ข้ามไปเนื้อหา

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คณะรัฐมนตรีเศรษฐา
คณะรัฐมนตรีคณะที่ 63 แห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2566 - 2567
วันแต่งตั้ง1 กันยายน 2566 (2566-09-01)
วันสิ้นสุด3 กันยายน 2567 (2567-09-03)
บุคคลและองค์กร
พระมหากษัตริย์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายกรัฐมนตรี
รองนายกรัฐมนตรี
พรรคร่วมรัฐบาล
สถานะในสภานิติบัญญัติรัฐบาลผสม
315 / 494 (64%)
พรรคฝ่ายค้าน
ผู้นำฝ่ายค้านชัยธวัช ตุลาธน
ประวัติ
การเลือกตั้ง14 พฤษภาคม 2566
การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี22 สิงหาคม 2566
สภานิติบัญญัติสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26
วาระสภานิติบัญญัติ4 ปี
งบประมาณพ.ศ. 2567
ก่อนหน้าคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 62
ถัดไปคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 (1 กันยายน พ.ศ. 2566 – 3 กันยายน พ.ศ. 2567) เป็นคณะรัฐมนตรีไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ส่งผลให้ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเด็ดขาดในรัฐสภา

ในระยะแรก พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยรวบรวมเสียงพรรคการเมืองจำนวน 6 พรรค ต่อมาเพิ่มเป็น 8 พรรค และลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน เพื่อเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่พิธาได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด พรรคก้าวไกลจึงมอบสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยได้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจดังกล่าว จากนั้นรวบรวมเสียงพรรคการเมืองในรอบใหม่ ได้จำนวน 11 พรรค และเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน อดีตประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เศรษฐาได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566[1] และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในวันเดียวกัน[2] ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน[3] โดยเศรษฐาได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 5 กันยายน[4] และแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นการบริหารรัฐกิจเมื่อวันที่ 11 และ 12 กันยายน[5]

เศรษฐาถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ[6] ยกเว้นเศรษฐา คณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี[7] และสิ้นสุดลงในทางพฤตินัยเมื่อแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้นำคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 ที่แต่งตั้งใหม่เมื่อวันที่ 3 กันยายน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน

ประวัติ

การจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคก้าวไกล

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมด้วยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 พรรคก้าวไกลซึ่งได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันดับที่ 1 ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในครั้งแรก โดยชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาล รวบรวมพรรคการเมืองซึ่งเคยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านในรัฐบาลชุดก่อนหน้าทั้งหมดที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเสรีรวมไทย[8] และยังมีพรรคที่เข้าร่วมเพิ่มเติมภายหลังได้แก่ พรรคเป็นธรรม[9] พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง[10] โดยมีการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งทั้ง 8 พรรคมีมติสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย, จัดตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาด้านต่าง ๆ[11] และจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการจัดตั้งรัฐบาลด้วยวิธีนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย[12] จากนั้นมีข่าวว่าพรรคใหม่และพรรคชาติพัฒนากล้าได้ตกลงเข้าร่วมรัฐบาลด้วย แต่ถูกคัดค้านจากประชาชนจึงถอนตัวในเวลาต่อมา[13][14]

บันทึกความเข้าใจจัดตั้งรัฐบาล

ทั้ง 8 พรรคได้ลงนามบันทึกความเข้าใจจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 9 ปีของเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลารัฐประหาร[12] โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยึดหลักการผลักดันนโยบายที่ไม่กระทบรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดละเมิดไม่ได้ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึง ไม่มีวาระการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่ในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้[15] ประกอบด้วยวาระร่วม 23 ข้อ และแนวทางปฏิบัติ 5 ข้อ ซึ่งบรรจุประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ, สมรสเท่าเทียม, การปฏิรูปกองทัพและตำรวจ, การเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ, การกระจายอำนาจ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นต้น[16]

การจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย

ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรอบแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พิธาได้รับการลงมติเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพียง 324 เสียง ซึ่งไม่ถึง 376 เสียงตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดไว้[17] และวันที่ 19 กรกฎาคม มีการเสนอชื่อพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่รัฐสภามีมติให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีถือเป็นญัตติซ้ำ ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อพิธาได้อีกในสมัยประชุมเดียวกัน[18] สองวันถัดมา ชัยธวัชจึงประกาศมอบสิทธิ์ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยกล่าวว่ามีกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับตนไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ[19]

