ข้ามไปเนื้อหา

อีเอฟแอลคัพ 2023 นัดชิงชนะเลิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อีเอฟแอลคัพ 2023 นัดชิงชนะเลิศ
สนามกีฬาเวมบลีย์ จะเป็นเจ้าภาพนัดนี้
รายการอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2022–23
วันที่26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-26)
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, เวมบลีย์
ผู้ตัดสินเดวิด คูเต (นอตทิงแฮมเชอร์)
ผู้ชม87,306 คน[1]
2022
2024

อีเอฟแอลคัพ 2023 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันฟุตบอลของ อีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2022–23 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กำหนดแข่งขันในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023[2] โดยเป็นนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกของนิวคาสเซิลนับตั้งแต่เอฟเอคัพ 1999 ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 2–0

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

[แก้]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

[แก้]
รอบ คู่แข่งขัน สกอร์
3 แอสตันวิลลา (H) 4–2
4 เบิร์นลีย์ (H) 2–0
QF ชาร์ลตันแอทเลติก (H) 3–0
SF นอตทิงแฮมฟอเรสต์ (A) 3–0
นอตทิงแฮมฟอเรสต์ (H) 2–0
สัญลักษณ์: (H) = เหย้า; (A) = เยือน

ในฐานะทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่มีส่วนร่วมใน ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2022–23, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้รับสิทธิ์บายเข้าสู่ในรอบสามโดยที่พวกเขานัดแรกพบกับทีมร่วมพรีเมียร์ลีก แอสตันวิลลา ในเกมเหย้ากับแมตช์นี้ลงเล่นที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 10 พฤศจิกายน. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 4–2 กับประตูสำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจาก อ็องตอนี มาร์ซียาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูนู ฟือร์นังดึช และ สกอตต์ แม็กโทมิเนย์ และประตูสำหรับแอสตันวิลลาจาก โอลลี วัตกินส์ และหนึ่ง การทำเข้าประตูตัวเอง จาก ดีโยกู ดาโล.[3] ในรอบที่สี่, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถูกจับสลากได้เล่นที่บ้านอีกครั้งต่อสโมสรจาก อีเอฟแอลแชมเปียนชิป เบิร์นลีย์ ผู้ที่เป็นผู้จัดการทีมคนปัจจุบันโดยอดีตผู้เล่น แมนเชสเตอร์ซิตี แว็งซ็อง กงปานี กับแมตช์ที่ลงเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในวันที่ 21 ธันวาคม. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 2–0 กับประตูที่มาจาก เครสแจน อีเรกเซิน และแรชฟอร์ด.[4] ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถูกจับสลากได้เล่นในบ้านพบกับสโมสรจาก อีเอฟแอลลีกวัน ชาร์ลตันแอทเลติก กับแมตช์ลงเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2023. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 3–0 กับแต่ละประตูที่มาจาก อังโตนี และสองจากแรชฟอร์ด.[5] ในรอบรองชนะเลิศ, ซึ่งลงเล่นเหนือสองเลก, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถูกจับสลากมาพบกับ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ กับเลกแรกออกไปเยือนก่อนที่ ซิตีกราวด์ ในวันที่ 25 มกราคม. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้นำไปก่อนถึง 3–0 จากประตูของ แรชฟอร์ด, เวาต์ เวคอสต์ และ ฟือร์นังดึช.[6] เลกที่สองที่จะลงเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์, กับชัยชนะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2–0 (รวมผลสองนัด 5–0) กับประตูที่มาจาก มาร์ซียาล และ แฟรจี.[7]

นิวคาสเซิลยูไนเต็ด

[แก้]
รอบ คู่แข่งขัน สกอร์
2 แทรนเมียร์โรเวอส์ (A) 2–1
3 คริสตัลพาเลซ (H) 0–0 (3–2 ล.)
4 บอร์นมัท (H) 1–0
QF เลสเตอร์ซิตี (H) 2–0
SF เซาแทมป์ตัน (A) 1–0
เซาแทมป์ตัน (H) 2–1
'สัญลักษณ์: (H) = เหย้า; (A) = เยือน

