อาณาจักรหริภุญชัย
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
หริภุญชัย Haripuñjaya (บาลี) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พุทธศตวรรษที่ 13–พ.ศ. 1835 | |||||||||
![]() พ.ศ. 1543–1643 เขียว: หริภุญไชย ฟ้าอ่อน: อาณาจักรละโว้ แดง: จักรวรรดิเขมร เหลือง: อาณาจักรจามปา ฟ้า: ได่เวียด ชมพู: อาณาจักรพุกาม มะนาว: อาณาจักรศรีวิชัย | |||||||||
เมืองหลวง | ลำพูน (พ.ศ. 1172-1835) | ||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคกลาง | ||||||||
• ก่อตั้ง | ราว พ.ศ. 1172 | ||||||||
• สิ้นสุด | ราว พ.ศ. 1743 | ||||||||
|
ประวัติศาสตร์ไทย |
---|
![]() |
ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึง ปีพุทธศักราช |
อาณาจักรหริภุญชัย หรือ หริภุญไชย เป็นอาณาจักรมอญ[1]ที่ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน
ประวัติ
[แก้]ตามตำนานเรื่องจามเทวีวงศ์ ชินกาลมาลีปกรณ์ และสิงหนวัติ บันทึกไว้ว่าพระฤๅษีทั้งสี่ตนเป็นผู้สร้างเมืองหริภุญชัย (ลัมภูญนคร) ขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1200–6[2] ปรากฏนามว่า ฤๅษีวาสุเทพ ฤๅษีสุกกทันตะ ฤๅษีตะปนานะ และจันทสิกตุงคฤาษี[2] แล้วทูลเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากอาณาจักรละโว้ ขึ้นมาครองเมืองหริภุญชัย ในครั้งนั้นพระนางจามเทวีได้นำพระภิกษุ นักปราชญ์ และช่างศิลปะต่าง ๆ จากละโว้ขึ้นไปด้วยเป็นจำนวนมากราวหมื่นคน พระนางได้ทำนุบำรุงและก่อสร้างบ้านเมือง ทำให้เมืองหริภุญชัย (ลำพูน) นั้นเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ต่อมาพระนางได้สร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) ขึ้นอีกเมืองหนึ่งให้เป็นเมืองสำคัญ สมัยนั้นปรากฏมีการใช้ภาษามอญโบราณในศิลาจารึกของหริภุญชัย มีหนังสือหมานซูของจีนสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงนครหริภุญชัยไว้ว่าเป็น “อาณาจักรของสมเด็จพระราชินีนาถ” (女王國 หนี่ว์ หวัง กว๋อ)
ต่อมา พ.ศ. 1824 พญามังรายมหาราชผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ได้ยกกองทัพเข้ายึดเอาเมืองหริภุญชัยจากพญาญี่บาได้ อาณาจักรหริภุญชัยจึงสิ้นสุดลงหลังจากรุ่งเรืองมา 618 ปี มีพระมหากษัตริย์ครองเมือง 47 พระองค์
ปัจจุบัน โบราณสถานสำคัญของอาณาจักรหริภุญชัยคือพระธาตุหริภุญไชยที่จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นบริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นราชธานีในสมัยนั้น และยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่จังหวัดเชียงใหม่เช่น เวียงมโน ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง, เวียงเถาะ ตำบลบ้านสองแคว อำเภอดอยหล่อ และเวียงท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง
ได้มีการพบจารึกอักษรมอญโบราณสมัยหริภุญไชย ราวพุทธศตวรรษที่ 17 จำนวน 7 หลัก ที่ลำพูน ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย จังหวัดลำพูน[3] บางหมู่บ้านของจังหวัดลำพูนนั้นพบว่ายังมีคนพูดภาษามอญและอนุรักษ์วัฒนธรรมมอญอยู่
รายพระนามผู้ปกครอง
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ David K. Wyatt, Thailand: A Short History, Chaing Mai : Silkworm Book, 2004, pg. 21
- ↑ 2.0 2.1 อ้างอิงหลายแหล่ง:
- ส่งศรี ประพัฒน์ทอง. (2536). ประณีตศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ: กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร. หน้า 162. ISBN 9789744250056
- ปรีชา กาญจนาคม. (2532). "เมืองหริภญไชย," แนวทางศึกษาโบราณคดี. นครปฐม: คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. หน้า 95. OCLC 992241694
- พระโพธิรังษี และราชบัณฑิตยสภา (รวบรวม). (2473). จามเทวีวงษ์ พงศาวดารเมืองหริภุญไชย ทั้งภาษาบาลีและคำแปล. แปลโดยพระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) กับพระญาณวิจิตร (สิทธิ โลจนานนท์). พระนคร: ม.ป.ท.
- เพิ่งอ้าง. จามเทวีวงษ์ ปริเฉท 2. หน้า 23–52.
- เพิ่งอ้าง. จามเทวีวงษ์ ปริเฉท 3. หน้า 53–76.
- ↑ นิทรรศการถาวร/item/การจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุ-ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ-หริภุญไชย[ลิงก์เสีย]
- 'Historic Lamphun: Capital of the Mon Kingdom of Haripunchai', in: Forbes, Andrew, and Henley, David, Ancient Chiang Mai Volume 4. Chiang Mai, Cognoscenti Books, 2012. ASIN: B006J541LE
- Swearer, Donald K. and Sommai Premchit. The Legend of Queen Cama: Bodhiramsi's Camadevivamsa, a Translation and Commentary. New York: State University of New York Press, 1998.