วันรุ่งขึ้น พรรคเพื่อไทยจึงได้เริ่มต้นเจรจากับพรรคภูมิใจไทย[20] พรรคชาติพัฒนากล้า[21] และพรรครวมไทยสร้างชาติ[22] และวันถัดมาเจรจากับพรรคชาติไทยพัฒนา[23] และพรรคพลังประชารัฐ[24] ซึ่งทั้ง 5 พรรคระบุตรงกันว่าไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบายยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยประกาศเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติ[25] จากนั้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พรรคเพื่อไทยยกเลิกบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล[26] และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พรรคเพื่อไทยได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย โดยมีเงื่อนไขไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่นำพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล[27] จากนั้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม มีพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มเติมคือ พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย[28] และวันถัดมาเพิ่มพรรคชาติไทยพัฒนาเข้ามาด้วย[29] ต่อมามีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ และอาจดึงมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งขัดกับหลักการที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน[30] พรรคก้าวไกลจึงมีมติเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมว่า จะไม่สนับสนุนให้บุคคลที่ได้รับเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี[31] วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อเศรษฐาให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี[32] สองวันถัดมาพรรครวมไทยสร้างชาติแถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย[33]

และเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พรรคเพื่อไทยได้นำพรรคการเมืองทั้งหมดที่ตกลงเข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ รวมจำนวน 11 พรรค มาร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการจัดสรรกระทรวงภายในพรรคร่วมตามสัดส่วน และทุกพรรคตกลงที่จะร่วมผลักดันนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย เช่น โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท, การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ, การเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ[34] สุดท้าย ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เศรษฐาได้รับการลงมติเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา เป็นจำนวน 482 ต่อ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง ส่งผลให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย[35]

การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและการปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่[3] โดยการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 110 วัน นับเป็นคณะรัฐมนตรีที่ใช้เวลาจัดตั้งนานที่สุดในประวัติศาสตร์คณะรัฐมนตรีไทย

พรรคเพื่อไทยได้สัดส่วนผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดนี้มากที่สุด จำนวน 17 คน 20 ตำแหน่ง รองลงมาเป็นพรรคภูมิใจไทย 8 คน 9 ตำแหน่ง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 คน 5 ตำแหน่ง (รวมโควตาบุคคลภายนอก), พรรคพลังประชารัฐ 3 คน 4 ตำแหน่ง, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ พรรคละ 1 คน 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ เศรษฐาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด (41 ปี) ขณะที่เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุด (77 ปี)[36] และมีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีที่เป็นสตรีจำนวน 5 คน[37]

วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 13:53 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมจำนวน 34 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่[38] จากนั้นในวันรุ่งขึ้นได้มีการประชุมนัดพิเศษ[39] ก่อนเข้าแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นการบริหารรัฐกิจเมื่อวันที่ 11 และ 12 กันยายน[5] และได้เริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายน[40]

การปรับคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 มีการปรับคณะรัฐมนตรีเพียงครั้งเดียว คือเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 มีรัฐมนตรีถูกปรับออก 4 คน ถูกโยกย้าย 6 คน และแต่งตั้งเพิ่ม 8 คน[41] แต่ในวันถัดมามีรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง 1 คน จึงมีการแต่งตั้งเพิ่มเมื่อวันที่ 30 เมษายน[42] และจากการปรับคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้จิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ (36 ปี) แทนสุดาวรรณในทันที[43] โดยเศรษฐาได้นำรัฐมนตรีที่แต่งตั้งใหม่ในครั้งนี้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 18:05 น.[44]

