ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ฉายา | Harimau Malaya (เสือโคร่งมาเลเซีย)[1] เสือเหลือง (ฉายาในภาษาไทย) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สมาคม | สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมาพันธ์ย่อย | เอเอฟเอฟ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมาพันธ์ | เอเอฟซี (เอเชีย) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | ปีเตอร์ คลามอฟสกี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กัปตัน | ซาเมอร์ คุตตี อับบา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ติดทีมชาติสูงสุด | ซู จิ้น อัน (219)[2] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทำประตูสูงสุด | มคตาร์ ดาฮารี (89)[3] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สนามเหย้า | สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รหัสฟีฟ่า | MAS | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อันดับฟีฟ่า | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อันดับปัจจุบัน | 132 (19 ธันวาคม 2024)[4] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อันดับสูงสุด | 75 (สิงหาคม ค.ศ. 1993) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อันดับต่ำสุด | 178 (มีนาคม ค.ศ. 2018) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มาเลเซีย 1–1 ไทย (กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย; 12 ตุลาคม ค.ศ. 1963)[n 1] | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ชนะสูงสุด | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มาเลเซีย 11–0 ฟิลิปปินส์ (เตหะราน ประเทศอิหร่าน; 7 กันยายน ค.ศ. 1974) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แพ้สูงสุด | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 10–0 มาเลเซีย (อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์; 3 กันยายน ค.ศ. 2015) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เอเอฟซี เอเชียนคัพ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เข้าร่วม | 4 (ครั้งแรกใน 1976) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผลงานดีที่สุด | รอบแบ่งกลุ่ม (1976, 1980, 2007, 2023) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เข้าร่วม | 14 (ครั้งแรกใน 1996) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผลงานดีที่สุด | ชนะเลิศ (2010) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เกียรติยศ
|
ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย (มลายู: Pasukan bola sepak kebangsaan Malaysia) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนจากประเทศมาเลเซียในการแข่งขันระหว่างประเทศ อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย ได้รับการรับรองสถานะจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติใน ค.ศ. 1963 โดยก่อตั้งขึ้นหนึ่งเดือนก่อนการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียเพื่อเป็นตัวแทนของฟุตบอลทีมชาติมาลายา ผู้ฝึกสอนคนปัจจุบันคือปีเตอร์ คลามอฟสกี และมีสนามเหย้าคือสนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล
มาเลเซียเป็นหนึ่งใน 4 ชาติในสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียนที่ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน (อีก 3 ทีมคือไทย, เวียดนาม และสิงคโปร์) ทว่าพวกเขายังไม่เคยประสบความสำเร็จในการแข่งขันนอกภูมิภาคอาเซียน มีผลงานที่ดีที่สุดคือเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1974 และมีส่วนร่วมในโอลิมปิกฤดูร้อน 1 ครั้ง และเอเชียนคัพอีก 4 ครั้ง แต่ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่ม มาเลเซียมีผลงานโดดเด่นในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยกองหน้าอย่างมคตาร์ ดาฮารี ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในผู้เล่นชาวเอเชียที่ดีที่สุดตลอดกาล และมีสถานะเป็นตำนานของมาเลเซีย เขาถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทำประตูในนามทีมชาติมากที่สุด
