ประเทศฟินแลนด์
สาธารณรัฐฟินแลนด์
| |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศฟินแลนด์ (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | เฮลซิงกิ 60°10′15″N 24°56′15″E / 60.17083°N 24.93750°E |
ภาษาราชการ | |
ภาษาประจำชาติ | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (2023)[1] |
|
ศาสนา (2023)[1] |
|
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา[2] |
Alexander Stubb | |
เป็ตเตรี โอร์โป | |
ยุสซี ฮัลลา-อาโฮ | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
เอกราช | |
29 มีนาคม ค.ศ. 1809 (จากสวีเดน) | |
6 ธันวาคม ค.ศ. 1917 | |
17 กรกฎาคม ค.ศ. 1919 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 338,145[4] ตารางกิโลเมตร (130,559 ตารางไมล์) (ที่ 65) |
9.71 (2015)[5] | |
ประชากร | |
• 2023 ประมาณ | ![]() |
18.4 ต่อตารางกิโลเมตร (47.7 ต่อตารางไมล์) (ที่ 213) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2024 (ประมาณ) |
• รวม | ![]() |
• ต่อหัว | ![]() |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2024 (ประมาณ) |
• รวม | ![]() |
• ต่อหัว | ![]() |
จีนี (2023) | ![]() ต่ำ |
เอชดีไอ (2022) | ![]() สูงมาก · ที่ 12 |
สกุลเงิน | ยูโร (€) (EUR) |
เขตเวลา | UTC+2 (เวลายุโรปตะวันออก) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (เวลาออมแสงยุโรปตะวันออก) |
รูปแบบวันที่ | วว.ดด.ปปปป[9] |
รหัสโทรศัพท์ | +358 |
โดเมนบนสุด | .fi, .axa, .eub |
|
ฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Suomi [suo̯mi] ซูโวมี; สวีเดน: Finland [ˈfɪnland] ฟินลันด์) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Suomen tasavalta; สวีเดน: Republiken Finland) เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เขตแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้จรดทะเลบอลติก ทางด้านใต้จรดอ่าวฟินแลนด์ ทางตะวันตกจรดอ่าวบอทเนีย มีพรมแดนติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือเฮลซิงกิ และเมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ เอสโป วันตา ตัมเปเร โอวลุ และตุรกุ อาณาเขตของฟินแลนด์มีพื้นที่ทั้งหมด 338,145 ตารางกิโลเมตร (130,559 ตารางไมล์) รวมพื้นที่แผ่นดินใหญ่ 303,815 ตารางกิโลเมตร (117,304 ตารางไมล์) และมีประชากร 5.6 ล้านคน[10] ประชากรส่วนใหญ่คือชาวฟินแลนด์ ภาษาฟินแลนด์และภาษาสวีเดนมีสถานะเป็นภาษาราชการ โดยกว่าร้อยละ 84.9 ของประชากรพูดภาษาฟินแลนด์เป็นภาษาแม่ และอีกร้อยละ 5.1 ใช้ภาษาสวีเดน[1][11] ฟินแลนด์มีภูมิอากาศหลากหลายโดยมีอากาศแบบทวีปชื้นทางตอนใต้ และแบบกึ่งอาร์กติกทางตอนเหนือ ฟินแลนด์ยังเต็มไปด้วยไทกา และทะเลสาบมากถึง 180,000 แห่ง[12][13] ฟินแลนด์เป็นสาธารณรัฐด้วยระบบรัฐสภาอันประกอบด้วย 311 เทศบาล[14] และอีก 1 เขตปกครองตนเองคือหมู่เกาะโอลันด์ โดยมีประชากรมากกว่า 1.4 ล้านคนอาศัยอยู่ในปริมณฑลเกรเทอร์เฮลซิงกิ และคิดเป็น 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ประมาณ 2,700 ปีก่อนพุทธศักราช ดินแดนฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์ โดยเข้ามาทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ มีหลักฐานของเครื่องปั้นดินเผาที่มีลักษณะเฉพาะ ต่อมาในยุคสำริด พื้นที่ทางชายฝั่งของฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากสแกนดิเนเวียและยุโรปกลาง ในขณะที่พื้นที่ที่อยู่ห่างจากทะเลเข้าไปได้รับอิทธิพลการใช้สำริดมาจากทางตะวันออกมากกว่า[15] ในพุทธศักราชที่ 5 พบว่ามีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับสแกนดิเนเวียมากขึ้น และการค้นพบวัตถุแบบโรมันจากยุคนี้ด้วย ปรากฏการกล่าวถึงชาวฟินแลนด์ในเอกสารของชาวโรมันในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 7[16] ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 ฟินแลนด์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสวีเดนอันเป็นผลมาจากสงครามครูเสดตอนเหนือ และใน พ.ศ. 2352 ดินแดนของฟินแลนด์ถูกยึดครองโดยสวีเดน และกลายเป็นราชรัฐอิสระภายใต้จักรวรรดิรัสเซีย ในช่วงเวลานี้ ศิลปะและวัฒนธรรมของฟินแลนด์เจริญรุ่งเรืองไปทั่ว ตามมาด้วยการถือกำเนิดของขบวนการเรียกร้องเอกราช ฟินแลนด์กลายเป็นดินแดนแรกในยุโรปที่ให้สิทธิการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2449 และเป็นชาติแรกในโลกที่ให้สิทธิแก่ประชากรผู้ใหญ่ในการลงสมัครรับตำแหน่งสาธารณะ[17] ฟินแลนด์ประกาศเอกราชทางการภายหลังการปฏิวัติรัสเซียในปี 2460 ก่อนที่สงครามกลางเมืองจะอุบัติขึ้นในปีต่อมา นำมาซึ่งความวุ่นวายและแตกแยกทางสังคมและลงด้วยชัยชนะของฝ่ายขาว สถานะการเป็นสาธารณรัฐของประเทศได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2462
ฟินแลนด์มีส่วนร่วมในสงครามโลกครั้งที่สองโดยต่อสู้กับสหภาพโซดเวียตในสงครามฤดูหนาว และสงครามต่อเนื่องซึ่งนำไปสู่สนธิสัญญาสันติภาพมอสโก ตามด้วยการต่อสู้กับนาซีเยอรมันในสงครามแลปแลนด์ ผลของการทำสงครามคือการสูญเสียดินแดนบางส่วนให้แก่จักรวรรดิรัสเซีย กระนั้น ฟินแลนด์ยังคงความเป็นเอกราชและรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้ ฟินแลนด์มีจุดเด่นในการเป็นประเทศเกษตรกรรมอีกหลายทศวรรษจนถึงปี 2493 ฟินแลนด์ได้พัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วโดยการสร้างรัฐสวัสดิการที่มีคุณภาพตามตัวแบบนอร์ดิกภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ความเจริญได้กระจายไปทั่วประเทศและกลายเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งสูงจนถึงปัจจุบัน
