รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา
หน้าตา
(เปลี่ยนทางจาก รายพระนามพระมหากษัตริย์และรายนามประมุขแห่งกัมพูชา)
รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา (เขมร: បញ្ជីរាយនាមព្រះមហាក្សត្រកម្ពុជា។) ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พระมหากษัตริย์กัมพูชาเป็นประมุขแห่งรัฐของประเทศกัมพูชาที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์วรมัน พระมหากษัตริย์พระองค์แรกคือ พระนางโสมา และพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันคือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 112 ตามพระราชพงศาวดารกัมพูชาที่ได้บันทึกพระราชวงศ์วรมันนั้นได้แก่ เอกสารมหาบุรุษเขมร และพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับรบากษัตริย์ โดยการแบ่งบันทึกพระราชพงศาวดารดังกล่าวจะเป็นเป็น 2 ภาค อันได้แก่ ภาคแรก เป็นตำนานที่ได้มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เริ่มจากรัชกาลของพระทอง-นางนาค จนถึง รัชกาลของพระบาทนิพพานบท[1]
อาณาจักรฟูนาน
(พ.ศ. 611 – 1170)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรฟูนาน (พ.ศ. 611 – 1170) | ||||
1 | พระนางโสมา (นางนาค) |
พ.ศ. 611 – ศตวรรษที่ 1[2][3] | ปฐมกษัตริย์แห่งกัมพูชา พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Liǔyè (柳葉) หรือ Yèliǔ (葉柳) เป็นตำนานพระทอง-นางนาค | |
2 | พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 1 (พระทอง) |
ศตวรรษที่ 1 – 2 | เป็นพระราชสวามีของพระนางโสมา พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Hùntián (混塡) หรือ Hùnhuì (混湏) เป็นตำนานพระทอง-นางนาค | |
3 | – | ศตวรรษที่ 2 – 2 | ไม่ปรากฏพระนาม | |
4 | พระเจ้าฮุน ปัน ฮวง (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
ศตวรรษที่ 2 – พ.ศ. 741 | พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Hùnpánkuàng (混盤況) | |
5 | พระเจ้าปัน ปาน (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
พ.ศ. 741 – 744 (3 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Pánpán (盤盤) | |
6 | พระเจ้าศรีมารญะ | พ.ศ. 744 – 768 (24 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน ชือม่าน (范師蔓) | |
7 | พระเจ้าฟ่าน จินเซิง (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
พ.ศ. 768 – 768 (น้อยกว่า 1 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน จินเซิง (范金生) | |
8 | พระเจ้าศรีธรณีนทรวรมัน | พ.ศ. 768 – 787 (19 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน จาน (范旃) | |
9 | พระเจ้าฟ่าน เฉิง (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
พ.ศ. 787 – 787 (น้อยกว่า 1 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน เฉิง (范長) | |
10 | พระเจ้าอัสรชัย | พ.ศ. 787 – 832 (45 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน สุน (范尋) | |
11 | พระเจ้า ฟ่าน เทียนจู (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
พ.ศ. 832 – 900 (68 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า ฟ่าน เทียนจู | |
12 | พระเจ้าเจิน ท่าน (พระนามในบันทึกเอกสารจีน) |
พ.ศ. 900 – 953 (53 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Zhāntán (旃檀) | |
13 | พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 953 – 978 (25 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Qiáochénrú (僑陳如) | |
14 | พระเจ้าศรีอินทรวรมัน | พ.ศ. 977 – 978 (1 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Chílítuóbámó (持梨陀跋摩) | |
15 | – | พ.ศ. 978 – 981 (3 ปี) |
ไม่ปรากฏพระนาม | |
16 | – | พ.ศ. 981 – 1027 (46 ปี) |
ไม่ปรากฏพระนาม | |
17 | พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1027 – 1057 (30 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Qiáochénrú Shéyébámó (僑陳如闍耶跋摩) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 2 | |
