แขวงเวียงจันทน์
แขวงเวียงจันทน์ ແຂວງວຽງຈັນ | |
---|---|
แผนที่แขวงเวียงจันทน์ | |
แผนที่ประเทศลาวเน้นแขวงเวียงจันทน์ | |
พิกัด: 18°50′00″N 102°10′01″E / 18.8333°N 102.167°E | |
ประเทศ | ลาว |
ก่อตั้งขึ้น | พ.ศ. 2532 |
เมืองเอก | โพนโฮง |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 15,927 ตร.กม. (6,149 ตร.ไมล์) |
ประชากร (สำมะโน พ.ศ. 2558) | |
• ทั้งหมด | 419,090 คน |
เขตเวลา | UTC+7 (เวลาในประเทศลาว) |
รหัส ISO 3166 | LA-VI |
เอชดีไอ (2561) | 0.618[1] ปานกลาง · อันดับที่ 3 |
เวียงจันทน์[2] หรือ เวียงจัน[2] (ลาว: ວຽງຈັນ) เป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาว ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ ใน พ.ศ. 2558 แขวงนี้มีประชากร 419,090 คน[3]
เมื่อปี พ.ศ. 2532 แขวงเวียงจันทน์เดิมได้แบ่งออกเป็น 2 แขวง คือ แขวงเวียงจันทน์ปัจจุบันและนครหลวงเวียงจันทน์ที่มีเขตตัวเมืองเวียงจันทน์ซึ่งเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ หลังจากแบ่งออกเป็นสองแขวงแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือยังคงเรียกว่าแขวงเวียงจันทน์ และได้ย้ายศูนย์กลางการปกครองของแขวงมาอยู่ที่เมืองโพนโฮง แทนตัวเมืองเวียงจันทน์ชั้นในซึ่งอยู่ในเขตนครหลวงเวียงจันทน์
ประวัติศาสตร์
[แก้]เวียงจันทน์เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรเรืองอำนาจ โดยร่วมยุคสมัยกันกับทวารวดีของไทย เดิมชื่อเมืองจันทปุระหรือเมืองจันทบุรี มีนักปราชญ์ลาว-อีสานหลายกลุ่มได้เขียนประวัติของเมืองเวียงจันทน์ในแต่ละยุคไว้หลากหลายสำนวน เช่น ตำนานเวียงจันทน์พันพร้าว ตำนานพระรัสสีสองพี่น้องสร้างเวียง ตำนานพระลัก-พระลามครองกรุงศรีสัตนาค ตำนานท้าวหูดสามเปาสร้างเวียง ตำนานท้าวคัทธนาม ตำนานพระยาบุรีจันประสิทธิสักกะเทวะ ตำนานท้าวคำพอง-นางบัวเคือ ตำนานอุรังคธาตุ ตำนานพระยาศรีสัตนาคแปงเวียง ตำนานท้าวเซียงเมี่ยง ตำนานศรีโคตรสาปเวียง ตำนานพระยาจวงขาว ตลอดจนเอกสารพื้นเวียงสำนวนต่างๆ ในครั้งหลวงพระบางเป็นราชธานี เวียงจันทน์มีสถานะเป็นเมืองลูกหลวงหรือเมืองเจ้าหัวเศิกพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่เท่านั้นที่มักถูกส่งลงมาปกครองเวียงจันทน์ เวียงจันทน์เริ่มเป็นเมืองหลวงแทนหลวงพระบางตั้งแต่ พ.ศ. 2078 ในสมัยพระเจ้าโพธิสารราช จน พ.ศ. 2103 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 มหาราช ถอยหนีพม่ามาตั้งหลักที่เวียงจันทน์จึงถือเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการโดยมีนามเต็มว่า พระนครจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตอุตมราชธานีบุรีรมย์ หรือเมืองล้านช้างเวียงจันทน์ เวียงจันทน์เจริญขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง พ.ศ. 2237 สมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชก็เสื่อมลง พระองค์มีสนมเอกชื่อนางเขียวค้อม
