จู เต๋อ
จู เต๋อ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
朱德 | |||||||||||
จอมพล จู เต๋อ ใน ค.ศ. 1955 | |||||||||||
ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ คนที่ 2 | |||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 28 เมษายน ค.ศ. 1959 – 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1976 | |||||||||||
ประธานาธิบดี | หลิว เช่าฉี ไม่มี (ตำแหน่งถูกยกเลิกในปี 1975) | ||||||||||
ก่อนหน้า | หลิว เช่าฉี | ||||||||||
ถัดไป | ซ่ง ชิ่งหลิง (รักษาการ) | ||||||||||
รองประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 1 | |||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 27 กันยายน ค.ศ. 1954 – 27 เมษายน ค.ศ. 1959 | |||||||||||
ประธาน | เหมา เจ๋อตง | ||||||||||
ถัดไป | ซ่ง ชิ่งหลิง และต่ง ปี้อู่ | ||||||||||
รองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน | |||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 28 กันยายน ค.ศ. 1956 – 1 สิงหาคม ค.ศ. 1966 | |||||||||||
ประธาน | เหมา เจ๋อตง | ||||||||||
เลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลาง | |||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 9 กันยายน ค.ศ. 1949 – 31 มีนาคม ค.ศ. 1955 | |||||||||||
ก่อนหน้า | หลี่ เหวย์ฮั่น | ||||||||||
ถัดไป | ต่ง ปี้อู่ | ||||||||||
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพปลดปล่อยประชาชน | |||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 28 กันยายน ค.ศ. 1946 – 27 กันยายน ค.ศ. 1954 | |||||||||||
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง | ||||||||||
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง | ||||||||||
ข้อมูลส่วนบุคคล | |||||||||||
เกิด | 1 ธันวาคม ค.ศ. 1886 อำเภออี๋หล่ง เสฉวน จักรวรรดิชิง | ||||||||||
เสียชีวิต | 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1976 ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | (89 ปี)||||||||||
พรรคการเมือง | พรรคคอมมิวนิสต์จีน (1925–1976) | ||||||||||
คู่สมรส |
| ||||||||||
บุตร |
| ||||||||||
ศิษย์เก่า | โรงเรียนการทหารยูนนาน | ||||||||||
ชื่อเล่น |
| ||||||||||
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |||||||||||
รับใช้ | |||||||||||
สังกัด | |||||||||||
ประจำการ | 1927–1976 | ||||||||||
ยศ | |||||||||||
ผ่านศึก | |||||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||||
ภาษาจีน | 朱德 | ||||||||||
| |||||||||||
ชื่อรอง: Yujie | |||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 朱玉阶 | ||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 朱玉階 | ||||||||||
| |||||||||||
จู เต๋อ หรือ จู เต้ (จีน: 朱德; พินอิน: Zhū Dé; เวด-ไจลส์: Chu Teh; 1 ธันวาคม ค.ศ. 1886 – 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1976) เป็นนายพล นักยุทธศาสตร์การทหาร นักการเมือง และนักปฏิวัติชาวจีนในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
จูเกิดในครอบครัวยากจนเมื่อ ค.ศ. 1886 ในเสฉวน เขาถูกรับเลี้ยงโดยลุงผู้ร่ำรวยเมื่ออายุได้ 9 ปีและได้รับการศึกษาขั้นสูงในช่วงปฐมวัยที่นำไปสู่การเข้าศึกษาในโรงเรียนการทหาร หลังเรียนจบ เขาเข้าร่วมกองทัพกบฏและกลายเป็นขุนศึก หลังจากนั้นเขาได้เข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพลู่ที่แปดในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองและสงครามกลางเมืองจีน เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมือง เขายังเป็นเจ้าหน้าที่พรรคระดับสูงอีกด้วย