18 | พระเจ้ารุทรวรมัน | พ.ศ. 1057 – 1093 (36 ปี) |
พระนามในบันทึกเอกสารจีนว่า Liútuóbámó (留陁跋摩) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรฟูนานพระองค์สุดท้าย และพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปา เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 3 ที่ประสูติจากพระสนม เมื่อพระราชบิดาสวรรคตพระองค์ก็ทำการแย่งชิงราชสมบัติและสังหาร เจ้าชายกุณณะวรมัน รัชทายาทโดยชอบธรรมที่ประสูติจากพระนางกุลประภาวดี พระอัครมเหสี จึงมีการทำสงครามยืดเยื้อกับพระนางกุลประภาวดี เป็นสาเหตุให้อาณาจักรฟูนานอ่อนแอและล่มสลายลงในที่สุด เมื่อพระเจ้าภววรมันที่ 1 ร่วมกันกับเจ้าชายจิตรเสน (พระเจ้ามเหนทรวรมัน) พระอนุชา ทำสงครามเพื่อชิงราชสมบัติและบุกยึดราชธานีวยาธปุระได้สำเร็จ[4][5] | |
สงครามอาณาจักรฟูนาน – อาณาจักรเจนละ (พ.ศ. 1093 – 1170) | ||||
– | พระเจ้าปวีรักษ์วรมัน | พ.ศ. 1093 – 1143 (50 ปี) |
สงครามอาณาจักรฟูนาน – อาณาจักรเจนละ | |
– | พระเจ้ามเหนทรชัยวรมัน | พ.ศ. 1143 – 1158 (15 ปี) |
สงครามอาณาจักรฟูนาน – อาณาจักรเจนละ | |
– | พระเจ้านเรนทรวรมัน | พ.ศ. 1158 – 1170 (12 ปี) |
สงครามอาณาจักรฟูนาน – อาณาจักรเจนละ |
อาณาจักรเจนละ
(พ.ศ. 1093 – 1345)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเจนละ (พ.ศ. 1093 – 1256) | ||||
– | พระเจ้าศรุตวรมัน | พ.ศ. 1093 – 1098 (5 ปี) |
ทรงปลดแอกอาณาจักรเจนละจากการปกครองของอาณาจักรฟูนานในศตวรรษที่ 5 พระองค์สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กัมโพช-สุริยวงศ์ ซึ่งเป็นราชวงศ์ของพราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะกับพระนางอัปสรเมราพระองค์ทรงเป็นพระราบิดาในพระเจ้าเศรษฐวรมัน[6] | |
– | พระเจ้าเศรษฐวรมัน | พ.ศ. 1098 – 1103 (5 ปี) |
เป็นพระโอรสของพระเจ้าศรุตวรมัน เป็นผู้สถาปนาเมืองเศรษฐปุระเป็นเมืองหลวง ที่เชิงเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทหินวัดพู พระองค์ทรงเป็นพระราชบิดาในพระนางกัมพุชราชลักษมี[7] | |
– | พระเจ้าวีรวรมัน | พ.ศ. 1103 – 1118 (15 ปี) |
||
– | พระนางกัมพุชราชลักษมี | พ.ศ. 1118 – 1123 (5 ปี)[8] |
เป็นพระราชธิดาในพระเจ้าเศรษฐวรมัน ต่อมามอบราชสมบัติให้แก่พระเจ้าภววรมันที่ 1 ซึ่งเป็นพระราชสวามีของพระนาง | |
19 | พระเจ้าภววรมันที่ 1 | พ.ศ. 1123 – 1143 (20 ปี) |
เป็นเชษฐาของพระเจ้ามเหนทรวรมัน พระองค์เป็นเชื้อพระวงศ์ในอาณาจักรฟูนานที่ปกครองเมืองภวปุระ พระองค์ได้ร่วมมือกันกับเจ้าชายจิตรเสน ยกกองทัพเข้าชิงราชสมบัติจากพระเจ้ารุทรวรมัน เพราะเห็นว่าพระเจ้ารุทรวรมันขาดความชอบธรรมในการขึ้นครองราชสมบัติโดยหลังจากที่พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 3สวรรคต พระเจ้ารุทรวรมันก็ทำการสังหารรัชทายาทที่ชอบธรรมที่ประสูติจากพระอัครมเหสี แล้วขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งฟูนาน ซึ่งพระเจ้าภววรมันที่ 1 ก็ได้รับชัยชนะเหนือพระเจ้ารุทรวรมันและยึดราชธานีวยาธปุระได้สำเร็จ | |
20 | พระเจ้ามเหนทรวรมัน | พ.ศ. 1143 – 1159 (16 ปี) |
เป็นอนุชาของพระเจ้าภววรมันที่ 1 | |
21 | พระเจ้าอิศานวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1159 – 1178 (19 ปี) |
เป็นพระราชโอรสของพระเจ้ามเหนทรวรมัน | |
22 | พระเจ้าภววรมันที่ 2 | พ.ศ. 1182 – 1200 (18 ปี) |
||
23 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1200 – 1224 (24 ปี) |
สวรรคตโดยไม่มีรัชทายาทที่เป็นชายหลงเหลืออยู่เลย พระมเหสีของพระองค์ คือ พระนางชยเทวี จึงสืบราชสมบัติต่อ และทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนออกเป็นภาคส่วนต่าง ๆ [9][10] | |
24 | พระนางชยเทวี | พ.ศ. 1224 – 1256 (32 ปี) |
เป็นพระมเหสีของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 | |
อาณาจักรเจนละ ถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 อาณาจักร คือ อาณาจักรเจนละบกและอาณาจักรเจนละน้ำ[ต้องการอ้างอิง] | ||||
อาณาจักรเจนละน้ำ (พ.ศ. 1256 – 1345) | ||||