มาเลเซียมีคู่แข่งในภูมิภาคได้แก่ อินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนาม และสิงคโปร์ โดยการแข่งขันกับอินโดนีเซียซึงเรียกว่า "Nusantara Derby" หรือ "ดาร์บีมลายู" ถือว่ามีความดุเดือดที่สุด เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรม ทีมชาติมาเลเซียมีฉายาคือ "Harimau Malaya" ซึ่งหมายถึงเสือโคร่งมลายู สัตว์ประจำชาติของประเทศ และกองเชียร์ของทีมมีชื่อเรียกว่า "Ultras Malaya" (อุลตร้ามาลายา)[6] ส่วนฉายาที่สื่อมวลชนในประเทศไทยเรียกคือ "ทีมเสือเหลือง"[7]
ประวัติ
[แก้]ทีมฟุตบอลแห่งสหพันธรัฐมลายา และต้นกำเนิดของมาเลเซีย
[แก้]ก่อนจะมีการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียขึ้นในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963 บอร์เนียวเหนือ (ปัจจุบันคือ รัฐซาบะฮ์) รัฐซาราวัก สหพันธรัฐมาลายา และสิงคโปร์ล้วนแต่มีทีมฟุตบอลเป็นของตนเอง รัฐมาลายาและสิงคโปร์มักมีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น เมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ (เกมกระชับมิตรที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันประกาศอิสรภาพมาเลเซีย) ในขณะที่บอร์เนียวเหนือและรัฐซาราวักมักลงแข่งขันในบอร์เนียวคัพ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาลายาคือการคว้าเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1962 ณ กรุงจาการ์ตา เอาชนะทีมชาติเวียดนามใต้ด้วยผลประตู 4–1 มีนักเตะตัวหลักคือ อับดุล กานี มินฮัต ซึ่งเป็นนักเตะชาวเอเชียคนแรกที่ทำครบ 50 ประตูในนามทีมชาติ[8]
จุดเริ่มต้นของฟุตบอลทีมชาติมาเลเซียเกิดขึ้นที่ สนามกีฬาเมอร์เดกา ในวันที่ 8 สิงหาคม 1963 ด้วยการรวมนักเตะจากทีมชาติสิงคโปร์ และ มาลายา ลงแข่งขันกับทีมชาติญี่ปุ่นและแพ้ด้วยผลประตู 3–4[9] ทีมชุดนั้นยังคงยึดแนวทางการใช้นักเตะจากสิงคโปร์และคาบสมุทรมลายู จนกระทั่งมีการก่อตั้ง "ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย" ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยสมาคมฟุตบอลสหพันธรัฐมาลายาก็ได้กลายเป็นสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย และการรวมผู้เล่นกับสิงคโปร์ได้สิ้นสุดลงภายหลังสิงคโปร์ได้แยกตัวจากมาเลเซียพร้อมกับจัดตั้งสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ซึ่งได้รับการรับรองโดยฟีฟ่าใน ค.ศ. 1965[10] นับตั้งแต่นั้น ทีมชาติมาเลเซียมักใช้ผู้เล่นจากมาเลเซียตะวันตก สาเหตุหลักมาจากความยากลำบากในการเดินทางไปมาเลเซียตะวันออกและยังไม่มีผู้เล่นที่เป็นที่รู้จักมากนัก และตั้งแต่ ค.ศ. 1966 ถึง 1970 โชว์ ชี คอง ได้รับเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียให้เป็นผู้รักษาประตูชาวเอเชียยอดเยี่ยม 5 สมัยติดต่อกัน
กีฬาโอลิมปิก และ เอเชียนคัพ
[แก้]ใน ค.ศ. 1971 เจมส์ หว่อง เป็นผู้เล่นจากมาเลเซียตะวันออกคนแรกที่ได้เล่นให้ทีมชาติมาเลเซีย[11] มาเลเซียเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เอาชนะญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ และแม้พวกเขาจะเอาชนะสหรัฐ 2–0 พวกเขาแพ้ในนัดสองนัดถัดมาต่อ เยอรมนีตะวันตก (0–3) และ โมร็อกโก (0–6) จบอันดับสิบในการแข่งขัน และตั้งแต่ ค.ศ. 1972 มคตาร์ ดาฮารีได้กลายเป็นผู้เล่นระดับตำนานของมาเลเซียรวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้เล่นชาวเอเชียที่ดีทีสุด[12] เขาทำ 177 ประตูให้แก่สมาคมฟุตบอลเซอลาโงร์ และ 125 ประตูในนามทีมชาติมาเลเซีย (นับรวมทุกการแข่งขันและคู่แข่งทุกระดับ)[13] รวมถึง 89 ประตูจาก 142 นัดในการแข่งขันกับทีมชาติชุดใหญ่[14] ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชายที่ทำประตูในนามทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล[15]
โซห์ ชิน แอน ยังสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้เล่นชายที่ลงเล่นให้ทีมชาติมากที่สุดในโลก โดยเป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงสนามในนามทีมชาติครบ 200 นัด ซึ่งยังเป็นสถิติสูงสุดถึงปัจจุบัน[16] ถัดมาใน ค.ศ. 1974 มาเลเซียคว้าเหรียญทองแดงเหรียญที่สองในเอเชียนเกมส์ 1974 เอาชนะเกาหลีเหนือ 2–1 และพวกเขาได้ร่วมแข่งขันเอเชียนคัพสองสมัยติดต่อกันใน ค.ศ. 1976 และ 1980 ในช่วงเวลานี้ สมาคมฟุตบอลมาเลเซียได้ส่งแมวมองเพื่อค้นหาผู้เล่นฝีเท้าดีเพิ่มเติมจากมาเลเซียตะวันออก[17] มาเลเซียชนะเลิศ เมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ สามสมัย, ได้รองชนะเลิศสี่สมัย และอันดับสามอีกสองสมัยในช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขามีส่วนร่วมในโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 ที่มอสโก สหภาพโซเวียต แต่รัฐบาลและสมาคมได้เข้าร่วมการคว่ำบาตร สืบเนื่องจากการต่อต้านสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน[18][19]