ฟินแลนด์เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหประชาชาติใน พ.ศ. 2538 ด้วยเจตนารมณ์ในการวางตัวเป็นกลางทางการเมืองซึ่งชัดเจนตั้งแต่สมัยสงครามเย็น[18] และยังเข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, กลุ่มประเทศความร่วมมือเพื่อสันติภาพของเนโท, สหภาพยุโรป, สภาความร่วมมือยูโร, คณะมนตรีนอร์ดิก, พื้นที่เชงเกน และเข้าเป็นสมาชิกเนโทในปี 2566 ฟินแลนด์ยังอยู่ในอันดับสูงตามดัชนีตัวชี้วัดคุณภาพการศึกษา, เศรษฐกิจ, เสรีภาพพลเมือง, ประชาธิปไตย, ความซื่อสัตย์, คุณภาพชีวิต, ความสามารถทางการแข่งขัน และการพัฒนาประเทศ[19][20][21] และยังได้รับการจัดอันดับในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก[22][23]
ประวัติศาสตร์
[แก้]ภายใต้การปกครองของสวีเดน
[แก้]เชื่อกันว่าจุดเริ่มต้นของความเกี่ยวพันระหว่างสวีเดนกับฟินแลนด์เริ่มต้นในปี พ.ศ. 1698[24] ในสงครามเผยแผ่คริสต์ศาสนา ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 เริ่มมีการตั้งเมืองขึ้นในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่โอบู (Åbo) หรือตุรกุ(Turku) โดยตุรกุเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของราชอาณาจักรสวีเดนในยุคนั้น ในช่วงศตวรรษนี้ มีชาวสวีเดนจำนวนมากที่เข้ามาตั้งรกรากบริเวณชายฝั่งทางใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ บนหมู่เกาะโอลันด์ และหมู่เกาะอื่น ๆ ใกล้เคียง ซึ่งทำให้ภาษาสวีเดนยังคงเป็นภาษาหลักของภูมิภาคนี้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ภาษาสวีเดนได้กลายมาเป็นภาษาของชนชั้นสูงในภาคอื่น ๆ ของฟินแลนด์ในยุคนั้นด้วย
พ.ศ. 2093 กษัตริย์ของสวีเดน สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 1 ได้ทรงก่อตั้งเมืองเฮลซิงกิขึ้นในชื่อ "เฮลซิงฟอร์ส" (Helsingfors)[25] แต่เมืองนี้คงสภาพเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงกว่าสองร้อยปี ชื่อเฮลซิงฟอร์สยังคงเป็นชื่อเมืองเฮลซิงกิในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน
ดินแดนฟินแลนด์ถูกยึดครองโดยรัสเซียสองครั้งในพุทธศตวรรษที่ 23

ราชรัฐฟินแลนด์ภายใต้จักรวรรดิรัสเซีย
[แก้]พ.ศ. 2352 ในช่วงสงครามระหว่างสวีเดนและรัสเซีย กองทัพของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ก็สามารถยึดดินแดนฟินแลนด์ได้อีกครั้ง ฟินแลนด์ดำรงสถานะเป็นดินแดนปกครองตนเอง ราชรัฐฟินแลนด์ ภายใต้จักรวรรดิรัสเซีย จนกระทั่งถึงการประกาศเอกราชในปี พ.ศ. 2460 ในยุคของราชรัฐฟินแลนด์ ภาษาฟินแลนด์ได้รับความสำคัญมากขึ้นในฟินแลนด์ อันเป็นผลมาจากความเคลื่อนไหวของขบวนการชาตินิยม จนกระทั่งได้รับสถานะเดียวกับภาษาสวีเดนใน พ.ศ. 2435[26] ต่อมาในปี พ.ศ. 2449 ฟินแลนด์เริ่มมีการให้สิทธิเลือกตั้งอย่างเท่าเทียม (ผู้ใหญ่ทุกคนมีสิทธิกันเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ หรือสถานะทางสังคม) โดยฟินแลนด์เป็นชาติแรกในโลก ที่ให้สิทธิทั้งการเลือกตั้งและการลงเลือกตั้งแก่สตรี[27]

หลังการประกาศเอกราช
[แก้]หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิกในรัสเซียประสบความสำเร็จ รัฐสภาของฟินแลนด์ลงมติเห็นชอบในเรื่องการประกาศเอกราชของฟินแลนด์ ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2460 และรัฐบาลบอลเชวิกรัสเซีย ยอมรับการประกาศเอกราชในเกือบหนึ่งเดือนถัดมา ซึ่งเยอรมนีและชาติสแกนดิเนเวียอื่น ๆ ก็ยอมรับการประกาศเอกราชตามมาในทันที หลังจากการประกาศเอกราช ฟินแลนด์ก็ตกอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง โดยเกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่าย"ขาว" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิเยอรมนี และฝ่าย"แดง" ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียบอลเชวิก ฝ่ายขาวนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่มีฐานะค่อนข้างดี มีความเห็นทางการเมืองค่อนไปทางขวา ในขณะที่ฝ่ายแดงส่วนใหญ่ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นฝ่ายซ้ายจะเป็นกลุ่มแรงงาน ฝ่ายขาวชนะสงครามนี้ในเวลาต่อมา ก่อตั้งสาธารณรัฐฟินแลนด์เป็นผลสำเร็จ
หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง รัฐสภาของฟินแลนด์ ซึ่งไม่มีสมาชิกของพรรคสังคมประชาธิปไตยซึ่งสนับสนุนสาธารณรัฐอยู่เลย ได้ประกาศตั้งราชอาณาจักรฟินแลนด์ขึ้น โดยเลือกเจ้าชายฟรีดริช คาร์ล แห่งเฮ็สเซินของเยอรมนี ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของฟินแลนด์ แต่เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความคิดนี้จึงต้องยกเลิกไป และฟินแลนด์ก็ประกาศเป็นสาธารณรัฐ โดยมีคาร์โล ยุโฮ สโตห์ลเบิร์ก เป็นประธานาธิบดีคนแรก[15]

สงครามโลกครั้งที่สอง
[แก้]ฟินแลนด์ต่อสู้กับสหภาพโซเวียตสองครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในสงครามฤดูหนาว ระหว่างปี พ.ศ. 2482-2483 และสงครามต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2484-2487 โดยร่วมมือกับนาซีเยอรมนี (อาณาจักรไรช์ที่สาม) ในปฏิบัติการบาร์บารอสซา ทำให้สหราชอาณาจักรประกาศสงครามกับฟินแลนด์ และฟินแลนด์มีสถานะเป็นประเทศฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ฟินแลนด์เปลี่ยนฝ่ายในปี พ.ศ. 2487 เมื่อต่อสู้ขับไล่นาซีเยอรมนีออกจากตอนเหนือของฟินแลนด์ในสงครามแลปแลนด์ หลังจากที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับโซเวียต ชาวฟินแลนด์ประมาณ 86,000 คนเสียชีวิตในสงครามสองครั้งกับสหภาพโซเวียต ในขณะที่อีกห้าหมื่นคนได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพถาวร[28]
ยุคหลังสงคราม
[แก้]จากสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฟินแลนด์ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลให้กับสหภาพโซเวียต รวมถึงเสียดินแดนถึงร้อยละ 12 ของดินแดนทั้งหมด ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ให้กับชาวฟินแลนด์ถึง 420,000 คน[28] อย่างไรก็ตาม ฟินแลนด์ไม่เคยถูกครอบครองเลยในช่วงสงคราม โดยเฮลซิงกิเป็นหนึ่งในสามเมืองหลวงของประเทศยุโรปที่เข้าร่วมสงครามที่ไม่ถูกยึดครองโดยฝ่ายศัตรู[28] (อีกสองเมืองคือลอนดอนและมอสโก)
