เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | |
---|---|
เสนาบดีกระทรวงเกษตรธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง 2 กันยายน พ.ศ. 2442 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2452 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี |
ถัดไป | พระยาวงษานุประพัทธ์ |
เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง 19 กันยายน พ.ศ. 2441 – 1 กันยายน พ.ศ. 2442 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา |
ถัดไป | พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | หม่อมราชวงศ์หลาน 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 |
เสียชีวิต | 1 มกราคม พ.ศ. 2466 (70 ปี) |
คู่สมรส | 27 คน |
บุตร | 32 คนรวมหม่อมหลวงขาบ |
บุพการี | |
อาชีพ | ขุนนาง |
วิชาชีพ | ข้าราชการพลเรือน |
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ นามเดิม หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 – 1 มกราคม พ.ศ. 2466) เป็นขุนนางชาวไทย เคยรับราชการในตำแหน่งเช่น ผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
ประวัติ[แก้]
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เป็นโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ กับหม่อมสุด กุญชร ณ อยุธยา[1]เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น 7 ค่ำ ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 มีพี่น้องต่างมารดาคือ หม่อมราชวงศ์กระจ่าง เป็นพี่สาว และ หม่อมราชวงศ์กระจัด เป็นน้องสาว
การรับราชการ[แก้]
เป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4[แก้]
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เมื่ออายุได้ 13 ปี พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ จัดงานโกนจุกขึ้นที่วังบ้านหม้อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานน้ำสังข์และทรงตัดจุก พระราชทานทองเหรียญเป็นของขวัญ แล้วถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 10 ตำลึง พออายุได้ 14 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรพชาเป็นสามเณรนาคหลวงในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้พระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อครั้งยังเป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) ให้ศีล แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในสำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน)[2]
รับราชการในสมัยรัชกาลที่ 5[แก้]
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ รับราชการเมื่อปี พ.ศ. 2412 ได้เป็นมหาดเล็กสารถีขับรถพระที่นั่ง ต่อมา พ.ศ. 2413 ได้เป็นนายกวดหุ้มแพรมหาดเล็กเวรฤทธิ์ ต่อมา พ.ศ. 2414 เป็นจ่ายงเวรศักดิ์ รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง แล้วได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง 10 ตำลึง ต่อมา พ.ศ. 2416 ได้รับ 3 ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ 10 ตำลึง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวงอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้รับพระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมพระเป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อครั้งเป็นพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม เป็นคู่สวด แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม[2]
ต่อมา พ.ศ. 2421 ได้เป็น หลวงเดชนายเวรมหาดเล็กเวรเดช รับพระราชทานเบี้ยหวัด 3 ชั่ง 10 ตำลึง ต่อมา พ.ศ. 2422 ได้เป็น เจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี หัวหมื่นมหาดเล็กเวรศักดิ์ ถือศักดินา 1,000[3]ได้หีบทอง ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๔ ชั่ง ต่อมา พ.ศ. 2424 พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ สิ้นพระชนม์ ได้ว่าการกรมมหรสพ กรมหุ่น กรมรถ กรมรถม้า แต่ราชการกรมรถม้านั้น ตระกูลนี้ได้ว่ามาแต่รัชกาลที่ 2 ติดเนื่องกัน 4 ชั่วคน ไม่มีตระกูลอื่นแทรกเลย แล้วได้ตรามงกุฏชั้น 4 ต่อมา 2 หรือ 3 ปี ได้โต๊ะทอง กาทอง เป็นองคมนตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เป็นจางวางมหาดเล็ก ได้พานทองกลม ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 8 ชั่ง ต่อมาได้ 10 ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ 10 ตำลึง[2] ถึง พ.ศ. 2432 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์" จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา 3,000[4]
พ.ศ. 2435 ได้รับพานทองเป็นครั้งที่ 2 เป็นพระอภิบาล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมา พ.ศ. 2436 ได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองสงขลากับเมืองพัทลุง ต่อมาเป็นพระยายืนชิงช้า แล้วได้ว่าราชการกรมโขนหุ่น กรมรำโคม กรมพิณพาทย์
เป็นสภานายกรัฐมนตรี[แก้]
เมื่อ พ.ศ. 2435 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกระทรวงมุรธาธรขึ้นเป็นกระทรวง 1 ใน 12 กระทรวง สำหรับกระทรวงมุรธาธรนั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรีเข้าอยู่ในกระทรวงมุรธาธรด้วย แต่เนื่องจากต่อมากระทรวงมุรธาธรมีราชการน้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบกระทรวงมุรธาธรเสียเมื่อ พ.ศ. 2439 ให้คงมีแต่สภานายกรัฐมนตรีบังคับบัญชาราชการอยู่ทั่วไปตามหน้าที่เสนาบดี กระทรวงมุรธาธรได้เคยบังคับบัญชามาก่อน และให้สภานายกรัฐมนตรีขึ้นอยู่ในกรมราชเลขานุการและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ซึ่งเวลานั้นยังเป็นพระยาอยู่ ดำรงตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2439[5]
เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล[แก้]
เมื่อ พ.ศ. 2440 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล ได้เงินเดือน ๆ ละ 1,000 บาท ต่อมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2450 เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน[6][7]
เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ[แก้]
กระทรวงโยธาธิการ เมื่อแรกตั้งเป็นกระทรวง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์แรก เพราะพระองค์ทรงเป็นอธิบดีกรมโยธาธิการอยู่แต่เดิม ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์ที่สอง ต่อมากรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เสด็จไปเป็นข้าหลวงต่างพระองค์ประจำ ณ เมืองอุบลราชธานี เวลานั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการต่อมาเป็นพระองค์ที่สาม ต่อมาเมื่อย้ายกรมขุนทิพยลาภพฤฒิธาดาไปเป็นเสนาบดีกระทรวงวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มาดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเมื่อ พ.ศ. 2441 ต่อมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2442 เพื่อไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ[8]
เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ[แก้]
ก่อนตั้งกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น หน้าที่กระทรวงเกษตราธิการอยู่ในจตุสดมภ์กรมนา เมื่อตั้งเป็นกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น เรียกว่า กระทรวงเกษตรพาณิชยการ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เวลานั้นเป็นพระยาได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการเป็นคนแรก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายท่านไปเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) มาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการ เป็นคนที่สอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2439 ท่านได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรงเกษตรพาณิชยการ แล้วยกราชการในกระทรวงพาณิชยการไปรวมกับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติคราวหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกตั้งเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ เรียกว่ากระทรวงเกษตราธิการ มีเสนาบดีบังคับบัญชาการคือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการเป็นคนแรก เมื่อวันที่ 2 กันยายน ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) และพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน[9]
เป็นเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์[แก้]
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 ขณะเมื่อดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการอยู่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา ดังประกาศพระบรมราชโองการที่ว่า
“ทรงพระราชดำริว่า พระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ได้รับราชการในกรมมหาดเล็ก ได้รับตำแหน่งโดยลำดับจนถึง เป็นจางวาง และเป็นผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ ราชการในระหว่างนั้นได้มีหน้าที่ต่าง ๆ อันเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยสนิทเป็นอันมาก ได้เป็นกรรมการฎีกาและกรรมการเรื่องที่นา และได้รับราชการไปเจริญทางพระราชไมตรีกรุงรัสเซีย พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ ที่เมืองลิวาเดีย และได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองพัทลุง เมืองสงขลา แล้วได้รับตำแหน่งพระอภิบาลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ภายหลังได้เป็นอุปนายกรัฐมนตรีแล้วเลื่อนขึ้นเป็นสภานายก ครั้นเมื่อเริ่มจัดการกรมสุขาภิบาลก็ได้รับตำแหน่งเป็นอธิบดีในกรมนั้น แล้วเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ภายหลังจึงย้ายมาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ เป็นผู้ได้สนิทชิดชอบพระราชอัธยาศัยตั้งแต่เยาว์มา ประกอบด้วยสติปัญญาสามารถมีปฏิภาณปรีชาว่องไวในราชกิจทั้งปวง เมื่อได้รับราชการในหน้าที่ใดก็ได้ตั้งใจฉลองพระเดชพระคุณ โดยความเอื้อเฟื้อมิได้ย่อหย่อน ได้ดำรงราชการในหน้าที่เสนาบดีมาจนบัดนี้ สมควรที่จะเลื่อนยศบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าพระยาผู้หนึ่งได้
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ให้สถาปนาพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ บรมขัติยราชสวามิภักดิ์ สมบูรณศักดิสุขุมชาติ มธุรวาทวิจิตร สรรพราชกิจพิจารณ์ มโหฬารคุญสมบัติ กัลยาณวัตรมหามาตยาธิบดี พุทธาทิศรีรัตนธาดา เมตตาชวาธยาศรัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ นาคนาม ดำรงศักดินา ๑๐๐๐๐ จงเจริญทฤฆชนมายุพรรณ สุขสิริสวัสดิพัฒนมงคล ธนสารสมบัติ บริวารสมบูรณ์ทุกประการ”[10]
ว่าราชการกรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น[แก้]
นอกจากการรับราชการในตำแหน่งทั่วไปแล้ว เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ยังมีหน้าที่ในการควบคุมกรมที่เกี่ยวกับการแสดงต่าง ๆ ถึง 5 ได้แก่ กรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น และด้วยในสมัยนั้นมีต่างชาติเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอยู่เป็นประจำ จึงมีหน้าที่ในการจัดการแสดงสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ในการนี้ท่านจึงได้ทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ร่วมเป็นที่ปรึกษาสำหรับจัดการแสดงต้อนรับพระราชอาคันตุกะ โดยพยายามคิดการแสดงใหม่ขึ้น มีการบรรเลงคอนเสิร์ต การแสดงละครดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะละครดึกดำบรรพ์นอกจากจะเล่นสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะแล้ว ท่านยังได้ลงทุนทำเป็นกิจการ เปิดการแสดงภายในวังบ้านหม้อของท่านเอง กิจการของท่านดำเนินไปด้วยดีเป็นระยะเวลา 10 ปี ในภายหลังท่านเกิดอาการป่วยจนต้องออกจากราชการ กิจการละครดึกดำบรรพ์และการแสดงอื่น ๆ ที่ท่านดูแลจึงยกเลิกไปหมด