ฟุตบอลเอเชียนคัพ 1976 กลุ่มเอ
ทีม | จำนวนนัด | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ประตูได้ | ประตูเสีย | ผลต่าง | คะแนน |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คูเวต | 2 | 2 | 0 | 0 | 3 | 0 | +3 | 4 |
จีน | 2 | 0 | 1 | 1 | 1 | 2 | −1 | 1 |
มาเลเซีย | 2 | 0 | 1 | 1 | 1 | 3 | −2 | 1 |
มาเลเซียร่วมการแข่งขันเอเชียนคัพสมัยแรกใน ค.ศ. 1976 ในกลุ่มเอ แต่พวกเขาจบอันดับสุดท้าย แพ้คูเวตในนัดเปิดสนาม 0–2 ตามด้วยการเสมอจีนในนัดที่สอง 1–1
ฟุตบอลเอเชียนคัพ 1980 กลุ่มบี
ทีม | จำนวนนัด | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ประตูได้ | ประตูเสีย | ผลต่าง | คะแนน |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เกาหลีใต้ | 4 | 3 | 1 | 0 | 10 | 2 | +8 | 7 |
คูเวต | 4 | 2 | 1 | 1 | 8 | 5 | +3 | 5 |
มาเลเซีย | 4 | 1 | 2 | 1 | 5 | 5 | 0 | 4 |
กาตาร์ | 4 | 1 | 1 | 2 | 3 | 8 | −5 | 3 |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 4 | 0 | 1 | 3 | 3 | 9 | −6 | 1 |
พวกเขาร่วมการแข่งขันเอเชียนคัพสมัยที่สองใน ค.ศ. 1980 อยู่ในกลุ่มบี เริ่มต้นด้วยการเสมอเกาหลีใต้ 1–1 ตามด้วยการแพ้คูเวต 1–3, ชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2–0 ปิดท้ายด้วยการเสมอกาตาร์ 1–1 จบอันดับสามในกลุ่ม
ต่อมาใน ค.ศ. 1994 วงการฟุตบอลมาเลเซียเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวในการติดสินบนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศ[20] และกีฬาฟุตบอลในประเทศเข้าสู่ยุคตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจและกระแสความสนใจในกีฬาฟุตบอลที่ลดน้อยลง ทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเหมือนในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 แม้จะมีการแต่งตั้งโกลด เลอรัว อดีตนักฟุตบอลชื่อดังชาวฝรั่งเศสเป็นผู้จัดการทีม อลัน แฮร์ริส ได้รับการแต่งตั้งในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งมาพร้อมกับประวัติการทำงานที่โดดเด่นจากการเป็นผู้ช่วย เทอร์รี เวนาเบิลส์ ที่สโมสรบาร์เซโลนา ต่อมาใน ค.ศ. 2004 เบอร์ตาลาน บิชเค ชาวฮังการีเข้ามาคุมทีมซึ่งพาทีมคว้าอันดับสามฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2004 ก่อนจะถูกลดบทบาทไปเป็นผู้ดูแลทีมเยาวชนจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเกมกระชับมิตรที่พบกับสิงคโปร์ในปีนังในวันที่ 8 มิถุนายน 2005 โดยบิชเคได้ขว้างขวดน้ำลงไปในสนามและมีการเผชิญหน้ากับผู้เล่นสิงคโปร์ ก่อนที่สัญญาของเขาจะหมดและได้แยกทางกับสมาคมในเดือนกันยายน[21]
นอริซาน บิน บาการ์ เข้ามาคุมทีมต่อ และพาทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2007 ก่อนจะแพ้การดวลจุดโทษสิงคโปร์ บาการ์ได้รับการวิจารณ์ในการคุมทีมจากผลงานย่ำแย่ในเอเชียนคัพ 2007 เมื่อมาเลเซียแพ้ต่อจีน 1–5, แพ้อุซเบกิสถาน 0–5 และแพ้อิหร่าน 0–2 ส่งผลให้เขาถูกปลด บี. ซาเธียนาธาน เข้ามาคุมทีมต่อ แม้จะพาทีมชนะเลิศเมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ มาเลเซียก็ยังล้มเหลวในการผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหลังจากแพ้บาห์เรนรวมผลประตูสองนัด 1–4 ในรอบคัดเลือก ต่อมาใน ค.ศ. 2008 มาเลเซียแพ้จุดโทษเวียดนามในรอบชิงชนะเลิศเมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์ รวมทั้งเข้ารอบรองชนะเลิศรายการรอยัลชาเลนจ์ที่ประเทศพม่าแต่ก็แพ้พม่าเจ้าภาพไปอย่างเหนือความคาดหมาย 1–4[22]