รายชื่อรัฐมนตรี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ดำรงตำแหน่งเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งจนสิ้นสุดคณะรัฐมนตรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง แต่งตั้งเพิ่ม เปลี่ยนแปลง/โยกย้ายไปตำแหน่งอื่น
รัฐมนตรีลอย ย้ายมาจากตำแหน่งอื่น ออกจากตำแหน่ง
ตำแหน่ง ลำดับ รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ หมายเหตุ พรรคการเมือง
นายกรัฐมนตรี * เศรษฐา ทวีสิน 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไทย
ภูมิธรรม เวชยชัย 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อไทย
รองนายกรัฐมนตรี 1 ภูมิธรรม เวชยชัย 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
สมศักดิ์ เทพสุทิน 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไทย
ปานปรีย์ พหิทธานุกร 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 คงเหลือเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อไทย
2 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
3 พิชัย ชุณหวชิร 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย[a]
4 อนุทิน ชาญวีรกูล 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
5 พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พลังประชารัฐ
6 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมไทยสร้างชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี พวงเพ็ชร ชุนละเอียด 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อไทย
7 จักรพงษ์ แสงมณี 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
พิชิต ชื่นบาน 27 เมษายน พ.ศ. 2567 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไทย
9 จิราพร สินธุไพร 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
กลาโหม 10 สุทิน คลังแสง 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
การคลัง เศรษฐา ทวีสิน 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 คงเหลือเฉพาะนายกรัฐมนตรี เพื่อไทย
* พิชัย ชุณหวชิร 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย[a]
กฤษฎา จีนะวิจารณะ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ลาออกจากตำแหน่ง รวมไทยสร้างชาติ[b]
12 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
13 เผ่าภูมิ โรจนสกุล 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
การต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร 1 กันยายน พ.ศ. 2566 28 เมษายน พ.ศ. 2567 ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไทย
14 มาริษ เสงี่ยมพงษ์ 30 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
จักรพงษ์ แสงมณี 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไทย
การท่องเที่ยวและกีฬา สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อไทย
15 เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 16 วราวุธ ศิลปอาชา 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ชาติไทยพัฒนา
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 17 ศุภมาส อิศรภักดี 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
เกษตรและสหกรณ์ 18 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พลังประชารัฐ
ไชยา พรหมา 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อไทย
อนุชา นาคาศัย 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี รวมไทยสร้างชาติ
19 อรรถกร ศิริลัทธยากร 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พลังประชารัฐ
คมนาคม * สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
20 มนพร เจริญศรี 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
21 สุรพงษ์ ปิยะโชติ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย[a]
ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 22 ประเสริฐ จันทรรวงทอง 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม * พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พลังประชารัฐ
พลังงาน * พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมไทยสร้างชาติ
พาณิชย์ * ภูมิธรรม เวชยชัย 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
23 นภินทร ศรีสรรพางค์ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
24 สุชาติ ชมกลิ่น 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมไทยสร้างชาติ
มหาดไทย * อนุทิน ชาญวีรกูล 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
25 ทรงศักดิ์ ทองศรี 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
26 ชาดา ไทยเศรษฐ์ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
27 เกรียง กัลป์ตินันท์ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
ยุติธรรม 28 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ประชาชาติ
แรงงาน 29 พิพัฒน์ รัชกิจประการ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
วัฒนธรรม เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อไทย
30 สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
ศึกษาธิการ 31 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
32 สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 ภูมิใจไทย
สาธารณสุข ชลน่าน ศรีแก้ว 1 กันยายน พ.ศ. 2566 27 เมษายน พ.ศ. 2567 พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อไทย
33 สมศักดิ์ เทพสุทิน 27 เมษายน พ.ศ. 2567 3 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อไทย
34 สันติ พร้อมพัฒน์ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 พลังประชารัฐ
อุตสาหกรรม 35 พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล 1 กันยายน พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567 รวมไทยสร้างชาติ

หมายเหตุ:

  1. 1.0 1.1 1.2 ถูกทาบทามเข้ามาในโควตาบุคคลภายนอกของพรรคเพื่อไทย
  2. ถูกทาบทามเข้ามาในโควตาบุคคลภายนอกของพรรครวมไทยสร้างชาติ

คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1[3]

ดำรงตำแหน่งเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรี

ภายหลัง

ถูกปรับออกจากตำแหน่ง

รัฐมนตรีจำนวน 6 ราย พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี มีผลวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/2[45]

โยกย้าย

แต่งตั้งเพิ่ม

ภายหลัง

ลาออก

มีรัฐมนตรีจำนวน 3 ราย ขอลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้

แต่งตั้งเพิ่ม

การสิ้นสุดของคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีคณะนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยถอดถอนเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีทูลเกล้าฯ แต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่พิชิตเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี[50] ทำให้เศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง แต่ในระหว่างนี้คณะรัฐมนตรีทั้งหมดยกเว้นตัวนายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งไปก่อน และสิ้นสุดลงในทางพฤตินัยเมื่อแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้นำคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 ที่แต่งตั้งใหม่เมื่อวันที่ 3 กันยายน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและเข้ารับหน้าที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน

นโยบาย

คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 ได้เข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 และ 12 กันยายน[5] โดยมีนโยบายระยะเร่งด่วน 5 นโยบาย ดังนี้