จูถือเป็นผู้ก่อตั้งคนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นบุคคลทางการเมืองที่มีชื่อเสียงกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 1976 ใน ค.ศ. 1955 เขาได้รับยศเป็น 1 ใน 10 จอมพล เขาเป็นประธานคณะกรรมธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติตั้งแต่ ค.ศ. 1959 ถึง 1976
ประวัติ
[แก้]ชีวิตช่วงต้น
[แก้]จูเกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1886 ในครอบครัวผู้เช่าไร่นาที่ยากจนในเมืองหุ่ง ในอำเภออี๋หล่ง จังหวัดหนานชง พื้นที่เนินเขาที่อยู่ห่างไกลทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน[1] จากลูก ๆ 15 คนที่เกิดในครอบครัวมีเพียง 8 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต ครอบครัวของเขาย้ายไปยังเสฉวนระหว่างการอพยพจากมณฑลหูหนานและมณฑลกวางตุ้ง[2][3] บ่อยครั้งที่กล่าวกันว่าเขาสืบเชื้อสายจากชาวแคะ แต่ในชีวประวัติที่เขียนโดยแอกเนส สเมดลีย์ กล่าวว่าบรรพบุรุษของเขามาจากกวางตุ้งและพูดถึงชาวแคะเพียงแค่ว่าเป็นผู้ร่วมงานของเขา[4] เธอยังเล่าอีกว่ารุ่นปู่ย่าตายายของเขาเคยพูดภาษา "กวางตุ้ง" (ซึ่งใกล้เคียงแต่อาจต่างจากภาษากวางตุ้งมาตรฐานในปัจจุบัน) และรุ่นของเขาพูดภาษาเสฉวน ภาษาถิ่นที่มาจากกลุ่มภาษาจีนกลางตะวันตกเฉียงใต้ที่ผู้พูดภาษาจีนมาตรฐานคนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าใจได้ [5]
แม้ครอบครัวของเขาจะมีฐานะยากจน แต่ด้วยการรวมทรัพย์สินที่มีอยู่ ทำให้จูได้รับเลือกให้ส่งไปเรียนที่โรงเรียนเอกชนระดับภูมิภาคใน ค.ศ. 1892 เมื่ออายุได้ 9 ปี เขาได้รับการรับเลี้ยงโดยลุงผู้มีฐานะมั่งคั่ง ซึ่งอิทธิพลทางการเมืองของลุงทำให้เขาสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนการทหารยูนนานได้[6] เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมเสฉวนราว ค.ศ. 1907 และสำเร็จการศึกษาใน ค.ศ. 1908 ต่อมาเขากลับไปที่โรงเรียนประถมของอี๋หล่งในฐานะครูสอนพละ ในฐานะผู้สนับสนุนวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และการสอนการเมืองมากกว่าการศึกษาแบบเคร่งครัดตามแบบฉบับดั้งเดิมที่โรงเรียนจัดให้ เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่ง[3] และเข้าเรียนที่โรงเรียนการทหารยูนนานในคุนหมิง[7]: 151 ที่นั่นเขาเข้าร่วมกองทัพเป่ย์หยางและสมาคมการเมืองลับถงเหมิงฮุ่ย (ต้นแบบของก๊กมินตั๋ง)[8]
ชาตินิยมและลัทธิขุนศึก
[แก้]ที่โรงเรียนการทหารยูนนานในคุนหมิง เขาพบกับไช่ เอ้อเป็นครั้งแรก[9] เขาสอนหนังสือที่นั่นหลังสำเร็จการศึกษาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1911[10] หลังการปฏิวัติจีน เขาเข้าร่วมกับพลจัตวาไช่ เอ้อในกองกำลังรบนอกประเทศในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1911 ที่เดินทัพโจมตีกองกำลังราชวงศ์ชิงในเสฉวน เขาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกรมทหารในการทัพโค่นยฺเหวียน ชื่อไข่ในช่วง ค.ศ. 1915–16 เมื่อไช่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการเสฉวนหลังจากยฺเหวียนเสียชีวิตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1916 จูก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย[11]
หลังการเสียชีวิตของไช่ เอ้อ อาจารย์ของเขา และเซียว จฺวี๋ฟาง ภรรยาคนแรกใน ค.ศ. 1916 จูก็เริ่มติดฝิ่นอย่างหนักซึ่งเป็นปัญหารบกวนเขาหลายปีกระทั่งใน ค.ศ. 1922 เขาเข้ารับการบำบัดในเซี่ยงไฮ้[12] กองทหารของเขายังคงสนับสนุนเขา และด้วยเหตุนี้เขาจึงรวบรวมกำลังทหารของตนจนกลายเป็นขุนศึก ใน ค.ศ. 1920 หลังกองทหารของเขาถูกขับไล่จากเสฉวนไปยังชายแดนทิเบต เขากลับมายังยูนนานในฐานะกรรมาธิการความมั่นคงมหาชนของรัฐบาลมณฑล ในช่วงเวลานี้เขาตัดสินใจออกจากจีนเพื่อไปเรียนที่ยุโรป[13] เขาเดินทางไปเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก ที่ซึ่งเขาเลิกเสพฝิ่น และพบปะกับซุน ยัตเซ็น ตามคำบอกเล่าของนักประวัติศาสตร์ก๊กมินตั๋ง เขาพยายามเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงต้นปี ค.ศ. 1922 แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเป็นขุนศึก[14]
การเปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์
[แก้]ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1922 จูเดินทางไปเบอร์ลินพร้อมกับเหอ จื้อหฺวา คู่หูของเขา เขาอาศัยอยู่ในเยอรมนีจนถึง ค.ศ. 1925 และศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกิททิงเงินอยู่ช่วงหนึ่ง[15] ที่นี่เขาพบกับโจว เอินไหลและถูกไล่ออกจากเยอรมนีเพราะมีส่วนร่วมในการประท้วงนักศึกษาหลายครั้ง[16] ในช่วงเวลานี้ เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมีโจว เอินไหลเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของเขา (การมีผู้สนับสนุนถือเป็นเงื่อนไขในการเป็นสมาชิกทดลองงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนจะเป็นสมาชิกจริง)[17] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1925 หลังถูกขับไล่ออกจากเยอรมนี เขาเดินทางไปยังสหภาพโซเวียตเพื่อศึกษาเรื่องการทหารและลัทธิมากซ์ที่มหาวิทยาลัยคอมมิวนิสต์แห่งกรรมกรตะวันออก ขณะอยู่ในมอสโก เหอ จื้อหฺวาได้ให้กำเนิดลูกสาวคนเดียวของเขาชื่อจู หมิ่น จูเดินทางกลับจีนในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1926 เพื่อโน้มน้าวขุนศึกหยาง เซินแห่งเสฉวนให้สนับสนุนการกรีธาทัพขึ้นเหนือ แต่ไม่สำเร็จ[15]
ใน ค.ศ. 1927 หลังแนวร่วมที่หนึ่งล่มสลาย ทางการก๊กมินตั๋งสั่งให้จูเป็นหัวหน้ากองกำลังต่อต้านการก่อการกำเริบหนานชางของโจว เอินไหลและหลิว ปั๋วเฉิง[15] หลังช่วยวางแผนการก่อการกำเริบแล้ว จูและกองทัพของเขาจึงตัดสินใจออกจากก๊กมินตั๋ง[18] อย่างไรก็ตาม การก่อการกำเริบไม่สามารถรวบรวมการสนับสนุนได้ และจูถูกบังคับให้หนีออกจากหนานชางพร้อมกับกองทัพของเขา ภายใต้ชื่อปลอมของหวัง ไข่ จูสามารถหาที่พักพิงให้กองกำลังที่เหลือของเขาได้โดยการเข้าร่วมกับขุนศึก ฟาน ฉือเชิง[19]
จูเหมา
[แก้]ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างจูกับเหมา เจ๋อตงเริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ. 1928 เมื่อจูแปรพักตร์จากการปกป้องของฟ่าน ฉือเชิงด้วยความช่วยเหลือของเฉิน อี้และหลิน เปียว และยกกองทัพจำนวน 10,000 นายไปยังเจียงซีและเทือกเขาจิ่งกัง[20] ที่นี่ เหมาได้ก่อตั้งโซเวียตขึ้นใน ค.ศ. 1927 และจูเริ่มสร้างกองทัพของเขาขึ้นเป็นกองทัพแดง รวบรวมและขยายพื้นที่ควบคุมของโซเวียต[21] การประชุมซึ่งเกิดขึ้นบนสะพานหลงเจียงในวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1928 ได้รับการสนับสนุนจากเหมา เจ๋อถาน น้องชายของเหมาที่รับใช้ภายใต้การนำของจู[22] เขานำจดหมายไปหาเหมา เจ๋อตง พี่ชายของเขา โดยจูกล่าวว่า "พวกเราต้องรวมพลังกันและดำเนินนโยบายการทหารและเกษตรกรรมที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน"[22] การพัฒนาครั้งนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยน เมื่อกองกำลังรวมตัวจัดตั้งเป็น "กองทัพแดงที่สี่" โดยมีจูเป็นผู้บัญชาการทหารและเหมาเป็นผู้แทนของพรรค[23]
ความเป็นผู้นำของจูทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีเกียรติอย่างยิ่ง ชาวบ้านยังยกย่องเขาว่ามีความสามารถเหนือธรรมชาติอีกด้วย[24] ในช่วงเวลานี้ เหมาและจูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากจนชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกพวกเขาโดยรวมว่า "จูเหมา"[25][26] ใน ค.ศ. 1929 จูกับเหมาถูกบังคับให้หนีจากจิ่งกังชานไปยังรุ่ยจินภายหลังแรงกดดันทางทหารจากเจียง ไคเชก[27] ที่นี่พวกเขาก่อตั้งโซเวียตเจียงซีขึ้น[ต้องการอ้างอิง] ใน ค.ศ. 1931 จูได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกองทัพแดงในรุ่ยจินโดยผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน[28] เขาประสบความสำเร็จในการนำกองกำลังทหารแบบธรรมดาเข้าต่อสู้กับก๊กมินตั๋งในช่วงนำไปสู่การทัพต่อต้านการโอบล้อมครั้งที่สี่[29] อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกันในช่วงการทัพต่อต้านการโอบล้อมครั้งที่ห้าและพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงหลบหนีไป[30] จู ช่วยในการหลบหนีครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1934 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทัพทางไกล[31]