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2008 มาเลเซียเริ่มต้นด้วยการชนะลาว 3–0 แต่แพ้เวียดนามในนัดที่สอง 2–3 และตกรอบอย่างเป็นทางการหลังจากแพ้ไทยในนัดสุดท้าย 0–3 ตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี รวมทั้งยังมีการร้องเรียนว่าได้เกิดเหตุการณ์การติดสินบนในประเทศอีกครั้ง[23] ต่อมาใน เอเชียนคัพ 2011 รอบคัดเลือก มาเลเซียแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 0–5 ทำให้ซาเธียนาธานถูกยกเลิกสัญญา[24] เค. ราจาโกปัล เข้ามารับตำแหน่งผู้ฝึกสอนใน ค.ศ. 2009 พร้อมทั้งควบตำแหน่งผู้ฝึกสอนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี[25] โดยนัดแรกของเขาคือการชนะซิมบับเว 4–0 ตามด้วยการแพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมกระชับมิตรสองนัด 2–3 และ 0–2 และพาทีมทีมชาติมาเลเซียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีคว้าเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ได้เป็นสมัยที่ห้าในซีเกมส์ 2009[26] และพาทีมชาติชุดใหญ่ผ่านเข้ารอบที่สองใน เอเชียนเกมส์ 2010[27]
ทศวรรษ 2010
[แก้]ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2010 ผู้เล่น 14 คนของมาเลเซียเป็นผู้เล่นในชุดอายุไม่เกิน 23 ปี พวกเขาอยู่ในกลุ่มเอและเริ่มต้นนัดแรกด้วยการแพ้อินโดนีเซีย 1–5 แต่กลับมาแก้ตัวด้วยการเสมอไทย และชนะลาว 5–1 เข้ารอบในฐานะทีมอันดับสองไปพบเวียดนามซึ่งเป็นผู้ชนะในกลุ่มบี พวกเขาเอาชนะได้ 2–0 ในเลกแรกที่มาเลเซีย[28] และบุกไปเสมอ 0–0 ที่เวียดนาม ผ่านเข้าชิงชนะเลิศพบกับคู่แข่งสำคัญอย่างอินโดนีเซีย โดยในเลกแรก มาเลเซียชนะในบ้านที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล 3–0 จากสองประตูของ ซาฟิอี ซาลี และหนึ่งประตูจาก อัชารี แซมซูดิน โดยในเกมหนี้มีผู้เข้าชมเต็มความจุสนามบูกิตจาลิลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปิดใช้สนามแห่งนี้ และในนัดที่สองที่จาการ์ตา มาเลเซียบุกไปแพ้ 1–2 แต่รวมผลประตูสองนัดชนะ 4–2 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรก
จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ความคาดหวังของทีมชาติมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้นตลอดทศวรรษ 2010 แม้ทีมจะยังไม่สามารถชนะเลิศการแข่งขันรายการสำคัญเพิ่มได้[29] ในเดือนมิถุนายน 2014 ดอลลาห์ ซัลเลห์ อดีตนักฟุตบอลมาเลเซียเข้ามารับตำแหน่งผู้ฝึกสอน และพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2014 แต่แพ้ไทยด้วยผลประตูรวมสองนัด 3–4 และยังมีผลงานย่ำแย่โดยการแพ้โอมาน และปาเลสไตน์ 0–6 ทั้งสองนัด, เสมอติมอร์-เลสเต 1–1 และแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 0–10 ถือเป็นการแพ้ด้วยผลประตูที่มากที่สุดในรอบ 50 ปีของมาเลเซีย ส่งผลให้ซัลเลห์ถูกปลด เนโล วินกาดา ชาวโปรตุเกสเข้ามาคุมทีมใน ค.ศ. 2017 พาทีมลงแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 แต่ทำผลงานย่ำแย่โดยตกรอบคัดเลือกดังกล่าวด้วยผลงานเสมอ 1 นัด และแพ้ไปถึง 5 นัด[30] ตัน เชง โฮ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากวินกาดาซึ่งลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และพาทีมลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2018 อยู่ในกลุ่มเอร่วมกับเวียดนาม, พม่า, กัมพูชา และลาว พวกเขาเริ่มต้นด้วยการชนะกัมพูชา 1–0 ตามด้วยการชนะลาว 3–1 แต่แพ้เวียดนาม 0–2 ปิดท้ายด้วยการชนะพม่า 3–0 เข้ารอบในฐานะทีมอันสองไปพบกับไทยผู้ชนะกลุ่มบีในรอบรองชนะเลิศ และเอาชนะไทยไปได้ด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังจากเสมอ 0–0 ที่บูกิตจาลิล และเสมอ 2–2 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ผ่านเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแต่แพ้เวียดนามด้วยผลประตูรวมสองนัด 2–3 ได้รองแชมป์เป็นครั้งที่สาม อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากการทำผลงานยอดเยี่ยมโดยใช้ผู้เล่นอายุน้อยหลายคนซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกำลังหลักในอนาคต[31]
2020–ปัจจุบัน
[แก้]เอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 กลุ่มอี
ทีม | จำนวนนัด | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ประตูได้ | ประตูเสีย | ผลต่าง | คะแนน | การผ่านเข้ารอบ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
บาห์เรน | 3 | 3 | 0 | 0 | 5 | 1 | +4 | 9 | เอเชียนคัพ 2023 |
มาเลเซีย (H) | 3 | 2 | 0 | 1 | 8 | 4 | +4 | 6 | |
เติร์กเมนิสถาน | 3 | 1 | 0 | 2 | 3 | 5 | −2 | 3 | |