หนึ่งสโมสรจาก พรีเมียร์ลีก ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมใน การแข่งขันยูฟ่า, นิวคาสเซิลเข้าสู่บอลถ้วยในรอบที่สองโดยพวกเขาถูกจับสลากออกไปเยือนสโมสรจาก อีเอฟแอลลีกทู แทรนเมียร์โรเวอส์ กับแมตช์ลงเล่นที่ เพรนตันพาร์ก ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2022. นิวคาสเซิลชนะ 2–1 กับประตูสำหรับนิวคาสเซิลจาก กัปตันสโมสร จามาล ลาสเซลล์ส และ คริส วุด, หลังจากที่ เอลเลียตต์ เนวิตต์ ได้มอบให้แทรนเมียร์เป็นฝ่ายขึ้นนำ.[8] ในรอบที่สาม, พวกเขาถูกจับสลากได้เล่นในบ้านพบกับสโมสรร่วมพรีเมียร์ลีก คริสตัลพาเลซ, กับแมตช์ลงเล่นที่ เซนต์เจมส์พาร์ก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน. คู่นี้จบลงด้วยการเสมอ 0–0 หลัง 90 นาทีแต่หนึ่ง การดวลลูกโทษ ถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดผลลัพธ์, กับชัยชนะของนิวคาสเซิล 3–2 โดย วูด, คีแรน ทริปเปียร์ และ ฌูเอลิงตง เปลี่ยนจุดโทษให้เจ้าบ้าน ขณะที่ สเวน บ็อตมัน และ บรูนู กีมาไรส์ พลาด. วิลล์ ฮิวจ์ส และ โจเอล วอร์ด เปลี่ยนการยิงลูกโทษของพวกเขาสำหรับ พาเลซ, โดยมีกัปตันสโมสร ลูกา มิลิวอเยวิช, ฌ็อง-ฟิลิปเป มาเตตา และ มัลกอล์ม อีบิโอไว ทุกคนทั้งหมดได้ยิงไปติดเซฟโดยโพป.[9] ในรอบที่สี่, นิวคาสเซิลถูกจับสลากเล่นในบ้านมากกว่าครั้งนึงพบกับสโมสรอื่นจากพรีเมียร์ลีกใน บอร์นมัท, กับแมตช์ที่ลงเล่นที่เซนต์เจมส์พาร์ก ในวันที่ 20 ธันวาคม. นิวคาสเซิลชนะ 1–0 กับหนึ่งการทำเข้า ประตูตัวเอง จาก แอดัม สมิท. แมตช์นี้ได้เห็นผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล เอ็ดดี ฮาว เผชิญหน้าพบกับสโมสรเก่าของเขา.[10] ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, นิวคาสเซิลได้ถูกจับสลากเล่นในบ้านสำหรับรอบที่สามติดต่อกันพบกับ เลสเตอร์ซิตี, กับแมตช์ลงเล่นที่ เซนต์เจมส์พาร์ก ในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2023. นิวคาสเซิลชนะ 2–0 กับประตูที่มาจาก แดน เบิร์น และ ฌูเอลิงตง.[11] ในรอบรองชนะเลิศ, ซึ่งลงเล่นสองนัด, นิวคาสเซิลถูกจับสลากพบกับ เซาแทมป์ตัน กับเลกแรกลงเล่นไปเยือนที่ เซนต์แมรีส์สเตเดียม ในวันที่ 24 มกราคม. นิวคาสเซิลขึ้นนำไปก่อน 1–0 โดยได้ประตูจากฌูเอลิงตง.[12] เลกที่สองจะลงเล่นที่ เซนต์เจมส์พาร์ก ในวันที่ 31 มกราคม, กับชัยชนะของนิวคาสเซิล 2–1 (รวมผลสองนัด 3–1) กับสองประตูจาก ฌอน ลองสตาฟฟ์ และประตูปลอบใจสำหรับเซาแธมป์ตันจาก ชี แอดัมส์. อย่างไรก็ตาม, กีมาไรช์ถูก โดนไล่ออก, แม้ว่าเขาจะไม่พลาดนัดชิงชนะเลิศเนื่องจากการแข่งขัน 3 นัดถูกบังคับใช้ในพรีเมียร์ลีก, โดยเขาจะพลาดเกมลีก 3 นัดถัดไปที่นิวคาสเซิลจะพบกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด, บอร์นมัท และ ลิเวอร์พูล.[13]

