ประวัติศาสตร์เชียงใหม่ (พ.ศ. 2101–2317)
หัวเมืองเชียงใหม่ ᩉ᩠ᩅᩫᨾᩮᩬᩥᨦᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵ | |||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2101–พ.ศ. 2317 | |||||||||||||||||||
สถานะ | ประเทศราช ของกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยา และกรุงอังวะ | ||||||||||||||||||
เมืองหลวง | เวียงเชียงใหม่ | ||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ไทยวน | ||||||||||||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||||||
• ทัพพระเจ้าบุเรงนองยึดครองล้านนา | พ.ศ. 2101 | ||||||||||||||||||
• นรธาเมงสอสวามิภักดิ์กรุงศรีอยุธยา | พ.ศ. 2139 | ||||||||||||||||||
• พระเจ้าอะเนาะเพะลูนตีเชียงใหม่ | พ.ศ. 2157 ไทยสากล | ||||||||||||||||||
• พระเจ้าตาลูนตีเชียงใหม่ | พ.ศ. 2174 ไทยสากล | ||||||||||||||||||
• ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของพม่า | พ.ศ. 2207 ไทยสากล | ||||||||||||||||||
• แยกตัวเป็นอิสระ | พ.ศ. 2270 ไทยสากล | ||||||||||||||||||
• ราชวงศ์โก้นบองยึดครองเชียงใหม่ | พ.ศ. 2306 ไทยสากล | ||||||||||||||||||
• ทัพพม่าถูกขับจากเชียงใหม่ | พ.ศ. 2317 | ||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เป็นส่วนหนึ่งของ - ภาคเหนือของไทย - บางส่วนของรัฐฉาน |
หัวเมืองเชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: ᩉ᩠ᩅᩫᨾᩮᩬᩥᨦᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵,จีน: 整賣[1]) เป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยา และกรุงอังวะ โดยระยะแรก (พ.ศ. 2101–2206) ยังมีอำนาจในการปกครองตนเองในระดับหนึ่ง ในระยะหลัง (พ.ศ. 2207–2317) จึงถูกยุบรวมเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของพม่า[2]
ประวัติศาสตร์
[แก้]การขยายอำนาจของพระเจ้าบุเรงนอง
[แก้]อาณาจักรล้านนาเริ่มเสื่อมลงในปลายรัชสมัยพระเมืองแก้ว เมื่อกองทัพเชียงใหม่ได้พ่ายแพ้แก่ทัพเชียงตุงในการทำสงครามขยายอาณาจักร ไพร่พลในกำลังล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ประกอบกับปีนั้นเกิดอุทกภัยใหญ่หลวงขึ้นในเมืองเชียงใหม่ ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหายและผู้คนเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก สภาพบ้านเมืองเริ่มอ่อนแอเกิดความไม่มั่นคง หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ก็เกิดการจลาจลแย่งชิงราชสมบัติ ระหว่างขุนนางมีอำนาจมากขึ้น ถึงกับแต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าได้ เมื่อนครเชียงใหม่ศูนย์กลางอำนาจเกิดสั่นคลอน เมืองขึ้นต่าง ๆ ที่อยู่ในการปกครองของเชียงใหม่จึงแยกตัวเป็นอิสระ และไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการอีกต่อไป ในยุคนี้ล้านนาถูกเข้าแทรกแซงอำนาจจากอาณาจักร์ล้านช้างและอยุธยาซึ่งล้านช้างเป็นฝ่ายชนะในการแทรกแซงล้านนา ส่งผลให้ล้านช้างได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือหัวเมืองล้านนาทุกหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองแต่ละหัวเมืองได้ยอมอ่อนน้อมและอยู่ภายใต้อำนาจ ส่งผลให้อาณาจักร์ล้านนากลายเป็นรัฐในอารักขาของล้านช้างในที่สุดในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งพระยาโพธิสาลราชได้กลายเป็นจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังของการรวมล้านนาเข้าไว้กับล้านช้างในช่วงสั้นๆโดยให้บุตรชายได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ส่วนตนครองเมืองหลวงพระบางต่อไป ซึ่งเมืองหลวงพระบางในช่วงนี้มีอำนาจเหนือแคว้นล้านนาทุกหัวเมือง
เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 1 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งอาณาจักรตองอูได้ทำศึกมีชัยชนะไปทั่วทุกทิศานุทิศ จนได้รับการขนานนามพระเจ้าผู้ชนะสิบทิศ พระเจ้าบุเรงนองได้ทำศึกยึดครองนครเชียงใหม่เป็นประเทศราชได้สำเร็จ รวมทั้งได้เข้าได้ยึดเมืองลูกหลวงและเมืองบริเวณของเชียงใหม่ไปเป็นประเทศราชด้วย ในช่วงแรกนั้นทางพม่ายังไม่ได้เข้ามาปกครองเชียงใหม่โดยตรง เนื่องจากยุ่งกับการศึกกับกรุงศรีอยุธยา แต่ยังคงให้ "พระเจ้าเมกุฎิ" ทำการปกครองบ้านเมืองต่อตามเดิม แต่ทางเชียงใหม่จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการไปให้หงสาวดี ต่อมา "พระเจ้าเมกุฎิ" ทรงคิดที่จะตั้งตนเป็นอิสระ ฝ่ายพม่าจึงปลดออกและแต่งตั้ง "พระนางวิสุทธิเทวี" เชื้อสายราชวงศ์มังรายพระองค์สุดท้าย ขึ้นเป็นกษัตริย์เชียงใหม่แทน จนกระทั่งพระนางราชเทวีสิ้นพระชนม์ ทางฝ่ายพม่าจึงได้ส่งสาวถีนรตรามังซอศรีมังสรธาช่อ พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง มาปกครองแทน
รัชสมัยของนรธาเมงสอ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ (มีนาคม 2025) |
การรุกรานจากพม่าและสยาม
[แก้]หลังนรธาเมงสอสิ้นพระชนม์ อาณาจักรล้านนาตกอยู่ในความวุ่นวายจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างกลุ่มขุนนางฝ่ายที่สนับสนุนพระช้อยและฝ่ายที่สนับสนุนพระชัยทิพ ในปี พ.ศ. 2156/2157 ไทยสากล[note 1] (จ.ศ. 975) กองทัพเมืองลำปางตีเมืองเชียงใหม่แตก ฝ่ายลำปางปลงพระชนม์พระชัยทิพและยกพระช้อยขึ้นครองราชย์แทน เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามผู้ครองเมืองน่านส่งข่าวไปยังพระเจ้าอะเนาะเพะลูน[3] ส่งผลให้พระองค์ยกทัพมาล้อมเชียงใหม่และลำปางในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2157 ไทยสากล[4] การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดและถูกบันทึกไว้ในโคลงมังทรารบเชียงใหม่[3] พระช้อยสิ้นพระชนม์ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เมืองเชียงใหม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2157 ไทยสากล ตามด้วยเมืองลำปางในวันต่อมา[4] ชาวเมืองเชียงใหม่ถูกกวาดต้อนไปยังหงสาวดี[2]
