ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือในชื่อเดิม ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือที่นิยมเรียกตามชื่อเดิมของสถานที่ว่า ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ (Bangkok Planetarium) ตั้งอยู่เลขที่ 928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
ประวัติศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
[แก้]พ.ศ. 2495 | จัดตั้งกองอุปกรณ์การศึกษา |
พ.ศ. 2501 | คณะกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ มอบอาคาร “ศาลาวันเด็ก” ในบริเวณสนามเสือป่า |
พ.ศ. 2505 | คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย มล.ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สร้างท้องฟ้าจำลองกรุงเทพและหอดูดาว |
18 สิงหาคม 2507 | พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด อาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ |
ธันวาคม 2514 | สภาคณะปฏิวัติมีมติเห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ |
พ.ศ. 2515 | รัฐบาลโดยคณะปฏิวัติมีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการของประเทศใหม่ “กองอุปกรณ์การศึกษา” เปลี่ยนชื่อเป็น “กองพิพิธภัณฑ์การศึกษา” |
สิงหาคม 2518 | เริ่มการสร้างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ |
เมษายน 2519 | ประกาศพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการใหม่ “กองพิพิธภัณฑ์การศึกษา”เปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา” ประกอบด้วยหน่วยงานหลัก คือ ศาลาวันเด็ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ |
กุมภาพันธ์ 2520 | การก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แล้วเสร็จ |
24 มีนาคม 2522 | ประกาศจัดตั้งกรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา เป็นหน่วยงานในสังกัด |
9 สิงหาคม 2522 | พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทรง เปิดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งแรกของประเทศไทย |
พ.ศ. 2537 | เปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็น “ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา” ในสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน |
7 กรกฎาคม 2546 | ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อสังกัด จาก กรมการศึกษานอกโรงเรียน เป็นสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน |
1 ตุลาคม 2546 | รับการถ่ายโอนภารกิจการดูแลสนามกีฬาบ้านกล้วย มีพื้นที่จำนวน 10 ไร่ 10 ตารางวา ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ และสนามเทนนิส พร้อมบ้านพักคนงาน จากสำนักพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา |
พ.ศ. 2551 | ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อสังกัด จากสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 38 ไร่ 86 ตารางวา |
พ.ศ. 2566 | มีการยกฐานะ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น "กรมส่งเสริมการเรียนรู้" |
พ.ศ. 2567 | ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2567 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 66 ก หน้า 6 วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ทัั้งนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่มีประกาศ (8 พฤศจิกายน 2567) |
ตราสัญลักษณ์
[แก้]ที่มาและแนวคิดในการออกแบบ
