ผู้วินิจฉัย 4
ผู้วินิจฉัย 4 | |
---|---|
![]() หน้าของหนังสือผู้วินิจฉัยในฉบับเลนินกราด (ค.ศ. 1008) | |
หนังสือ | หนังสือผู้วินิจฉัย |
ภาคในคัมภีร์ฮีบรู | เนวีอีม |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ฮีบรู | 2 |
หมวดหมู่ | ผู้เผยพระวจนะยุคต้น |
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | พันธสัญญาเดิม (สัตตบรรณ) |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | 7 |
ผู้วินิจฉัย 4 (อังกฤษ: Judges 4) เป็นบทที่ 4 ของหนังสือผู้วินิจฉัยในพันธสัญญาเดิมหรือคัมภีร์ฮีบรู[1] ตามธรรมเนียมของศาสนายูดาห์เชื่อว่าหนังสือผู้วินิจฉัยเขียนโดยผู้เผยพระวจนะซามูเอล[2][3] แต่นักวิชาการสมัยใหม่มองว่าหนังสือผู้วินิจฉัยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สายเฉลยธรรมบัญญัติซึ่งครอบคลุมเรื่องราวตั้งแต่หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติถึงหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 2 เชื่อว่าเขียนโดย เขียนโดยผู้เขียนศาสนายาห์เวห์ผู้รักชาติและศรัทธาในสมัยของโยสิยาห์กษัตริย์ยูดาห์นักปฏิรูปในศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล[3][4] บทที่ 4 ของหนังสือผู้วินิจฉัยบันทึกถึงกิจกรรมของผู้วินิจฉัยเดโบราห์[5] อยู่ในส่วนที่ประกอบด้วยผู้วินิจฉัย 3:1 ถึง 5:31[6]
ต้นฉบับ
[แก้]บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู แบ่งออกเป็น 24 วรรค
พยานต้นฉบับ
[แก้]บางสำเนาต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรูมีลักษณะเป็นต้นฉบับเมโซเรติก (Masoretic Text) ได้แก่ ได้แก่ ฉบับไคโร (Codex Cairensis; ค.ศ. 895), ฉบับอะเลปโป (Aleppo Codex; ศตวรรษที่ 10) และฉบับเลนินกราด (Leningrad Codex; ค.ศ. 1008)[7] ชิ้นส่วนที่มีข้อความบางส่วนของบทนี้ในภาษาฮีบรูถูกพบในม้วนหนังสือเดดซี ได้แก่ XJudges (XJudg, X6; 50 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีวรรคที่หลงเหลือคือ 5–8[8][9][10]
ต้นฉบับโบราณที่หลงเหลืออยู่ของคำแปลเป็นภาษากรีกคอยนีที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) ได้แก่ ฉบับวาติกัน (Codex Vaticanus; B; B; ศตวรรษที่ 4) และฉบับอะเล็กซานเดรีย (Codex Alexandrinus; A; A; ศตวรรษที่ 5)[11][a]
วิเคราะห์
[แก้]การศึกษาด้านภาษาศาสตร์โดยชิสโฮล์มเผยให้เห็นว่าเนื้อหาส่วนกลางของหนังสือผู้วินิจฉัย (ผู้วินิจฉัย 3:7–16:31) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ช่วงตาม 6 คำสร้อยที่กล่าวว่าชาวอิสราเอลทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์:[13]
ช่วงที่ 1
- A 3:7 ויעשו בני ישראל את הרע בעיני יהוה
- คนอิสราเอลทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์[14]
- B 3:12 ויספו בני ישראל לעשות הרע בעיני יהוה
- และคนอิสราเอลทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์อีก