เมื่อยึดครองล้านนาได้แล้ว พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงแยกเมืองเชียงแสนออกจากการปกครองของเชียงใหม่เป็นนครรัฐเชียงแสน โดยทรงตั้งเจ้าเมืองเชียงแสนเป็นเจ้าฟ้ากาเผือกขึ้นตรงต่อกษัตริย์พม่า[2] เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามทรงได้เป็นพระเจ้าเชียงใหม่ในปีต่อมา[5] พระเจ้าอะเนาะเพะลูนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2171 ไทยสากล และเกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างพระเจ้ามีนเยเดะบะและสุทโธธรรมราชา ทำให้เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามทรงแข็งเมืองต่อพม่า[4] นำไปสู่สงครามตีเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2174 ไทยสากล เมืองเชียงใหม่ยอมแพ้ต่อพระเจ้าตาลูนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175 ไทยสากล[6] กองทัพพม่ากวาดต้อนเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามและชาวเมืองเชียงใหม่ไปหงสาวดี[2] ในปีเดียวกัน จดหมายเหตุวันวลิตระบุว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงยกทัพขึ้นมาตีเชียงใหม่ ทำให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ต้องทิ้งเมืองหนีไป ทำให้กองทัพอยุธยาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีนครลาวซึ่งเป็นประเทศราชของเชียงใหม่[7]
ภายหลังสงคราม พระเจ้าตาลูนมีพระราชโองการให้งดเก็บส่วยเมืองเชียงใหม่ และทรงให้ซ่อมแซมวัดภายในเมือง เมืองเชียงใหม่ในรัชสมัยของพระเจ้าตาลูนมีความเจริญรุ่งเรืองและมีการค้าที่เจริญเติบโต[2] จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2202 ไทยสากล สงครามระหว่างราชวงศ์หมิงใต้และราชวงศ์ชิงทำให้เกิดการรุกรานของจีนฮ่อในพม่าตอนบนและดินแดนโดยรอบ พญาแสนหลวงผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่เห็นว่าพม่าไม่สามารถให้ความคุ้มครองเมืองเชียงใหม่ได้ จึงตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2203 ไทยสากล สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้จัดกองทัพขึ้นไปป้องกันเมืองเชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายเชียงใหม่หลังจากทราบว่าการรุกรานของจีนฮ่อคลี่คลายแล้วจึงกลับไปสวามิภักดิ์กับพม่าตามเดิม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงดำรัสสั่งให้เข้าตีเมืองเชียงใหม่แทน[8] กองทัพอยุธยาตีเมืองเชียงใหม่แตกในต้นปี พ.ศ. 2204 ไทยสากล (จ.ศ. 1022[9][10] ปลายศก[11]) หรือไม่ช้ากว่าเดือนตุลาคม[12] เมืองเชียงใหม่จึงอยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยา
ต่อมาอยุธยาไม่ประสบความสำเร็จในการตีหัวเมืองมอญพม่า พญาแสนหลวงจึงแข็งเมืองต่ออยุธยา ทำให้อยุธยายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่แตกอีกครั้งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2206 ไทยสากล[4] และกวาดต้อนผู้คนลงไปที่กรุงศรีอยุธยา[13] ชาวเชียงใหม่หลบหนีออกจากเมืองและคอยซุ่มโจมตีกองทัพอยุธยา จนในที่สุดฝ่ายอยุธยาตัดสินใจทิ้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2207 ไทยสากล[4][14]
การปกครองของราชวงศ์ตองอูและสภาพจลาจลในดินแดนล้านนา