บังกลาเทศ | 3 | 0 | 0 | 3 | 2 | 8 | −6 | 0 |
มาเลเซียเอาชนะติมอร์-เลสเตในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 1 ไปอย่างง่ายดายด้วยผลประตูรวมสองนัด 12–2[32] และรอบที่ 2 พวกเขาอยู่ร่วมกับไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซียเริ่มต้นนัดแรกโดยชนะอินโดนีเซีย 3–2 ตามด้วยการแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1–2 แม้จะขึ้นนำไปก่อน[33] และบุกไปแพ้เวียดนามที่ฮานอย 0–1 แต่พวกเขายังมีลุ้นในการเข้ารอบจากการทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการชนะไทย 2–1[34] และชนะอินโดนีเซีย 2–0 แต่พวกเขาแพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (0–4) และเวียดนาม (1–2) ในสองนัดต่อมา ตกรอบอย่างเป็นทางการแม้จะบุกไปชนะไทย 1–0 แต่พวกเขายังได้สิทธิ์แข่งขันเอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก[35]
มาเลเซียตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 โดยแม้จะเริ่มต้นด้วยการชนะกัมพูชา (3–1) และ ลาว (4–0) แต่พวกเขาแพ้เวียดนาม (0–3) และอินโดนีเซีย (1–4) ในสองนัดสุดท้าย[36] ตัน เชง โฮ ได้ยุติบทบาทการเป็นผู้ฝึกสอน[37] คิม พัน-กน เข้ามารับตำแหน่งต่อ และมาเลเซียสามารถผ่านไปเล่นในเอเชียนคัพ 2023 ได้สำเร็จ ด้วยผลงานชนะสองนัดและแพ้หนึ่งนัดในการแข่งขันรอบคัดเลือก – รอบที่ 3 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันรอบสุดท้ายนับตั้งแต่พวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมในปี 2007 ต่อมา มาเลเซียร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจบด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศจากการเอาชนะจุดโทษทีมชาติไทยในนัดแรก ก่อนจะแพ้จุดโทษทาจิกิสถานในนัดชิงชนะเลิศ
ในช่วงปลายปี 2022 มาเลเซียลงแข่งกระชับมิตร 2 นัดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2022 เอาชนะกัมพูชา (4–0)[38] และมัลดีฟส์ (3–0)[39] และในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน มาเลเซียประเดิมด้วยการชนะพม่า 1–0[40] และชนะลาวในนัดต่อมา 5–0 ก่อนจะแพ้เวียดนาม 0–3 ปิดท้ายด้วยการชนะสิงคโปร์ 4–1 เข้ารอบเป็นอันดับ 2 แต่แพ้ไทยด้วยผลรวมสองนัด 1–3 แม้จะเอาชนะในนัดแรกได้ 1–0 ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล[41] แต่อันดับโลกของพวกเขายังขยับขึ้นไปที่อันดับ 145[42] ต่อมา มาเลเซียเอาชนะเติร์กเมนิสถาน[43] และฮ่องกง[44] ในเกมกระชับมิตรเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ต่อมาในเดือนมิถุนายน มาเลเซียชนะหมู่เกาะโซโลมอน 4–1 ตามด้วยการเอาชนะปาปัวนิวกินี 10–0 เป็นสถิติการเอาชนะคู่แข่งที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของมาเลเซีย อันดับโลกของพวกเขาขึ้นสู่อันดับ 137 และเป็นอันดับ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลังฟิลิปปินส์ (135), ไทย (113), และเวียดนาม (95) โดยนี่เป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขาในรอบ 17 ปี[45] ในเดือนกันยายน มาเลเซียลงแข่งขัน 2 นัดที่เฉิงตู ในนัดแรกพวกเขาตีเสมอซีเรีย 2–2 แม้จะตามหลังไปก่อน 0–2 ตามด้วยการเสมอจีน 1–1 ต่อมา พวกเขาลงแข่งขันถ้วยเมอร์เดกาหลังจากไม่มีส่วนร่วมมา 10 ปี เอาชนะอินเดียในรอบรองชนะเลิศ 4–2 แต่แพ้ทาจิกิสถานในรอบชิงชนะเลิศ 0–2
ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2023 มาเลเซียตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยแพ้จอร์แดนในนัดแรก 0–4 และแพ้บาห์เรน 0–1 ซึ่งพวกเขาเสียประตูในนาทีสุดท้าย แต่มาเลเซียอำลาการแข่งขันด้วยการมีผลงานที่ดีในนัดสุดท้ายจากการเสมอเกาหลีใต้ 3–3 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การแข่งขันปี 1980 ที่พวกเขามีคะแนนในรายการนี้ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 2 มาเลเซียตกรอบจากผลงานชนะ 3 นัด, เสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด มี 10 คะแนน แม้พวกเขาจะเก็บ 6 คะแนนเต็มใน 2 นัดแรกที่พบกับคีร์กีซสถาน และจีนไทเป แต่การบุกแพ้ไปโอมานที่มัสกัต 0–2 และกลับมาแพ้ในบ้านด้วยสกอร์เดียวกันทำให้อันดับพวกเขาตกลง และในนัดที่ 5 มาเลเซียเสมอคีร์กีซสถาน 1–1 ทำให้ต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย แม้พวกเขาจะชนะไทเป 3–1 แต่คู่แข่งที่ลุ้นเข้ารอบด้วยกันอย่างคีร์กีซสถานเก็บคะแนนได้จากการเสมอโอมาน ทำให้มาเลเซียตกรอบโดยเป็นรองอันดับ 2 เพียงหนึ่งคะแนน และคิมลาออกจากการเป็นผู้ฝึกสอน แต่มาเลเซียยังได้สิทธิ์แข่งขันเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก[46]