ในยุคสงครามเย็น ฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากโซเวียตอย่างมาก ฟินแลนด์จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามงวดสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2495 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เฮลซิงกิเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ซึ่งช่วยฟื้นฟูกำลังใจของชาวฟินแลนด์หลังสงคราม[15] ปีเดียวกันนี้ ฟินแลนด์และประเทศในคณะมนตรีนอร์ดิกเข้าร่วมเปิดเสรีหนังสือเดินทางในปี โดยอนุญาตให้ประชาชนของชาติสมาชิกข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง (ขณะนั้นฟินแลนด์ยังไม่ได้เข้าร่วมคณะมนตรี) โดยฟินแลนด์เข้าร่วมคณะมนตรีนอร์ดิกในปี พ.ศ. 2498
แม้ว่าฟินแลนด์จะได้อิทธิพลจากโซเวียตเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงรักษาประชาธิปไตยและเศรษฐกิจระบบตลาดเสรีไว้ได้ ซึ่งต่างจากประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่ติดกับสหภาพโซเวียต ความเสียหายจากสงคราม การที่ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงครามและผลิตสินค้าเพื่อจ่ายหนี้ให้กับสหภาพโซเวียต ทำให้ฟินแลนด์พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจากกสิกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ดีได้ในเวลาไม่กี่สิบปี
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายลง ฟินแลนด์ก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากการที่การค้าทวิภาคีจำนวนมหาศาลหายไปอย่างรวดเร็ว ฟินแลนด์ยื่นใบสมัครเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี พ.ศ. 2535 หลังจากที่สวีเดนยื่นไปก่อนหน้านั้นและโซเวียตล่มสลายลง ฟินแลนด์เข้าร่วมสหภาพพร้อมกับสวีเดนและออสเตรียในปี พ.ศ. 2538
การเมืองการปกครอง
[แก้]ฟินแลนด์ปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีรัฐสภา และใช้ระบอบกึ่งประธานาธิบดี ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดีมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องของนโยบายต่างประเทศ อำนาจบริหารส่วนใหญ่จะอยู่ที่คณะรัฐมนตรี นำโดยนายกรัฐมนตรี
รัฐธรรมนูญ
[แก้]รัฐธรรมนูญของประเทศฟินแลนด์ ฉบับแรกมีใช้เมื่อ พ.ศ. 2462 ไม่นานหลังจากประกาศอิสรภาพจากรัสเซีย และไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอด 50 ปีแรกของการใช้รัฐธรรมนูญ การปฏิรูปรัฐธรรมนูญครั้งสำคัญเริ่มในปี พ.ศ. 2526 หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง รวมถึงการเริ่มใช้ระบบเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง[29]
พ.ศ. 2538 ฟินแลนด์เริ่มตั้งคณะทำงานรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2543 เพื่อศึกษาการปรับปรุงรัฐธรรมนูญ และต่อมาก็ตั้งคณะกรรมการรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2543 เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คณะกรรมการเสร็จสิ้นการทำงานในปี พ.ศ. 2541 ในรูปของร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้น คณะกรรมการกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ทำการพิจารณาร่าง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาในผ่านการอนุมัติจากประธานาธิบดีของสาธารณรัฐ ในปี พ.ศ. 2542 เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2543 และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน[30]
ในฟินแลนด์ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญและฝ่ายตุลาการไม่มีอำนาจในการประกาศว่ากฎหมายใดขัดรัฐธรรมนูญ อำนาจในการตีความว่ากฎหมายนั้นสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาเท่านั้น[31]
ฝ่ายบริหาร
[แก้]
อำนาจบริหารของฟินแลนด์อยู่ที่ประธานาธิบดี ซึ่งเป็นประมุขของประเทศ ประธานาธิบดีได้รับเลือกโดยตรง ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 6 ปี มีหน้าที่รับผิดชอบนโยบายต่างประเทศ รับรองกฎหมาย แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นๆอย่างเป็นทางการ และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังของฟินแลนด์ด้วย อย่างไรก็ตาม กิจการภายในสหภาพยุโรปไม่รวมอยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดี แต่เป็นของคณะรัฐมนตรี
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น จะต้องเป็นชาวฟินแลนด์โดยกำเนิด ในปัจจุบัน ประธานาธิบดีไม่สามารถดำรงตำแหน่งมากกว่าสองสมัย[32] ประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือ Alexander Stubb เริ่มดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2567
ในคณะรัฐมนตรีจะมีตำแหน่งผู้ตรวจการ (ฟินแลนด์: Oikeuskansleri; สวีเดน: Justitiekanslern) ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ เช่น ประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐการทั่วไป ผู้ตรวจการจะเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีในฐานะสมาชิกที่ไม่มีสิทธิออกเสียง ตำแหน่งนี้และผู้ช่วยแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี[33]
ฝ่ายนิติบัญญัติ
[แก้]รัฐสภาแห่งฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Eduskunta; สวีเดน: Riksdag) เป็นระบบสภาเดี่ยว มีสมาชิก 200 คน ภายใต้รัฐธรรมนูญฟินแลนด์ รัฐสภามีอำนาจนิติบัญญัติสูงสุด รัฐสภามีหน้าที่ผ่านกฎหมาย กำหนดงบประมาณรัฐ ยอมรับสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และดูแลการดำเนินงานของรัฐบาล รัฐสภาสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถอดถอนคณะรัฐมนตรี และดำเนินการหลังการใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) ของประธานาธิบดีได้ การตรากฎหมายสามารถเริ่มโดยคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกของรัฐสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสองครั้ง โดยสภาสองสมัยติดต่อกัน (หมายความว่า เห็นชอบโดยรัฐสภาชุดปัจจุบัน และชุดหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า)[34]
สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่งเป็นเวลาสี่ปี การเลือกตั้งในฟินแลนด์จะแบ่งออกเป็น 15 เขตเลือกตั้ง[35] โดยจำนวนสมาชิกสภาของแต่ละเขตขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในเขตนั้นๆ สมาชิกของแต่ละเขตได้รับเลือกโดยแบ่งตามอัตราส่วนตามระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด หมู่เกาะโอลันด์จะมีตัวแทนในรัฐสภาหนึ่งที่เสมอ โดยทั่วไปการเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมีนาคม[35]
สมาชิกรัฐสภาประชุมกันที่อาคารรัฐสภา (ฟินแลนด์: Eduskuntatalo; สวีเดน: Riksdagshuset) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ
พรรคการเมือง
[แก้]ในยุคแรกๆ พรรคการเมืองของฟินแลนด์นั้นแบ่งตามพื้นฐานทางภาษา และต่อมาตามทัศนคติที่มีต่อความพยายามรวมฟินแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย[28] การปฏิรูปรัฐสภาในปี พ.ศ. 2449 สร้างระบบพรรคการเมืองสมัยใหม่ให้กับฟินแลนด์
ในฟินแลนด์พรรคฝ่ายซ้าย (สังคมนิยม) ค่อนข้างแข็งแกร่ง พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Suomen Sosialidemokraattinen Puolue) ได้รับถึง 80 จาก 200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งแรก พรรคนี้ยังคงเป็นหนึ่งในสามพรรคใหญ่ในปัจจุบัน
อีกสองพรรคสำคัญของฟินแลนด์ได้แก่พรรคพันธมิตรแห่งชาติ (ฟินแลนด์: Kansallinen Kokoomus) ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2461 โดยกลุ่มอนุรักษนิยม และพรรคกลาง (ฟินแลนด์: Keskusta) หรือในอดีตคือพรรคเกษตรกร (ฟินแลนด์: Maalaisliitto) สำหรับพรรคประชากรสวีเดน (สวีเดน: Svenska folkpartiet) เป็นพรรคเก่าแก่อีกพรรคหนึ่ง ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอจากเขตประชากรที่พูดภาษาสวีเดน
ในช่วงทศวรรษ 2510 และ 2520 เสียงสนับสนุนของพรรคซ้ายจัด (เช่นพรรคคอมมิวนิสต์) เริ่มลดลง เช่นเดียวกับบรรดาพรรคเสรีนิยมหรือพรรคก้าวหน้า พรรคใหม่หลายพรรคเริ่มเข้ามามีบทบาท เช่นพรรคคริสเตียนเดโมแครต พรรคกรีน และพรรคพันธมิตรซ้าย
โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีพรรคใดได้เสียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว และจะต้องร่วมมือกับพรรคอื่นในการจัดตั้งรัฐบาลผสม พรรคการเมืองที่มีสมาชิกในรัฐสภาในปัจจุบัน จากการเลือกตั้งในเดือน เมษายน พ.ศ. 2554 ได้แก่[36]
ชื่อ | ชื่อภาษาฟินแลนด์ | ชื่อภาษาสวีเดน | จำนวนสมาชิกในรัฐสภา | ความเปลี่ยนแปลง |
---|---|---|---|---|
พรรคกลาง | Keskusta | Centern i Finland | ||
พรรคพันธมิตรแห่งชาติ | Kansallinen Kokoomus | Samlingspartiet | ||
พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ | Suomen Sosialidemokraattinen Puolue | Finlands Socialdemokratiska Parti | ||
พรรคพันธมิตรซ้าย | Vasemmistoliitto | Vänsterförbundet | ||
พรรคกรีน | Vihreä liitto | Gröna förbundet | ||
พรรคประชากรสวีเดน | Ruotsalainen kansanpuolue | Svenska folkpartiet | ||
พรรคคริสเตียนเดโมแครต | Kristillisdemokraatit | Kristdemokraterna | ||
พรรคชาวฟินน์รากฐาน | Perussuomalaiset | Sannfinländarna | ||
พรรคกลุ่มซ้าย | Vasenryhmä | Vänstergruppen |
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
[แก้]นโยบายการต่างประเทศของฟินแลนด์โดยหลักแล้วมีพื้นฐานอยู่ที่การเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ฟินแลนด์ยังเป็นสมาชิกของคณะมนตรีนอร์ดิก และมีความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มนอร์ดิกมาอย่างยาวนาน ฟินแลนด์มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน สวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และเอสโตเนีย และไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือตามแนวชายแดน ฟินแลนด์วางสถานะเป็นกลางและไม่เข้าร่วมในพันธมิตรทางการทหารใด รวมถึงองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ การค้าระหว่างประเทศมีความสำคัญต่อฟินแลนด์ โดยมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึงหนึ่งในสาม และฟินแลนด์ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]ประเทศฟินแลนด์มีการแบ่งการปกครองออกเป็น 19 เขต (ฟินแลนด์: maakunta, สวีเดน: landskap) ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลฟินแลนด์ในปี ค.ศ. 2010 โดยเขตของฟินแลนด์ได้เข้ามาแทนที่ จังหวัดของฟินแลนด์ (lääni) ซึ่งถูกล้มเลิกไปเมื่อปี ค.ศ. 2009[37]
เขตอีสเทิร์นอูซิมาได้รวมเข้ากับเขตอูซิมาในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554[39]
ภูมิศาสตร์
[แก้]
ภูมิประเทศ
[แก้]
ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีทะเลสาบและเกาะเป็นจำนวนมาก โดยมีทะเลสาบถึง 187,888 แห่ง[40][24] (ที่มีเนื้อที่มากกว่า 500 ตารางเมตร) และมีเกาะถึง 179,584 เกาะ[24] โดยทะเลสาบไซมา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับห้าของยุโรป ภูมิประเทศทั่วไปของฟินแลนด์มีลักษณะเป็นที่ราบ ไม่มีภูเขามากนัก จุดสูงสุดของประเทศอยู่ที่ภูเขาฮัลติ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตแลปแลนด์ โดยมีความสูง 1,328 เมตร[41] นอกจากทะเลสาบแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของฟินแลนด์ปกคลุมด้วยป่าสน และมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มากนัก ฟินแลนด์มีเกาะที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ บริเวณหมู่เกาะโอลันด์ และตลอดแนวชายฝั่งทางใต้ในอ่าวฟินแลนด์ ฟินแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้น จากการยกตัวของแผ่นดินที่มีผลมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย
ภูมิอากาศ
[แก้]ภูมิอากาศทางตอนใต้ของฟินแลนด์เป็นแบบเขตอบอุ่น ทางตอนเหนือ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดแลปแลนด์ มีภูมิอากาศแบบป่าสนหรือกึ่งอาร์กติก ซึ่งโดยทั่วไปจะหนาวเย็น มีฤดูหนาวที่รุนแรงในบางครั้ง และมีฤดูร้อนที่ค่อนข้างอบอุ่นโดยเปรียบเทียบ ฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมเพราะอยู่ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้มีภูมิอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นเมื่อเปรียบเทียบกับละติจูดที่อยู่สูงมาก