[แก้]เมื่อพระเจ้าปเยทรงทราบข่าวจากการถอยทัพของอยุธยาจากทางเมืองเชียงใหม่ จึงทรงแต่งตั้งให้มีนเยละจอให้เป็นเมียวหวุ่น[15][note 2]แห่งเชียงใหม่[4][14] พม่าเปลี่ยนแปลงนโยบายเป็นผนวกเมืองต่างๆ ในดินแดนล้านนาให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร ขุนนางพม่าจากราชสำนักถูกส่งมาปกครองร่วมกับขุนนางท้องถิ่น โดยผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดคือเมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่ ตำแหน่งเจ้าเมืองของเมืองต่างๆ จะถูกสับเปลี่ยนเป็นประจำเพื่อป้องกันการสั่งสมอำนาจในท้องถิ่น[2]
ในปี พ.ศ. 2270 ไทยสากล (จ.ศ. 1089) งานโย เมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่ได้เรียกเก็บภาษีอย่างหนักและกดขี่ราษฎร[16][14] ทำให้เกิดกบฏตนบุญเทพสิงห์โค่นล้มผู้ปกครองพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเทพสิงห์ถูกโค่นล้มโดยเจ้าองค์คำ สภาวะสุญญากาศทางการเมืองทำให้เหล่าผู้ปกครองหัวเมืองล้านนาตอนล่างต่างแยกตัวเป็นอิสระและปกครองตนเองในลักษณะเดียวกับชุมนุมต่างๆหลังเสียกรุงครั้งที่ 2[17] เช่น พระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง)แห่งนครลำปาง และพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์แห่งนครน่าน
รัชสมัยของเจ้าองค์คำเต็มไปด้วยศึกสงคราม กองทัพพม่าเข้าโจมตีเชียงใหม่ 4 ครั้ง[18] ในขณะเดียวกันเจ้าองค์คำก็เป็นพันธมิตรกับสมิงทอพุทธกิตติแห่งอาณาจักรหงสาวดีใหม่เพื่อต่อต้านพม่า[2] นอกจากนี้ เชียงใหม่ยังทำสงครามกับเมืองอื่นๆ ในดินแดนล้านนา เช่น ลำพูนในปี พ.ศ. 2280/2281 ไทยสากล[19] และเชียงแสนในปี พ.ศ. 2270 ไทยสากล และปี พ.ศ. 2301 ไทยสากล[9]
การยึดครองโดยราชวงศ์โก้นบอง
[แก้]ในปี พ.ศ. 2300 อาณาจักรพม่ารวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้งภายใต้ราชวงศ์โก้นบอง ทำให้นครต่างๆในดินแดนล้านนาต่างส่งบรรณาการมาสวามิภักดิ์[20] ต่อมาในปี พ.ศ. 2306 กองทัพพม่าเข้ายึดครองเมืองเชียงใหม่ที่ยังคงตั้งตัวเป็นอิสระอยู่ พร้อมทั้งปราบปรามหัวเมืองอื่นๆในล้านนา แต่ผู้ปกครองพม่าไม่สามารถควบคุมเมืองต่างๆได้อย่างสมบูรณ์[17] การขยายอำนาจของราชวงศ์ใหม่ผลักดันให้เหล่าเจ้าฟ้าไทใหญ่ขอความช่วยเหลือจากจีน นำไปสู่สงครามจีน–พม่า กองทัพจีนเข้าโจมตีรัฐเชียงแขงและรัฐเชียงตุงในปี พ.ศ. 2309 และสามารถยึดครองได้สำเร็จ ชิงฉือลู่ระบุว่า จ้าวจายเยฺวถี (จีน: 召齋約提[1]) แห่งเชียงใหม่เข้าสวามิภักดิ์ต่อจีนและได้รับการแต่งตั้งเป็นถู่ซือ อย่างไรก็ตาม เชียงใหม่กลับไปอยู่ภายใต้อำนาจพม่าอีกครั้งในปีถัดมา[21] หลักฐานฝ่ายล้านนาระบุว่า เชียงใหม่ร่วมกับเมืองต่าง ๆ ก่อกบฏต่อพม่า จนกระทั่งถูกปราบลงในปี พ.ศ. 2309 ไทยสากล[22][19] ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า เกิดจากอิทธิพลของสงครามดังกล่าว[17] ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองพม่าและผู้ปกครองท้องถิ่นยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งอาณาจักรธนบุรีขยายอำนาจเข้าสู่ดินแดนล้านนา นำไปสู่สงครามเชียงใหม่ พ.ศ. 2317 โป่มะยุง่วน เมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่สละเมืองในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2318 ไทยสากล[23][24][25] การปกครองของพม่าจึงสิ้นสุดลง
รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง
[แก้]รายพระนามและรายนามเจ้าเมืองเชียงใหม่และเมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่
[แก้]พระรูป/รูป | รายพระนาม/รายนาม | เริ่ม (พ.ศ. ไทยสากล) | สิ้นสุด (พ.ศ. ไทยสากล) | หมายเหตุ |
มีนเยละจอ | 4 ธันวาคม 2207 | พฤษภาคม/มิถุนายน 2210 | ||
เจ้าฟ้าแห่งโม่ญี่น | พฤษภาคม/มิถุนายน 2210 | 13 เมษายน 2214 | ||
มีนเยยานดา | 13 เมษายน 2214 | 2225/2226
(จ.ศ. 1044) |
||
มีนเยนอระทา | 2225/2226
(จ.ศ. 1044) |
2261/2262
(จ.ศ. 1080) |
||
งานโย | 2261/2262
(จ.ศ. 1080) |
ก่อน 17 ธันวาคม 2270 | ||
![]() |
เทพสิงห์ | ก่อน 17 ธันวาคม 2270 | ก่อน 17 มกราคม 2271
(จ.ศ. 1089 เดือน ? ขึ้น 6 ค่ำ[19]) |
พื้นเมืองเชียงแสนระบุว่า ชาวเชียงใหม่ก่อกบฏ จากนั้นยกทัพมาตีเชียงแสนในวันที่ 17 ธันวาคม (จ.ศ. 1089 เดือน 4 เหนือ ขึ้น 5 ค่ำ)[9] เทพสิงห์จะต้องขึ้นครองเมืองก่อนหน้านั้น
เทพสิงห์ครองเมืองเชียงใหม่ได้ประมาณ 1 เดือน (จันทรคติ) |
เจ้าองค์คำ | ก่อน 17 มกราคม 2271
(จ.ศ. 1089 เดือน ? ขึ้น 6 ค่ำ) |
19 ตุลาคม 2302[26]
(จ.ศ. 1121 เดือน 1 เหนือ แรม 14 ค่ำ) |
ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ไม่ระบุเลขเดือนของวันขึ้นครองเมือง วันสุดท้ายที่เป็นไปได้คือ 17 มกราคม (จ.ศ. 1089 เดือน 5 เหนือ ขึ้น 6 ค่ำ) กรณีเทพสิงห์ได้ครองเชียงใหม่ในเดือน 4 เหนือ | |
องค์จันทร์ | พฤศจิกายน 2302
(จ.ศ. 1121 เดือน 3 เหนือ[26]) |
17 มกราคม 2305[26]
(จ.ศ. 1123 เดือน 4 เหนือ แรม 8 ค่ำ[19]) |
||
เจ้าขี้หุด | 2305 | 31 สิงหาคม 2306[26]
(จ.ศ. 1125 เดือน 11 เหนือ แรม 8 ค่ำ[19]) |
||
โป่อภัยคามินี | 2306/2307
(จ.ศ. 1125) |
2311/2312
(จ.ศ. 1130) |
||
โป่มะยุง่วน | 2311/2312
(จ.ศ. 1130) |
14 มกราคม 2318[24]
(จ.ศ. 1136 เดือน 4 เหนือ ขึ้น 14 ค่ำ[23]) |
พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุวันเสียเมืองเชียงใหม่ไว้ตรงกัน คือ จ.ศ. 1136 เดือนยี่ ขึ้น 14 ค่ำ[25] |
ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายนามผู้ปกครองเชียงใหม่ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
[แก้]ประวัติศาสตร์ไทย |
---|
![]() |
ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึง ปีพุทธศักราช |
รายนามผู้ปกครองเชียงใหม่ระหว่างปี พ.ศ. 2175 - 2270 เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยอ้างอิงจากตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ผูกที่ 6[19] หรือหลักฐานชั้นหลังที่อ้างอิงตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เช่น พงศาวดารโยนก[11] อย่างไรก็ตาม ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ส่วนนี้ได้ถูกโต้แย้งว่านำเอาบันทึกของเชียงแสนและพม่ามาใช้โดยไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง[27] และมีเนื้อหาขัดแย้งกับหลักฐานของพม่า เชียงแสน และอยุธยา[28]
ผู้ปกครอง | ข้อโต้แย้งโดยย่อ |
พระยาหลวงทิพเนตร | พื้นเมืองเชียงแสนและราชวงศาพื้นเมืองเชียงใหม่บ่งชี้ว่า เจ้าฟ้าหลวงทิพเนตรครองเมืองเชียงแสน ในขณะที่เมืองเชียงใหม่ว่างเจ้าเมือง |