25 | พระเจ้าพลาทิตย์ | พ.ศ. 1256 – 1256 (น้อยกว่า 1 ปี) |
||
26 | พระเจ้านรีประทินวรมัน | พ.ศ. 1256 – 1259 (3 ปี) |
||
27 | พระเจ้าบุษกรักษา | พ.ศ. 1259 – 1273 (14 ปี) |
||
28 | พระเจ้าสัมภูวรมัน | พ.ศ. 1273 – 1303 (30 ปี) |
ทรงรวมเจนละเข้าเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง[ต้องการอ้างอิง] | |
29 | พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1303 – 1323 (20 ปี) |
||
30 | พระเจ้ามหิปติวรมัน | พ.ศ. 1303 – 1345 (42 ปี) |
สวรรคตจากการโดนพระเจ้าสัญชัยตัดพระเศียร เมื่อ พ.ศ. 1345 | |
อาณาจักรศรีวิชัย เข้ายึดครองอาณาจักรเจนละ (พ.ศ. 1345) |
อาณาจักรพระนคร
(พ.ศ. 1345 – 1974)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรพระนคร (พ.ศ. 1345 – 1974) | ||||
สถาปนา มเหนทรบรรพต เป็นเมืองหลวง | ||||
สถาปนา หริหราลัย เป็นเมืองหลวง | ||||
31 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1345 – 1378 (33 ปี) |
ประกาศอิสรภาพกัมพูชาจากการยึดครองของอาณาจักรศรีวิชัย สถาปนาอาณาจักรพระนคร และรับการอภิเษกเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ณ พนมกุเลนและริเริ่มลัทธิเทวราชขึ้นเป็นครั้งแรกในกัมพูชา[11] | |
32 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1378 – 1420 (42 ปี) |
เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | |
33 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1420 – 1432 (12 ปี) |
ภาคิไนยในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 พระองค์ได้สร้างปราสาทพระโค โดยอุทิศแด่พระราชบิดาและพระอัยกา และสร้างปราสาทบากอง | |
สถาปนา ยโศธรปุระ เป็นเมืองหลวง | ||||
34 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1432 – 1453 (21 ปี) |
พระราชโอรสในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 พระองค์ได้สร้างปราสาทโลเลย ย้ายราชธานีไปตั้งที่กรุงยโศธรปุระล้อมรอบด้วยพนมบาเค็ง อีกทั้งยังทรงโปรดให้ขุดบารายตะวันออก | |
35 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1453 – 1466 (13 ปี) |
พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระองค์ได้สร้างปราสาทปักษีจำกรุง | |
36 | พระเจ้าอิศานวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1466 – 1471 (5 ปี) |
พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระเชษฐาในพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 พระองค์มีบทบาทในการชิงพระราชบัลลังก์พระมาตุลาของพระองค์เอง (พระเจ้าชัยวรมันที่ 4) พระองค์โปรดให้สร้างปราสาทกระวาน | |
สถาปนา เกาะแกร์ เป็นเมืองหลวง | ||||
37 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | พ.ศ. 1471 – 1484 (13 ปี) |
พระราชนัดดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (ประสูติแต่พระนางมเหนทรเทวี พระธิดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1) พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางชยเทวี พระขนิษฐาในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1[12] พระองค์ทรงราชาภิเษกโดยอ้างสิทธิ์ทางสายพระราชมารดา และเป็นผู้สถาปนาเกาะแกร์เป็นราชธานี | |
38 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1484 – 1487 (3 ปี) |
พระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | |
สถาปนา ยโศธรปุระ เป็นเมืองหลวง | ||||
39 | พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1487 – 1511 (24 ปี) |
เป็นพระปิตุลาและพระภาดาของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 พระองค์ได้ชิงพระราชบัลลังก์จากพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2และทรงย้ายราชธานีกลับมาที่เมืองพระนคร ทรงโปรดให้สร้าง ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทแปรรูปและปราสาทแม่บุญตะวันออก, ทรงเริ่มทำสงครามกับอาณาจักรจามปาในปี ค.ศ. 946 | |
สถาปนา พระนคร เป็นเมืองหลวง | ||||
40 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 | พ.ศ. 1511 – 1544 (33 ปี) |
พระราชโอรสของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่คือเมืองชัยเยนทรนครและปราสาทตาแก้ว ให้เป็นศูนย์กลางแทนเมืองศรียโศธรปุระ | |
41 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1544 – 1549 (5 ปี) |
เป็นยุคแห่งความวุ่นวาย เนื่องจากมีพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ครองราชย์พร้อมกันทำให้เกิดความขัดแย้ง | |
42 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1549 – 1593 (42 ปี) |
ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ ดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์โจฬะและสู้รบกับอาณาจักรตามพรลิงก์ โปรดให้สร้าง ปราสาทหินพิมายปราสาทพระขรรค์กำปงสวาย พระองค์ได้หันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน | |
43 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1593 – 1609 (16 ปี) |
ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ พระองค์สืบราชสันตติวงศ์แต่พระมเหสีในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 โปรดให้สร้างปราสาทบาปวน โปรดให้ขุดบารายตะวันตกและโปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันตกและปราสาทสด็อกก็อกธม | |
44 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1609 – 1623 (14 ปี) |
แย่งราชบัลลังก์จากพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ตั้งศูนย์กลางพระนครที่ปราศาทบาปวน การรุกรานของอาณาจักรจามปาในปี พ.ศ. 1617 และ 1625 | |
45 | พระเจ้าชัยวรรมันที่ 6 | พ.ศ. 1623 – 1650 (27 ปี) |
พระองค์ชิงราชบัลลังก์จากวิมายปุระ เป็นปฐมกษัตริย์ต้นสายราชสกุลมหิธรปุระ โปรดให้สร้างปราสาทพิมาย | |
46 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1650 – 1656 (6 ปี) |
ชิงราชบัลลังก์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 | |
47 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1656–1688 (32 ปี) |
ลอบปลงพระชนม์พระปัยกาและแย่งชิงเพื่อขึ้นครองราชสมบัติต่อ และยังโปรดให้สร้าง ปราสาทนครวัด, บันทายสำเหร่, ธรรมนนท์, เจ้าสายเทวดา และ บึงมาลา อีกทั้งยังทำศึกสงครามรุกรานกับอาณาจักรไดเวียต และ จามปา | |
48 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1693 – 1703 (10 ปี) |
เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | |
49 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1703 – 1710 (7 ปี) |
ถูกยึดอำนาจโดยพระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | |
50 | พระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | พ.ศ. 1710 – 1720 (10 ปี) |
อาณาจักรจามปาได้เข้ามารุกรานเมื่อปี พ.ศ. 1720 จนกระทั่งเสียพระนครให้แก่จามปาในรัชสมัยพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 4 กษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปา ในอีกหนึ่งปีต่อมา คือเมื่อปี พ.ศ. 1721 | |
ถูกรุกรานโดยอาณาจักรจามปา (ว่างเว้นกษัตริย์ พ.ศ. 1721 – 1724) | ||||
สถาปนา นครธม เป็นเมืองหลวง | ||||
51 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 | พ.ศ. 1724 – 1761 (37 ปี) |
เป็นผู้นำกองทัพชาวพระนครในการกอบกู้เอกราชของอาณาจักรพระนครให้พ้นจากการปกครองของอาณาจักรจามปา จนได้รับชัยชนะและเป็นเอกราชอีกครั้งในปี พ.ศ. 1734 หลังจากประสบความสำเร็จจากการทำศึกครั้งนั้นแล้ว จึงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญเช่น การสร้างอโรคยศาลา พระราชวัง สระน้ำหลวง รวมไปถึงปราสาทองค์สำคัญ เช่น ปราสาทตาพรหม, ปราสาทพระขรรค์, ปราสาทบายน ใน นครธม และ ปราสาทนาคพันธ์ เป็นต้น | |
52 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1762 – 1786 (24 ปี) |
เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในรัชสมัยของพระองค์นั้นได้สูญเสียดินแดนทางฝั่งตะวันตกโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ทำการฟื้นฟูอาณาจักรสุโขทัยขึ้น และดินแดนทางฝั่งตะวันออกนั้น อาณาจักรจามปา ก็ยังได้ประกาศเอกราชขึ้นมาอีกในรัชสมัยเดียวกัน | |