[แก้]แรงบันดาลใจหลักมาจากรูปทรงของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Form) ซึ่งมีความเป็นสากล / ง่ายในการจดจำ / สวยงามแปลกตา และสื่อความหมาย เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แทนความเป็นวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัวที่สุด รูปทรงจำลองของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก (ในแนวขวาง) นี้ยังถือได้ว่าเป็นตัวแทนของการค้นคว้า และศึกษาในศาสตร์แห่งความรู้ ความเข้าใจ ในความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุก ๆ แขนงไม่เพียงแค่เฉพาะคำจำกัดความของทางดาราศาสตร์เท่านั้น ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวสื่อได้ถึงความเป็นศูนย์กลางระดับชาติ สำหรับการศึกษา ค้นคว้า และสะท้อนถึงภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย พร้อมการพัฒนาองค์กรความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และอย่างต่อเนื่องให้กับทั้งเยาวชนและคนทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความสวยงาม จดจำง่าย ทันสมัย และเป็นสากล ทั้งยังเหมาะกับการนำไปใช้ในสื่ออื่นที่เกี่ยวข้องในทุกรูปแบบขององค์กรฯ เองได้อีกด้วย
โทนสีที่ใช้
[แก้]เน้นภาพลักษณ์ที่เป็นสากล / ความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย สีเทา ส่วน สีแดง / (ขาว-พื้นหลัง) / น้ำเงิน แทนความเป็นองค์กรระดับชาติ โดยใช้สีดำเพิ่มความชัดเจนและหนักแน่นให้กับชื่อไทยและอังกฤษ
ความสำคัญของตราสัญลักษณ์ใหม่
[แก้]- คงความเป็นเอกลักษณ์ขององค์กร
- สื่อความเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือ Science Center for Education ได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็นที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ประยุกต์ของ รูปทรงกาแล็คซี่ทางช้างเผือก ที่คุ้นตาเป็นอย่างดีของคนทั้งโลก ทุกเพศ เชื้อชาติ ศาสนา วัย ฯลฯ และแสดงถึงความเป็นองค์กรของไทย ด้วยโทนสี แดง-น้ำเงินและยังไม่ลืมรากเหง้าแห่งตราสัญลักษณ์เดิม ที่ได้นำมาบรรจุไว้ในตราฯ ใหม่ได้อย่างกลมกลืนและลงตัวเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญและที่มาของความเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
- สะท้อนภารกิจหลักด้านวิทยาศาสตร์
- รูปทรงกาแล็คซี่ประยุกต์ ดังกล่าว สะท้อนได้ชัดเจนที่สุดถึงภาระกิจทางด้านวิทยาศาสตร์ในฐานะเป็นสื่อ / สัญลักษณ์กลาง ในการเข้าใจถึงการตระหนัก ค้นคว้าพัฒนาองค์ความรู้ทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นความรู้ขั้นพื้นฐาน ไปจนกระทั่งถึง ระบบดาราศาสตร์ขั้นสูงและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมของมนุษยชาติ
- มีความสวยงาม จดจำง่าย และทันสมัย
- รูปทรงกาแล็คซี่ประยุกต์ มีความทันสมัย น่าสนใจ และดึงดูดสายตาให้มีจุดสนใจร่วมเดียวกัน ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะตัว จดจำ และเข้าใจได้ง่าย สำหรับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน ประชาชน ทั่วไป รวมถึงชาวต่างประเทศไปในทิศทางเดียวกันิทั้งยังมีความสวยงามในด้านสีสันและองค์ประกอบ
- มีอรรถประโยชน์ในการใช้งานสูง
- นอกเหนือด้วยรูปทรงที่โดดเด่น ซึ่งสามารถปรับใช้ให้เข้ากับสภาพการณ์ได้ทุกรูปแบบแล้ว ยังเอื้อต่อการใช้งานในหลาย ๆ โอกาส โดยไม่ทำให้เสียความหมายของความเป็นองค์กรฯ อีกด้วย เช่น
- ความเหมาะสมในการปรับสีสันต่อโอกาสวาระ
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถถอด/แยกส่วน ในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
- เอื้อต่อการพัฒนาใช้สอยในอนาคต
- ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว สามารถตอบรับอนาคต / ทิศทางข้างหน้า ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งในแง่ของ ความทันสมัย ความเป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัว (โดยอนาคต จะสามารถจำได้แม้เพียงเห็นโลโกอย่างเดียว) ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ / การใช้สอยให้เกิดประโยชน์ด้านการค้า (SCE: Souvenir Shop Zone) เช่น ปรับใช้ในเสื้อยืดเพื่อจำหน่าย, เข็มกลัด, อุปกรณ์การเรียน, พวงกุญแจ, อุปกรณ์ต่าง ๆ ในด้านวิทยาศาสตร์ของศูนย์ฯ เป็นต้น
เครื่องฉายดาว
[แก้]เครื่องฉายดาว ZEISS Mark IV (มาร์ค โฟร์)