พระแสนเมือง | เจ้าเมืองเชียงใหม่ถูกกวาดต้อนไปยังอยุธยาในปี พ.ศ. 2207
เจ้าฟ้าแสนเมืองครองเมืองเชียงแสนไปจนถึงปี พ.ศ. 2215 |
เจ้าเมืองแพร่ | ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้าปเย
ซึ่งทรงเคยเป็นเจ้าเมืองแปรมาก่อน |
อุปราชอึ้งแซะ | ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้านะราวะระ
ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราชาพม่าในขณะนั้น |
เจพูตราย | ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้ามังกะยอดิน
ซึ่งทรงเป็นพระโอรสของเจ้าชายแห่งซีบุดะรา (Siputtara) |
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "高宗純皇帝實錄 卷之七百七十 乾隆三十一年 十月 十二日" [Veritable Records of Emperor Gaozongchun Volume 770 31st Year of Qianlong 10th Month 12th Day], ชิงสือลู่ [Veritable Records of the Qing] (ภาษาจีน), Academia Sinica, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-05-12, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2023). ประวัติศาสตร์ล้านนา (13th ed.). เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานบริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 177, 193, 195, 198–199, 200–203, 210. ISBN 9786163989055. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ 3.0 3.1 นิลเศรษฐี, ภัทรพร (1996). "บทที่ ๕ การสร้างข้อนิพนธ์สถาปนา". การศึกษาชำระโคลงมังทรารบเชียงใหม่ = A Critical edition of Klong Mangtra Rop Chiang Mai / ภัทรพร นิลเศรษฐี (วิทยานิพนธ์). เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 125–171. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 U Kala (2016). The Great Chronicle, 1597-1711. แปลโดย Tun Aung Chain. Yangon: MKS Publishing. pp. 82–87, 105, 118–122, 199, 201–202. ISBN 9789997102201.
- ↑ อ๋องสกุล, สรัสวดี (2018). พื้นเมืองน่าน ฉบับวัดพระเกิด (2nd ed.). เชียงใหม่: ศูนย์ล้านนาศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. p. 104. ISBN 978-616-398-335-0.
- ↑ Grabowsky, Volker; Wichasin, Renoo (2008), Chronicles of Chiang Khaeng: A Tai Lü Principality of the Upper Mekong, Hawaii: Center for Southeast Asian Studies, University of Hawaii, p. 242, ISBN 1-930734-02-6
- ↑ ฟาน ฟลีต, เยเรเมียส (1972) [1640]. กรมศิลปากร (บ.ก.). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๗๙ จดหมายเหตุวันวลิต (ฉบับสมบูรณ์). แปลโดย วรเนติวงศ์, นันทา (3rd ed.). กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. pp. 87–90. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ กรมศิลปากร, บ.ก. (9 March 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, pp. 348–360, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
- ↑ 9.0 9.1 9.2 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์, นิธิ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์. pp. 122, 128–129, 230–231. ISBN 9742726612.
