สกอร์โปโร
ส่วนหนึ่งของชุดการเมือง |
ระบบการลงคะแนน |
---|
สถานีย่อยการเมือง |
สกอร์โปโร (อิตาลี: scorporo, ออกเสียง: [ˈskɔrporo]) คือ ระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนที่มีสมาชิกแบบผสม (MMP) หรือในบางครั้งเรียกว่า ระบบสมาชิกเพิ่มเติม (AMS) ซึ่งมีสมาชิกจำนวนหนึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตละคน และสมาชิกอีกส่วนหนึ่งมาจากบัญชีรายชื่อ โดยการลงคะแนนแบบนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการลงคะแนนระบบคู่ขนานแบบที่ไม่รวมส่วนคะแนนเสียงของแบบแบ่งเขตเพื่อใช้กำหนดให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยในหลักการที่ไม่นำคะแนนเสียงของแบบแบ่งเขตมาคำนวนบัญชีรายชื่อนี้ทำให้สกอร์โปโรแตกต่างจากแบบคู่ขนาน และดังนั้นจึงมีลักษณะใกล้เคียงกับระบบสัดส่วนผสมมากกว่า และในเรื่องของความเป็นสัดส่วนนั้นสกอร์โปโรอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองแบบ
สกอร์โปโรใช้เพียงในอิตาลีและบางส่วนในสภานิติบัญญัติฮังการี
อิตาลี
[แก้]สกอร์โปโรถูกนำมาใช้การเลือกตั้งทั่วไปในอิตาลีตั้งแต่ ค.ศ. 1993 จนถึง ค.ศ. 2005 โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีที่มาจากการเลือกตั้งในสองส่วน
- ส่วนแรกจำนวนร้อยละ 75 มาจากการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตเบอร์เดียวโดยใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดในการตัดสิน (FPTP)
- ส่วนที่สองจำนวนร้อยละ 25 มาจากบัญชีรายชื่อซึ่งคำนวนมาจากสัดส่วนคะแนนเสียงที่พรรคได้รับ (ใช้วิธีโดนต์) โดยไม่นำคะแนนเสียงของผู้ชนะแบบเขตมาคำนวนสัดส่วนจากบัญชีรายชื่อ
ระบบมีข้อบังคับเพิ่มเติมในแต่ละสภาดังนี้
วุฒิสภา
[แก้]- ที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อจะถูกคำนวนจากระดับภูมิภาค
- คะแนนเสียงทั้งหมดของผู้ที่ชนะการเลือกตั้งจะไม่นำมารับรวมในการจัดสรรที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อ
- ไม่มีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำต่อการได้ที่นั่ง
- การลงคะแนนแบบแบ่งเขตเบอร์เดียวและบัญชีรายชื่อนั้นเชื่อมโยงกันเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้บัญชีตัวแทน (decoy list)
สภาผู้แทนราษฎร
[แก้]- ที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อจะถูกคำนวนจากระดับชาติ
- จำนวนคะแนนเสียงของผู้ชนะในแบบแบ่งเขตจะถูกนำเปลี่ยนแปลงในการนับคะแนน โดยใช้คะแนนเสียงของผู้ได้คะแนนเป็นอันดับสองในเขตนั้น + 1 คะแนน และนำมาลบออกจากคะแนนของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งและนำคะแนนผลต่างนี้มาคำนวนที่นั่งในบัญชีรายชื่อ
- เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำที่ร้อยละ 4 สำหรับคะแนนพรรคถึงจะได้ที่นั่งในแบบบัญชีรายชื่อ
- คะแนนเสียงแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อไม่ได้เชื่อมโยงกัน และจึงทำให้เสี่ยงต่อการใช้บัญชีตัวแทนได้
ฮังการี
[แก้]ในฮังการีมีการใช้ที่นั่งชดเชยในสภานิติบัญญัติ (ใช้หลักของการลงคะแนนระบบคู่ขนานและเพิ่มเติมด้วยระบบชดเชยที่นั่ง) โดยมีการจัดสรรให้แก่ทุกพรรคการเมืองที่มีคะแนนเกินเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำร้อยละ 5 โดยนับจากคะแนนเสียงของผู้สมัครรายที่ตกรอบแรกในแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม คะแนนเสียงรวมของพรรคการเมือง