[แก้]ในปี พ.ศ. 2505 คณะรัฐมนตรี ซึ่งมี ม.ล.ปิ่น มาลากุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการสร้างท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ และหอดูดาว ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ ตลอดจนเป็นแหล่งที่เยาวชนสามารถไปชุมนุมหาความรู้ได้ง่าย เยาวชนจะได้เรียนจากของจำลองเหมือนของจริงทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งและรวดเร็วกว่าการสอนด้วยปากเปล่าทั้งก่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความมีเหตุผลและความเพลิดเพลิน ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้มอบให้กองอุปกรณ์การศึกษา กรมวิชาการเป็นเจ้าของในการก่อสร้างและดำเนินการต่อไป
คณะรัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการ ก่อสร้างเมื่อ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2504 โดยมีห้างบีกริม แอนโก กรุงเทพ จำกัด และตัวแทน บริษัท คาร์ลไซซ์ ในสหพันธรัฐเยอรมันเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ จนเรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดอาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพเมื่อวันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2507
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีเปิด อาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพและทอดพระเนตรการแสดงทางท้องฟ้า วันที่ 18 สิงหาคม 2507 ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ เปิดแสดงให้บริการแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2507 เป็นต้นมา
ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการด้านเทคนิคว่า เครื่องฉายดาวระบบกลไกมอเตอร์และเลนส์ (Opto mechanical)
- บริษัทผู้ผลิต Carl Zeiss Co., Ltd. ประเทศเยอรมนี
- ชื่อรุ่น เครื่องฉายดาว ZEISS Mark IV (มาร์ค โฟร์)
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ใช้ไซซ์ส รุ่นที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบแสงที่ประณีตซับซ้อน สามารถแสดงภาพดวงดาวบนท้องฟ้าของประเทศใดก็ตาม ตามวันและเวลาที่ต้องการ โดยมีความสามารถฉายดาวฤกษ์ได้ 9,000 ดวง, ฉายดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ 5 ดวง เคลื่อนผ่านกลุ่มดาวต่าง ๆ, ฉายภาพกลุ่มดาว ทางช้างเผือก กระจุกดาว ดาวหาง ดาวตก เมฆ แสงรุ่งอรุณ แสงสนธยา, แสดงการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา เส้นศูนย์สูตร เส้นสุริยวิถี เส้นเมอริเดียน ระบบสุริยะ และโลกหมุนรอบตัวเอง
เครื่องฉายดาวระบบดิจิตอล
[แก้]เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์การฉายดาวให้มีความทันสมัย สอดรับกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการศึกษา องค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ จึงมอบหมายให้ บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในงานวิศวกรรมที่ครอบคลุมตั้งแต่ ที่เป็นผู้นำในงานบริการด้านการจัดหาสินค้า และเทคโนโลยีต่าง ๆ งานประกอบและติดตั้งหรือการบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมทั้งในงานวิศวกรรมวางระบบ โซลูชั่นต่าง ๆ ในเครือดิทโต้ กรุ๊ป และมีพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท Evans and Sutherland (E&S) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลกด้านเทคโนโลยีเครื่องฉายดารระบบดิจิตอล เป็นผู้นำเครื่องฉายดาว จำนวน 1 ชุด เข้ามาใช้งานตามโครงการจัดซื้อ โดยเครื่องฉายดาวระบบดิจิตอล ที่นำมาใช้เพิ่มเติมนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังนี้
ส่วนของการฉาย
[แก้]ใช้เครื่องฉายภาพ ยี่ห้อ คริสตี้ (Christie) ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศว่าเป็นเครื่อง Projector ที่ดีที่สุดอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน คริสตี้ บ๊อกเซอร์ ได้รับการออกแบบเพื่อให้มีน้ำหนักเบาขึ้น พร้อมทั้งยังพัฒนาให้ มีความสว่างที่สูงยอดเยี่ยม คริสตี้ ซึ่งมีความละเอียด 4K ความสว่างต่อเครื่องสูงถึง 30,000 Lumens และได้รับการออกแบบให้เป็น Projector สำหรับการใช้งานในโรงละคร ท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ รวมถึงยังสามารถรองรับการใช้งานแบบ Heavy Duty ได้เป็นอย่างดี และด้วยเลนส์ Fish eye ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ฉายภาพได้กว้างกว่า Projector ทั่วไป และด้วยการติดตั้งทาง E&S ทำการติดตั้ง Projector โดยให้เลนส์ไม่ให้โดนส่วนบนของเครื่องฉายดาวระบบกลไกมอเตอร์และเลนส์ ทำให้ลำแสงของเครื่องฉายดาวที่ฉายขึ้นไปบนจอโดมเลยจุดกึ่งกลางของจอโดม และส่วนล่างลำแสงที่ฉายออกไปจะไปสิ้นสุดที่ขอบโดมฉายดาว ซึ่งทำให้ทั้ง 2 Projector นั้นมีพื้นที่ซ้อนทับกันด้านบนกลางจอโดม (Blending Region) ซึ่งจะมีการใช้ Software Digistar