- B 4:1 ויספו בני ישראל לעשות הרע בעיני יהוה
- คนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก
ช่วงที่ 2
- A 6:1 ויעשו בני ישראל הרע בעיני יהוה
- แล้วคนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์
- B 10:6 ויספו בני ישראל לעשות הרע בעיני יהוה
- คนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์อีก
- B 13:1 ויספו בני ישראל לעשות הרע בעיני יהוה
- คนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์อีก
นอกจากนี้จากหลักฐานทางภาษา คำกริยาที่ใช้อธิบายการที่พระเจ้าทรงตอบสนองต่อบาปของชาวอิสราเอลก็มีรูปแบบซ้ำ ๆ และสามารถจัดกลุ่มให้เข้ากับการแบ่งส่วนข้างต้น:[15]
ช่วงที่ 1
- 3:8 וימכרם, "ทรงขายพวกเขา," จากรากศัพท์ מָכַר, makar
- 3:12 ויחזק, "ทรงเสริมกำลัง" จากรากศัพท์ חָזַק, khazaq
- 4:2 וימכרם, "ทรงขายพวกเขา" จากรากศัพท์ מָכַר, makar
ช่วงที่ 2
- 6:1 ויתנם, "ทรงมอบพวกเขาไว้" จากรากศัพท์ נָתַן, nathan
- 10:7 וימכרם, "ทรงขายพวกเขาไว้" จากรากศัพท์ מָכַר, makar
- 13:1 ויתנם, "ทรงมอบพวกเขาไว้" จากรากศัพท์ נָתַן, nathan
เดโบราห์ (4:1–16)
[แก้]บทนี้เปิดเรื่องด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องตามแบบแผนของหนังสือผู้วินิจฉัย เชื่อมโยงกับสมัยเอฮูดเป็นผู้วินิจฉัยโดยไม่ได้อ้างอิงถึงชัมการ์ (ผู้ซึ่งจะถูกกล่าวถึงในภายในหลังในผู้วินิจฉัย 5) เพื่อแนะนำผู้เผยพระวจนะหญิงเดโบราห์ในฐานะผู้ช่วยกู้และผู้วินิจฉัย (วรรค 4) ภายหลังจากที่ชาวอิสราเอลทูลร้องทุกข์ต่อพระเจ้าให้ทรงช่วยจากการกดขี่[16]
เดโบราห์นำพระบัญชาที่ได้รับโดยตรงจากพระเจ้ามาแจ้งแก่บาราคซึ่งเป็นผู้นำของชาวอิสราเอลให้เข้ารบของทหารของยาบิน ที่นำโดยแม่ทัพสิเสรา และด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นว่าพระยาห์เวห์เป็นจอมทัพสูงสุดในสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้โดยประชากรของพระองค์[16]
โครงสร้างของส่วนนี้ประกอบด้วยวรรค 6–16 ดังต่อไปนี้:[17]
- A การบัญชาของเดโบราห์และการตอบสนองของบาราค (4:6–9)
- a. เดโบราห์บัญชาบาราคให้รวบรวมพลและรับรองชัยชนะ (4:6–7)
- b. บาราคขอให้เดโบราห์ไปด้วย (4:8)
- c. บาราคได้ตามคำขอ แต่จะไม่ได้รับเกียรติ (4:9)
- B บาราคจัดกำลังพล (4:10)
- a. บาราคเรียก (z'q) กำลังพลไปที่เคเดช (4:10a1)
- b. บาราคขึ้นไป (ʼlh) กับกำลังพล (4:10a2–b)
- B' สิเสราจัดกำลังพล (4:12–13)
- a. สิเสราได้ยินว่าบาราคขึ้นไป (ʼlh) แล้ว (4:12)
- b. สิเสราเรียก (z'q) กำลังพลไปที่แม่น้ำคีโชน (4:13)
- A' การบัญชาของเดโบราห์และการตอบสนองของบาราค (4:14–16)
- a. เดโบราห์บัญชาบาราคให้เข้ารบและรับรองชัยชนะ (4:14a)
- b. บาราคลงไปรบ (4:14b)
- c. บาราคได้ชัยชนะ แต่ไม่ได้ตัวสิเสรา (4:15–16)
ในวรรค 12-16 รูปแบบไถ่ของชาวอิสราเอลสมบูรณ์ด้วยชัยชนะของผู้ด้อยกว่าตามคำเผยพระวจนะโดยผู้เผยพระวจนะหญิงเดโบราห์[16]