เนื้อที่ราวหนึ่งในสี่ของประเทศฟินแลนด์ตั้งอยู่เหนืออาร์กติกเซอร์เคิล ทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ ในจุดที่เหนือที่สุดของฟินแลนด์ พระอาทิตย์ไม่ตกดินเป็นเวลา 73 วันในช่วงฤดูร้อน และไม่ขึ้นเลยเป็นเวลา 51 วันในช่วงฤดูหนาว[24][42]
เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
[แก้]ภาพรวม
[แก้]
ในอดีต นโยบายการค้าขายของฟินแลนด์อยู่ในกรอบของการรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนบ้านมหาอำนาจจักรวรรดิรัสเซีย และต่อมา สหภาพโซเวียต ถึงกระนั้นก็ตาม ฟินแลนด์ได้กลายเป็นประเทศที่แผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจได้กว้างไกลที่สุดประเทศหนึ่งของโลกในเวลาต่อมา
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฟินแลนด์พัฒนาไปเป็นประเทศอุตสาหกรรมและเป็นตลาดเสรี ซึ่งมีผลผลิตต่อประชากรสูงไม่ต่างจากเศรษฐกิจในโลกตะวันตกอื่นๆ ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่การผลิตไม้ โลหะ วิศวกรรม โทรคมนาคม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การค้าระหว่างประเทศของฟินแลนด์มีส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ[43] นอกจากป่าไม้และแร่ธาตุบางอย่างแล้ว ฟินแลนด์ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและพลังงาน รวมถึงส่วนประกอบของสินค้าอุตสาหกรรมบางอย่าง ภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของฟินแลนด์คือการบริการ ในขณะที่การผลิตปฐมภูมิมีส่วนเพียงร้อยละ 2.9 ของจีดีพี[44]

พ.ศ. 2534 ฟินแลนด์ประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสิ้นสุดลงของการค้าขายแบบแลกเปลี่ยนกับสหภาพโซเวียต ก่อนปี 2534 การค้าขายมากกว่าหนึ่งในห้าของฟินแลนด์เกิดขึ้นกับสหภาพโซเวียต[45] ในปี 2534 ฟินแลนด์ลดค่าเงินมาร์กเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ส่งผลให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น[46] ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในปี 2536 จากนั้นก็มีการเจริญเติบโตขึ้นจนถึงปี 2538 ตั้งแต่นั้นมา ฟินแลนด์ก็อยู่ในกลุ่มที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในประเทศสมาชิก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี)[47]
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมาะสม ทำให้การทำเกษตรกรรมถูกจำกัดอยู่เพียงการผลิตเพื่อเพียงพอต่อการบริโภคเท่านั้น การทำป่าไม้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการส่งออก จึงเป็นอุตสาหกรรมอันดับสองของประเทศ[48] ฟินแลนด์เป็นหนึ่งใน 11 ประเทศที่ร่วมใช้ระบบเงินยูโรในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 แทนสกุลเงินมาร์กฟินแลนด์
ฟินแลนด์ได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลกสามปีติดต่อกัน คือระหว่าง 2546-2548 โดยเวิลด์อิโคโนมิกฟอรั่ม (World Economic Forum)[49][50] ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความสนใจไปที่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ[51] กล่าวได้ว่าบริษัทโนเกียของฟินแลนด์เป็นส่วนประกอบสำคัญในสาขาสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ นั่นคือภาคโทรคมนาคม
การคมนาคม
[แก้]
จากข้อมูลถึงปี พ.ศ. 2548 ถนนสาธารณะทั้งหมดของประเทศมีความยาว 78,189 กิโลเมตร[52] ทางรถไฟทั้งประเทศมีความยาว 5,741 กิโลเมตร[52] โดยในเฮลซิงกิมีระบบรถไฟในเมือง และในปัจจุบันกำลังมีโครงการสร้างไลท์เรลในเมืองตัมเปเร และตุรกุ ฟินแลนด์มีสนามบิน 148 แห่ง[53]โดยสนามบินที่ใหญ่ที่สุดคือท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-วันตา
ระบบรถไฟในฟินแลนด์ให้บริการโดยรัฐวิสาหกิจ "เวแอร" (VR) โดยให้บริการรถไฟเชื่อมต่อเมืองต่างๆทั่วประเทศ เส้นทางรถไฟส่วนใหญ่จะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดทางที่สถานีรถไฟกลางเฮลซิงกิ มีบริการรถไฟความเร็วสูงเพนโดลีโน เชื่อมต่อเมืองหลักของประเทศ โดยเฉพาะตัมเปเรและตุรกุ ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-วันตา เป็นประตูสู่เมืองหลักๆของโลกหลายแห่ง โดยมีเที่ยวบินตรงไปยังกรุงเทพฯ ปักกิ่ง เดลี กวางเจา นาโกย่า นิวยอร์ก โอซะกะ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และโตเกียว
ประชากร
[แก้]ฟินแลนด์มีประชากรประมาณ 5 ล้านคน และมีความหนาแน่นของประชากรอยู่ที่ราว 17 คนต่อตารางกิโลเมตร ประชากรของฟินแลนด์กระจุกตัวอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ในจังหวัดอูซิมาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงมีความหนาแน่น 30 คนต่อตารางกิโลเมตร (ในส่วนของตัวเมืองเฮลซิงกิมีความหนาแน่นถึงสามพันคนต่อตารางกิโลเมตร) ในขณะที่ทางตอนเหนือในเขตแลปแลนด์ มีประชากรเพียงสองคนต่อตารางกิโลเมตรเท่านั้น[54] เมืองใหญ่อื่น ๆ นอกจากในเขตมหานครเฮลซิงกิ (ซึ่งรวมถึงเมืองวันตาและเอสโป) ได้แก่ตัมเปเร ตุรกุ และโอวลุ
ภาษา
[แก้]ร้อยละ 92 ของประชากรฟินแลนด์พูดภาษาฟินแลนด์เป็นภาษาแม่ รองลงมาคือภาษาสวีเดน (ร้อยละ 5.5)[55] ซึ่งสองภาษานี้เป็นภาษาทางการของประเทศ ภาษาอื่นที่มีการพูดการในฟินแลนด์ได้แก่ภาษารัสเซีย และภาษากลุ่มซามิ ภาษาและวัฒนธรรมของชาวซามิ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในเขตแลปแลนด์ ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย[56]
ศาสนา
[แก้]

ชาวฟินแลนด์ประมาณร้อยละ 83 นับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเธอรัน[55][57] และมีส่วนหนึ่ง (ร้อยละ 1.1) นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกส์ สองนิกายนี้เป็นศาสนาประจำชาติของฟินแลนด์ นอกจากนี้ ศาสนาอื่นๆที่มีนับถือในฟินแลนด์ได้แก่นิกายโปรเตสแทนท์อื่นๆ คาทอลิก อิสลาม และยูดาย นอกเหนือจากประชากรร้อยละ 14.7 ที่ไม่นับถือศาสนาใด ๆ อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา (เช่นการเข้าโบสถ์) นั้นน้อยกว่าที่เป็นตามตัวเลขนี้พอสมควร ชาวฟินแลนด์ส่วนใหญ่จะเคยเข้าโบสถ์น้อยครั้งมาก ส่วนใหญ่จะเป็นงานพิธีต่าง ๆ เช่นการแต่งงาน[58]