จากนั้น เวียงจันทน์เกิดความวุ่นวายขึ้นเนือง ๆ นางเขียวค้อมหนีไปบวชชี พญาเมืองจันทน์เป็นขบถจนพระเจ้านันทราชจากนครพนมยกทัพมาปราบ แต่ก็ถูกพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (ไชย อง เว) นำทัพเวียดนามมาสู้รบจนแยกออกเป็นอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2253 และต่อมาใน พ.ศ. 2256 อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ก็แยกตัวออกไป
อาณาจักรเวียงจันทน์หลังการแบ่งแยกมีอาณาเขตมาถึงนครไทย (อยู่ในจังหวัดพิษณุโลกในปัจจุบัน) และติดกับจำปาศักดิ์ในบริเวณเมืองสุวรรณภูมิ (ปัจจุบันคืออำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) แต่เพราะราชวงศ์ล้านช้างวิวาทกัน ทำให้เจ้าเมืองต่างๆ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์แยกตัวออกมาตั้งแต่พระบรมราชา (เฮงก่วน) เจ้าประเทศราชนครพนม พระวอพระตาแยกมาตั้งเมืองหนองบัวลำภู เมืองอุบลราชธานีและยศสุนทร (ปัจจุบันคือยโสธร) เจ้าโสมพะมิตร์แยกมาตั้งเมืองกาฬสินธุ์ เจ้าผ้าขาวแยกมาตั้งเมืองผ้าขาว เมืองพันนา เจ้าจารย์แก้วเจ้าประเทศราชเมืองสุวรรณภูมิ (ร้อยเอ็ด มหาสารคาม) ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชนบถ และเจ้าจารย์จันทสุริยวงศ์เจ้าประเทศราชมุกดาหาร เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)สมทบกับเจ้าประเทศราชต่าง ๆ และบังคับเจ้านายหัวเมืองลาวทั้งหลายในอีสานบุกโจมตีเวียงจันทน์หลังเหตุการณ์สงครามเจ้าอนุวงศ์ ได้ยกเลิกเจ้าประเทศราช ทางหนองคายได้ให้ท้าวสุวอธรรมาอุปฮาดยโสธรเป็นพระปทุมเทวาภิบาลที่ 1 เจ้าประเทศราชหนองคายอพยพผู้คนมาฝั่งขวา ให้เวียงจันทน์เป็นเมืองจัตวาขึ้นกับหนองคาย หลังจากนั้นบริเวณเวียงจันทน์ต้องเผชิญศึกสงครามหลายครั้ง ทั้งสงครามสยาม-เวียดนาม 14 ปี สงครามปราบฮ่อ ต่อมาถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมเมื่อ พ.ศ. 2436 ชาวเวียงจันทน์ที่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนำโดยพระกุประดิษฐ์บดี (ชาลี กุประดิษฐ์)จึงอพยพมาอยู่ที่เมืองท่าบ่อหรืออำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคายในปัจจุบัน
ฝรั่งเศสได้สร้างเมืองเวียงจันทน์ขึ้นใหม่ ให้ ม.ปาวี เป็นข้าหลวงใหญ่คนแรก เวียงจันทน์ในสมัยฝรั่งเศสปกครองได้ชื่อว่าปารีสตะวันออก จนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2498 และถูกปลดแอกโดยพรรคปฏิวัติประชาชนลาวเมื่อ พ.ศ 2517
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]แขวงนี้แบ่งออกเป็น 11 เมือง (อำเภอ):[4]
แผนที่ | รหัส | ชื่อ | อักษรลาว |
---|---|---|---|
10-01 | เมืองโพนโฮง | ເມືອງໂພນໂຮງ | |
10-02 | เมืองทุละคม | ເມືອງທຸລະຄົມ | |
10-03 | เมืองแก้วอุดม | ເມືອງແກ້ວອຸດົມ | |
10-04 | เมืองกาสี | ເມືອງກາສີ | |
10-05 | เมืองวังเวียง | ເມືອງວັງວຽງ | |
10-06 | เมืองเฟือง | ເມືອງເຟືອງ | |
10-07 | เมืองซะนะคาม | ເມືອງຊະນະຄາມ | |
10-08 | เมืองแมด | ເມືອງແມດ | |
10-09 | เมืองเวียงคำ | ເມືອງວຽງຄໍາ | |
10-10 | เมืองหินเหิบ | ເມືອງຫີນເຫີບ | |
10-11 | เมืองหมื่น | ເມືອງໝື່ນ | |
สถานที่ท่องเที่ยว
[แก้]- ถ้ำจัน[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Sub-national HDI". Global Data Lab. สืบค้นเมื่อ 2018-09-13.