ด้วยราชสกุลของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ท่านสืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พระราชปัยกา) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (พระอัยกา) และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ (พระบิดา) ทุกพระองค์ล้วนมีความสนใจในการแสดงละครฟ้อนรำเป็นอย่างมาก มีการจัดตั้งคณะละครขึ้นเล่นและเป็นมรดกตกทอดสืบมาถึงเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ตลอดจนเจ้าจอมมารดาและหม่อม (ภรรยา) ในราชสกุลต่างก็มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้อง จึงทำให้ราชสกุลกุญชรเป็นราชสกุลที่มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้องเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีคณะละครที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และได้รับราชการในการควบคุมกรมมหรสพหลวง จึงทำให้คณะละครและกรมมหรสพซึ่งท่านเป็นผู้ควบคุมอยู่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีนักดนตรีนักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน นักดนตรี เช่น พระประดิษฐไพเราะ (ตาด) หลวงเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) หลวงบำรุงจิตรเจริญ (ธูป สาตนะวิลัย) พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ฯลฯ นักร้อง เช่น หม่อมเจริญ หม่อมมาลัย หม่อมจันทร์ แม่แป้น วัชโรบล แม่แจ๋ว แม่ชม แม่ชื่น ฯลฯ นักแสดง เช่น หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) หม่อมต่วน (ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ฯลฯ[11]
ลาออกจากราชการและถึงอสัญกรรม[แก้]
ในบั้นปลายชีวิตของท่าน เริ่มป่วยทุพพลภาพ จึงไปรักษาตัวในตำบลต่าง ๆ พักอยู่ที่เมืองชลบุรี สำนักวัดป่า แล้วมาอยู่ที่บ้านคลองเตย จังหวัดนครเขื่อนขันธ์ ครั้น ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) อาการป่วยไม่ทุเลาลง เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ จึงกราบบังคมขอลาออกจากราชการ รับพระราชทานเบี้ยบำนาญเดือนละ 1,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 (แบบสากลคือ พ.ศ. 2466) เวลา 09.25 น. เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้ถึงอสัญกรรมลงด้วยโรคหัวใจพิการ ที่บ้านคลองเตย สิริอายุรวมได้ 70 ปีเศษ 1 เดือน 1 วัน ถึงเวลา 21.00 น. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ สวมลอมพอกโหมดพระราชทาน แล้วเจ้าพนักงานยกลองในตั้งบนแท่น 2 ชั้น ประกอบโกศมณฑป มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 15 วัน[12]
ภรรยาและบุตรธิดา[แก้]
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีภรรยาและบุตรธิดาหลายคนดังนี้
- คุณนายช่วง “เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้แต่งงานกับหญิงสาวชื่อช่วง มีเชื้อสายจีน ในบ้านมักจะเล่ากันว่า “เป็นลูกสาวเจ้าสัวโรงกะทะ” คนในบ้านเรียกกันอย่างยกย่องว่า คุณนายช่วง ภรรยาที่แต่งงานนี้ มีบิดามารดาเป็นคนมั่งคั่ง หม่อมสุดมารดาซึ่งมีเชื้อสายจีน เป็นผู้ไปสู่ขอมาให้ลูกชายคนเดียวของท่าน โดยที่เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มิได้มีความรักแลปรารถนา เมื่อแต่งงานแล้วก็ไม่ค่อยไปเยี่ยมเยือน ต้องให้หม่อมสุดเป็นผู้เตือนอยู่บ่อยๆ คุณนายช่วงเป็นหญิงที่ไม่ค่อยจะมีโชคดีนัก มีลูกหญิงกับเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ คนหนึ่ง แล้วตัวท่านกับลูกท่านก็เสียชีวิตไปในเวลาใกล้เคียงกัน”
- หม่อมเผื่อน กุญชร ณ อยุธยา เชื้อสายราชินิกุล ณ บางช้าง มีบุตรธิดา 5 คน คือ
- หม่อมหลวงจรูญ กุญชร
- หม่อมหลวงเจริญ กุญชร
- หม่อมหลวงอึ่งอ่าง กุญชร
- พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมหลวงวราห์ กุญชร) (19 ธันวาคม พ.ศ. 2421 – 14 มีนาคม พ.ศ. 2500)[13] มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- คุณหญิงประยงค์ เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (สกุลเดิม ไกรฤกษ์) มีธิดา 2 คน คือ
- ฉันทนา ศรีศักดิธำรง
- นฤมล อัศวฤทธิ์
- หม่อมราชวงศ์สุภาธร นพวงศ์ มีบุตรธิดา 3 คน คือ
- ศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา
- พงษ์สุลี กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมอนุวงศ์ จิรประวัติ ณ อยุธยา (หม่อมของหม่อมเจ้านิทัศนาธร จิรประวัติ)
- นิน่า หรือ น้อยหน่า (ถึงแก่กรรม) แต่ไม่มีบุตรธิดา
- นวล มีธิดา 1 คน คือ
- กุญชรี กุญชร ณ อยุธยา
- สำเนียง มีธิดา 1 คน คือ
- อัมพวัน สุริยกุล ณ อุยธยา[13]
- คุณหญิงประยงค์ เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (สกุลเดิม ไกรฤกษ์) มีธิดา 2 คน คือ
- หม่อมหลวงจิตรกุล เพชรดา (หญิง) ได้สมรสกับ มหาอำมาตย์โท พระยาเพชรดา (สะอาด ณ ป้อมเพชร์)[13]
- หม่อมนวล กุญชร ณ อยุธยา (ไม่ทราบปีที่เกิด – พ.ศ. 2458) (ปีที่ถึงแก่กรรมคำนวนจากปีที่ หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ กำพร้ามารดา คือตั้งแต่อายุ 4 ปี หรือปี พ.ศ. 2458) หม่อมนวล เป็นนักแสดงตัวนางของวังบ้านหม้อ และเป็นครูของ หลวงไพจิตรนันทการ (ทองแล่ง สุวรรณภารต) มีธิดา 1 คน คือ
- หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ (13 ธันวาคม พ.ศ. 2454 – 7 มิถุนายน พ.ศ. 2525) ได้สมรสกับ นายแพทย์ชม เทพยสุวรรณ แต่ไม่มีบุตรและธิดา[14]