53 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 | พ.ศ. 1786 – 1838 (52 ปี) |
ถูกชาวมองโกลนำโดยกุบไลข่าน รุกรานในปี พ.ศ. 1826 และทำสงครามกับอาณาจักรสุโขทัย | |
54 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1838 – 1851 (13 ปี) |
ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ผู้เป็นพระสัสสุระ ทำให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ มีการรับนักการทูตชาวจีนหยวน โจว ต๋ากวาน (พ.ศ. 1839 – 1840) | |
55 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 4 | พ.ศ. 1851 – 1870 (19 ปี) |
||
56 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 | พ.ศ. 1870 – 1879 (9 ปี) |
มีพระนามปรากฏในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตเป็นพระองค์สุดท้าย สิ้นสุดการปกครองโดยราชสกุลมหิธรปุระหลังจากที่ได้ปกครองอาณาจักรมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี | |
57 | พระเจ้าแตงหวาน | พ.ศ. 1879 – 1883 (4 ปี) |
ต้นสายราชสกุลตระซ็อกประแอม | |
58 | พระบรมนิพพานบท | พ.ศ. 1883 – 1889 (6 ปี) |
||
59 | พระสิทธานราชา | พ.ศ. 1889 – 1890 (1 ปี) |
||
60 | พระบรมลำพงษ์ราชา | พ.ศ. 1890 – 1896 (6 ปี) |
||
อาณาจักรอยุธยา ตีนครธมแตก แต่ยังคงมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
61 | พระบาสาต (พระบากระษัตร) |
พ.ศ. 1896 – 1899 (3 ปี) |
||
62 | พระบาอาต (พระบาอัฐ) |
พ.ศ. 1899 – 1900 (1 ปี) |
||
63 | พระกฎุมบงพิสี | พ.ศ. 1900 (น้อยกว่า 1 ปี) |
||
64 | พระศรีสุริโยวงษ์ | พ.ศ. 1900 – 1906 (6 ปี) |
||
65 | พระบรมรามา | พ.ศ. 1906 – 1916 (10 ปี) |
||
66 | พระธรรมาโศกราช | พ.ศ. 1916 – 1936 (20 ปี) |
||
อาณาจักรอยุธยา นำโดยสมเด็จพระราเมศวร ตีนครธมแตกครั้งที่ 2 แต่ยังคงมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
67 | พระอินทราชา (พญาแพรก) |
พ.ศ. 1931 – 1964 (33 ปี) |
||
สถาปนา จตุรมุข เป็นเมืองหลวง |
(Khom colony
อาณาจักรเขมรจตุมุข
(พ.ศ. 1974 – 2083)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเขมรจตุมุข (พ.ศ. 1974 – 2083) | ||||
พ.ศ. 1974 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 แห่งอาณาจักรอยุธยา เสด็จยกทัพมาตีนครธม ได้สำเร็จ และทรงแต่งตั้งพระอินทราชา พระราชโอรสครองเมืองนครธมต่อไป ในฐานะประเทศราช ต่อมาอาณาจักรอยุธยาได้แต่งตั้งให้เจ้าพระยาแพรก พระราชโอรสอีกพระองค์ในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 มาครองนครธม จนกระทั่งถูกเจ้าพระยาญาติ เชื้อพระราชวงศ์วรมันกอบกู้เอกราชได้สำเร็จ พระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 ส่วนเจ้าพระยาแพรกถูกปลงพระชนม์ | ||||
สถาปนา จตุมุข เป็นเมืองหลวง | ||||
68 | พระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 (พระบรมราชาเจ้าพญาญาติ) |
พ.ศ. 1916 – 1976 (60 ปี) |
ย้ายราชธานีมายังกรุงจตุมุข เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรจตุมุข | |
ย้ายเมืองหลวงกลับมาที่ พระนคร | ||||
69 | พระนารายณ์รามาธิบดี (พระนารายณ์ราชาที่ 1 , พญาคำขัด) |
พ.ศ. 1976 – 1980 (4 ปี) |
ย้ายราชธานีกลับมาเมืองพระนคร | |
70 | พระศรีราชา | พ.ศ. 1980 - 1981 (1 ปี) |
ถูกพระศรีสุริโยไทยราชา พระอนุชาชิงราชสมบัติ | |
71 | พระศรีสุริโยไทยราชา (เจ้าพญาเดียรราชา) |
พ.ศ. 1981 – 2019 (38 ปี) |
เป็นพระราชโอรสเจ้าพญาญาติ กับพระอิทรมิตรา (พระราชธิดาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 แห่งอาณาจักรอยุธยา) ถูกพระพระธรรมราชาชิงราชสมบัติ | |
ย้ายเมืองหลวงกลับมาที่ จตุมุข | ||||
72 | สมเด็จพระธรรมราชาธิราชรามาธิบดีที่ 1 (พระศรีธรรมราชาที่ 1) |
พ.ศ. 2011 – 2047 (36 ปี) |
เป็นพระราชโอรสพระศรีสุริโยไทยราชา กับธิดาขุนทรงพระอินทร์ (ขุนนางอยุธยาที่ถูกส่งมาเป็นเจ้าเมืองโพธิสัตว์) ถูกพระอนุชาก่อกบฏ แต่สามารถขอกำลังอยุธยาปราบกบฏได้ทัน และย้ายราชธานีกลับมาเมืองจตุรมุขอีกครั้ง | |
สถาปนา บาสาณ เป็นเมืองหลวง | ||||