วรรค 4
[แก้]- ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้วินิจฉัยคนอิสราเอลในเวลานั้น ชื่อเดโบราห์ ภรรยาของลัปปิโดท[18]
- "ผู้เผยพระวจนะหญิง": เช่น "ฮุลดาห์" ผู้ถ่ายทอดพระวจนะสำคัญเกี่ยวกับความจำเป็นในการปฏิรูปในสมัยกษัตริยืโยสิยาห์ (2 พงศ์กษัตริย์ 22:14–20); "โนอัดยาห์" ที่ถูกกล่าวถึงใน เนหะมีย์ 6:14 และภรรยาของอิสยาห์ (อิสยาห์ 8:3)[16]
- "ภรรยาของลัปปิโดท": ในภาษาฮีบรูอาจแปลเป็น 'สตรีแห่งไฟ' หรือ 'สตรีแห่งคบเพลง/แสงวาบของฟ้าแลบ' คู่ขนานกันกับชื่อของ "บาราค" ที่มีความหมายว่า 'ฟ้าแลบ'[16]
ยาเอลสังหารสิเสรา (4:17–24)
[แก้]
โครงสร้างของส่วนนี้เป็นดังนี้:[19]
สิเสรามาที่เต็นท์ของยาเอล (4:17)
- A ยาเอลเชิญให้สิเสราเข้ามาในเต็นท์ของเธอ (4:18a)
- B สิเสราเข้ามาและขอให้ช่วยเหลือ (4:18b–20)
- C ยาเอลสังหารสิเสรา (4:21)
- B สิเสราเข้ามาและขอให้ช่วยเหลือ (4:18b–20)
บาราคมาที่เต็นท์ของยาเอล (4:22a1)
- A' ยาเอลเชิญให้บาราคเข้ามาในเต็นท์ของเธอ (4:22a2)
- B' บาราคเข้าไปตามคำเชิญ (4:22b1)
- C' ยาเอลแสดงสิเสราที่ถูกสังหารแก่บาราค (4:22b2)
- B' บาราคเข้าไปตามคำเชิญ (4:22b1)
ในส่วนนี้ สิเสราหาที่ซ่อนตัวจากชาวอิสราเอลที่ไล่ตาม แล้วไปถึงเต็นท์ของยาเอลโดยบังเอิญ ยาเอลจงใจออกไปพบสิเสราและหลอกให้สิเสราตายใจว่าเธอจะช่วยเขาได้ (เปรียบเทียบกับสิ่งที่เอฮูดกระทำแก่เอกโลนในผู้วินิจฉัย 3) [19][20] สิเสราขอน้ำ แต่ยาเอลแสดงการต้อนรับอย่างมีไมตรีจิตตามแบบตะวันออกใกล้โบราณโดยการให้นมแก่สิเสราแทน ("ยาเอล" (ฮีบรู: יָעֵל Yāʿēl) มีความหมายว่า "แพะภูเชา" ("ibex") เธออาจจะนำนมแพะให้กับสิเสรา[19]) และนำผ้ามาคลุมให้แก่สิเสราจนสิเสราเผลอหลับไป ยาเอลจึงใช้ค้อนตอกหลักขึงเต็นท์เข้าที่ขมับของสิเสราจนตาย[21] วีรกรรมนี้ได้รับการขับร้องเป็นบทเพลงด้วยรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันเล็กน้อยในบทกวีโบราณของผู้วินิจฉัย 5 วรรค 22 ซึ่งเป็นไปตามคำเผยพระวจนะของเดโบราห์ (4:9)[21]
สองวรรคสุดท้าย (23–24) ประกอบด้วยความเน้นย้ำว่าพระยาห์เวห์ทรงควบคุมยุทธการและช่วยเหลือชาวอิสราเอลจากผู้กดขี่[21]
วรรค 20
[แก้]- สิเสราบอกนางว่า "ขอยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์ ถ้ามีใครมาถามว่า 'มีใครมาพักที่นี่บ้าง?' จงบอกว่า 'ไม่มี "[22]
คำกล่าวสุดท้ายของสิเสราต่อยาเอล (ก่อนที่สิเสราจะถูกยาเอลสังหาร) มีการแฝงนัย โดยเป็นการเล่นคำกับคำว่า "ใคร" (ภาษาฮีบรู ʼiš) "ใคร" คำแรกใช้กล่าวถึงผู้ที่มาที่เต็นท์ ซึ่งก็คือบาราค ส่วน "ใคร" คำที่สองหมายถึงผู้ที่อยู่ในเต็นท์ ซึ่งก็คือสิเสรา และคำตอบควรเป็น "ไม่มี" เพราะสิเสราจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วเมื่อบาราคมาถึง[23][19]
โบราณคดี
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Halley 1965, p. 172.