การศึกษา
[แก้]
ระบบการศึกษาของฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับความเสมอภาค โดยไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนเต็มเวลา ฟินแลนด์มีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ตั้งแต่อายุ 7-16 ปี โรงเรียนทุกแห่งจะมีอาหารกลางวันบริการฟรี การเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายไม่บังคับ โดยมีทั้งการเรียนเตรียมอุดมศึกษาสายสามัญ และอาชีวศึกษา และในระดับอุดมศึกษาก็จะมีทั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนอาชีวศึกษาขั้นสูง จากโครงการเพื่อประเมินศักยภาพเด็กนักเรียนสากลขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ประจำปี พ.ศ. 2549 นักเรียนอายุ 15 ปีของฟินแลนด์นั้นทำคะแนนสูงสุดในด้านความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์[59] เวิลด์อิโคโนมิกฟอรัมจัดอันดับการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้เป็นอันดับหนึ่งของโลก[60] ประชากรที่อายุเกิน 15 ปีมีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ 100 เปอร์เซ็นต์[53]
วัฒนธรรม
[แก้]วรรณกรรม
[แก้]การจารึกตัวอักษรของชาวฟินแลนด์ปรากฏพบเห็นนับแต่ยุคที่มิคาเอล อกริโคลา แปลหนังสือพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ไปเป็นภาษาฟินแลนด์ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนต์ แต่กลับไม่พบเห็นงานเขียนอื่นๆ มากนักจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 19 เอเลียส เลินน์รูต ได้รวบรวมบทกวีพื้นบ้านของฟินแลนด์และคาเรเลีย เรียบเรียงเข้าด้วยกันและนำเสนอเป็นผลงานชื่อ กาเลวาลา อันเป็นมหากาพย์แห่งชาติของฟินแลนด์ หลังจากยุคนั้นจึงมีกวีและนักเขียนเพิ่มมากขึ้น ที่มีชื่อเสียงเช่น อะเลกซิส กิวิ และ เอย์โน เลย์โน นักเขียนชาวฟินแลนด์ชื่อ ฟรันส์ เอมิล ซิลลันแป ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี พ.ศ. 2482 และเป็นชาวฟินแลนด์ผู้เดียวที่ได้รับรางวัลนี้นับถึงปัจจุบัน[61]
ซาวน่า
[แก้]การซาวน่าแบบฟินแลนด์ เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมฟินแลนด์ ในปี 2555 ฟินแลนด์มีซาวน่าถึงกว่าสามล้านแห่ง[62] เทียบกับจำนวนประชากรห้าล้านคนของประเทศ โดยเฉลี่ยแล้วจะมีซาวน่าหนึ่งแห่งต่อครัวเรือน สำหรับชาวฟินแลนด์แล้ว ซาวน่าเป็นสถานที่สำหรับผ่อนคลายกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
อาหาร
[แก้]
อาหารฟินแลนด์มักมีลักษณะเรียบง่าย และมักได้รับการกล่าวถึงในด้านความเป็นมิตรต่อสุขภาพ[63][64] ส่วนประกอบที่สำคัญคือปลา เนื้อสัตว์ เบอร์รี และผักต่างๆ ในขณะที่การใช้เครื่องเทศต่างๆมีไม่มากนัก ตัวอย่างอาหารที่สำคัญของฟินแลนด์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ได้แก่ ruisleipä (ขนมปังข้าวไรย์ เป็นขนมปังที่มีสีเข้มและมีรสเปรี้ยว[63]) และ karjalanpiirakka (พายคาเรเลีย แป้งกรอบสอดไส้ข้าว) เป็นต้น
ดนตรี
[แก้]
ดนตรีของฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากดนตรีดั้งเดิมของคาเรเลีย วัฒนธรรมคาเรเลียเป็นสิ่งสื่อถึงการแสดงออกของตำนานเทพนิยายและความเชื่อของชาวฟินนิก ดนตรีพื้นบ้านของฟินแลนด์ ได้ถูกนำมาทำใหม่โดยวงดนตรีสมัยใหม่ และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของดนตรียอดนิยมในปัจจุบัน ชาวซามิในตอนเหนือของฟินแลนด์มีดนตรีดั้งเดิมของตนเอง
ส่วนหนึ่งของดนตรีฟินแลนด์สมัยใหม่ของฟินแลนด์ที่มีชื่อเสียงคือดนตรีเดธเมทัล เช่นเดียวกับวงดนตรีร็อก นักดนตรีแจ๊ซ และนักแสดงฮิปฮอป ดนตรีที่เป็นที่นิยมของฟินแลนด์ยังรวมไปถึงอุปรากร และดนตรีแดนซ์ วงดนตรีจากฟินแลนด์หลายวงประสบความสำเร็จในวงการดนตรีเฮฟวีเมทัลและดนตรีร็อกของยุโรปและญี่ปุ่น เช่น วงไนท์วิช อะมอร์ฟิส วัลตาริ เป็นต้น พ.ศ. 2549 วงดนตรีลอร์ดิ (Lordi) จากฟินแลนด์ ชนะการประกวดเพลงยูโรวิชัน 2006 โดยเป็นชัยชนะครั้งแรกของฟินแลนด์ตลอดยี่สิบปีที่ส่งประกวด เพลงที่ใช้ในการประกวดคือเพลง"ฮาร์ดร็อกฮัลเลลูยา" (Hard Rock Halleluja)[65]
กีฬา
[แก้]
ประชากรของฟินแลนด์มีความนิยมในกีฬาสูง กีฬาประจำชาติของฟินแลนด์คือ pesäpallo ซึ่งเป็นกีฬาที่มีลักษณะคล้ายเบสบอล[66][67] นอกจากนี้ กีฬาที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในแง่ของการชมทางโทรทัศน์ ได้แก่กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง และการแข่งรถสูตรหนึ่ง ในอดีต ฟินแลนด์เคยมีชื่อเสียงในเรื่องนักวิ่งระยะกลาง ในกีฬาโอลิมปิก 1924 (พ.ศ. 2467)ที่ปารีส ปาโว นุรมิ คว้าถึงสี่เหรียญทอง[15] ฟินแลนด์เป็นบ้านเกิดของนักกีฬาระดับโลกในปัจจุบันหลายคน เช่น มิกะ แฮกกิเนน กิมิ ไรก์เกอเนน (นักแข่งรถสูตรหนึ่ง) ซามิ ฮูเปีย ยาริ ลิตมาเนน (นักฟุตบอล) นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาอีกหลายชนิดที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก กีฬาหรือกิจกรรมนันทนาการที่เป็นที่นิยมในฟินแลนด์ได้แก่ ฟลอร์บอล สกี และ sauvakävely (การเดินด้วยแท่งไม้สกี) ฟินแลนด์เคยเป็นเจ้าภาพกีฬากีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี พ.ศ. 2495
การจัดอันดับนานาชาติ
[แก้]- ฟินแลนด์มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ พ.ศ. 2549 ของสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติอยู่ในลำดับที่ 11 จากทั้งหมด 177 ประเทศ[68]
- ฟินแลนด์อยู่ในอันดับ 5 จาก 169 ประเทศ ในการจัดอันดับเสรีภาพสื่อขององค์กรนักข่าวไร้พรมแดน ประจำปีพ.ศ. 2550 ก่อนหน้านี้ฟินแลนด์ได้อันดับ 1 ตั้งแต่เริ่มจัดอันดับเมื่อปีพ.ศ. 2545 จนถึงปีพ.ศ. 2549[69]
- ฟินแลนด์ได้รับอันดับสูงสุดร่วมกับเดนมาร์กและนิวซีแลนด์ ในการจัดอันดับการปลอดคอร์รัปชันโดยองค์กรแทรนส์แพเรนซีอินเตอร์เนชันแนล (Transparency International) ประจำปี พ.ศ. 2550 จากทั้งหมด 183 ประเทศ[70] โดยฟินแลนด์เป็นประเทศที่ได้รับอันดับต้นๆในการจัดอันดับทุกครั้ง