- ↑ 2.0 2.1 "ประกาศสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 139 (พิเศษ 205 ง). 1 กันยายน 2565.
- ↑ "Results of Population and Housing Census 2015" (PDF). Lao Statistics Bureau. สืบค้นเมื่อ 7 Nov 2020.
- ↑ "Destination: Vientiane Province". Official website of Laos Tourism Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2013. สืบค้นเมื่อ 10 December 2012.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-26. สืบค้นเมื่อ 2012-04-18.
ข้อมูล
[แก้]- Akhtar, Shahid; Arinto, Patricia B.; Abu, Hassan, Musa (3 June 2009). Digital Review of Asia Pacific 2009–2010. IDRC. p. 244. ISBN 978-81-321-0084-3.
- Államok, Egyesült. Country Reports on Human Rights Practices for 2007. Government Printing Office. p. 865.
- Askew, Marc; Logan, Williams S.; Long, Colin (2009). Vientiane: Transformation of a Lao landscape. Routledge. pp. 118–. ISBN 978-1-134-32365-4.
- Bennett, J. (1 January 2004). New Approaches to Gall Midge Resistance in Rice. Int. Rice Res. Inst. ISBN 978-971-22-0198-1.
- Burke, Andrew; Vaisutis, Justine (1 August 2007). Laos 6th Edition. Lonely Planet. ISBN 978-1-74104-568-0.
- Doeden, Matt (1 January 2007). Laos in Pictures. Twenty-First Century Books. p. 30. ISBN 978-0-8225-6590-1.
- Eur (2002). Far East and Australasia 2003. Psychology Press. ISBN 978-1-85743-133-9.
- Fanthorpe, Lionel & Patricia (23 March 2009). Secrets of the World's Undiscovered Treasures. Dundurn. ISBN 978-1-77070-384-1.
- Firth, Raymond; Yamey, Basil S. (1964). Capital, Saving & Credit in Peasant Societies. Transaction Publishers. ISBN 978-0-202-30918-7.
- Geological Survey (U S ) (25 October 2010). Minerals Yearbook: Area Reports: International 2008: Asia and the Pacific. Government Printing Office. pp. 14–. ISBN 978-1-4113-2964-5.
- Grabowsky, Volker (1995). Regions and National Integration in Thailand, 1892–1992. Otto Harrassowitz Verlag. ISBN 978-3-447-03608-5.
- Jong, Wil De; Donovan, Deanna; Ken-ichi Abe (5 March 2007). Extreme Conflict and Tropical Forests. Springer. ISBN 978-1-4020-5461-7.
- Kislenko, Arne (2009). Culture And Customs Of Laos. ABC-CLIO. ISBN 978-0-313-33977-6.
- Lee, Jonathan H. X. (17 September 2012). Laotians in the San Francisco Bay Area. The Center for Lao Studies, Arcadia Publishing. ISBN 978-0-7385-9586-3.
- Lightner, Jr, Sam (30 October 2005). Thailand: A Climbing Guide. The Mountaineers Books. ISBN 978-0-89886-750-3.
- Võ, Thu Tịnh (1972). The Phra Lak-Phra Lam (The Lao version of the Ramayana).: Abridged translation of the manuscript of Vat Kang Tha. Cultural Survey of Laos.
- Westermeyer, Joseph (1983). Poppies, Pipes, and People: Opium and Its Use in Laos. University of California Press. p. 203. ISBN 978-0-520-04622-1.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- คู่มือการท่องเที่ยว Vientiane จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)