ส่วนของการควบคุม
[แก้]Software โดยการพัฒนามาถึงรุ่นที่ 5 ที่ชื่อว่า Digistar5 เป็น Software ควบคุมการทำงานการฉายภาพบนจอโดม เพื่อให้ภาพจากสอง Projector เป็นภาพเดียวกัน คือการฉายภาพแบบเต็มโดม ซึ่งเทคโนโลยีของ Digistar5 มีระบบ Auto Blending และ Auto Alignment ที่ทำให้ Projector ฉายภาพเป็นภาพเดียวกันได้เสมือนการฉายด้วย Projector เครื่องเดียว
ทั้งนี้นอกจากการให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ดำเนินการปรับปรุงศูนย์วิทยาศาสตร์ เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพรวมถึงการดำเนินการปรับปรุง ตกแต่งบรรยากาศภายในห้องฉายดาว ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ภายใต้แนวความคิด ในการใช้ Theme แสงแห่ง Aurora เพื่อสร้างความสดใส แปลกตา ให้กับห้องฉายดาวที่มีอายุกว่า 52 ปี แต่ยังความคงความทันสมัยให้แก่ผู้ศึกษาได้เพลิดเพลินและสนุกสนาน กับการศึกษาดวงดาวให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นแล้ว ดิทโด้ ยังให้ความสำคัญและน่าสนใจมาก อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน รวมถึงผู้ที่สนใจด้านดาราศาสตร์ จังหวัดที่ห่างไกล ได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าถึงท้องฟ้าจำลองได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่แค่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมถึง
นิทรรศการวิทยาศาสตร์
[แก้]นิทรรศการอาคาร 2 (อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์)
[แก้]- ธีออส : ดวงตาของชาติ
- Thailand Rally From Space
- ดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
- วิทยาศาสตร์แสนสนุก 1
- สัมผัสอวกาศ
- กลมกลิ้ง
- ดินแดนแห่งแร่
- ดาวเคราะห์สีฟ้า
- พลังวิทย์พิชิตยาเสพติด
- เมืองไฟฟ้า (Electric City)
- กาล-อวกาศ (Space and Time)
- ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นิทรรศการอาคาร 3 (อาคารสิ่งแวดล้อมโลก)
[แก้]- ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในประเทศ ธรรมชาติรอบตัวเรา
- สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติ
- สถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก
- อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- สิ่งแวดล้อมเธียร์เตอร์ 360 องศา
นิทรรศการอาคาร 4 (อาคารธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
[แก้]- นิทรรศการไดโนเสาร์ (ชั้น 2)
- ขุมทรัพย์โลกสีเขียว (ชั้น 4)
- โลกของแมลง (ชั้น 5)
- นิทรรศการเมืองเด็ก (ชั้น 6)
- ชีวิตพิศวง (ชั้น 7)
นิทรรศการความตระหนักรู้ด้านพลังงาน (Energy Literacy)
[แก้]เวลาทำการ
[แก้]เวลาทำการงานสำนักงาน
[แก้]- เปิดบริการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.30 – 16.00 น.
- ปิดบริการ : วันเสาร์ – วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เวลาทำการท้องฟ้าจำลองและนิทรรศการ
[แก้]- เปิดบริการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น.
- ปิดบริการ : วันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
การเดินทาง
[แก้]- รถโดยสารประจำทาง สาย 2, 25, 38, 40, 72, 501, 511, 513, 508
- รถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีสุขุมวิท แล้วเปลี่ยนขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่สถานีอโศกแล้วลงปลายทางที่สถานีเอกมัย
- รถไฟฟ้าบีทีเอส (ลงที่สถานีเอกมัย) ทางออกที่ 2
อ้างอิง
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์