73 | พระศรีสุคนธบท (พญางามขัต , เจ้าพระยาฎำขัตราชา) |
พ.ศ. 2047 – 2055 (8 ปี) |
สถาปนาบาสาณเป็นราชธานี | |
74 | พระเจ้าไชยเชษฐาฐิราช (เจ้ากน, ขุนหลวงพระเสด็จ) |
พ.ศ. 2055 – 2068 (13 ปี) |
ชิงราชสมบัติพระศรีสุคนธบท | |
อาณาจักรเขมรจตุมุข เปลี่ยนมาเป็นอาณาจักรเขมรละแวก และได้ตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา |
อาณาจักรเขมรละแวก
(พ.ศ. 2083 – 2140)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเขมรละแวก (พ.ศ. 2083 – 2140) | ||||
สถาปนา ละแวก เป็นเมืองหลวง | ||||
75 | พระบรมราชาที่ 2 (พญาจันทร์) |
พ.ศ. 2059 – 2109 (50 ปี) |
ย้ายราชธานีมายังกรุงละแวก เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรละแวก | |
76 | สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก, ปรมินทราชา) |
พ.ศ. 2109 – 2119 (10 ปี) |
ประกาศอิสรภาพจากกรุงศรีอยุธยา, ทำสงครามและเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา | |
สมเด็จพระบรมราชาที่ 3ทรงประกาศอิสรภาพจากกรุงศรีอยุธยา อาณาจักรเขมรละแวกได้เอกราชจากกรุงศรีอยุธยา | ||||
77 | สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (นักพระสัตถา) |
พ.ศ. 2119 – 2137 (18 ปี) |
ครองราชย์ร่วมกับพระราชโอรส | |
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพมาตีกรุงละแวกได้สำเร็จ อาณาจักรเขมรละแวกได้ตกเป็นประเทศราชกรุงศรีอยุธยา) เป็นครั้งที่สอง | ||||
78 | พระไชยเชษฐาที่ 1 (นักพระสัตถา) |
พ.ศ. 2127 – 2137 (10 ปี) |
ครองราชย์ร่วมกับพระราชบิดา และพระบรมราชาที่ 5 | |
79 (1) |
พระบรมราชาที่ 5 (พญาตน) |
พ.ศ. 2127 – 2137 (10 ปี) |
ครองราชย์ร่วมกับพระราชบิดา และพระไชยเชษฐาที่ 1 |
อาณาจักรเขมรศรีสันธร
(พ.ศ. 2140 – 2162)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเขมรศรีสันธร (พ.ศ. 2140 – 2162) | ||||
สถาปนา ศรีสันธร เป็นเมืองหลวง | ||||
80 | พระบาทรามเชิงไพร (พระรามที่ 1) |
พ.ศ. 2137 – 2139 (2 ปี) |
ย้ายราชธานีมายังกรุงศรีสันธร เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรศรีสันธร | |
81 | พระรามที่ 2 (พญานูร) |
พ.ศ. 2139 – 2140 (1 ปี) |
||
79 (2) |
พระบรมราชาที่ 5 (พญาตน) |
พ.ศ. 2140 – 2142 (2 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
82 | พระบรมราชาที่ 6 (พญาอน) |
พ.ศ. 2142 – 2143 (1 ปี) |
||
83 | พระแก้วฟ้าที่ 1 (เจ้าพญาโญม) |
พ.ศ. 2143 – 2145 (2 ปี) |
||
84 | พระบรมราชาที่ 7 (ศรีสุริโยพรรณ, พระศรีสุพรรณมาธิราช) |
พ.ศ. 2145 – 2162 (17 ปี) |
อาณาจักรเขมรอุดง
(พ.ศ. 2162 – 2384)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเขมรอุดง (พ.ศ. 2162 – 2384) | ||||
สถาปนา อุดงมีชัย เป็นเมืองหลวง | ||||
85 | พระไชยเชษฐาที่ 2 (พระชัยเจษฎา) |
พ.ศ. 2162 – 2170 (8 ปี) |
ย้ายราชธานีมายังกรุงอุดงมีชัย เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรอุดง | |
86 | พระศรีธรรมราชาที่ 2 (พญาตู) |
พ.ศ. 2170 – 2175 (5 ปี) |
||
87 | พระองค์ทองราชา (องค์ทอง) |
พ.ศ. 2175 – 2183 (8 ปี) |
||
88 | พระปทุมราชาที่ 1 (องค์นน) |
พ.ศ. 2183 – 2185 (2 ปี) |
||
89 | พระรามาธิบดีที่ 1 (พระยาจันทร์) |
พ.ศ. 2185 – 2201 (16 ปี) |
||
90 | พระบรมราชาที่ 8 (นักองค์สูร) |
พ.ศ. 2202 – 2215 (13 ปี) |
||
91 | พระปทุมราชาที่ 2 (พระศรีชัยเชษฐ์) |
พ.ศ. 2215 – 2216 (1 ปี) |
||
92 | พระแก้วฟ้าที่ 2 (นักองค์ชี) |
พ.ศ. 2216 – 2220 (4 ปี) |
||
93 (1) |
พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) |
พ.ศ. 2220 – 2238 (18 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
94 | พระรามาธิบดีที่ 2 (นักองค์ยง) |
พ.ศ. 2238 – 2239 (1 ปี) |
||
93 (2) |
พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) |
พ.ศ. 2239 – 2243 (4 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
95 (1) |
พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิม) |
พ.ศ. 2243 – 2244 (1 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
93 (3) |
พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) |
พ.ศ. 2244 – 2245 (1 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
96 (1) |
พระศรีธรรมราชาที่ 3 | พ.ศ. 2245 – 2247 (2 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
93 (4) |
พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) |
พ.ศ. 2247 – 2250 (3 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 4 | |
96 (2) |
พระศรีธรรมราชาที่ 3 | พ.ศ. 2252 – 2258 (6 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
95 (2) |
พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิม) |
พ.ศ. 2258 – 2265 (7 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
97 (1) |
พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) |
พ.ศ. 2265 – 2272 (7 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
95 (3) |
พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิ่ม) |
พ.ศ. 2272 – 2272 (น้อยกว่า 1 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
97 (2) |
พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) |
พ.ศ. 2272 – 2280 (8 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
96 (3) |
พระศรีธรรมราชาที่ 3 | พ.ศ. 2281 – 2293 (12 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
98 | พระศรีธรรมราชาที่ 4 (นักองค์อิ่ม) |
พ.ศ. 2293 – 2293 (น้อยกว่า 1 ปี) |
||
99 (1) |
พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) |
พ.ศ. 2293 – 2294 (1 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
97 (3) |
พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) |
พ.ศ. 2294 – 2294 (น้อยกว่า 1 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
100 | พระศรีไชยเชษฐ์ (นักองค์สงวน) |
พ.ศ. 2294 – 2300 (6 ปี) |
||
99 (2) |
พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) |
พ.ศ. 2301 – 2303 (2 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
101 | พระนารายน์ราชารามาธิบดี (นักองค์ตน) |
พ.ศ. 2303 – 2318 (15 ปี) |
||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรธนบุรี (หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรอยุธยาล่มสลายเมื่อ พ.ศ. 2310 และถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ในนามอาณาจักรธนบุรี) | ||||
102 | สมเด็จพระรามราชาธิราช (นักองค์โนน) |
พ.ศ. 2318 – 2322 (4 ปี) |
||
103 | สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ (นักองค์เอง) |
พ.ศ. 2322 – 2325 (3 ปี) |
||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรธนบุรีสิ้นสภาพจากการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และมีการสถาปนาอาณาจักรรัตนโกสินทร์ขึ้นแทนที่ใน พ.ศ. 2325) | ||||
เกิดสงครามขึ้นระหว่างอาณาจักรรัตนโกสินทร์ กับราชวงศ์เหงียน เพื่อแย่งชิงอิทธิพลเหนือกัมพูชา นำไปสู่สงครามอานัมสยามยุทธ | ||||
104 | สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี (นักองค์จัน) |
พ.ศ. 2349 – 2377 (28 ปี) |
||
105 | กษัตรีองค์มี (นักองเม็ญ) |
พ.ศ. 2349 – 2377 (28 ปี) |
พระนางได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามให้พระนางได้สถาปนาเป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชาเพื่อถ่วงดุลกับสยามในช่วงอานัมสยามยุทธ | |
106 | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) |
พ.ศ. 2384 – 2403 (19 ปี) |
||
ตำแหน่งว่าง พ.ศ. 2383 – 2384 (1 ปี) |
รัฐอารักขาของฝรั่งเศส
(พ.ศ. 2406 – 2496)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อารักขาฝรั่งเศส (พ.ศ. 2406 – 2496) | ||||
กัมพูชาตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และกลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2406 (เข้าสู่ยุคกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส) (หมายเหตุ: กัมพูชาพ้นจากความเป็นประเทศราชของสยาม ทางฝ่ายสยามถือเป็นการเสียอิทธิพลให้ฝรั่งเศส) | ||||
