ข้ามไปเนื้อหา

ปรอฮกคะติฮ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปรอฮกคะติฮ์
ปรอฮกคะติฮ์เคียงกับผักสด
ประเภทเครื่องจิ้ม
แหล่งกำเนิดประเทศกัมพูชา
ส่วนผสมหลักเนื้อปรอฮก, เนื้อหมูสับ, เกรืองเหลือง, กะทิ, น้ำส้มมะขาม, น้ำตาลโตนด, มะเขือพวง และใบมะกรูด

ปรอฮกคะติฮ์[1][2][3] (เขมร: ប្រហុកខ្ទិះ, ปรหุกขะทิ; แปลว่า ปลาร้ากะทิ) หรือ น้ำพริกปลาร้ากะทิเขมร[4] เป็นเครื่องจิ้มของประเทศกัมพูชา มีส่วนประกอบคือ เนื้อปรอฮก เนื้อหมูสับ เกรืองเหลือง กะทิ น้ำส้มมะขาม น้ำตาลโตนด มะเขือพวง และใบมะกรูด[5] เป็นอาหารที่ใกล้เคียงกับน้ำพริกในสำรับอาหารไทยมาก[4] และมีความใกล้เคียงกับ น้ำพริกจรั๊วะโดง ในสำรับอาหารชาวไทยเชื้อสายเขมรแถบอีสานใต้[6]

ส่วนประกอบสำคัญของปรกฮกคะติฮ์นอกจากเนื้อปรอฮกแกะก้างและเนื้อหมูสับละเอียด คือ เกรืองเหลือง ซึ่งได้มาจาก หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ข่า ขมิ้น และผิวมะกรูดตำละเอียด แต่จะไม่ใส่พริกลงในเครื่องแกงอย่างการทำอาหารไทย โดยจะนำพริกแห้งไปแช่น้ำจนเปื่อยยุ่ย แล้วนำไปสับบนเขียงแยกไว้[4] เพราะตามธรรมเนียมการทำอาหารเขมรดั้งเดิมจะไม่นิยมพริก[7] และอาหารเขมรดั้งเดิมจะไม่นิยมใช้กะทิ เพราะกะทิเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเป็นอาหารหวาน มิใช่อาหารคาว[8] อีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญคือ มะสัง ซึ่งเป็นผสไม้รสเปรี้ยวอมหวานไว้เพิ่มรสเปรี้ยวในอาหาร แต่ปัจจุบันหายากต้องใช้น้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาวแทน[4] บางสูตรอาจใส่แอปเปิลเขียว พีช เนคทารีน กะหล่ำปลี หรือดอกกะหล่ำแทนมะเขือพวง[9]

วิธีการทำปรอฮกคะติฮ์ คือนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปผัดในน้ำมันจนหอม แล้วใส่พริกแห้งแช่น้ำลงไปผัดให้เข้ากันจึงเติมน้ำกะทิลงไป เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ปรอฮกแกะก้างและเนื้อหมูสับละเอียดลงไปผัด เคี่ยวจนเข้ากันดีแล้วเติมน้ำตาลโตนด น้ำปลา เกลือ มะสังเพื่อแต่งรส เคี่ยวจนเป็นน้ำขลุกขลิก จากนั้นใส่มะเขือพวงและใบมะกรูดซอยลงไป รอจนมะเขือพวงสุกเป็นอันเสร็จ[4]

ชาวเขมรรับประทานปรอฮกคะติฮ์ใช้รับประทานกับข้าวเคียงกับผักสดหรือผักตามฤดูกาล เช่น แตงกวา แคร์รอต กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักกาดแก้ว มะเขือเปราะ ถั่วพลู และผักชี[4][5][9] สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคย ปรอฮกคะติฮ์จะมีกลิ่นฉุนแรง อาจทำให้เข้าใจว่าเนื้อหมูที่ผสมกับปรอฮกในน้ำพริกบูดเน่า[5] โดยอาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่ปรากฏในพิธีกรรมเซ่นไหว้ผีบรรพชน และใช้สำหรับเลี้ยงแขกในเทศกาลต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวเขมร[10]

ปราก โซะคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา เสนอชื่อ ปรอฮกคะติฮ์ เป็นเมนูส่งเสริมการโฆษณาอาหารการทูตของประเทศกัมพูชา[11]

อ้างอิง

[แก้]
  1. De Monteiro, Longteine; Neustadt, Katherine (1998). The Elephant Walk Cookbook: Cambodian Cuisine from the Nationally Acclaimed Restaurant. Houghton Mifflin Harcourt. p. 246. ISBN 0395892538.
  2. Zibart, Eve (2010). The Ethnic Food Lover's Companion: A Sourcebook for Understanding the Cuisines of the World. Menasha Ridge Press. p. 286. ISBN 978-0-897-32775-6.
  3. Burum, Linda (13 August 2008). "It's a fresh angle on Southeast Asia". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 4 November 2023.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 "เปิดสูตร 5 อาหารจานเด็ดกัมพูชา ทำกินเองได้ที่บ้าน". ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. 5.0 5.1 5.2 Carter, Terence (27 November 2014). "An Authentic Khmer Prahok Ktis (Prahok K'tis) Recipe". Grantourismo Travels. สืบค้นเมื่อ 14 October 2023.
  6. ""น้ำพริกจรั๊วะโดง" เมนูสุดโปรดของ "ลิซ่า BLACKPINK" อาหารถิ่นอีสานใต้". ผู้จัดการออนไลน์. 12 กันยายน 2564. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
  7. ชัยวัฒน์ เสาทอง (26 พฤษภาคม 2562). "มจู, ม็วน ด๊ด, ก็องแก๊บ บ๊ก ฯลฯ เมนูอร่อยในสำรับกับข้าวเขมร". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
  8. โสมเพ็ญ ขุทรานนท์ (3 กุมภาพันธ์ 2557). "รู้จักอาหารเขมรรู้นิสัยใจคอเพื่อนบ้าน". โพสต์ทูเดย์. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2566. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. 9.0 9.1 "Prahok Ktis/Coconut Prahok Dip". Cambodianess. 6 May 2021. สืบค้นเมื่อ 4 November 2023.
  10. สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ (13 พฤศจิกายน 2567). "เปิด 5 เมนูขึ้นชื่อ "อาหารสำรับพิธีกรรมเขมร" ไม่ได้กินถือว่าพลาดความอร่อย". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2568. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
  11. Siow, Maria (3 January 2021). "Cambodia is taking a pungent, potent approach to food diplomacy: prepare for prahok". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 4 November 2023.