มาเลเซียกลับมาชนะเลิศการแข่งขันเมอร์เดกาคัพ หลังจากชนะฟิลิปปินส์และเลบานอนตามลำดับ ตามด้วยการลงแข่งขันกระชับมิตร 3 นัด โดยแพ้นิวซีแลนด์ 0–4, ชนะลาว 3–1 และเสมออินเดีย 1–1 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2024 ต่อมา มาเลเซียอยู่ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 กลุ่มเอ มาเลเซียเสมอกัมพูชาในนัดแรก 2–2 และเอาชนะติมอร์-เลสเตในนัดต่อมา 3–2 ตามด้วยการแพ้ไทย 0–1 และตกรอบแบ่งกลุ่มจากการเสมอสิงคโปร์ในนัดสุดท้าย 0–0
มาเลเซียแต่งตั้งผู้ฝึกสอนคนใหม่คือ ปีเตอร์ คลามอฟสกี ชาวออสเตรเลียเชื้อสายมาซิโดเนีย[47] มีกำหนดเริ่มงานในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2025 เพื่อเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3
สนามแข่ง
[แก้]มาเลเซียใช้สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิลเป็นสนามเหย้า มีความจุกว่า 87,411 ที่นั่ง[48] ถือเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับแปดของโลก ก่อนหน้านี้มาเลเซียเคยใช้สนามกีฬาเมอร์เดกาเป็นสนามหลัก สนามเหย้าอื่น ๆ ในปัจจุบันได้แก่ สนามกีฬากัวลาลัมเปอร์
สนามเหย้าของทีมชาติมาเลเซีย | ||||
---|---|---|---|---|
สนาม | ความจุ | ที่ตั้ง | ใช้งานล่าสุด | |
สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล | 87,411 | กัวลาลัมเปอร์ | พบ อินเดีย (13 ตุลาคม 2023; เมอร์เดก้าคัพ 2023) | |
สนามกีฬากัวลาลัมเปอร์ | 18,000 | กัวลาลัมเปอร์ | พบ ฟีจี (5 กรกฎาคม 2018; เกมระชับมิตร) |
ผู้สนับสนุน
[แก้]กองเชียร์ของทีมชาติมาเลเซียมีชื่อเรียกว่า อุลตร้า มาลายา พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความคลั่งไคล้และการสนับสนุนทีมชาติ ในการแข่งขันระดับนานาชาติทุกนัดที่ทีมชาติลงเล่น จะพบกลุ่มอุลตร้าในกลุ่มที่ยืนอยู่บริเวณกองเชียร์ สีหลักของกองเชียร์เหล่านี้มักจะเป็นสีดำพร้อมผ้าพันคอสีเหลืองและแบนเนอร์เหมือนกับสีชุดทีมชาติ กองเชียร์เหล่านี้นำพลุ กลอง และธงชาติขนาดใหญ่มาที่สนามกีฬาเสมอ[49]
คู่แข่ง
[แก้]ทีมชาติมาเลเซียมีทีมคู่ปรับในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญได้แก่ อินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนาม และ สิงคโปร์ เนื่องจากการแย่งความสำเร็จในรายการสำคัญ และสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โดยมีอินโดนีเซียเป็นคู่ปรับที่สำคัญที่สุด การแข่งขันกับอินโดนีเซียซึงเรียกว่า "Nusantara Derby" หรือ "ดาร์บีมลายู" มีที่มาจากเหตุการณ์การเผชิญหน้าระหว่างอินโดนีเซีย–มาเลเซีย (ค.ศ. 1963–66) หรือการเผชิญหน้าเกาะบอร์เนียว เกิดจากการต่อต้านของอินโดนีเซียต่อการก่อตั้งสหพันธ์มาเลเซีย
การแข่งขันกับสิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม แม้จะไม่ดุเดือดเท่าการพบอินโดนีเซีย แต่ทั้งสามชาติก็ถือเป็นคู่ปรับของมาเลเซียในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน โดยสนามบูกิตจาลิลของมาเลเซียขึ้นชื่อว่าเป็นสนามที่คู่แข่งในอาเซียนบุกมาเอาชนะได้ยากที่สุด โดยมาเลเซียไม่แพ้ทีมชาติไทยที่สนามแห่งนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1990
ผลงาน
[แก้]- 1930-1970 - ไม่ได้เข้าร่วม
- 1974-2026 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 1956-1972 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 1976 และ 1980 - รอบแรก
- 1984-2004 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 2007 - รอบแรก
- 2011-2019 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 2023 - รอบแรก
- 1996 - รองชนะเลิศ
- 1998 - รอบแรก
- 2000 - อันดับสาม
- 2002 - อันดับสี่
- 2004 - อันดับสาม
- 2007 - รอบรองชนะเลิศ
- 2008 - รอบแรก
- 2010 - ชนะเลิศ
- 2012 - รอบรองชนะเลิศ
- 2014 - อันดับสอง
- 2016 - รอบแรก
- 2018 - รองชนะเลิศ
- 2020 - รอบแรก
- 2022 - รอบรองชนะเลิศ
- 2024 - รอบแรก
เกียรติยศอื่น ๆ