  1. โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
  2. การแก้ปัญหาหนี้สินในภาคการเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เช่น การพักหนี้เกษตรกร การประคองภาระหนี้ให้กับกลุ่มเอสเอ็มอี
  3. การลดค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง และปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงาน โดยเน้นส่งเสริมพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน
  4. การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เช่น ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจลงตราก่อนเข้าประเทศ เพิ่มสนามบินและเที่ยวบินเข้าประเทศไทย
  5. การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่มีการปรับแก้เนื้อหาในหมวดบททั่วไป และหมวดพระมหากษัตริย์

ส่วนนโยบายระยะกลางและระยะยาว เน้นการสร้างรายได้ โอกาส และคุณภาพชีวิตเป็นหลัก โดยแตกย่อยได้เป็นอย่างน้อย 22 นโยบาย นโยบายที่สำคัญในกลุ่มนี้ เช่น การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค, การพัฒนากองทัพ ซึ่งเน้นการปรับรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ, 1 ครอบครัว 1 ทักษะซอฟต์พาวเวอร์ เป็นต้น[51]

ข้อเท็จจริง

นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 เริ่มทำงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน กล่าวคือ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่เคยตกต่ำลงเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล แต่โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น[52] ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1,332.08 จุด ลดลง 14.934% นับจากปิดตลาดในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 17.00 น.[53]

แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 แต่ภายหลังที่รักษาการสมาชิกวุฒิสภาชุดดังกล่าวจำนวน 40 คน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็ส่อให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างรักษาการสมาชิกวุฒิสภากับนายกรัฐมนตรี โดยศาลอาจสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่งในกรณีการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน

ข้อวิจารณ์

ฉายา (พ.ศ. 2566)