107 | พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) |
พ.ศ. 2403 – 2447 (44 ปี) |
พระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) | |
108 | พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์) |
พ.ศ. 2447 – 2470 (23 ปี) |
พระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) พระอนุชาต่างพระราชมารดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) | |
109 | พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์) |
พ.ศ. 2470 – 2484 (14 ปี) |
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์) | |
110 (1) |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ | พ.ศ. 2484 – 2498 (14 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 1 พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์) | |
ในปี พ.ศ. 2496 กัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์ จึงมีการสถาปนาพระราชอาณาจักรกัมพูชาโดยใช้ระบอบสังคมราษฎรนิยม พ.ศ. 2496 – 2513 กัมพูชาเข้าสู่ยุคสังคมราษฎรนิยม |
ราชอาณาจักรกัมพูชาที่ 1
(พ.ศ. 2496 – 2513)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
ราชอาณาจักรกัมพูชา (พ.ศ. 2496 – 2513) | ||||
111 | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต | พ.ศ. 2498 – 2503 (5 ปี) |
เป็นพระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) | |
เกิดรัฐประหารปี พ.ศ. 2513 ตำแหน่งพระมหากษัตริย์ถูกยกเลิก (หมายเหตุ: ยุบเลิกราชอาณาจักรกัมพูชา เปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นสาธารณรัฐเขมร พ.ศ. 2513 – 2536) |
ราชอาณาจักรกัมพูชาที่ 2
(พ.ศ. 2536 – ปัจจุบัน)
[แก้]พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
ราชอาณาจักรกัมพูชา (พ.ศ. 2536 – ปัจจุบัน) | ||||
ฟื้นฟูราชอาณาจักรกัมพูชาขึ้นใหม่ พ.ศ. 2536 | ||||
110 (2) |
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ | พ.ศ. 2536 – 2547 (11 ปี) |
ครองราชย์ครั้งที่ 2 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต | |
112 | พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี | พ.ศ. 2547 – ปัจจุบัน (19 ปี+) |
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ศานติ ภักดีคำ. "เอกสารกัมพูชากับการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา" (PDF). ดำรงวิชาการ. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "The women who made Cambodia". The Phnom Penh Post. 19 May 2010.
- ↑ "C. 87 Stela from Mỹ Sơn B6". Corpus of the Inscriptions of Campā.
- ↑ សៀវភៅសិក្សាសង្គម ថ្នាកទី១០ ឆ្នាំ២០១៧ របស់ក្រសួងអប់រំ យុវជន និងកីឡា ទំព័រទី១៣៤
- ↑ Jacobsen, Trudy, Lost goddesses: the denial of female power in Cambodian history, NIAS Press, Copenhagen, 2008
- ↑ "SPLIT RUN: D_83499_Myova_Orgov_SP_4C.p1.pdf [US only]". Urologic Oncology: Seminars and Original Investigations. 39 (10): IFC. October 2021. doi:10.1016/s1078-1439(21)00417-8. ISSN 1078-1439.
- ↑ Miksic, John N. (2007). Historical dictionary of ancient Southeast Asia. Lanham, Md.: Scarecrow Press. ISBN 978-0-8108-6465-8. OCLC 263614934.
- ↑ Coedes, George (May 15, 2015). "The Making of South East Asia (RLE Modern East and South East Asia)". doi:10.4324/9781315697802.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - ↑ Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-0368-1.
- ↑ Higham, Charles. Early Mainland Southeast Asia. River Books Co., Ltd. ISBN 9786167339443.
- ↑ เจ้าพิธีลัทธิเทวราช อยู่สด๊กก๊อกธม จ.สระแก้ว ชุมทางเครือข่ายอำนาจ.สุจิตต์ วงษ์เทศ,มติชนสุดสัปดาห์,2562
- ↑ Kenneth T. So. "Preah Khan Reach and The Genealogy of Khmer Kings" (PDF). Cambosastra. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ July 8, 2021. สืบค้นเมื่อ February 16, 2023.