แมตช์

[แก้]

รายละเอียดการแข่งขัน

[แก้]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด2–0นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
รายงาน
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[15]
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด[15]
GK 1 ประเทศสเปน ดาบิด เด เฆอา โดนใบเหลือง ใน 84th นาที 84'
RB 20 ประเทศโปรตุเกส ดีโยกู ดาโล โดนใบเหลือง ใน 9th นาที 9' Substituted off in the 46th นาที 46'
CB 19 ประเทศฝรั่งเศส ราฟาแอล วาราน
CB 6 ประเทศอาร์เจนตินา ลิซันโดร มาร์ติเนซ โดนใบเหลือง ใน 90+6th นาที 90+6'
LB 23 ประเทศอังกฤษ ลู้ก ชอว์
CM 18 ประเทศบราซิล กาเซมีรู โดนใบเหลือง ใน 87th นาที 87'
CM 17 ประเทศบราซิล แฟรจี โดนใบเหลือง ใน 37th นาที 37' Substituted off in the 69th นาที 69'
RW 21 ประเทศบราซิล อังโตนี Substituted off in the 83rd นาที 83'
AM 8 ประเทศโปรตุเกส บรูนู ฟือร์นังดึช (รองกัปตันทีม)
LW 10 ประเทศอังกฤษ มาร์คัส แรชฟอร์ด Substituted off in the 88th นาที 88'
CF 27 ประเทศเนเธอร์แลนด์ เวาต์ เวคอสต์ Substituted off in the 69th นาที 69'
รายชื่อผู้เล่นสำรอง:
GK 22 ประเทศอังกฤษ ทอม ฮีตัน
DF 2 ประเทศสวีเดน วิกตอร์ ลินเดอเลิฟ
DF 5 ประเทศอังกฤษ แฮร์รี แมไกวร์ Substituted on in the 88th minute 88' (กัปตัน)
DF 12 ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไทเรลล์ มาลาเซีย
DF 29 ประเทศอังกฤษ แอรอน แวน-บิสซากา Substituted on in the 46th minute 46'
MF 15 ประเทศออสเตรีย มาร์เซ็ล ซาบิทเซอร์ Substituted on in the 69th minute 69'
MF 39 ประเทศสกอตแลนด์ สกอตต์ แม็กโทมิเนย์ Substituted on in the 69th minute 69'
FW 25 ประเทศอังกฤษ เจดอน แซนโช Substituted on in the 83rd minute 83'
FW 49 ประเทศอาร์เจนตินา อาเลฆันโดร การ์นาโช
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเนเธอร์แลนด์ เอริก เติน ฮัค
GK 18 ประเทศเยอรมนี โลริส คารีอุส
RB 2 ประเทศอังกฤษ คีแรน ทริปเปียร์ (กัปตัน)
CB 5 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฟาบีอาน แชร์ โดนใบเหลือง ใน 90+6th นาที 90+6'
CB 4 ประเทศเนเธอร์แลนด์ สแว็น โบตมัน
LB 33 ประเทศอังกฤษ แดน เบิร์น
DM 39 ประเทศบราซิล บรูนู กีมาไรส์ Substituted off in the 78th นาที 78'
CM 36 ประเทศอังกฤษ ฌอน ลองสตาฟฟ์ Substituted off in the 46th นาที 46'
CM 7 ประเทศบราซิล โฌเอลิงตง โดนใบเหลือง ใน 45+6th นาที 45+6'
RW 24 ประเทศปารากวัย มิเกล อัลมิรอน
LW 10 ประเทศฝรั่งเศส อาลาน แซ็ง-มักซีแม็ง Substituted off in the 78th นาที 78'
CF 9 ประเทศอังกฤษ แคลลัม วิลสัน
รายชื่อผู้เล่นสำรอง:
GK 29 ประเทศอังกฤษ มาร์ก กิลเลสพี
DF 6 ประเทศอังกฤษ จามาล ลาสเซลส์
DF 11 ประเทศสกอตแลนด์ แมตต์ ริตชี
DF 13 ประเทศอังกฤษ แมตต์ ทาร์เกตต์
DF 19 ประเทศสเปน ฆาเบียร์ มันกีโย
MF 23 ประเทศอังกฤษ เจคอบ เมอร์ฟี Substituted on in the 78th minute 78'
MF 28 ประเทศอังกฤษ โจ วิลล็อก Substituted on in the 78th minute 78'
MF 32 ประเทศสกอตแลนด์ เอลเลียต แอนเดอร์สัน
FW 14 ประเทศสวีเดน อาเล็กซันเดอร์ อีซัก Substituted on in the 46th minute 46'
ผู้จัดการทีม:
ประเทศอังกฤษ เอ็ดดี ฮาว