- หม่อมจันทร์ กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ. 2424 – ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม) น้องสาว หม่อมเนย ซึ่งเป็นหม่อมของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เช่นกัน หม่อมจันทร์ ได้ฝึกหัดการรำกับ หม่อมวัน และ หม่อมเข็ม ตั้งแต่ยังเล็ก โดยฝึกหัดเป็นตัวพระ รวมทั้งต่อเพลงร้องสำหรับการแสดงละครในและละครดึกดำบรรพ์ จนได้เป็นนักร้องและนักแสดงคนสำคัญของวังบ้านหม้อ มีฝีมือทางด้านการแสดงตัวคาวีเป็นที่ดีเยี่ยม และมีผลงานการบันทึกเสียงมากมาย ภายหลังได้ออกจากวังบ้านหม้อไปอยู่ในราชสำนักของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วย้ายมาเป็นนักร้องในกรมมหรสพ ต่อมาได้ใช้ชีวิตร่วมกับ ขุนนิมิตราชฐาน[15] มีบุตร 1 คนคือ
- พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร (10 ตุลาคม พ.ศ. 2448 – 19 กันยายน พ.ศ. 2529)[16] มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- เทียบ ฤทธาคนี ธิดา นายพันโท พระยาทัพพสาธก์เสนา (นวม ฤทธาคนี) กับ คุณหญิงเนย มีบุตรธิดา 6 คน คือ
- ทวีวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- พันตำรวจเอก (พิเศษ) วรวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- อุรัชช์ ลอเรนส์
- พลโท วิวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- กนิษฐา วิลสัน
- เทียมแข จรูญโรจน์ ณ อยุธยา[17]
- สินีนาฏ โพธิเวช มีธิดา 3 คน คือ
- เตือนใจ ดีเทศน์
- เพ็ญแข กุญชร ณ อยุธยา
- พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา
- เทียบ ฤทธาคนี ธิดา นายพันโท พระยาทัพพสาธก์เสนา (นวม ฤทธาคนี) กับ คุณหญิงเนย มีบุตรธิดา 6 คน คือ
- พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร (10 ตุลาคม พ.ศ. 2448 – 19 กันยายน พ.ศ. 2529)[16] มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- หม่อมมาลัย กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ. 2430 – 2465) เป็นนักแสดงและนักร้องเสียงดีของวังบ้านหม้อ มีผลงานการบันทึกเสียงมากมาย เมื่อแสดงละครดึกดำบรรพ์มักได้รับเลือกแสดงเป็นตัวเอกเสมอ ได้ฝึกหัดการรำกับ หม่อมเข็ม หัดร้องเพลงกับ หม่อมเปรม หม่อมใน พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ต่อเพลงร้องละครกับ สิน สินธุนาคร รวมทั้งได้ต่อเพลงร้องกับ หม่อมเนย และ หม่อมเจริญ ด้วย ต่อมาหนีออกจากวังบ้านหม้อ แล้วไปชอบพอกับนายห้างฝรั่งชื่อ “ริกันตี” จึงกลับไปวังบ้านหม้อเพื่อขอหนังสือหย่า แต่ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ไม่ยินยอม จากนั้นได้เลือกใช้ชีวิตคู่ร่วมกับนายทหารเรือผู้หนึ่งจนมีธิดา 1 คน แต่ญาติฝ่ายชายรังเกียจจึงจัดให้แยกทางกัน ภายหลัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย จัดให้มีคณะละครที่วังเพชรบูรณ์ ทรงทราบว่า หม่อมมาลัย เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งกระบวนการร้องและรำจึงให้เข้ามาเป็นครูสอน ในบั้นปลายชีวิตได้ชีวิตร่วมกับ เจริญ ศัพท์โสภณ นักระนาดฝีมือดี หัวหน้านักดนตรีของวังเพชรบูรณ์ แต่ไม่มีบุตรร่วมกัน และป่วยตายด้วยโรควัณโรคที่วังเพชรบูรณ์[15] มีธิดา 1 คน คือ
- หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์ (17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 – 17 มกราคม พ.ศ. 2506) เจ้าของนามปากกาดอกไม้สด ได้สมรสกับ ศาสตราจารย์ สุกิจ นิมมานเหมินท์ แต่ไม่มีบุตรและธิดา
- หม่อมเคลือบ กุญชร ณ อยุธยา เป็นนักร้องของวังบ้านหม้อ ต่อเพลงจาก หม่อมศิลา ใน พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ลีลาการขับร้องติดตลกคล้ายแหล่เทศน์ของผู้ชาย หม่อมเคลือบ มีธิดา 1 คน คือ
- หม่อมหลวงแถม จักรพันธ์ุ ได้สมรสกับ หม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์ มีธิดาบุญธรรมคือ แพทย์หญิงระทวย วีระแกล้ว
- หม่อมเพื่อน กุญชร ณ อยุธยา เป็นธิดาของ จมื่นราชนาคา (แย้ม) บุตร พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) กับ ป้อม บุตรี พระยามหาอรรคนิกร (เม่น)[18] มีบุตร 1 คน คือ
- หม่อมหลวงประยูร กุญชร ถึงแก่กรรม ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคราวตามเสด็จประพาสยุโรป พ.ศ. 2440[13]
- หม่อมวัน กุญชร ณ อยุธยา ในหนังสืองานศพ หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์ เขียนไว้ว่า “วรรณ” เป็นตัวละครรุ่นใหญ่ของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ “ส่วนครูนางนั้น ก็คือหม่อมเลื่อน และหม่อมวัน มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวบุษบาที่สวยมากทั้งในขบวนรำและในรูปโฉมทั้งสองคน ”[19] หม่อมวัน มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงคือ ขุนวาดพิศวง (แถม ศิลปชีวิน) มีบุตรธิดา 2 คน คือ
- พระยาวิชิตชลธาร (หม่อมหลวงเวศร์ กุญชร) (27 ธันวาคม พ.ศ. 2431 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2475) ได้สมรสกับ คุณหญิงผิว วิชิตชลธาร[20] มีบุตรธิดาร่วมกัน 5 คน คือ
- อาชว์ กุญชร ณ อยุธยา
- ศาสตราจารย์ พลตรี กัลย์ กุญชร ณ อยุธยา
- พันเอกพิเศษ จินต์ กุญชร ณ อยุธยา
- เกศินี เจริญฤทธิศาสตร์
- มันฑน ดิศกุล ณ อยุธยา
- สุมน กุญชร ณ อยุธยา[21]
- หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์ (17 กันยายน พ.ศ. 2437 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2473) เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ยกให้เป็นบุตรของ หม่อมเลื่อน หม่อมท่านหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเมตตาประดุจพระธิดามาแต่เล็ก โปรดให้เรียกพระองค์ท่านว่า “เสด็จพ่อ” ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอ หม่อมหลวงวงษ์ ให้แก่ หม่อมเจ้าศุขปรารภ กมลาสน์ มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือ หม่อมราชวงศ์ยงสุข กมลาสน์[22]