[แก้]- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ (4 ครั้ง) : (พ.ศ. 2515, พ.ศ. 2519*, พ.ศ. 2520*, พ.ศ. 2521)
*หมายเหตุ: ในปี พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2520 เป็นการชนะเลิศร่วม
นักเตะชุดปัจจุบัน
[แก้]รายชื่อผู้เล่น 26 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 ในเดือนธันวาคม 2024[50]
จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติและจำนวนประตูที่ยิงได้นับถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 หลังแข่งขันกับ อินเดีย
# | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | Rahadiazli Rahalim | 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2001 | 1 | 0 | ตรังกานู |
16 | GK | Kalamullah Al-Hafiz | 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1995 | 1 | 0 | เซอลาโงร์ |
23 | GK | Haziq Nadzli | 6 มกราคม ค.ศ. 1998 | 1 | 0 | เประ |
2 | DF | Jimmy Raymond | 26 เมษายน ค.ศ. 1996 | 0 | 0 | กูจิงซิตี |
3 | DF | Khuzaimi Piee | 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993 | 9 | 0 | เซอลาโงร์ |
4 | DF | Daniel Ting | 1 ธันวาคม ค.ศ. 1992 | 11 | 1 | ซาบะฮ์ |
5 | DF | Adib Raop | 25 ตุลาคม ค.ศ. 1999 | 3 | 1 | ปีนัง |
6 | DF | โดมินิก ตัน | 12 มีนาคม ค.ศ. 1997 | 34 | 0 | ซาบะฮ์ |
12 | DF | Declan Lambert | 21 กันยายน ค.ศ. 1998 | 2 | 0 | กัวลาลัมเปอร์ซิตี |
22 | DF | Aiman Hakimi | 28 มกราคม ค.ศ. 2005 | 0 | 0 | เซอลาโงร์ |
24 | DF | Harith Samsuri | 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 | 0 | 0 | เนอเกอรีเซิมบีลัน |
8 | MF | สจวร์ต วิลกิน | 12 มีนาคม ค.ศ. 1998 | 24 | 5 | ซาบะฮ์ |
10 | MF | Endrick | 7 มีนาคม ค.ศ. 1995 | 16 | 0 | นครโฮจิมินห์ |
14 | MF | สยาเมอร์ คุตตี อับบา | 1 ตุลาคม ค.ศ. 1997 | 39 | 2 | ปีนัง |
18 | MF | Daryl Sham George | 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 | 0 | 0 | โจโฮร์ดารุลตักซิม II |
19 | MF | Ezequiel Agüero | 7 เมษายน ค.ศ. 1994 | 13 | 3 | ศรีปะหัง |
21 | MF | Danial Amier Norhisham | 27 มีนาคม ค.ศ. 1997 | 2 | 0 | กูจิงซิตี |
25 | MF | Muhammad Abu Khalil | 11 เมษายน ค.ศ. 2005 | 0 | 0 | เอ็ฟซี โอซากะ |
7 | FW | Haqimi Azim | 6 มกราคม ค.ศ. 2003 | 8 | 1 | กัวลาลัมเปอร์ซิตี |
9 | FW | ดาร์เรน ลก | 14 ธันวาคม ค.ศ. 1990 | 36 | 6 | ซาบะฮ์ |
11 | FW | Gunalan Pavithran | 10 มกราคม ค.ศ. 2005 | 0 | 0 | โจโฮร์ดารุลตักซิม II |
13 | FW | Fazrul Amir | 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2000 | 2 | 0 | กลันตัน |
15 | FW | เฟอร์กัส เทียร์นีย์ | 19 มีนาคม ค.ศ. 2003 | 2 | 0 | ชลบุรี |
17 | FW | เปาโล โจซูเอ | 13 มีนาคม ค.ศ. 1989 | 19 | 6 | กัวลาลัมเปอร์ซิตี |
20 | FW | ซยาฟิค อาห์หมัด | 28 มิถุนายน ค.ศ. 1995 | 40 | 10 | เกอดะฮ์ดารุลอามัน |
26 | FW | Najmuddin Akmal | 11 มกราคม ค.ศ. 2003 | 0 | 0 | โจโฮร์ดารุลตักซิม II |
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Ooi Kin Fai (3 April 2017). "FAM reverts team name back to Harimau Malaya". Goal.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 April 2017. สืบค้นเมื่อ 4 April 2017.
- ↑ Mamrud, Roberto. "Malaysia - Record International Players". RSSSF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2021. สืบค้นเมื่อ 30 December 2021.
- ↑ "Mohamed Mokhtar Dahari". RSSSF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 June 2021. สืบค้นเมื่อ 19 August 2020.
- ↑ "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 19 ธันวาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2024.
- ↑ "Malaysia matches, ratings and points exchanged". World Football Elo Ratings: Malaysia. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 January 2018. สืบค้นเมื่อ 24 November 2016.
- ↑ "Ultras Malaya". MalaysiaKini. 23 November 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-10. สืบค้นเมื่อ 13 November 2014.
- ↑ 16 (2021-12-21). "เสือเหลือง เรียกกุนซือแจกแจงหลังมาเลเซียฟอร์มบู่ตกรอบแรกซูซูกิ คัพ". ข่าวสด.