- จากการจัดอันดับของเวิลด์ออดิต (World Audit เก็บถาวร 2006-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน) ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันต่ำสุด และเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก[71]
- ฟินแลนด์ได้รับอันดับสองในการจัดอันดับประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสุด โดยเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัม (World Economic Forum) ประจำปี 2006-2007[72][73] ก่อนหน้านี้ฟินแลนด์ได้รับอันดับหนึ่งมาสามปีติดต่อกัน[49][50]
- ฟินแลนด์อยู่ในลำดับที่ 16 จาก 157 ประเทศในดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ โดยเดอะเฮอริทิจฟาวน์เดชันและเดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล[74]
- ฟินแลนด์อยู่ในอันดับที่หนึ่งของดัชนีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม[1] พ.ศ. 2548 ในการวิจัยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเยลและมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย[75]
- ฟินแลนด์อยู่ในอันดับที่ 6 ของดัชนีสันติภาพโลก[2] เก็บถาวร 2008-04-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดย The Economist Intelligence Unit[76]
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อstatistics-finland-population-2023-final
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อParliamentary
- ↑ The Soviet Russia's recognition of Finland's independence Dec. 1917 - Jan. 1918, เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 February 2024, สืบค้นเมื่อ 22 February 2024
- ↑ "Finland". Central Intelligence Agency. 8 August 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 December 2022. สืบค้นเมื่อ 23 January 2021 – โดยทาง CIA.gov.
- ↑ "Surface water and surface water change". Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 March 2021. สืบค้นเมื่อ 11 October 2020.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 "World Economic Outlook Database, October 2024 Edition. (Finland)". www.imf.org. International Monetary Fund. 22 October 2024. สืบค้นเมื่อ 29 November 2024.
- ↑ "Gini coefficient of equivalised disposable income". Eurostat. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 October 2020. สืบค้นเมื่อ 14 March 2024.
- ↑ "Human Development Report 2023/24" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. 13 March 2024. p. 279. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2024. สืบค้นเมื่อ 14 March 2024.
- ↑ Ajanilmaukset เก็บถาวร 20 ตุลาคม 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Kielikello 2/2006. Institute for the Languages of Finland. Retrieved 20 October 2017
- ↑ "Preliminary population statistics". Statistics Finland. สืบค้นเมื่อ 12 February 2025.
- ↑ "Språk i Finland" [Language in Finland]. Institute for the Languages of Finland (ภาษาสวีเดน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2021.
- ↑ Li, Leslie (16 April 1989). "A Land of a Thousand Lakes". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 January 2010. สืบค้นเมื่อ 20 September 2020.
- ↑ Mansel, Lydia (15 November 2023). "15 Best Places to Visit in Finland, From the Sauna Capital of the World to Santa Claus Village". Travel + Leisure. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 January 2024. สืบค้นเมื่อ 2 January 2024.
- ↑ "Kotisivu - Kuntaliiton Kunnat.net" (ภาษาฟินแลนด์). Suomen Kuntaliitto. สืบค้นเมื่อ 6 May 2015.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 Kirby, David (2006). A Concise History of Finland (ภาษาอังกฤษ). Cambridge, UK: Cambridge University Press. ISBN 0-521-53989-7.
- ↑ Kallio, Veikko (1994). Finland: A Cultural Outline (ภาษาอังกฤษ). Porvoo: WSOY. ISBN 951-0-19421-2.
- ↑ "History of the Finnish Parliament | Parliament of Finland". archive.wikiwix.com.
- ↑ NATO. "Relations with Finland". NATO (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Finland: World Audit Democracy Profile". web.archive.org. 2013-10-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-30. สืบค้นเมื่อ 2021-09-11.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "The 2009 Legatum Prosperity Index". web.archive.org. 2009-10-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-29. สืบค้นเมื่อ 2024-11-08.
- ↑ "Her er verdens mest konkurransedyktige land | Næringsliv | Makro og politkk | E24". web.archive.org. 2010-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-14. สืบค้นเมื่อ 2021-09-11.
- ↑ CNN, By Katia Hetter. "This is the world's happiest country in 2019". CNN (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://happiness-report.s3.amazonaws.com/2020/WHR20.pdf
- ↑ 24.0 24.1 24.2 24.3 "Finland at a glance". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-24. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Helsinki - History". Encyclopædia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Finnish (suomi)". Omniglot.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Finland's trailblazing path for women" (ภาษาอังกฤษ). บีบีซีนิวส์. 2006-06-01. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 28.3 Zetterberg, Seppo; Malcolm Hicks (1991). Finland After 1917 (ภาษาอังกฤษ). Helsinki: Otava. ISBN 951-1-11724-6.
