การทัพซีเรีย–เลบานอน
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
การทัพซีเรีย-เลบานอน | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ เขตสงครามเมดิเตอร์เรเนียนและตะวันออกกลาง ใน สงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||||
ทหารออสเตรเลียซึ่งอยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของ ปราสาทครูเซเดอร์เก่าที่ไซดอน, เลบานอน, กรกฎาคม ค.ศ. 1941 | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
รัฐบาลพลัดถิ่นเชโกสโลวาเกีย |
ไรช์เยอรมัน | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
Archibald Wavell Henry Maitland Wilson John Lavarack Paul Legentilhomme Karel Klapálek | Henri Dentz | ||||||||
กำลัง | |||||||||
~34,000 troops 50+ aircraft 1 landing ship 5 cruisers 8 destroyers |
45,000 troops 90 tanks 289 aircraft 2 destroyers 3 submarines | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
ป. 4,652 Australian: 1,552 Free French: ป. 1,300 British and Indian: 1,800, 1,200 POW, 3,150 sick 27 aircraft |
6,352 (Vichy figures) 8,912 (British figures) 179 aircraft 1 submarine sunk 5,668 defectors |
แม่แบบ:Campaignbox Syria-Lebanon แม่แบบ:Campaignbox Free French
แม่แบบ:Campaignbox Vichy France Military in World War IIการทัพซีเรีย-เลบานอน หรือ ปฏิบัติการเอ็กซ์พอร์เตอร์ (Operation Exporter) เป็นการบุกยึดครองของบริติซในดินแดนซีเรีย-เลบานอนภายใต้การปกครองโดยวิชีฝรั่งเศสตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1941,ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสได้ให้เอกราชให้กับซีเรียในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1936 โดยมีสิทธิที่จะบำรุงรักษากองกำลังติดอาวุธและสนามบินสองแห่งในดินแดน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1941 รัฐประหารในประเทศอิรัก ค.ศ. 1941 ได้เกิดขึ้นและอิรักได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนักชาตินิยมชาวอิรักที่นำโดยราชีดอาลี ที่ได้ยื่นร้องขอการสนับสุนจากเยอรมัน สงครามอังกฤษ-อิรัก(2–31 พฤษภาคม ค.ศ. 1941) นำไปสู่การล้มล้างระบอบอาลีและการก่อตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดของบริติซ บริติซได้บุกครองซีเรียและเลบานอนในเดือนมิถุนายนเพื่อเป็นการขัดขวางไม่ให้นาซีเยอรมนีจากการใช้วิชีฝรั่งเศสที่คอยควบคุมสาธารณรัฐซีเรียและฝรั่งเศสเลบานอนเพื่อเป็นฐานทัพสำหรับการโจมตีที่อียิปต์ ในช่วงการบุกครองได้สร้างความน่ากลัวในผลพวงของชัยชนะของเยอรมันในยุทธการที่กรีซ (6 - 30 เมษายน ค.ศ. 1941) และยุทธการที่เกาะครีต (20 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน) ในการทัพทะเลทรายตะวันตก (ค.ศ. 1940–1943) ในแอฟริกาเหนือ บริติซกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับปฏิบัติการขวานรบเพื่อทำการคลายวงล้อมทูบลัก และเข้าต่อสู้รบในการทัพแอฟริกาตะวันออก (10 มิถุนายน ค.ศ. 1940 – 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1941) ในเอธิโอเปียและเอริเทรีย
วิชีฝรั่งเศสได้ทำการป้องกันซีเรียอย่างเข้มแข็ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เมื่อกองพลน้อยออสเตรเลียที่ 21 กำลังจะเคลื่อนทัพเข้าสู่เบรุต ฝรั่งเศสได้เจราจาขอสงบศึก ในช่วงเวลาหนึ่งนาทีที่ผ่านมาจนถึงเที่ยงคืน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม การหยุดยิงได้มีผลบังคับใช้และยุติการทัพ การสงบศึกที่ Saint Jean d'Acre (อนุสัญญาเอเคอร์) ได้ถูกลงนาม เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ค่ายทหารซิดนีย์สมิธในเขตชานเมือง นิตยสารไทม์ได้เรียกการสู้รบครั้งนี้ว่าเป็น"การโชว์ผสมรวม" ในขณะที่กำลังกำลังเกิดขึ้นและการทัพครั้งนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แม้แต่ในประเทศที่เข้าร่วม มีหลักฐานว่าบริติซได้ทำการปกปิด(censored)รายงานการสู้รบ เพราะนักการเมืองมีความเชื่อว่าการสู้รบกับกองกำลังฝรั่งเศสอาจจะส่งผลเสียต่อความคิดเห็นของประชาชนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