ผู้นำกองทัพแดง
[แก้]ระหว่างการเดินทัพทางไกล จูและโจว เอินไหลได้จัดการสู้รบบางอย่างร่วมกัน มีผลดีน้อยมากเนื่องจากอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของปั๋ว กู่และอ็อทโท เบราน์ ในการประชุมจุนอี้ จูสนับสนุนการวิพากษ์วิจารณ์ปั๋วและเบราน์ของเหมา เจ๋อตง[32] หลังการประชุม จูร่วมมือกับเหมาและโจวในด้านกิจการทหาร ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1935 จูและหลิว ปั๋วเฉิงอยู่ร่วมกับกองทัพแดงที่สี่ ขณะที่เหมา เจ๋อตงและโจว เอินไหลอยู่ร่วมกับกองทัพแดงที่หนึ่ง[33] เมื่อมีการแยกเป็นสองฝ่าย จูถูกจาง กั๋วเทา ผู้นำกองทัพแดงที่สี่บังคับให้ไปทางใต้ [34] กองทัพแดงที่สี่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการล่าถอยผ่านมณฑลเสฉวน เมื่อมาถึงเหยียนอาน จูได้ดูแลการฟื้นฟูกองทัพแดงภายใต้การชี้นำทางการเมืองของเหมา[35]
ในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองและสงครามกลางเมืองจีน เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพแดง[36] และใน ค.ศ. 1940 จูร่วมกับเผิง เต๋อหวย ได้คิดและจัดระเบียบการรุกร้อยกรม ในช่วงแรก เหมาสนับสนุนการรุกครั้งนี้[37] ขณะที่การทัพประสบความสำเร็จ เหมาในได้ระบุในเวลาต่อมาว่าการทัพดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนโยบาย Three Alls ของญี่ปุ่นที่เลวร้ายในเวลาต่อมา และใช้เรื่องนี้เพื่อวิพากษ์วิจารณ์เผิงที่การประชุมหลูชาน[38]
ชีวิตช่วงหลัง
[แก้]ใน ค.ศ. 1949 จูได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน[39] ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1949 ถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1950 เขาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลางคนที่ 1[40] จูยังเคยดำรงตำแหน่งรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์ (1956–1966) และรองประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน (1954‐1959) อีกด้วย[41] จูดูแลกองทัพปลดปล่อยประชาชนในช่วงสงครามเกาหลีภายใต้อำนาจของเขาในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด[ต้องการอ้างอิง] ใน ค.ศ. 1955 เขาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นจอมพล[42] ในการประชุมหลูชาน เขาพยายามปกป้องเผิง เต๋อหวย ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เผิงเล็กน้อย แทนที่จะกล่าวประณามเขา เขากลับตำหนิสหายที่เป็นเป้าหมายของเหมาอย่างอ่อนโยน เหมาไม่พอใจกับพฤติกรรมของจู[43] หลังการประชุม จูถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะความภักดีที่มีต่อเผิง[36]
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1969 ระหว่างการประชุมสุดยอดของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม จูถูกปลดจากตำแหน่งในคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกิจกรรมของสภาประชาชนแห่งชาติถูกระงับ[44] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1969 หลิน เปียวได้ออกคำสั่งที่มีชื่อว่า "คำสั่งหมายเลขหนึ่ง" ที่อพยพบุคลากรทางทหารที่สำคัญไปยังพื้นที่ห่างไกลเนื่องจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต และจูก็ถูกนำตัวไปที่กวางตุ้ง[45][46] ใน ค.ศ. 1973 จูได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญกรมการเมืองอีกครั้ง[47]
เขาทำงานในฐานะนักการเมืองกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1976[48] การเสียชีวิตของเขาเกิดขึ้นหกเดือนหลังการเสียชีวิตของโจว เอินไหล[49] และเพียงสองเดือนก่อนการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา เจ๋อตง[50] จูถูกฌาปนกิจและได้รับการฝังศพในอีกไม่กี่วันต่อมา[51][52]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]การแต่งงาน
[แก้]จูแต่งงานสี่ครั้ง ตามชีวประวัติที่ยังเขียนไม่เสร็จของแอกเนส สเมดลีย์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานว่าเขาแต่งงานกับแม่ของลูกสาวคนเดียวของเขา ความสัมพันธ์ที่ทราบของเขาได้แก่:
- เซียน จฺวี๋ฟาง (จีน: 萧菊芳) เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของจูที่สถาบันครูคุนหมิง (昆明师范学院)[53] ทั้งคู่แต่งงานกันใน ค.ศ. 1912 เซียวเสียชีวิตด้วยอาการไข้ใน ค.ศ. 1916 หลังให้กำเนิดจู เป่า ลูกชายคนเดียวของจู[54][53]
- เฉิน ยฺวี่เจิน (陈玉珍) หลังจากการเสียชีวิตของเซียว จฺวี๋ฟาง จูได้รับคำแนะนำให้หาแม่ให้กับลูกชายวัยทารกของเขา เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักเฉินโดยเพื่อนในกองทัพ เฉินได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมปฏิวัติใน ค.ศ. 1911 เช่นเดียวกับใน ค.ศ. 1916 มีรายงานว่าเฉินตั้งเงื่อนไขว่าเธอจะไม่แต่งงานเว้นแต่ว่าสามีในอนาคตของเธอจะขอเธอแต่งงานเป็นการส่วนตัว ซึ่งจูก็ทำเช่นนั้น ทั้งสองแต่งงานกันใน ค.ศ. 1916 เฉินดูแลบ้านแม้กระทั่งสร้างห้องทำงานเพื่อให้จูและเพื่อนนักวิชาการของเขาได้พบกัน โดยเธอจัดเตรียมเอกสาร แผ่นพับ หนังสือ และแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิวัติเดือนตุลาคมของรัสเซียให้ ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1922 จูออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมหยาง เซิน ขุนศึกแห่งเสฉวน[53] ตามชีวประวัติของแอกเนส สเมดลีย์ จูคิดว่าตนเองแยกทางกับเฉินแล้วหลังจากทิ้งเธอและรู้สึกอิสระที่จะแต่งงานอีกครั้ง แม้จะไม่มีการหย่าอย่างเป็นทางการก็ตาม เฉินถูกก๊กมินตั๋งสังหารใน ค.ศ. 1935[55]
- เฮ่อ จื้อหฺวา (贺治华) เธอพบกับจูในเซี่ยงไฮ้และติดตามเขาไปเยอรมนีในปลายปี ค.ศ. 1922 เมื่อจูถูกเนรเทศออกจากเยอรมนีใน ค.ศ. 1925 เธอกำลังตั้งครรภ์และต่อมาได้ให้กำเนิดลูหในหมู่บ้านหนึ่งนอกเขตชานเมืองมอสโก จูตั้งชื่อลูกสาวว่าซื่อสฺวิน (四旬) แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ลดลง และเฮ่อปฏิเสธทางเลือกของเขา โดยตั้งชื่อทารกว่าเฟย์เฟย์ (菲菲) แทน เฮ่อส่งลูกสาวของเธอไปอาศัยอยู่กับน้องสาวของเธอที่เฉิงตูไม่นานหลังจากคลอด จากนั้นเธอก็แต่งงานกับฮั่ว เจียซิน (霍家新) ในปีเดียวกัน เขากลับมาเซี่ยงไฮ้ใน ค.ศ. 1928 มีรายงานว่าเธอทรยศต่อก๊กมินตั๋งที่ต้องการตัวคอมมิวนิสต์ ก่อนถูกทหารกองทัพแดงยิงจนตาบอดและสามีของเธอเสียชีวิต หลังจากนั้นเธอเดินทางกลับมายังเสฉวนและเสียชีวิตด้วยโรคร้ายก่อน ค.ศ. 1949[ต้องการอ้างอิง]
- อู่ รั่วหลาน (伍若兰) เป็นลูกสาวของปัญญาชนจากจิ๋วเหยี่ยนถาง (九眼塘) ในหูหนาน จูพบกับเธอหลังจากโจมตีเหล่ย์หยางด้วยกองทัพชาวนาและกรรมกร ทั้งสองแต่งงานกันใน ค.ศ. 1928[56] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1929 จูและอู่ถูกกองกำลังก๊กมินตั๋งล้อมรอบที่วัดแห่งหนึ่งในเทือกเขาจิ่งกัง จูหลบหนีไปได้ แต่อู่ถูกจับตัวไป เธอถูกประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะและศีรษะของเธอถูกส่งไปที่ฉางชาเพื่อประจาน[57]
- คัง เค่อชิง (康克清) จูแต่งงานกับคังใน ค.ศ. 1929 เมื่อเขาอายุ 43 ปี[57] เธอเป็นสมาชิกกองทัพแดงและเป็นผู้นำชาวนาด้วย คังเป็นคนขยันเรียนมากและจูก็สอนให้เธออ่านและเขียนก่อนที่พวกเขาจะแต่งงาน คังมีชีวิตอยู่นานกว่าเขา[58] ต่างจากผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการเดินทัพทางไกล เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยโฆษณาชวนเชื่อที่เดินขบวนอยู่ด้านหลัง คังต่อสู้เคียงข้างสามีของเธอ โดยโดดเด่นทั้งในฐานะทหารรบ นักแม่นปืน และผู้นำหน่วย[59]