- ↑ "History of the Finnish Parliament" (ภาษาอังกฤษ). รัฐสภาฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-26. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ Tiitinen, Seppo (October 2000). "Reform of the constitution". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-10-05. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ "Finland: Politics" (ภาษาอังกฤษ). K-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-08. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ "Election of the President" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานประธานาธิบดีฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "The Chancellor of Justice" (ภาษาอังกฤษ). Oikeuskanslerinvirasto. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-19. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ "Legislative work of Parliament" (ภาษาอังกฤษ). รัฐสภาฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-23. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ 35.0 35.1 "Parliamentary Elections" (ภาษาอังกฤษ). รัฐสภาฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-20. สืบค้นเมื่อ 2007-05-30.
- ↑ "Finnish General Election 2007- Results by parties" (ภาษาอังกฤษ). YLE.fi. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-25. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Tervetuloa aluehallintoviraston verkkosivuille!" (ภาษาฟินแลนด์). State Provincial Office. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 March 2012. สืบค้นเมื่อ 9 June 2012.
- ↑ The role that the regional councils serve on Mainland Finland are on the Åland Islands handled by the autonomous Government of Åland.
- ↑ "Valtioneuvosto päätti Uudenmaan ja Itä-Uudenmaan maakuntien yhdistämisestä" (ภาษาฟินแลนด์). Ministry of Finance. 22 ตุลาคม 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2011. สืบค้นเมื่อ 30 December 2010.
- ↑ "Lakes in Finland" (ภาษาอังกฤษ). สถาบันสิ่งแวดล้อมฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Environment and Natural Resources" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานสถิติฟินแลนด์. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ Heino, Raino (November 2001). "Finland's climate". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-28. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Finland in the World Economy" (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "National Accounts" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานสถิติฟินแลนด์. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Finland - International trade". National Economies Encyclopedia (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ "The growing years of Finland's industrial production" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานสถิติฟินแลนนิด์. สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ "Economic Survey of Finland 2004" (ภาษาอังกฤษ). OECD. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19.
- ↑ "Forest Finland" (ภาษาอังกฤษ). สถานทูตฟินแลนด์ ลอนดอน. สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ 49.0 49.1 "Finland beats US competitiveness" (ภาษาอังกฤษ). BBC News. 2003-10-30. สืบค้นเมื่อ 2007-05-28.
- ↑ 50.0 50.1 "ความสามารถในการแข่งขัน". ผู้จัดการรายสัปดาห์. 2006-07-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-08. สืบค้นเมื่อ 2007-05-28.
- ↑ Sipilä, Kari (April 2004). "A country that innovates". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-16. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ 52.0 52.1 "Transport and Tourism" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานสถิติฟินแลนด์. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ 53.0 53.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อcia
- ↑ Peltonen, Arvo (November 2002). "The Population in Finland". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-10-05. สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ 55.0 55.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อstatspop
- ↑ "Country Reports on Human Rights Practices in Finland" (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ. 2007-03-06. สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ "Kirkon väestötilastot tarkentuneet - Suomalaisista 82,4 prosenttia kuuluu luterilaiseen kirkkoon". คริสตจักรเอวาเจลิคัลลูเธอรันแห่งฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-27. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31. (ฟินแลนด์)
- ↑ "Finland". International Religious Freedom Report 2004 (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "โออีซีดีเผย เด็กฟินแลนด์เก่งที่สุดในโลก". โพสต์ทูเดย์. 2007-12-05.
- ↑ "Finland" (PDF). Country/Economy Profile (ภาษาอังกฤษ). World Economic Forum. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Frans Eemil Sillanpää : The Nobel Prize in Literature 1939" (ภาษาอังกฤษ). Nobelprize.org. สืบค้นเมื่อ 2008-02-27.
- ↑ "Finnish Sauna" (ภาษาอังกฤษ). A-Sauna.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-10-23. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ 63.0 63.1 "Finnish Food" (ภาษาอังกฤษ). SIFCO. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-11. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ Tanttu, Anna-Maija (November 2001). "The gastronomy of Finland". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-05. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Finland celebrates Eurovision win" (ภาษาอังกฤษ). BBC News. 2006-05-21. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Introduction to the game" (ภาษาอังกฤษ). Pesäpalloliitto. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-09. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ Brady, Joe (August 2004). "On sport in Finland". Virtual Finland (ภาษาอังกฤษ). กระทรวงการต่างประเทศ ฟินแลนด์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-05. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Human Development Report 2006" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2007-02-02. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "Worldwide Press Freedom Index 2007" (ภาษาอังกฤษ). องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-17. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19.
- ↑ "Corruption Perceptions Index 2007" (ภาษาอังกฤษ). Transparency International. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-28. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19.
- ↑ "Finland". World Democracy Profile (ภาษาอังกฤษ). World Audit. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "สวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และ สวีเดน ติด 3 อันดับแรกประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลก". ThaiEurope.net. 2006-09-27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-05-18. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- ↑ "US loses top competitiveness spot" (ภาษาอังกฤษ). BBC News. 2006-09-26. สืบค้นเมื่อ 2007-05-28.
- ↑ "Index of Economic Freedom 2007" (ภาษาอังกฤษ). The Heritage Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-13. สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ "2005 Environmental Sustainability Index" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2007-05-31.
- ↑ "Global Peace Index Rankings" (ภาษาอังกฤษ). The Economist Intelligence Unit. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-16. สืบค้นเมื่อ 2007-10-19.
ข้อมูล
[แก้]- Kirby, David (13 July 2006). A Concise History of Finland (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-83225-0.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Insight Guide: Finland (ISBN 981-4120-39-1).
- Jutikkala, Eino; Pirinen, Kauko. A History of Finland (ISBN 0-88029-260-1).
- Klinge, Matti. Let Us Be Finns: Essays on History (ISBN 951-1-11180-9).
- Lavery, Jason. The History of Finland, Greenwood Press, 2006 (ISBN 0-313-32837-4.
- Lewis, Richard D. Finland: Cultural Lone Wolf (ISBN 1-931930-18-X).
- Lonely Planet: Finland (ISBN 1-74059-791-5).
- Partanen, Anu: The Nordic Theory of Everything, 2017 (ISBN 9780715652039).
- Singleton, Fred. A Short History of Finland (ISBN 0-521-64701-0).
- Swallow, Deborah. Culture Shock! Finland: A Guide to Customs and Etiquette (ISBN 1-55868-592-8).
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Finland at the Encyclopædia Britannica
- Finland. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- Finland profile from the BBC News
รัฐบาล
- This is Finland, the official English-language online portal (administered by the Finnish Ministry for Foreign Affairs)
- Statistics Finland
แผนที่
ดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศฟินแลนด์ ที่โอเพินสตรีตแมป
Wikimedia Atlas of Finland
การเดินทาง
64°N 26°E / 64°N 26°E
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "หมายเหตุ" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="หมายเหตุ"/>
ที่สอดคล้องกัน