- พระยาวิชิตชลธาร (หม่อมหลวงเวศร์ กุญชร) (27 ธันวาคม พ.ศ. 2431 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2475) ได้สมรสกับ คุณหญิงผิว วิชิตชลธาร[20] มีบุตรธิดาร่วมกัน 5 คน คือ
- หม่อมคร้าม กุญชร ณ อยุธยา เดิมเป็นหม่อมใน พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ต่อมาเมื่อสิ้นนพระชนม์ได้เป็นหม่อมของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์“ผู้ที่มีชื่อเสียงในคณะละครขงพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ก็มี หม่อมเอม เป็นต้นบท และมีหม่อมชั้นเล็กสองคนที่มีชื่อเสียงปรากฏต่อมาเป็นระยะยาวนานคือ หม่อมเข็ม หม่อมคร้าม คุณหญิงเทศได้เข้าเป็นลูกศิษย์ของหม่อมคร้าม ซึ่งเป็นครูที่สอนการรำได้ทุกทาง แต่ที่มีชื่อเสียงนั้นก็คือ เป็นครูยักษ์ ..... หม่อมคร้ามและหม่อมเข็มต่อมาได้เป็นตัวละครสำคัญในคณะละครของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ รุ่นใหญ่”[19] นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางขับร้องด้วย ได้ต่อเพลงจาก หม่อมศิลา ใน พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ หม่อมคร้าม มีบุตรกับ 1 คน คือ
- หม่อมหลวงคอย กุญชร (ชาย)
- หม่อมเจริญ กุญชร ณ อยุธยา (วันจันทร์ เดือน 8 ปีขวด พ.ศ. 2419 – 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2498) นักร้องเสียงดีของวังบ้านหม้อ มีผลงานการบันทึกเสียงไว้มากมาย ภายหลังได้ออกจากวังบ้านหม้อไปใช้ชีวิตร่วมกับ จางวางทั่ว พาทยโกศล มีธิดา 2 คนคือ
- หม่อมหลวงเล็ก กุญชร (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 – 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอ หม่อมหลวงเล็ก จาก พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมหลวงวราห์ กุญชร) ผู้เป็นพี่ชาย ให้สมรสกับ พระยาราชมานู (ถั่ว อัศวเสนา) มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน และภายหลังเมื่อพระยาราชมานูถึงแก่กรรม ได้สมรสกับ เพี้ยน โล่ห์สุวรรณ มีธิดาร่วมกัน 1 คน[23]
- ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร (หม่อมหลวงแฉล้ม กุญชร) (20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 – 4 กันยายน พ.ศ. 2538)[24]
- หม่อมแจ่ม กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ. 2411 – 2482)[25] “เป็นญาติกับเจ้าจอมมารดาศิลา นับว่าเป็นเชื้อสาย ราชินีกูลบางช้าง”[26] และ “หม่อมแจ่ม เป็นนักร้องคนหนึ่ง เป็นคนมีความจำแม่นยำ และชอบในทางเพลงที่เรียกว่า เพลงภาษาคือเพลงที่ดัดแปลงมาจากทำนองแปลก ๆ ที่เป็นเพลง “ลาว” “เขมร” “ญวน” “จีน” ซึ่งพระประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด) กับ พระเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) ช่วยกันปรับปรุง ในความควบคุมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯรานุวัดติวงศ์ หม่อมแจ่มจึงมักรับบทที่ต้องร้องเพลงที่แสดงความรู้สึก และรำพร้อมไปกันได้อย่างว่องไว เช่นเป็นท้าวสามล ท้าวเสนากุฏ ล้วนแต่เป็นตัวที่ต้องแสดงบททำให้ขบขัน”[26] มีธิดา 1 คน คือ
- หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ (20 กันยายน พ.ศ. 2445 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2516) ได้สมรสกับ พระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงศิริ อิศรเสนา) มีบุตร 3 คน คือ
- พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
- นุรักษ อิศรเสนา ณ อยุธยา
- นัดดา อิศรเสนา ณ อยุธยา[26]
- หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ (20 กันยายน พ.ศ. 2445 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2516) ได้สมรสกับ พระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงศิริ อิศรเสนา) มีบุตร 3 คน คือ
- หม่อมบัว กุญชร ณ อยุธยา มีบุตร 1 คน คือ
- หลวงวัยวุฒิปรีชา (หม่อมหลวงไวยวัฒน์ กุญชร) (3 มิถุนายน พ.ศ. 2439 – 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499)[27] มีภรรยาและบุตรธิดา ดังนี้
- เชื้อ โรจนประดิษฐ์ [ธิดาพระยาวรุณฤทธีศรีสมุทปราการ (แช่ม โรจนประดิษฐ์)] มีบุตรธิดา 2 คน คือ
- ศุกรวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- ศิริวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- ชิน โรจนประดิษฐ์ มีบุตร 1 คน คือ
- ปิยวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมหลวงพัทรจิตร สุทัศน์ มีบุตร 2 คน
- จิราวุธ กุญชร ณ อยุธยา
- วิทยาวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา[27]
- หม่อมเนย กุญชร ณ อยุธยา พี่สาว หม่อมจันทร์ กุญชร ณ อยุธยา (หม่อมของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เช่นกัน) หม่อมเนย มีความรู้ความสามารถทั้งกระบวนการร้องและกระบวนการรำ ทั้งที่อ่านหนังสือไม่ออก แต่มีความจำดี สามารถจำบทร้องได้อย่างแม่นยำ เมื่อมีบุตรธิดาแล้วจึงเลิกแสดงละครและขับร้อง หม่อมเนย เป็นผู้มีอุปนิสัยดีเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาลูกของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ทุกคน[15] หม่อมเนย มีบุตรธิดา 3 คน คือ
- หม่อมหลวงปาด กุญชร
- หม่อมหลวงแขก กุญชร (พ.ศ. 2433 – 2477)[28] เคยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงพิจารณ์นนทิศาสตร์
- หม่อมหลวงไข่ กุญชร
- หม่อมแช่ม กุญชร ณ อยุธยา เป็นหม่อมรุ่นใหญ่ของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีบุตรกับ 1 คน คือ
- พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวงช่วง กุญชร)(2 มีนาคม พ.ศ. 2417 – 29 กันยายน พ.ศ. 2473) เป็นบุตรชายคนแรกของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้สมรสกับ ชม หุตะสิงห์ พี่สาวของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน
- คุณหญิงเชย กฤตราชทรงสวัสดิ์
- วิชิต กุญชร ณ อยุธยา
- วิเชียร กุญชร ณ อยุธยา[29]
- พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวงช่วง กุญชร)(2 มีนาคม พ.ศ. 2417 – 29 กันยายน พ.ศ. 2473) เป็นบุตรชายคนแรกของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้สมรสกับ ชม หุตะสิงห์ พี่สาวของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน
- หม่อมพริ้ง (ไม่ทราบวันเดือนปีที่เกิดและถึงแก่กรรม) มีบุตร 1 คน คือ
- ร้อยโท หม่อมหลวงพร้อม กุญชร ได้สมรสกับ ทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา มีบุตร 1 คน คือ พลอากาศตรี กงทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา[30]
- หม่อมลมัย ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “คุณหญิงเทศตั้งแต่เริ่มฝึกหัดละคร ก็มีท่วงทีว่าจะเป็นตัวเอก เป็นลูกศิษย์คนสำคัญของหม่อมคร้าม ได้ฝึกหัดเป็นยักษ์จนชำนิชำนาญ เมื่อเป็นสาวรุ่นอยู่มักจะแสดงเป็นตัวรามสูรร่วมกันกับหม่อมละมัย กุญชร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นหม่อมที่ยังมีชีวิตอยู่คนหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ในขณะนี้ และหม่อมต่วน ผู้ซึ่งได้มาร่วมงานกับคุณหญิงเทศ ในปั้นปลายของชีวิตในกรมศิลปากร หม่อมละมัยเป็นตัวอรชุน และหม่อมต่วนเป็นนางเมฆขลา คุณหญิงเทศเป็นตัวละครที่มีวัยสูงกว่าหม่อมละมัยและหม่อมต่วนเล็กน้อย”[19]' หม่อมลมัย ผู้นี้เป็นผู้มีอายุยืน เพราะข้อความข้างต้นตอนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อเป็นสาวรุ่นอยู่มักจะแสดงเป็นตัวรามสูรร่วมกันกับหม่อมละมัย กุญชร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นหม่อมที่ยังมีชีวิตอยู่คนหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ในขณะนี้” ซึ่งหนังสือนี้พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) เมื่อ พ.ศ. 2511 ถ้ามีชีวิตไม่ถึง พ.ศ. 2511 ก็น่าจะมีชีวิตถึง พ.ศ. 2510 เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่าระหว่างที่ติพิมพ์หนังสือนี้อยู่ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรืออาจมีชีวิตเลย พ.ศ. 2511 ก็เป็นได้ หม่อมลมัย มีธิดากับ 1 คนคือ
- หม่อมหลวงอาภา อภัยวงศ์วรเศรษฐ[14] ได้สมรสกับ พระอภัยวงศ์วรเศรษฐ (ช่วง อภัยวงศ์) บุตร เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) กับ คุณหญิงสอิ้ง คฑาธรธรณินทร์ มีธิดาร่วมกัน 3 คน คือ
- วนิดา แก่อบเชย
- จิตราภา วรทัต
- คธาลัย พาณิชกุล[31]
- หม่อมหลวงอาภา อภัยวงศ์วรเศรษฐ[14] ได้สมรสกับ พระอภัยวงศ์วรเศรษฐ (ช่วง อภัยวงศ์) บุตร เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) กับ คุณหญิงสอิ้ง คฑาธรธรณินทร์ มีธิดาร่วมกัน 3 คน คือ
หม่อมลมัย หลังออกจากวังบ้านหม้อ ได้มาปลูกบ้านอยู่ที่บ้านขมิ้นฝั่งธนบุรี และเปิดกิจการโรงภาพยนต์บ้านขมิ้น ซึ่งเป็นแหล่งความบันเทิงที่มีชื่อเสียงในย่านแถบนั้น[32]
- หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา เดิมเป็นหม่อมใน พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ต่อมาเมื่อสิ้นพระชนม์ได้เป็นหม่อมของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ “ผู้ที่มีชื่อเสียงในคณะละครของพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ก็มี หม่อมเอม เป็นต้นบท และมีหม่อมชั้นเล็กสองคนที่มีชื่อเสียงปรากฏต่อมาเป็นระยะยาวนานคือ หม่อมเข็ม หม่อมคร้าม ..... ส่วนหม่อมเข็มนั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงในทางเป็นครูพระ หม่อมคร้ามและหม่อมเข็มต่อมาได้เป็นตัวละครสำคัญในคณะละครของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ รุ่นใหญ่”[19] และยังเป็นผู้คิดค้นกระบวนการรำและฝึกหัดละครดึกดำบรรพ์ของวังบ้านหม้อ “หม่อมเข็ม กุญชร มีหน้าที่คิดการรำและหัด”[33] ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดและถึงแก่กรรมชัดเจน แต่ท่านเป็นคนอายุยืน “มีหม่อมเข็มคนเดียวที่มีชีวิตอยู่มาจนกระทั่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เลิกการละครในตอนปลายรัชกาลที่ 5”[19] และทราบแน่ชัดว่าในปี พ.ศ. 2480 ยังมีชีวิตอยู่ เพราะปรากฏหลักฐานในจดหมายใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่ทรงประทานแด่ พระยาอนุมานราชธน ได้กล่าวถึง หม่อมเข็ม ไว้ตอนหนึ่งว่า “คนทั้ง 5 ซึ่งช่วยกันทำในเวลานั้น ต่างก็ตายไปแล้วสามคนเหลือแต่ฉันกับหม่อมเข็มสองคน”[33] ซึ่งจดหมายดังกล่าวลงวันที่ไว้เป็นวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2480 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8 แต่ท่านจะมีอายุต่อมาอีกกี่ปีก็ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด
- หม่อมพร้อม เป็นละครรุ่นใหญ่ของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ “ก็มีหม่อมพร้อม ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นอิเหนา ที่กล่าวกันว่าเวลา “เข้าเครื่อง” แล้ว งามไม่มีผู้ใดเปรียบ เป็นที่โปรดปรานของพระบรมวงศานุวงศ์และเป็นที่นิยมของคนดูทั่วไป”[19]
- หม่อมเลื่อน เป็นละครรุ่นใหญ่ของ เจ้าพระยาเทวศร์วงศ์วิวัฒน์ “ส่วนครูนางนั้น ก็คือหม่อมเลื่อน และหม่อมวัน มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวบุษบาที่สวยมากทั้งในขบวนรำและในรูปโฉมทั้งสองคน หม่อมเลื่อนนั้นสวยโดยธรรมชาติด้วย”[19]
- หม่อมต่วน หรือ ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (5 กรกฏาคม พ.ศ. 2426 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499) เป็นนักแสดงตัวนางของวังบ้านหม้อ ในสมัยรัชกาลที่ 7 คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทส สุวรรณภารต) ได้ชวนมาเป็นครูสอนละครในวังหลวง เมื่อครั้งมีการรื้อฟื้นละครดึกดำบรรพ์ในราชสำนัก ต่อภายหลังได้เป็นครูสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลป
นอกจากนี้ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ยังมีหม่อมท่านอื่น ๆ อีกที่ไม่ทราบประวัติแน่ชัด ได้แก่
- หม่อมทับทิม น้องสาว หม่อมบัวเผื่อน[34]
- หม่อมตลับ ลูกของป้า หม่อมเจริญ เป็นคนพา หม่อมเจริญ มาอยู่วังบ้านหม้อ[15]
- หม่อมแดง เป็นนักร้อง
- หม่อมทิม
- หม่อมจันทร์
- หม่อมคร้าม
- หม่อมเปรม
และยังมีบุตรธิดาอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าเกิดจากหม่อมท่านใด ได้แก่
- หม่อมหลวงสารี กุญชร (ศิริวงศ์) ได้สมรสกับ หม่อมหลวงพันธ์ ศิริวงศ์ (พ.ศ. 2479 - 2481)
- หม่อมหลวงแม้น กุญชร
- หม่อมหลวงจรัส กุญชร
- หม่อมหลวงเครือวัลย์ กุญชร
- หม่อมหลวงลำใย กุญชร (ไม่ทราบวันเดือนปีเกิด – 17 กันยายน พ.ศ. 2461) รับราชการเป็นมหาดเล็กวิเศษ กรมมหาดเล็ก
- พระยาศรีกฤดากร (หม่อมหลวงตุ่ม กุญชร)
- หม่อมหลวงปุย กุญชร ได้สมรสกับ พระยาประดิพัทธภูบาล (คอยู่เหล ณ ระนอง) มีธิดาร่วมกัน 1 คน คือ
- ดวงแข วิบูลแพทยาคม (ดวงแข เลาหะคามิน) (พ.ศ. 2451 – 2532) ซึ่งต่อมาได้สมรสกับ พันเอก ขุนวิบูลแพทยาคม (เลื่อน เลาหะคามิน) (พ.ศ. 2446 - 2532) มีบุตรธิดาร่วมกัน 7 คน คือ
- พวงวัลลิ์ ไกรฤกษ์
- พลโท มรุต เลาหะคามิน
- เสมอแข บุนนาค
- วงแข ศิริสรณ์
- ณ.เณร เลาหะคามิน
- ยิ่งแข เลาหะคามิน
- วรรณแข เลาหะคามิน[35]
- ดวงแข วิบูลแพทยาคม (ดวงแข เลาหะคามิน) (พ.ศ. 2451 – 2532) ซึ่งต่อมาได้สมรสกับ พันเอก ขุนวิบูลแพทยาคม (เลื่อน เลาหะคามิน) (พ.ศ. 2446 - 2532) มีบุตรธิดาร่วมกัน 7 คน คือ
- หม่อมหลวงพริ้ม กุญชร (หญิง)
- ขุนชิตรักต์ประกอบ (หม่อมหลวงปุ๊ กุญชร) (24 เมษายน พ.ศ. 2433 – 29 มกราคม พ.ศ. 2473)
- หม่อมหลวงแต๋ว กุญชร
- หม่อมหลวงเภา กุญชร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสยามและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สยาม[แก้]
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[36]
- พ.ศ. 2442 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[37]
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[38]
- พ.ศ. 2440 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))[39]
- พ.ศ. 2441 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[40]
- พ.ศ. 2447 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 5 (ม.ป.ร.5)[41]
- พ.ศ. 2425 – เหรียญสตพรรษมาลา (ส.ม.)
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2441 – เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]
- ออสเตรีย-ฮังการี :
- พ.ศ. 2432 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎเหล็ก ชั้นที่ 3[42]
- รัสเซีย :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญอันนา ชั้นที่ 2[43]
- จักรวรรดิออตโตมัน :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์เมดจีดีย์ ชั้นที่ 2[43]
- ปรัสเซีย :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 2[43]
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 2[43]
- เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 3[43]
- กรีซ :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญผู้ไถ่บาป ชั้นที่ 3[43]
- ฝรั่งเศส :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นที่ 4[43]
- พ.ศ. 2435 – เครื่องอิสริยาภรณ์ปาล์ม อาคาเดมิก ชั้นที่ 2[44]
- ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2437 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 2[45]
ลำดับสาแหรก[แก้]
ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตาย, เล่ม ๔ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๒๗๑, ๗ ธันวาคม ๑๒๔๙
- ↑ 2.0 2.1 2.2 เทศนาฉลองอายุ เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ 15 กัณฑ์. [ม.ป.ท.]:โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ, [ม.ป.ป.]. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:163870.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งหัวเมือง, เล่ม ๑ ตอนที่ ๖ หน้า ๕๓, ๑๕ มีนาคม ๑๒๔๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตร, เล่ม ๖ ตอนที่ ๑๕ หน้า ๑๒๖, ๑๔ กรกฎาคม ๑๐๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศยกเลิกตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงมุรธาธร, เล่ม ๑๓ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๘๐, ๒๗ กันยายน ๑๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมสุขาภิบาล, เล่ม ๑๔ ตอนที่ ๔๔ หน้า ๗๖๓, ๑ กุมภาพันธ์ ๑๑๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๒๔ ฉบับพิเศษ หน้า ๘๘๐, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๑๕ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๗๑, ๒๕ กันยายน ๑๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ตั้งกระทรวงเกษตราธิการและเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๒๓ หน้า ๓๐๓, ๓ กันยายน ๑๑๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศเลื่อนกรมแลตั้งกรมพระองค์เจ้า เจ้าพระยา, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๔๘๗, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
- ↑ วีรศิลป์ ห่วงประเสริฐ. การบรรจุในละครดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์. งานวิจัยหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต, ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557.