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด:
กาเซมีรู (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด)[16]

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[14]
Nick Hopton (Derbyshire)
Tim Wood (Gloucestershire)
ผู้ตัดสินที่สี่:[14]
Simon Hooper (Wiltshire)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง:[14]
Nick Greenhalgh (Lancashire)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์:[14]
Peter Bankes (Liverpool)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินจากการใช้วิดีโอช่วยตัดสิน:[14]
Eddie Smart (Birmingham)

กฏ-กติกา[17]

  • 90 นาที
  • 30 นาทีของ ต่อเวลาพิเศษ ในกรณีที่จำเป็น
  • ดวลลูกโทษ ถ้าผลการแข่งขันยังคงเท่ากัน
  • มีรายชื่อผู้เล่นสำรองได้ถึง 9 คน
  • เปลี่ยนตัวผู้เล่นได้สูงสุดถึง 5 คน, กับการเปลี่ยนตัวคนที่หกได้รับอนุญาตในช่วงต่อเวลาพิเศษ[note 1]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. แต่ละทีมมีโอกาสเปลี่ยนตัวได้เพียง 3 ครั้ง, กับโอกาสที่สี่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ, ไม่นับรวมในช่วงการเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ช่วงพักครึ่งเวลาแรก, ก่อนจะเริ่มของช่วงการต่อเวลาพิเศษและช่วงพักครึ่งแรกในการต่อเวลาพิเศษ.

อ้างอิง

[แก้]
  1. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ attendance2023
  2. "EFL fixture schedule: 2022/23". English Football League. 15 November 2021. สืบค้นเมื่อ 20 April 2022.
  3. "Man Utd beat Villa to reach EFL Cup fourth round". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  4. "Rashford scores as Man Utd beat Burnley in EFL Cup". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  5. "Rashford double puts Man Utd past Charlton into semis". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  6. "Man Utd beat Forest in EFL Cup semi-final first leg". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  7. "Man Utd to play Newcastle in EFL Cup final". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  8. "Newcastle beat Tranmere to progress in EFL Cup". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  9. "Spot-kick hero Pope sends Newcastle through". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  10. "Newcastle edge past Bournemouth into last eight". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  11. "Newcastle beat Leicester to reach EFL Cup semis". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  12. "Newcastle edge Saints in EFL Cup semi-final first leg". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  13. "Newcastle beat Southampton to reach EFL Cup final". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 February 2023.
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 "Carabao Cup Final 2023 referee appointments". EFL.com. English Football League. 14 February 2023. สืบค้นเมื่อ 16 February 2023.
  15. 15.0 15.1 "All you need to know ahead of the Carabao Cup Final 2023". EFL.com. English Football League. 25 February 2023. สืบค้นเมื่อ 26 February 2023.
  16. "Man Utd win Carabao Cup - reaction & as it happened". EFL.com. English Football League. 26 February 2023. สืบค้นเมื่อ 27 February 2023.
  17. "Regulations". EFL.com. English Football League. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 January 2022. สืบค้นเมื่อ 13 January 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]