ข้ามไปเนื้อหา

สามเหลี่ยมทองคำ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สามเหลี่ยมทองคำมองจากวัดพระธาตุดอยปูเข้า จังหวัดเชียงราย

สามเหลี่ยมทองคำ (พม่า: ရွှေတြိဂံ နယ်မြေ, ออกเสียง: [ʃwè tɹḭɡàɰ̃ nɛ̀mjè]; ลาว: ສາມຫຼ່ຽມທອງຄຳ) ป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 200,000 ตารางกิโลเมตร (77,000 ตารางไมล์)[1] เป็นพื้นที่พรมแดนระหว่างประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศลาว จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำรวกกับแม่น้ำโขง[2][3] คำว่า "สามเหลี่ยมทองคำ" (อังกฤษ: Golden Triangle) ถูกคิดขึ้นโดยมาร์แชลล์ กรีนเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2514 ในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับการค้าฝิ่น[4][5][1] ปัจจุบันฝั่งไทยจุดบรรจบกันของแม่น้ำหรือ "สบรวก" ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีพิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น และหอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ และไม่มีการปลูกฝิ่น[6]

สามเหลี่ยมทองคำเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการผลิตฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 และยังเป็นแหล่งที่มาของเฮโรอีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 เมื่อการผลิตฝิ่นในประเทศอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้น[7] ประเทศพม่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมทองคำ เป็นแหล่งผลิตฝิ่นรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากอัฟกานิสถานจนถึง พ.ศ. 2565 ซึ่งผลิตฝิ่นประมาณร้อยละ 25 ของปริมาณฝิ่นทั้งหมดของโลก ในขณะที่การปลูกฝิ่นในประเทศพม่าลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ส่วนอัฟกานิสถานพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็นจำนวน 40,100 เฮกตาร์ (99,000 เอเคอร์) ควบคู่ไปกับศักยภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 เป็น 790 ตัน ใน พ.ศ. 2565 ตามข้อมูลล่าสุดการสำรวจฝิ่นในประเทศพม่า พ.ศ. 2565 ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)[8] และยังได้เตือนว่าการผลิตฝิ่นในประเทศพม่าอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งหากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 และการรัฐประหารในประเทศพม่า พ.ศ. 2564 ยังคงดำเนินต่อไป โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและความมั่นคงเป็นอย่างมากสำหรับภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่[9]

ใน พ.ศ. 2566 ประเทศพม่ากลายเป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากผลิตฝิ่นได้ประมาณ 1,080 ตัน ตามรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ[10] ในขณะที่การปรามอย่างรุนแรงจากกลุ่มตอลิบานทำให้การผลิตฝิ่นในอัฟกานิสถานลดลงประมาณ 95% เหลือ 330 ตัน ในปีเดียวกัน[11]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Lintner, Bertil (November 28, 2022). "Guide to Investigating Organized Crime in the Golden Triangle". Global Investigative Journalism Network (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2023-12-31.
  2. Sen, S. (1991). "Heroin Trafficking in the Golden Triangle". Police Journal. 64 (3): 241. doi:10.1177/0032258X9106400310. S2CID 149244027. สืบค้นเมื่อ 19 June 2023.
  3. "Golden Triangle". Tourism Authority of Thailand (TAT). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 July 2019. สืบค้นเมื่อ 4 April 2018.
  4. Chouvy, Pierre-Arnaud (2010). Opium: Uncovering the Politics of the Poppy (ภาษาอังกฤษ). Harvard University Press. pp. xii, 23. ISBN 978-0-674-05134-8.
  5. Staff Report on Drug Abuse in the Military (ภาษาอังกฤษ). Washington, DC: U.S. Government Printing Office. 1971. pp. iii.
  6. Fuller, Thomas (2007-09-11). "The drug-running is gone, but the tourists still flock". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2023-12-31.
  7. "Afghanistan again tops list of illegal drug producers". Washington Times. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 January 2017. สืบค้นเมื่อ 1 December 2019.
  8. Myanmar Opium Survey 2021: Cultivation, Production and Implications (Report). United Nations Office on Drugs and Crime. 2022.
  9. "Myanmar's Economic Meltdown Likely to Push Opium Output Up, Says UN". Voa News. 2021. สืบค้นเมื่อ 15 October 2021.
  10. Southeast Asia Opium Survey 2023 (PDF) (Report). United Nations Office on Drugs and Crime. 2023.
  11. "Myanmar becomes world's biggest producer of opium, overtaking Afghanistan". The Guardian. 2023.