- ↑ "ข่าวอสัญกรรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 39 (0 ง): 2780. 7 มกราคม พ.ศ. 2465. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2560.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 เทเวศวงศวิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร), เจ้าพระยา. ข้อราชการในกรมมหาดเล็ก. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบก, 2500. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ล.วราห์ กุญชร)] สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:1390.
- ↑ 14.0 14.1 อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ. [ม.ป.ท.]: บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์, 2527. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:141499.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 พูนพิศ อมาตยกุล และคณะ. นามานุกรมศิลปินเพลงไทยในรอบ 200 ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้ว, 2532.
- ↑ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร. [ม.ป.ท.]: อินเตอร์ฮ่องกงพริ้นติ้ง, 2530. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:190864.
- ↑ เทียบ กุญชร ณ อยุธยา อนุสรณ์. [ม.ป.ท.]: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยสงเคราะห์ไทย, 2512. (ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นางเทียบ กุญชร ณ อยุธยา) สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:1736.
- ↑ สัจจาภิรมย์อุดมราชภักดี (สรวง ศรีเพ็ญ), พระยา. เล่าให้ลูกฟัง. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์กรมมหาดไทย, 2502. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาสัจจาภิรมย์อุดมราชภักดี (สรวง ศรีเพ็ญ)] สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:844.
- ↑ 19.0 19.1 19.2 19.3 19.4 19.5 19.6 อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์สถานสงเคราะห์หญิงปากเกร็ด, 2511. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:3645.
- ↑ เอกสารสาธารณสุข เรื่องปฐมพยาบาลและวิธีใช้ยาตำราหลวง กับ, การสุขาภิบาลในบริเวณบ้าน. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์เปงเฮง (กิมหลีหงวน), 2476. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกตรี พระยาวิชิตชลธาร (ม.ล.เวศร์ กุญชร)] สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:142079.
- ↑ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ พลตรี กัลย์ กุญชร ณ อยุธยา. [ม.ป.ท.]: ห้างหุ้นส่วนจำกัด รุ่งเรืองสาส์นการพิมพ์, 2538. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:178979.
- ↑ นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยา, 2406-2490. บทละครดึกดำบรรพ์ ฉบับเพิ่มเติม. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2496. (ที่ระลึกในงานศพ หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:137496
- ↑ นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยา, 2406-2490. บทร้องรำ. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์ ร.ส.พ., 2505. (ที่ระลึกในงานศพ หม่อมหลวงเล็ก กุญชร) สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:137226.
- ↑ อนุสรณ์การพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร. (ม.ป.พ), 2538. [ที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร (ม.ล. แฉล้ม กุญชร)]
- ↑ สำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์, ม.ล. จินดาภาษิต. พระนคร: ยิ้มศรี, 2482. (ที่ระลึกในงานฌาปนกิจ หม่อมแจ่ม กุญชร ณ อยุธยา)
- ↑ 26.0 26.1 26.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:0
- ↑ 27.0 27.1 อนุมานราชธน, พระยา. ร้อง รำ ทำเพลง. กรุงเทพมหานคร: มิตรไชย, 2500. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงวัยวุฒิปรีชา (ม.ล.ไวยวัฒน์ กุญชร)]
- ↑ ไม่ทราบนามผู้แต่ง. เครื่องช่วยตัว. พระนคร: ไทยเขษม, 2481. (ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ หม่อมหลวงแขก กุญชร)
- ↑ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 37 เรื่องจดหมายเหตุของคณะบาดหลวงฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินพระเจ้าเสือและพระเจ้าท้ายสระ. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2473. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกตรี พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวงช่วง กุญชร)] สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:240816.
- ↑ เเบนสัน, ฮิว, บอร์เจีย, แอนโธนี, Benson, Robert Hugh และ Borgia, Anthony V. โลกทิพย์. ภาค 2. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์กรมสารบรรณทหารอากาศ, 2509. (ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พลอากาศตรี กงทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา) สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:5474.
- ↑ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พันตรี ควง อภัยวงศ์. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์ไทยสัมพันธ์, 2511. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:3275.
- ↑ อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางวนิดา แก่นอบเชย. [ม.ป.ท.] 2545.
- ↑ 33.0 33.1 พูนพิศ อมาตยกุล, บรรณาธิการ. เพลง ดนตรี : จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ถึง พระยาอนุมานราชธน. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้วการพิมพ์, 2552.
- ↑ กันต์ อัศวเสนา. ดุริยวรรณกรรมเพลงตับเรื่องอิเหนาจากต้นฉบับแผ่นเสียงเก่าของวังบ้านหม้อ. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ดนตรี), วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2559.
- ↑ เรื่องของเจ้าคุณประดิพัทธ ฯ. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2508. [ที่ระลึกในงานสตมวารศพ พระยาประดิพัทธภูบาล (คอ ยู่เหล ณ ระนอง)] สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:1793.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และ ฝ่ายใน, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๕๐๐, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๓๖๒, ๒๔ กันยายน ๑๑๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๓๗ หน้า ๔๐๓, ๑๐ ธันวาคม ๑๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ, เล่ม ๑๔ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๓๗๐, ๒๙ กันยายน ๑๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๕ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๘๑, ๒๕ กันยายน ๑๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๒ หน้า ๕๖๘, ๖ พฤศจิกายน ๑๒๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ออสเตรีย, เล่ม ๖ ตอนที่ ๒๑ หน้า ๑๗๕, ๒๕ สิงหาคม ๑๐๘
- ↑ 43.0 43.1 43.2 43.3 43.4 43.5 43.6 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๒ หน้า ๑๒, ๑๐ เมษายน ๑๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๑๔ หน้า ๘๖, ๓ กรกฎาคม ๑๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาต เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๑ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๒๗๒, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๓
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) |
เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ คนที่ 3 (2 กันยายน พ.ศ. 2442 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2452) |
พระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) |
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2395
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2466
- ทหารบกชาวไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย
- หม่อมราชวงศ์
- บรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยา
- ราชสกุลกุญชร
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า)
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ม.
- ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ม.ป.ร.5
- ผู้ได้รับเหรียญจักรพรรดิมาลา
- ผู้ได้รับเหรียญ ร.ด.ม.(ผ)
- บุคคลในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์