ลูก
[แก้]- จู เป่าจู้ (朱保柱) เกิด ในค.ศ. 1916 และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น จู ฉี (朱琦) เสียชีวิตจากอาการป่วยใน ค.ศ. 1974
- จู หมิ่น (朱敏) เกิดที่มอสโกในเดือนเมษายน ค.ศ. 1926 เป็นลูกของเฮ่อ จื้อหฺวา (贺治华) จูเต๋อตั้งชื่อให้เธอว่าซื่อสฺวิน (四旬) แต่เธอปฏิเสธและเลือกชื่อเฟย์เฟย์ (菲菲) แทน เฮ่อ จื้อหฺวาส่งลูกสาวของเธอไปหาพี่สาวของเธอที่เฉิงตูไม่นานหลังจากเธอเกิด ซึ่งเธอใช้ชื่อว่าเฮ่อ เฟย์เฟย? (贺飞飞) เธอศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มอสโกระหว่าง ค.ศ. 1949 ถึง 1953 ก่อนที่จะสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง เธอเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บใน ค.ศ. 2009[60]
รางวัลและเกียรติยศ
[แก้]- กัมพูชา
- เครื่องอิสริยยศพระราชาณาจักรกัมพูชา (ชั้นมหาเสรีวัฒน์) (ค.ศ. 1964)[61]
- อินโดนีเซีย
- เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ชั้นอธิประธานา) (ค.ศ. 1961)[62]
ผลงาน
[แก้]- จู เต๋อ (1986). สรรนิพนธ์ของจู เต๋อ (1st ed.). ปักกิ่ง: สำนักพิมพ์ภาษาต่างประเทศ. ISBN 0-8351-1573-9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2020.
ดูเพิ่ม
[แก้]- ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ. 1949–1976)
- รายชื่อนายพลของจีน
- โครงร่างประวัติศาสตร์การทหารของสาธารณรัฐประชาชนจีน
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ KleinClark (1971), p. 245.
- ↑ 朱德的祖籍家世. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 ตุลาคม 2014.
- ↑ 3.0 3.1 朱德《母亲的回忆》英译. 4 มิถุนายน 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ตุลาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2014.
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 14 and 23.
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 14
- ↑ Pantsov, Alexander V.; Levine, Steven I. (2 ตุลาคม 2012). Mao. Simon and Schuster. ISBN 9781451654493.
- ↑ Hammond, Ken (2023). China's Revolution and the Quest for a Socialist Future. New York, NY: 1804 Books. ISBN 9781736850084.
- ↑ "The Manchu Qing Dynasty (1644–1911), Internal Threats". Countries Quest. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2011. Tongmenghui
- ↑ Platt, Stephen R. (2007). Provincial Patriots. Harvard University Press. ISBN 9780674026650.
- ↑ "V26N2 - Personality Profile: Zhu De [Chu Teh]". mindef.gov.sg. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2014. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ Shum Kui-kwong, Zhu-De (Chu Teh), University of Queensland Press (St. Lucia: 1982), p. 3-4.
- ↑ Wortzel, Larry M.; Wortzel, Larry; Higham, Robin (1999). Dictionary of Contemporary Chinese Military History. Bloomsbury Academic. ISBN 9780313293375.
- ↑ Zhu De and his Marriages
- ↑ Shum Kui-kwong, Zhu-De (Chu Teh), University of Queensland Press (St. Lucia: 1982), p. 4-5.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 William W. Whitson, Huang Chen-hsia, The Chinese High Command: A History of Communist Military Politics, 1927–1971, Praeger Publishers: New York, 1973, p. 30f.
- ↑ Wortzel, Larry M.; Wortzel, Larry; Higham, Robin (1999). Dictionary of Contemporary Chinese Military History. Bloomsbury Academic. ISBN 9780313293375.
- ↑ 马玉佳. "The legacy of overseas study for China's early leaders: Zhu De". china.org.cn.
- ↑ "Zhu De". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2021.
- ↑ "Zhu De". Spartacus Educational. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2021.
