนอีกด้วย[7][8]
ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2563 ในประเทศเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อถึง 10,423 รายและเสียชีวิต 204 ราย[9] และอีก 494,711 รายอยู่ระหว่างการตรวจรักษา ซึ่งอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อในประเทศเกาหลีใต้เฉลี่ยที่ 1.95 เปอร์เซ็นต์[10] เกาหลีใต้จัดเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดร้ายแรงที่สุดประเทศหนึ่งและควบคุมการระบาดได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งร่วมกับประเทศไต้หวันและประเทศเวียดนาม[11][12]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 신종 코로나바이러스 한국인 첫환자 확인. MK (ภาษาเกาหลี). 서진우. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 January 2020. สืบค้นเมื่อ 24 January 2020.
- ↑ "Archived copy" 31번 환자 연관 신천지교회 대남병원서 확진자 58명, 1명 사망. 20 February 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2020. สืบค้นเมื่อ 21 February 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อThomReut_SKorea_zombie
- ↑ "Coronavirus: South Korea reports 161 new cases, bringing total to 763; 7th death reported". The Straits Times. 24 February 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 February 2020. สืบค้นเมื่อ 24 February 2020.
- ↑ "Seoul city to ban rallies, Shincheonji church services to curb virus". YNA. 21 February 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 February 2020. สืบค้นเมื่อ 21 February 2020.
- ↑ "Soldiers in Daegu areas banned from leaving bases, meeting visitors". YNA. 21 February 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 February 2020. สืบค้นเมื่อ 21 February 2020.
- ↑ Park, Rosyn (4 February 2020). "S. Korea Bars Foreigners Traveling from Hubei Province". TBS. Seoul. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 March 2020. สืบค้นเมื่อ 15 August 2020.
- ↑ "As Virus Spreads, Koreans Blame Refusal to Stop Chinese Visitors". Bloomberg. 2020-02-28. สืบค้นเมื่อ 2020-04-06.
- ↑ "Coronavirus South Korea". Worldometer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 March 2020. สืบค้นเมื่อ 18 March 2020.
- ↑ "COVID-19 Realtime Dashboard". COVID-19 Realtime Dashboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 March 2020. สืบค้นเมื่อ 24 March 2020.
- ↑ "Taiwan Has Been Shut Out of Global Health Discussions". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 March 2020. สืบค้นเมื่อ 24 March 2020.
- ↑ "Coronavirus Lessons from Singapore, Taiwan and Hong Kong". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 March 2020. สืบค้นเมื่อ 24 March 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้] วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ COVID-19 pandemic in South Korea
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Press releases about the COVID-19 pandemic by Ministry of Health and Welfare (South Korea)