- ↑ Talmud, Baba Bathra 14b-15a)
- ↑ 3.0 3.1 Gilad, Elon. Who Really Wrote the Biblical Books of Kings and the Prophets? Haaretz, June 25, 2015. Summary: The paean to King Josiah and exalted descriptions of the ancient Israelite empires beg the thought that he and his scribes lie behind the Deuteronomistic History.
- ↑ Niditch 2007, p. 177.
- ↑ Niditch 2007, p. 179.
- ↑ Chisholm 2009, pp. 251–252.
- ↑ Würthwein 1995, pp. 35–37.
- ↑ Ulrich 2010, p. 254.
- ↑ Dead sea scrolls - Judges
- ↑ Fitzmyer 2008, p. 162.
- ↑ Würthwein 1995, pp. 73–74.
- ↑ This article incorporates text from a publication now in the public domain: Herbermann, Charles, ed. (1913). "Codex Sinaiticus". Catholic Encyclopedia. New York: Robert Appleton Company.
- ↑ Chisholm 2009, p. 251.
- ↑ Judges 3:7 Hebrew Text Analysis. Biblehub
- ↑ Chisholm 2009, p. 252.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 16.3 16.4 Niditch 2007, p. 180.
- ↑ Younger 2002, pp. 140, 142.
- ↑ ผู้วินิจฉัย 4:4 THSV11
- ↑ 19.0 19.1 19.2 19.3 Younger 2002, p. 144.
- ↑ Niditch 2007, pp. 180–181.
- ↑ 21.0 21.1 21.2 Niditch 2007, p. 181.
- ↑ ผู้วินิจฉัย 4:20 THSV11
- ↑ Murray, "Narrative Structure and Technique in the Deborah-Barak Story," 180, 183. Schökel, Alonso, "Erzählkunst", p. 166, apud Webb 2012, p.184
บรรณานุกรม
[แก้]- Chisholm, Robert B. Jr. (2009). "The Chronology of the Book of Judges: A Linguistic Clue to Solving a Pesky Problem" (PDF). Journal of the Evangelical Theological Society. 52 (2): 247–55. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-11-08. สืบค้นเมื่อ 2024-01-29.
- Coogan, Michael David (2007). Coogan, Michael David; Brettler, Marc Zvi; Newsom, Carol Ann; Perkins, Pheme (บ.ก.). The New Oxford Annotated Bible with the Apocryphal/Deuterocanonical Books: New Revised Standard Version, Issue 48 (Augmented 3rd ed.). Oxford University Press. ISBN 978-0-19-528881-0.
- Fitzmyer, Joseph A. (2008). A Guide to the Dead Sea Scrolls and Related Literature. Grand Rapids, MI: William B. Eerdmans Publishing Company. ISBN 978-0-8028-6241-9.
- Halley, Henry H. (1965). Halley's Bible Handbook: an abbreviated Bible commentary (24th (revised) ed.). Zondervan Publishing House. ISBN 0-310-25720-4.
- Hayes, Christine (2015). Introduction to the Bible. Yale University Press. ISBN 978-0-300-18827-1.
- Niditch, Susan (2007). "10. Judges". ใน Barton, John; Muddiman, John (บ.ก.). The Oxford Bible Commentary (first (paperback) ed.). Oxford University Press. pp. 176–191. ISBN 978-0-19-927718-6. สืบค้นเมื่อ February 6, 2019.
- Ulrich, Eugene, บ.ก. (2010). The Biblical Qumran Scrolls: Transcriptions and Textual Variants. Brill.
- Webb, Barry G. (2012). The Book of Judges. New International Commentary on the Old Testament. Eerdmans Publishing Company. ISBN 978-0-8028-2628-2.
- Würthwein, Ernst (1995). The Text of the Old Testament. แปลโดย Rhodes, Erroll F. Grand Rapids, MI: Wm. B. Eerdmans. ISBN 0-8028-0788-7. สืบค้นเมื่อ January 26, 2019.
- Younger, K. Lawson (2002). Judges and Ruth. The NIV Application Commentary. Zondervan. ISBN 978-0-310-20636-1.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- คำแปลในศาสนายูดาห์:
- Shoftim - Judges - Chapter 4 (Judaica Press). Hebrew text and English translation [with Rashi's commentary] at Chabad.org
- คำแปลในศาสนาคริสต์:
- Online Bible at GospelHall.org (ESV, KJV, Darby, American Standard Version, Bible in Basic English)
- Judges chapter 4. Bible Gateway
- ผู้วินิจฉัย 4. YouVersion