- ↑ Mao, Zedong (1992). Mao's Road to Power: From the Jinggangshan to the establishment of the ... M.E. Sharpe. ISBN 9781563244391.
- ↑ Daniel Morley (9 พฤศจิกายน 2012). "The Chinese Communist Party 1927–37 – The development of Maoism – Part Six". In Defence of Marxism.
- ↑ 22.0 22.1 Pantsov, Alexander; Levine, Steven (2013). Mao: The Real Story. New York: Simon and Schuster. p. 208. ISBN 9781451654479.
- ↑ Lawrance, Alan (2004). China Since 1919: Revolution and Reform : a Sourcebook. London: Routledge. p. 39. ISBN 0415251419.
- ↑ Zhu De Early History Profile
- ↑ Bianco, Lucien (1957). Origins of the Chinese Revolution, 1915–1949. Stanford Press. p. 64, note 10.
- ↑ http://chineseposters.net/themes/zhude.php Zhu De Biography
- ↑ "Ruijin Revolutionary Memorial". chinaculture.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 ธันวาคม 2005.
- ↑ Mao, Zedong; Schram, Stuart R. (1992). Mao's Road to Power – Revolutionary Writings, 1912–1949. M.E. Sharpe. ISBN 9781563244575.
- ↑ Wortzel, Larry M.; Higham, Robin (1999). Dictionary of Contemporary Chinese Military History. Bloomsbury Academic. ISBN 9780313293375.
- ↑ Short, Philip (กุมภาพันธ์ 2001). Mao. Macmillan. ISBN 9780805066388.
- ↑ "The Long March 1934 to 1935". historylearningsite.co.uk.
- ↑ Kampen, Thomas (2000). Mao Zedong, Zhou Enlai and the Evolution of the Chinese Communist Leadership. ISBN 9788787062763.
- ↑ Benton, Gregor (1999). New Fourth Army. ISBN 9780520219922.
- ↑ Battle of Baizhangguan Pass
- ↑ CCTV Eyewitnesses to history: Yan'an
- ↑ 36.0 36.1 "Zhu De". Encyclopædia Britannica.
- ↑ Song, Yuwu (10 มกราคม 2014). Biographical Dictionary of the People's Republic of China. ISBN 9781476602981.
- ↑ Zhang, Chunhou; Edwin Vaughan, C. (2002). Mao Zedong as Poet and Revolutionary Leader. ISBN 9780739104064.
- ↑ Gray, Bruce (2012). Distant Water. ISBN 9781936909353.
- ↑ "朱德:中央纪委第一任书记" [Zhu De: First Secretary of the Central Commission for Discipline Inspection]. People's Daily. 30 พฤศจิกายน 2016. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2024.
- ↑ Zhu De Concurrent Positions
- ↑ "Marshal of People's Liberation Army: Zhu De". China Daily.
- ↑ Wortzel, Larry M.; Wortzel, Larry; Higham, Robin (1999). Dictionary of Contemporary Chinese Military History. p. 201. ISBN 9780313293375.
- ↑ 共产党新闻网—资料中心—历次党代会. People's Daily.
- ↑ Angang, Hu (2017). Mao and the Cultural Revolution (Volume 2) (ภาษาอังกฤษ). Enrich Professional Publishing Limited. p. 189. ISBN 978-1-62320-154-8.
- ↑ Zweig, David (1989). Agrarian Radicalism in China, 1968-1981 (ภาษาอังกฤษ). Harvard University Press. ISBN 978-0-674-01175-5.
- ↑ 陈霞. "The Tenth National Congress (Aug. 1973)". China Internet Information Center.
- ↑ "Zhu De Death". China Daily.
- ↑ Keyser, Catherine H. "Three Chinese Leaders: Mao Zedong, Zhou Enlai, and Deng Xiaoping – Asia for Educators". Columbia University.
- ↑ "BBC ON THIS DAY – 9 – 1976: Chairman Mao Zedong dies". BBC News. 9 กันยายน 1976.
- ↑ Davies, Douglas J. (ตุลาคม 2010). Encyclopedia of Cremation. ISBN 9781409423171.
- ↑ http://politics.ntu.edu.tw/RAEC/comm2/InterviewItaly%20Sauro%20Angelini%20English.pdf Sauro Angelini Interview
- ↑ 53.0 53.1 53.2 Chang 常, Xuemei 雪梅, บ.ก. (14 กรกฎาคม 2006). 朱德与四位女性的感情经历 [The relationship experience of Zhu De with four women]. People's Daily. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กรกฎาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2017.
