เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | |
---|---|
Ruen Thai Chulalongkorn University | |
ศาลากลางน้ำ ส่วนของหอกลางที่ยื่นออกมาจากตัวเรือนหมู่หลัก ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | เรือนไทย |
สถาปัตยกรรม | สถาปัตยกรรมเครื่องสับภาคกลาง |
เมือง | แขวงวังใหม่, เขตปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
พิกัด | 13°44′31″N 100°31′40″E / 13.741905°N 100.527904°E |
เริ่มสร้าง | พ.ศ. 2530 (38 ปี ) |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
โครงสร้าง | ไม้เต็งรัง |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | รศ.ภิญโญ สุวรรณคีรี อ.เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี |
เว็บไซต์ | |
Info website |
ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรม 3 หรือ เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือที่เรียกกันสั้นๆในชื่อ เรือนไทยจุฬาฯ เป็นชุดเรือนไทยหมู่จำนวน 5 หลัง[1] ออกแบบโดยอาจารย์ เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมไทย) และ รศ.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530 ในโอกาสครบรอบ 70 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[2] โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทรงเป็นองค์ประธานในพิธียกเสาเอกเรือนไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน ใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จเพียงปีเดียว
เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งหมดก่อสร้างขึ้นด้วยไม้เต็งรัง ใช้วิธีการการเข้าไม้ตามแบบโบราณทุกประการ ไม่มีการใช้การยึดด้วยตะปู แต่ใช้วิธียึดด้วยแท่งไม้ ปัจจุบันเนื่องจากป้องกันความเสียหาย และเพื่อต้องการรักษาสภาพเรือนไทยให้นานที่สุด จึงได้มีการเปลี่ยนไปใช้เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก แทนการใช้เสาไม้ ในส่วนของเรือน มีการใช้ระบบการวางพื้นห้อง 2 รูปแบบ คือ ระบบตงและคาน และระบบรอดกับรา
ผังพื้นของเรือนไทยนี้ มีการจัดวางบันไดทางเข้าออกเป็น 3 ทาง และวางอาคารให้รวมเป็นหมู่ตามหลักนิยม โดยเรือนประธานทำหลังคาแฝด หน้าจั่วลายแสงอาทิตย์ ต่างจากเรือนอื่นๆ ซึ่งมีจั่วใบปรือ จั่วลูกฟักหน้าพรหม เป็นต้น[3] ส่วนอาคารสำนักงาน หรือเทียบกับเรือนครัว ได้แยกออกจากเรือนหมู่ออกไป เช่นเดียวกับ ศาลากลางน้ำหรือ หอกลาง ซึ่งเป็นเรือนเครื่องสับ แต่ตกแต่งด้วยเครื่องลำยอง หน้าบันประดับตราพระเกี้ยวปิดทอง ที่สร้างแยกออกมาจากเรือนหมู่ ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการรับลมได้ดีกว่า ในชั้นใต้ถุน มีการขุดระดับดินเดิมลงไป เพื่อเพิ่มเนื้อที่ใช้สอยด้านล่าง ซึ่งไม่ทำลายระบบสัดส่วนเดิมของอาคาร ที่ไม่ต้องยกอาคารให้สูงขึ้น จนเกิดความชะลูด
ปัจจุบัน ทุกวันศุกร์แรกของเดือนจะมีการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ ที่มีชื่อเรียกว่า "จุฬาวาทิต" ณ เรือนไทยแห่งนี้[1]
องค์ประกอบเรือนไทยจุฬา
[แก้]- เรือนประธาน เป็นห้องเก็บเครื่องดนตรี ปี่พาทดึกกำบรรพ์
- เรือนนิทรรศการ/หอขวาง
- เรือนห้องแสดงงานศิลปกรรมพื้นบ้าน
- หอนั่ง/หอนก สำหรับนั่งพักผ่อน
- หอกลาง หรือ ศาลากลางน้ำ
- ห้องน้ำจำนวน 2 ห้อง
- เรือนสำนักงาน/เรือนครัว
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรม ๓ (เรือนไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), สำนักบริหารระบบกายภาพ - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .สืบค้นเมื่อ 26/02/2560
- ↑ เรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .สืบค้นเมื่อ 26/02/2560
- ↑ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรศรี โพวาทอง, เอกสารคำสอน รายวิชา 2501296 มรดกสถาปัตยกรรมไทย, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้าที่ 70 .สืบค้นเมื่อ 28/02/2560