- ↑ กรมศิลปากร, บ.ก. (19 April 1936), "พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน" [Phongsawadan Mueang Ngoen Yang Chiang Saen], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๑ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์อักษรโสภณ, p. 200, สืบค้นเมื่อ 2024-05-01
- ↑ 11.0 11.1 ประชากิจกรจักร, พระยา (1973). พงศาวดารโยนก (7th ed.). กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์. pp. 408–418. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (22 November 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 3 – เชียงใหม่ ล้านนาตอนบน ล้านช้าง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 2024-03-01.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^ - ↑ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (8 December 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 5 – เชียงใหม่ครั้งที่สอง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 2024-03-01.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^ - ↑ 14.0 14.1 14.2 THIEN, NAI (29 February 1912). "INTERCOURSE BETWEEN BURMA AND SIAM AS RECORDED IN HMANNAN YAZAWINDAWGYI" (PDF). สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์. pp. 88–93, 96. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ แซ่เซียว, ลัดดาวัลย์ (2002). 200 ปี พม่าในล้านนา. กรุงเทพฯ: โครงการอาณาบริเวณศึกษา 5 ภูมิภาค. pp. 87–92. ISBN 9747206099. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ Kirigaya, Ken (2015). "Lan Na under Burma: A "Dark Age" in Northern Thailand?" (PDF). The Journal of the Siam Society. 103: 283–284. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 อินปาต๊ะ, บริพัตร (2017). การฟื้นฟูรัฐน่านในสมัยราชวงศ์หลวงติ๋น พ.ศ. 2329-2442 (วิทยานิพนธ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. pp. 27, 30, 77–78. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-19. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ Kato, Kumiko (2021). "Qing China's View of the Eastern Shan States and Northern Thailand in the Mid-eighteenth century" (PDF). 名古屋大学人文学研究論集= The journal of humanities, Nagoya University. 4: 316. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2023-12-19. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ 19.0 19.1 19.2 19.3 19.4 19.5 สำนักนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์, บ.ก. (1971), ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ [Tamnan Phuen Mueang Chiang Mai] (PDF), แปลโดย โชติสุขรัตน์, สงวน, พระนคร: สำนักนายกรัฐมนตรี, pp. 81–85, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
- ↑ Harvey, Godfrey Eric (1925). History of Burma: from the Earliest Times to 10 March, 1824: The Beginning of the English Conquest. United Kingdom: Longmans, Green and Company. p. 241. สืบค้นเมื่อ 2024-04-10.
- ↑ Kato, Kumiko (2022). "Qing China's View of the Eastern Shan States and Northern Thailand in the 1760s" (PDF). 名古屋大学人文学研究論集. 5: 235–249. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-10-13. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ โบราณคดีสโมสร, บ.ก. (1919), "ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน" [Ratchawongsapakon Phongsawadan Mueang Nan], ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑๐ [Collection of Historical Archives] (PDF), กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, pp. 117–118, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
- ↑ 23.0 23.1 "จารึกพระยาหลวงวชิรปราการ". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย. 11 May 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-03. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
- ↑ 24.0 24.1 แซ่ลี่, เชิดศักดิ์; ริยาพร้าว, อรพิน (2023). สอบเทียบวันเดือนปีในจารึกล้านนา. เชียงใหม่: หน่วยพิมพ์เอกสาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่. p. 85. ISBN 978-616-603-346-5.
- ↑ 25.0 25.1 กรมศิลปากร, บ.ก. (13 November 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, p. 44, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
- ↑ 26.0 26.1 26.2 26.3 ริยาพร้าว, อรพิน; แซ่ลี่, เชิดศักดิ์; ชาวงิ้ว, ศักดิ์นรินทร์; นิรัติศยภูติ, ณิชาภา; ศรีบุญเรือง, กรกมล; โกมลจินดา, ศิรามาศ (2024). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ โบราณดาราศาสตร์. เชียงใหม่: หน่วยพิมพ์เอกสาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 168–170. ISBN 978-616-612-328-9.
- ↑ สุขคตะ, เพ็ญสุภา (16 July 2023). "ตระหนัก 'ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่' (จบ) ความคลาดเคลื่อนที่ควรแก้ไข ทุกฝ่ายร่วมชำระใหม่แบบขยายความ". มติชนสุดสัปดาห์. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-12-08. สืบค้นเมื่อ 2023-12-08.
- ↑ Kirigaya, Ken (29 November 2014). "Some annotations to the Chiang Mai chronicle: The era of Burmese rule in Lan Na" (PDF). Journal of the Siam Society. 102: 272–282. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01 – โดยทาง The Siam Society under Royal Patronage.