  • ฉายารัฐบาล : แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม
  • ฉายารัฐมนตรี :
    1. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง : เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"
    2. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ : รองกอง
    3. สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม : พลิกทินสู่ดาว
    4. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงยุติธรรม : ทวี สอดไส้
    5. ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย : มาเฟียละเหี่ยใจ
  • วาทะแห่งปี : ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย[54]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. "Who is Srettha Thavisin, Thailand's next prime minister?". Reuters. 22 August 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 October 2023. สืบค้นเมื่อ 9 October 2023.
  2. "Srettha royally endorsed as new PM". The Bangkok Post. 23 August 2023. สืบค้นเมื่อ 9 October 2023.
  3. 3.0 3.1 3.2 "ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 140 (พิเศษ 214 ง): 1–3. 2023-09-02. สืบค้นเมื่อ 2023-09-02.
  4. "The New Srettha Thavisin Cabinet Is Royally Appointed". Khaosaod English. 2 September 2023. สืบค้นเมื่อ 9 October 2023.
  5. 5.0 5.1 5.2 "ปิดฉากประชุมรัฐสภาแถลงนโยบาย เปิดฉากรัฐบาลใหม่ใต้การนำของ 'เศรษฐา ทวีสิน'". เดอะสแตนดาร์ด. 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-09-28.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  6. Bloomberg, Patpicha Tanakasempipat and Suttinee Yuvejwattana / (2024-08-14). "Thai Prime Minister Srettha Thavisin Removed From Office by Court". TIME (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-08-14.
  7. "Srettha dismissed as PM after court ruling". Bangkok Post (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-08-14.
  8. ""ชัยธวัช" รับบทมือดีล "พรรคฝ่ายค้านเดิม" ตั้งรัฐบาล นัดคุย "พท." เป็นหลัก "พิธา" ต่อสายทีละพรรค เล็งส่งคนถก "ส.ว." ปรับความเข้าใจ". สยามรัฐ. 2023-05-16. สืบค้นเมื่อ 2023-08-25.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  9. "เลือกตั้ง 2566 : ภาพแรกแกนนำ 6 พรรค "จับมือ" ตั้งรัฐบาลร่วมกับก้าวไกล". บีบีซีไทย. 2023-05-17. สืบค้นเมื่อ 2023-06-10.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. "เกาะติดสูตรจัดตั้งรัฐบาล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2566". เดอะ แมทเทอร์. 2023-05-19. สืบค้นเมื่อ 2023-06-10.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  11. "พรรคร่วมรัฐบาล จ่อลงนาม MOU 22 พ.ค. ครบรอบ 9 ปีรัฐประหาร". ประชาชาติธุรกิจ. 2023-05-18. สืบค้นเมื่อ 2023-06-10.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  12. 12.0 12.1 "เลือกตั้ง 2566 : แก้ ม. 112-นิรโทษกรรมคดีการเมือง นโยบายก้าวไกลที่หายไปจาก MOU ตั้งรัฐบาล 8 พรรค". บีบีซีไทย. 2023-05-22. สืบค้นเมื่อ 2023-05-23.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  13. ""ก้าวไกล" ขอโทษประชาชน ยุติเจรจา ไม่ดึง "ชาติพัฒนากล้า" ร่วมรัฐบาล". พีพีทีวี. 2023-05-20. สืบค้นเมื่อ 2023-06-10.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  14. "เลือกตั้ง2566 : "พรรคใหม่" ถอนตัวร่วมรัฐบาลกับ "ก้าวไกล" - ยังโหวต "พิธา" เป็นนายกฯ". ไทยพีบีเอส. 2023-05-20. สืบค้นเมื่อ 2023-06-10.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. "เลือกตั้ง 2566 : แก้ ม. 112-นิรโทษกรรมคดีการเมือง นโยบายก้าวไกลที่หายไปจาก MOU ตั้งรัฐบาล 8 พรรค". บีบีซีไทย. 2023-05-22. สืบค้นเมื่อ 2023-05-23.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  16. "เลือกตั้ง2566 : เปิด "MOU 8 พรรค" แถลงจัดตั้งรัฐบาล". พีพีทีวี. 2023-05-22. สืบค้นเมื่อ 2023-05-23.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  17. "ด่วน โหวตนายกฯ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่ผ่านในครั้งแรก จ่อเสนอชื่อรอบ 2". ไทยรัฐ. 2023-07-13. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  18. "โหวตนายกฯ รอบ 2 : ถก 7 ชั่วโมง โหวตซ้ำ "พิธา" นายกฯ รอบ 2 ไม่ได้". ไทยพีบีเอส. 2023-07-19. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  19. "ก้าวไกล ส่งไม้ต่อ เพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล". mcot.net. สำนักข่าวไทย. 2023-07-21. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  20. "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย โชว์ชนช็อกมิ้นต์! ภท. ยื่นเงื่อนไขเขี่ยก้าวไกล ร่วม รบ". โพสต์ทูเดย์. 2023-07-22. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  21. ""ชาติพัฒนากล้า" พร้อมร่วมเพื่อไทย ตั้งรัฐบาล มีเงื่อนไขไม่แก้ ม.112". พีพีทีวี. 2023-07-22. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  22. "รวมไทยสร้างชาติ เปิดเจรจาเพื่อไทย รับไม่ได้บางพรรคไม่ใช่แค่ 112". ประชาชาติธุรกิจ. 2023-07-22. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  23. ""วราวุธ" ยันพร้อมหนุน "เพื่อไทย" ถ้าไม่แก้ ม.112 และต้องไม่มีพรรคที่แตะ ม.112". ไทยพีบีเอส. 2023-07-23. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  24. "คำต่อคำ : ผลถก พลังประชารัฐ-เพื่อไทย หารือทางออกประเทศ 23 ก.ค. กับเรื่องเดิมๆ". สปริงนิวส์. 2023-07-23. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  25. "'พท.'เสนอชื่อ 'เศรษฐา'ประชุมรัฐสภา4ส.ค.นี้ รับหนักใจสกรีนพรรคร่วม". เดลินิวส์. 2023-07-30. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  26. "ย้อนรอย 72 วัน อวสาน MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกล". ฐานเศรษฐกิจ. 2023-08-03. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  27. "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย: ภูมิใจไทยถอนฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน ประเดิมตั้งรัฐบาลขั้นต่ำ 212 เสียงร่วมกับเพื่อไทย". บีบีซีไทย. 2023-08-07. สืบค้นเมื่อ 2023-08-09.