{{cite web}}
: CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์) - ↑ "Abdul Ghani Minhat – Goals in International Matches". www.rsssf.com.
- ↑ "MAJID MISSES A PENALTY AND MALAYSIA CRASH". eresources.nlb.gov.sg (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Cho, Younghan (2016-03-17). Football in Asia: History, Culture and Business (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 978-1-317-59832-9.
- ↑ "Sabahan may be Mokhtar's replacement". eresources.nlb.gov.sg (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Seng, Alan Teh Leam (2018-07-14). "Supermokh: Remembering our greatest footballer | New Straits Times". NST Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Malaysian Football Legends: Mokhtar Dahari | Goal.com". www.goal.com.
- ↑ "Relentless Ronaldo equals international goals world record | UEFA EURO 2020 | UEFA.com". web.archive.org. 2021-06-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Mokhtar pernah jadi penjaring terbanyak dunia | Berita Harian". web.archive.org. 2021-06-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Soh Chin Ann – Double Century of International Appearances". www.rsssf.com.
- ↑ "Sabah FA: Give us a chance". eresources.nlb.gov.sg (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "The glory days of Malaysian football - Star2.com". web.archive.org. 2018-03-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-19. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Stanley, Ryan (2016-08-14). "Jejak Wira Olimpik 1980 : 'The Hurricane' pecahkan tembok Korea Selatan". Berita Harian (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "The 1994 scandal that destroyed Malaysian football | CILISOS - Current Issues Tambah Pedas!". web.archive.org. 2018-06-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Bicskei Bertalan feláll a malajziai kispadról". web.archive.org. 2016-03-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Grand Royal Challenge Cup 2008 (Yangon)". web.archive.org. 2016-03-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Soccer-Corruption appearing again in Malaysian sport, chief says | Reuters". web.archive.org. 2018-06-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Malaysia sacks national football coach". www.asiaone.com.
- ↑ "Coach Rajagopal urges Malaysians to support team irrespective of results". web.archive.org. 2010-11-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Malaysia Down Vietnam To Win SEA Games Gold Medal - Goal.com". web.archive.org. 2016-03-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Malaysia enter last 16 but crippled by injuries and suspensions". web.archive.org. 2010-11-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-17. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Malaysia - Việt Nam 2-0: Tay trắng sân khách, ĐTVN gặp khó ở lượt về - TTVH Mobile". web.archive.org. 2016-03-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Malaysia: A new hope". ESPN.com (ภาษาอังกฤษ). 2012-07-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-15. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
- ↑ "Malaysia's entire 2019 Asian Cup qualification in full | Goal.com". web.archive.org. 2018-06-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Times, New Straits (2019-08-14). "Going the 'Malaysian Way' | New Straits Times". NST Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Tuesday, 11 Jun 2019 11:36 PM MYT. "Harimau Malaya eliminate Timor Leste with 12-2 aggregate win | Malay Mail". www.malaymail.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Tuesday, 10 Sep 2019 11:16 PM MYT. "UAE fight back to edge Malaysia 2-1 in World Cup qualifier | Malay Mail". www.malaymail.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Malaysia beat Thailand 2-1 to claim second win in WC qualifiers". The Star (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Malaysia beat Indonesia 2-0 in WC qualifiers to end year on a high". The Star (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Indonesia hit back to reach Suzuki Cup semi-finals, Vietnam also through". CNA (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-20. สืบค้นเมื่อ 2021-12-20.
- ↑ "Tan Cheng Hoe resigns as Malaysia coach after AFF Suzuki Cup failure". South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 2022-01-03.
- ↑ Rajan, K. (2022-10-31). "AFF Cup run-up: Cambodia and Maldives easy meat for Harimau? | New Straits Times". NST Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Rajan, K. (2022-12-15). "Malaysia beat Maldives 3-0 in football friendly | New Straits Times". NST Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Winning start for Malaysia". The Star (ภาษาอังกฤษ). 2022-12-21.
- ↑ Rajan, K. (2023-01-10). "Malaysia crash out in AFF Cup semi-finals | New Straits Times". NST Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harimau Malaya shine in 2022 as M'sia qualify for Asian Cup on merit". The Malaysian Reserve (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2022-12-31.
- ↑ "Muhammad Akhyar helps Harimau Malaya to 1-0 win over Turkmenistan". thesun.my (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Malaysia down Hong Kong 2-0 in friendly". The Star (ภาษาอังกฤษ). 2023-03-29.
- ↑ "Malaysia up one rung to 137th in world rankings". The Star (ภาษาอังกฤษ). 2023-06-30.
- ↑ "SIARAN MEDIA: KIM PAN GON LETAK JAWATAN KETUA JURULATIH HARIMAU MALAYA | FAM". fam.org.my.
- ↑ "Cklamovski named Malaysia head coach". the-AFC (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Football stadiums of the world – Stadiums in Malaysia | Football stadiums of the world" (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-15.
- ↑ "Ultras Malaya - Truely fans of Harimau Malaya Team | MalaysiaKini - Malaysia News | Berita Terkini". web.archive.org. 2012-09-10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-10. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Final Squad". Football Association of Malaysia.