สถานีย่อย:การทหาร
สถานีย่อย:การทหารแก้ไข
ยินดีต้อนรับ
การทหาร เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของรัฐ มีหน้าที่หลักเพื่อปกป้องอธิปไตยของรัฐ และอาจถูกใช้เพื่อเป้าหมายอื่นซึ่งเป็นผลประโยชน์แก่รัฐ นักการทหารชาวจีนแห่งยุคโบราณ ซุนวู – เจ้าของตำราพิชัยสงครามอันลึกซึ้ง – ได้สรุปว่า "การทหาร เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของชาติรัฐ" มิติของการทหารนั้น ไม่อาจวัดเพียงแค่การมีกองกำลังติดอาวุธเท่านั้น หากแต่ยังเกี่ยวข้องถึง เศรษฐกิจ การเมือง และการทูตของรัฐอีกด้วย สงครามมักจะยุติลงเมื่อฝ่ายหนึ่งประสบความล้มเหลวทางด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี จนต้องยอมจำนนหรือถูกยึดครอง การทหารมักเป็นเครื่องหมายของการใช้กำลังตัดสินปัญหาและเป็นจุดกำเนิดของความขัดแย้งต่าง ๆ – ภายหลังสงครามแต่ละครั้งยุติลง ผลที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบลูกโซ่ทั้งทางการเมือง ภูมิประเทศและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ภายหลังการยุติของสงครามโลกครั้งที่สอง บทบาทของทหารได้เปลี่ยนไป การรุกรานชาติรัฐอื่นด้วยกำลังทหารไม่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป ทำให้บทบาทของทหารเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน – จากการทำสงครามเพื่อรัฐ ก็กลายเป็นการปฏิบัติการเพื่อมนุษยชาติ เช่น ปฏิบัติการรักษาสันติภาพในหลายพื้นที่ของโลกของกองกำลังรักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติ หรือปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสพภัยธรรมชาติในประเทศ แต่ว่าแม้บทบาทของการทหารจะเปลี่ยนไปอย่างไร กองทัพก็จะยังคงเป็นเครื่องมือของรัฐ ในการใช้แสนยานุภาพ เพื่อปกปักรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและอธิปไตยของชาติอยู่ดังเดิม ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปสักเท่าใดก็ตาม
แก้ไข
บทความยอดเยี่ยมการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งทางทหารครั้งที่สอง ระหว่างราชวงศ์อลองพญาแห่งพม่า กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงแห่งสยามในสมัยอาณาจักรอยุธยา ในการทัพคราวนี้ กรุงศรีอยุธยา ราชธานีสยามยาวนานเกือบสี่ศตวรรษ ได้เสียแก่พม่า และถึงกาลสิ้นสุดลง เมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศแห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้ามังระแห่งอาณาจักรพม่า ยุทธนาการนี้เป็นผลพวงของสงครามพระเจ้าอลองพญาเมื่อ พ.ศ. 2303 และก่อตัวขึ้นใน พ.ศ. 2308 เมื่อพม่าส่งกองทัพเข้ารุกรานอยุธยาเป็นสองทางแบบคีม ทัพพม่าพิชิตการป้องกันของฝ่ายอยุธยาที่ประกอบด้วยกำลังอันเหนือกว่าแต่ขาดการประสานงานกันได้ และเริ่มปิดล้อมกรุงศรีอยุธยานาน 14 เดือน กระทั่งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2310 พระเจ้าเอกทัศทรงยอมเป็นประเทศราชของพม่า แต่พม่าประสงค์ให้ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในที่สุด กองทัพพม่าหักเข้าพระนครได้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ แล้วทำลายล้างพระนครอย่างป่าเถื่อน ก่อให้เกิดรอยด่างบนผืนความสัมพันธ์ไทย-พม่าตราบบัดนี้ ...อ่านต่อ...
แก้ไข
ภาพยอดเยี่ยม
แก้ไข
หมวดหมู่และหัวข้อ
แก้ไข
วิกิมีเดีย
แก้ไข
คุณช่วยเราได้
แก้ไข
สถานีย่อย
|