  28. "เพื่อไทย จับมือ 6 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล". ไทยพีบีเอส. 2023-08-09. สืบค้นเมื่อ 2023-08-10.
  29. "เปิดแถลงการณ์พรรคชาติไทยพัฒนา-เพื่อไทย สลายขั้วการเมือง". ไทยพีบีเอส. 2023-08-10. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  30. "สะพัด "เพื่อไทย" จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ 314 เสียง หลัง พปชร.-รทสช. ตอบรับ". ไทยรัฐ. 2023-08-11. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  31. "'ก้าวไกล' ไม่โหวตเห็นชอบให้แคนดิเดตนายกฯ ของรัฐบาลข้ามขั้ว ขัดเจตนารมณ์ประชาชน ดันวาระประชาชนไม่ได้". ประชาไท. 2023-08-15. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  32. "มติ พท.เสนอชื่อ'เศรษฐา'เป็นนายกฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภา". ผู้จัดการออนไลน์. 2023-08-15. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  33. "ดีลจบ! รวมไทยสร้างชาติร่วมเพื่อไทย ตั้งรัฐบาล". ไทยพีบีเอส. 2023-08-17. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  34. ""เพื่อไทย" จับมือ 11 พรรค จัดตั้งรัฐบาล 314 เสียง พรรค 2 ลุงมาครบ". พีพีทีวี. 2023-08-21. สืบค้นเมื่อ 2023-08-21.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  35. ""เศรษฐา" ฉลุย นั่งนายกฯ คนที่ 30 รัฐสภาโหวตเห็นชอบเกิน 374 เสียงแล้ว". ผู้จัดการออนไลน์. 2023-08-22. สืบค้นเมื่อ 2023-08-22.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  36. "ส่องอายุ ครม. "วัยเก๋า" เศรษฐา 1 เหล้าใหม่ ในขวดเดิม". ไทยพีบีเอส. 2023-08-31. สืบค้นเมื่อ 2023-09-05.
  37. "เปิดรายชื่อ 5 รัฐมนตรีหญิง ครม.เศรษฐา 1 ไม่พลิกโผ ประวัติแต่ละคนไม่ธรรมดา". www.sanook.com/news. 2023-09-02.
  38. "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ คณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่". สำนักพระราชวัง. 2023-05-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-26. สืบค้นเมื่อ 2023-05-09.
  39. ""เศรษฐา" ประชุม ครม.นัดพิเศษ เร่งแก้ปัญหา "เอลนีโญ-ดูแลระบบขนส่ง"". ไทยรัฐ. 2023-09-06. สืบค้นเมื่อ 2023-09-28.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  40. "มติ ครม. แรก ในยุค "เศรษฐา 1" กระทบชีวิตความเป็นอยู่คนไทยอย่างไร". บีบีซีไทย. 2023-09-13. สืบค้นเมื่อ 2023-11-20.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  41. "โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. "เศรษฐา 1/1"". บีบีซีไทย. 28 เมษายน 2024. สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  42. "โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ". ข่าวสด. 1 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  43. "'จิราพร' รับได้นั่ง รมต.สมัยแรกเพราะนายกฯ อยากเห็นคนรุ่นใหม่มาทำงาน". กรุงเทพธุรกิจ. 1 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 4 กันยายน 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  44. "ในหลวง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ครม.ชุดใหม่ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่". กรุงเทพธุรกิจ. 3 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  45. "พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี [รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน]" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 141 (พิเศษ 116 ง): 1–2. 28 เมษายน 2567 – โดยทาง ราชกิจจานุเบกษา.
  46. "ด่วน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" ลาออกจากรัฐมนตรีต่างประเทศ มีผลวันนี้ 28 เม.ย.67". ฐานเศรษฐกิจ. 28 เมษายน 2024. สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  47. ""คกก.กฤษฎีกา" ชี้ชัด "กฤษฎา" พ้นจากเก้าอี้ รมช.คลัง แล้ว มีผลตามกฎหมาย". ฐานเศรษฐกิจ. 9 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  48. "ปิดฉากรมต.ถุงขนม! "พิชิต" มาไวไปไวยื่นลาออกแล้ว เปิดทางนายกฯเดินหน้าบริหารประเทศต่อ". ผู้จัดการออนไลน์. 21 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2024.
  49. "พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี [นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์]" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 141 (พิเศษ 121 ง): 1. 1 พฤษภาคม 2567 – โดยทาง ราชกิจจานุเบกษา.
  50. "'เศรษฐา' ไม่รอด! ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ชี้ชะตาเศรษฐาพ้นเก้าอี้นายกฯ ทันที". เดอะ แมทเทอร์. 14 สิงหาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  51. "คำแถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ปัดฝุ่น "ผู้ว่า CEO" แก้ รธน.ไม่แตะหมวดสถาบันฯ". บีบีซีไทย. 6 กันยายน 2023. สืบค้นเมื่อ 2 ตุลาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  52. หุ้นร่วงพิษเชื่อมั่น
  53. หุ้นไทยวันนี้(31 ส.ค.66) ร่วง 10.73 จุด ขาย PTT-PTTEP-TOP
  54. "ฉายารัฐบาลปี 66 แกงส้ม "ผลัก" รวม - "เศรษฐา" เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"". ไทยพีบีเอส. 26 ธันวาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น