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 106
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 122 and 314
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 223-4
- ↑ 57.0 57.1 Chang 常, Xuemei 雪梅, บ.ก. (14 กรกฎาคม 2006). 朱德与四位女性的感情经历(2) [The relationship experience of Zhu De with four women, part 2]. People's Daily. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2017.
- ↑ Smedley, The Great Road, p. 272-3
- ↑ Ho, Alfred (2004). China's Reforms and Reformers. Westport, CT: Praeger. p. 15. ISBN 0275960803.
- ↑ "Late Chinese marshal Zhu De's daughter dies at 83". China Daily. 20 เมษายน 2009. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2017.
- ↑ "中柬两国联合公报在京签字". People's Daily (zhouenlai.info). 6 ตุลาคม 1964. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 2023.
- ↑ "1961年6月15日人民日报 第1版". People's Daily (govopendata). 15 มิถุนายน 1961. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 2023.
บรรณานุกรม
[แก้]- ภาษาอังกฤษ
- Pozhilov, I. "Zhu De: The Early Days of a Commander". Far Eastern Affairs (1987), Issue 1, pp. 91–99. Covers Zhu from 1905 to 1925.
- Boorman, Howard L. (1967). "Chu Teh". Biographical Dictionary of Republican China Volume I. New York: Columbia University Press. pp. 459–465. ISBN 0231089589.
- Klein, Donald W.; Clark, Anne B. (1971). "Chu Te". Biographic Dictionary of Chinese Communism, 1921-1965. Cambridge, Mass.: Harvard University Press. pp. 245–254. ISBN 0674074106.
- Agnes Smedley, The Great Road: The Life and Times of Chu Teh (Monthly Review Press, New York and London, 1956)
- Nym Wales (Helen Foster Snow), Inside Red China (New York: Doubleday, Doran & Company, Inc., 1939)
- William W. Whitson, The Chinese High Command: A History of Communist Military Politics, 1927–71 (New York: Praeger Publishers, 1973)
- ภาษาจีน
- Liu Xuemin, Hong jun zhi fu: Zhu De zhuan (Father of the Red Army: Biography of Zhu De) (Beijing: Jiefangjun Chubanshe, 2000)
- Zhonggong zhongyang wenxian yanjiu shibian, Zhu De Zhuan (Biography of Zhu De) (Beijing: Zhongyang wenxian chubanshe, 2000)
- Liu Xuemin, Wang Fa’an, and Xiao Sike, Zhu De Yuanshi (Marshal Zhu De) (Beijing: Jiefangjun wenshu chubanshe, 2006)
- Zhu De guju jinianguan, Renmin de guangrong Zhu De (Glory of the People: Zhu De) (Chengdu: Sichuan renmin chubanshe, 2006).
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- People's Daily Biography
- "Zhu De". chineseposters.net.
ก่อนหน้า | จู เต๋อ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ตำแหน่งทางการเมือง | ||||
New title | รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ. 1954–1959 |
สมัยต่อมา ต่ง ปี้อู่ และซ่ง ชิ่งหลิง | ||
ตำแหน่งทางทหาร | ||||
New title | ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพปลดปล่อยประชาชน ค.ศ. 1949–1954 |
สมัยต่อมา จอมพล เผิง เต๋อหวย as รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม |
- ใช้วันที่รูปแบบวันเดือนปีตั้งแต่December 2021
- หน้าที่มีสัทอักษรสากลภาษาMandarin
- บทความที่ขาดแหล่งอ้างอิงเฉพาะส่วนตั้งแต่December 2024
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2429
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2519
- ครอบครัวของจู เต๋อ
- นักการเมืองจีนในศตวรรษที่ 20
- บุคลากรกองทัพเป่ย์หยาง
- ทหารชาวจีน
- จอมพลชาวจีน
- บุคคลที่ถูกฝังในสุสานปฏิวัติปาเป่าชาน
- ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
- นักการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากมณฑลเสฉวน
- ผู้นำการทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง
- ทหารชาวจีนในสงครามโลกครั้งที่สอง
- นักชาตินิยมจีน
- นักการเมืองจีนเชื้อสายแคะ
- นายพลชาวแคะ
- จอมพลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 10
- สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 7
- สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 8
- สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 9
- ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยซุน ยัตเซ็น มอสโก
- บุคคลจากอำเภออี๋หล่ง
- บุคคลในการปฏิวัติซินไฮ่
- บุคคลในสงครามกลางเมืองจีน
- นักการเมืองสาธารณรัฐประชาชนจีนจากมณฑลเสฉวน
- นักการเมืองจากหนานชง
- ขุนศึกสาธารณรัฐจีนจากมณฑลเสฉวน
- เลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลาง
- ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเสฉวน
- ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกิททิงเงิน
- รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน
- การปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีน