เฟอร์จิล ฟัน ไดก์
การแก้ไขบทความนี้ของผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ลงทะเบียนถูกปิดใช้งานจนถึง 6 มีนาคม 2568 ดูนโยบายการป้องกันและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทางหน้าคุย ขอเลิกป้องกัน ล็อกอิน หรือสร้างบัญชี |
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
ข้อมูลส่วนตัว | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เฟอร์จิล ฟัน ไดก์[1] | ||||||||||||||||
วันเกิด | [2] | 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991||||||||||||||||
สถานที่เกิด | เบรดา เนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.95 m (6 ft 5 in)[3] | ||||||||||||||||
ตำแหน่ง | เซ็นเตอร์แบ็ก | ||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | |||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | ||||||||||||||||
หมายเลข | 4 | ||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | |||||||||||||||||
2009–2010 | วิลเลิมตเว | ||||||||||||||||
2010–2011 | โครนิงเงิน | ||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | |||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | ||||||||||||||
2011–2013 | โครนิงเงิน | 62 | (7) | ||||||||||||||
2013–2015 | เซลติก | 76 | (9) | ||||||||||||||
2015–2018 | เซาแทมป์ตัน | 67 | (4) | ||||||||||||||
2018– | ลิเวอร์พูล | 186 | (18) | ||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | |||||||||||||||||
2011 | เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 19 ปี | 1 | (0) | ||||||||||||||
2011–2013 | เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 21 ปี | 3 | (0) | ||||||||||||||
2015– | เนเธอร์แลนด์ | 64 | (7) | ||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| |||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 มีนาคม 2024 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2023 |
เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ (ดัตช์: Virgil van dijk) เกิด 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกในตำแหน่งกองหลังและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในปัจจุบันเขาได้เป็นกัปตันทีมสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และได้เข้าร่วมฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ครั้งแรกใน ค.ศ. 2014 ความสามารถของฟัน ไดก์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับการยกย่องให้เป็นกองหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก[4] ฟัน ไดก์เป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำ และทักษะกลางอากาศ[5][6][7] เขาเป็นกองหลังคนเดียวที่ชนะรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า และได้อันดับรองชนะเลิศในสาขาผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่าของบาลงดอร์[8][9]
สโมสรอาชีพ
โครนิงเงิน
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เขาลงเล่นอาชีพให้สโมสรโครนิงเงินเป็นครั้งแรก โดยถูกเปลี่ยนลงมาแทน เพตเตอร์ แอนเดอร์สสัน ในนาทีที่ 72 ระหว่างชัยชนะ 4–2 กับเอดีโอ เดน ฮาก และในวันที่ 29 พฤษภาคม ในการเจอกับทีมเอดีโอ เดน ฮาก ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่เขาได้เจอในเกมแรกที่ได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง โดยนัดนี้เขาเป็นตัวจริงให้กับโครนิงเก้นเป็นครั้งแรกและยิงประตูแรกในอาชีพของเขา โดยทำประตูได้สองครั้งในการชนะ 5-1 ในการแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบเพลย์ออฟ
เซลติก
ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ฟัน ไดก์ ได้บรรลุข้อตกลงทำสัญญา 4 ปี กับสโมสรฟุตบอลเซลติกด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์ เขาได้ลงสนามนัดแรกในวันที่ 17 สิงหาคม ด้วยการเปลี่ยนตัวลงไปแทนเอเฟ แอมโบรส ในช่วง 13 นาทีสุดท้ายในนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลแอเบอร์ดีน
เซาแทมป์ตัน
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2015 ฟัน ไดก์ ได้ย้ายมายังสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตันด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ ในสัญญา 5 ปี เขาได้ลงสนามนัดแรกให้กับทีมในนัดที่ไปเยือนสนามเดอะฮอว์ธอร์นของสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมวิชอัลเบียนในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
ลิเวอร์พูล
ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2017 มีข่าวว่า ฟัน ไดก์ ได้ตกลงร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาววันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2018 ด้วยค่าตัวราว 75 ล้านปอนด์ซึ่งจะกลายเป็นสถิติค่าตัวสูงที่สุดในโลกของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง[10][11]
ฤดูกาล 2017-18
ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสาม ฟัน ไดก์ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[12]
ฤดูกาล 2018-19
ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0[13] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ ฟัน ไดก์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนธันวาคมของพรีเมียร์ลีก
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[14] ต่อมา ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก ที่อัลลีอันทซ์อาเรนา 3-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[15] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[16]
ในวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2018-19 ส่งผลให้ ฟัน ไดก์เป็นนักเตะคนที่ 8 ของลิเวอร์พูล ที่ได้รับรางวัลนี้ถัดจาก มุฮัมมัด เศาะลาห์ (2017-18), ลุยส์ ซัวเรซ (2013-14), สตีเวน เจอร์ราร์ด (2005-06), จอห์น บาร์นส์ (1987-88), เอียน รัช (1983-84), เคนนี ดัลกลิช (1982-83) และเทอร์รี แม็คเดอร์ม็อตต์ (1979-80)[17] รวมทั้ง ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ ซาดีโย มาเน, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 3 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย ต่อมา ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-2[18] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[19] รวมถึง ฟัน ไดก์คว้ารางวัล Man of the Match ในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย
ฤดูกาล 2019-20
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2019–20 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 4-1[20] ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-1[22] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[23]
ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[24] ต่อมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-1[25] จบฤดูกาล ฟัน ไดก์ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[26] ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน, ซาดีโย มาเน และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 4 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย[27]
ฤดูกาล 2020-21
ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2020 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2020–21 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 4-3[28] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ได้รับบาดเจ็บหนักที่เส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า จากการปะทะกับ จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูของเอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้ ฟัน ไดก์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว
ฤดูกาล 2021-22
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์กลับมาลงสนามครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ในช่วงปรีซีซั่นที่เจอกับ แฮร์ทา เบเอ็สเซ ต่อมา ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลถึงปี 2025[29] ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เซาแทมป์ตัน 4-0[30] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 3-1[31] ต่อมา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 6-0[32]
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[33]
ฤดูกาล 2022-23
ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[34]
ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 3-1[35] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ 2-0[36]
ฤดูกาล 2023-24
ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์โดนใบแดงไล่ออกจากสนามเนื่องจากไปตัดบอลคู่แข่งในจังหวะสุดท้าย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 2-1[37] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ที่บรามอลล์เลน 2-0[38] ต่อมา ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2024 เอฟเอคัพ รอบ 4 ฟัน ไดก์ทำประตูในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 5-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลูตันทาวน์ 4-1[40]
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เนชันนอลคัพ[a] | ลีกคัพ[b] | ยุโรป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Division | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
โครนิงเงิน | 2010–11[41] | เอเรอดีวีซี | 5 | 2 | 0 | 0 | — | — | — | 5 | 2 | |||
2011–12[41] | เอเรอดีวีซี | 23 | 3 | 1 | 0 | — | — | — | 24 | 3 | ||||
2012–13[41] | เอเรอดีวีซี | 34 | 2 | 3 | 0 | — | — | — | 37 | 2 | ||||
รวม | 62 | 7 | 4 | 0 | — | — | — | 66 | 7 | |||||
เซลติก | 2013–14[42] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 36 | 5 | 2 | 0 | 1 | 0 | 8[c] | 0 | — | 47 | 5 | |
2014–15[43] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 35 | 4 | 5 | 4 | 4 | 0 | 14[d] | 2 | — | 58 | 10 | ||
2015–16[44] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 5 | 0 | — | — | 5[c] | 0 | — | 10 | 0 | ||||
รวม | 76 | 9 | 7 | 4 | 5 | 0 | 27 | 2 | — | 115 | 15 | |||
เซาแทมป์ตัน | 2015–16[44] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 3 | 1 | 0 | 3 | 0 | — | — | 38 | 3 | ||
2016–17[45] | พรีเมียร์ลีก | 21 | 1 | 1 | 1 | 2 | 0 | 6[e] | 2 | — | 30 | 4 | ||
2017–18[46] | พรีเมียร์ลีก | 12 | 0 | — | 0 | 0 | — | — | 12 | 0 | ||||
รวม | 67 | 4 | 2 | 1 | 5 | 0 | 6 | 2 | — | 80 | 7 | |||
ลิเวอร์พูล | 2017–18[46] | พรีเมียร์ลีก | 14 | 0 | 2 | 1 | — | 6[c] | 0 | — | 22 | 1 | ||
2018–19[47] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 4 | 0 | 0 | 0 | 0 | 12[c] | 2 | — | 50 | 6 | ||
2019–20[48] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 5 | 1 | 0 | 0 | 0 | 8[c] | 0 | 3[f] | 0 | 50 | 5 | |
2020–21[49] | พรีเมียร์ลีก | 5 | 1 | 0 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | 1[g] | 0 | 8 | 1 | |
2021–22[50] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 3 | 5 | 0 | 3 | 0 | 9[c] | 0 | — | 51 | 3 | ||
2022–23[51] | พรีเมียร์ลีก | 32 | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 8[c] | 0 | 1[g] | 0 | 41 | 3 | |
2023–24[52] | พรีเมียร์ลีก | 25 | 2 | 2 | 1 | 4 | 1 | 1[e] | 0 | — | 32 | 4 | ||
รวม | 186 | 18 | 10 | 2 | 9 | 1 | 44 | 2 | 5 | 0 | 254 | 23 | ||
รวมทั้งหมด | 391 | 38 | 23 | 7 | 19 | 1 | 77 | 6 | 5 | 0 | 515 | 52 |
- ↑ Appearances in KNVB Cup, Scottish Cup and FA Cup
- ↑ Appearances in Scottish League Cup and League Cup/EFL Cup
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 Appearances in UEFA Champions League
- ↑ Six appearances in UEFA Champions League, eight in UEFA Europa League
- ↑ 5.0 5.1 Appearances in UEFA Europa League
- ↑ One appearance in FA Community Shield, one in UEFA Super Cup, one in FIFA Club World Cup
- ↑ 7.0 7.1 Appearance in FA Community Shield
ทีมชาติ
- ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2023[53]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
เนเธอร์แลนด์ | 2015 | 3 | 0 |
2016 | 9 | 0 | |
2017 | 4 | 0 | |
2018 | 8 | 3 | |
2019 | 9 | 1 | |
2020 | 5 | 0 | |
2021 | 6 | 1 | |
2022 | 10 | 1 | |
2023 | 10 | 1 | |
รวม | 64 | 7 |
- ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022
- Netherlands score listed first, score column indicates score after each Van Dijk goal[53]
ลำดับ | วันที่ | สนาม | คัพ | คู่แข่ง | คะแนน | ผล | การแข่งขัน | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 26 มีนาคม 2018 | Stade de Genève, เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 18 | โปรตุเกส | 3–0 | 3–0 | กระชับมิตร | [54] |
2 | 13 ตุลาคม 2018 | Johan Cruyff Arena, อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 22 | เยอรมนี | 1–0 | 3–0 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกเอ | [55] |
3 | 19 พฤศจิกายน 2018 | Arena AufSchalke, เก็ลเซินเคียร์เชิน ประเทศเยอรมนี | 24 | เยอรมนี | 2–2 | 2–2 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกเอ | [56] |
4 | 21 มีนาคม 2019 | De Kuip, รอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 25 | เบลารุส | 4–0 | 4–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [57] |
5 | 11 ตุลาคม 2021 | De Kuip, รอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 42 | ยิบรอลตาร์ | 1–0 | 6–0 | ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก | [58] |
6 | 25 September 2022 | Johan Cruyff Arena, Amsterdam, Netherlands | 49 | เบลเยียม | 1–0 | 1–0 | 2022–23 UEFA Nations League A | [59] |
7 | 16 October 2023 | Agia Sophia Stadium, Athens, Greece | 62 | กรีซ | 1–0 | 1–0 | UEFA Euro 2024 qualifying | [60] |
เกียรติประวัติ
สโมสร
เซลติก
- Scottish Premiership: 2013–14, 2014–15
- Scottish League Cup: 2014–15
เซาแทมป์ตัน
- EFL Cup runners-up: 2016–17
ลิเวอร์พูล
- พรีเมียร์ลีก: 2019–20
- เอฟเอคัพ: 2021–22
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018–19
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2019
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2019
- อีเอฟแอลคัพ: 2021–22,[61] 2023–24
- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2022
รางวัลส่วนตัว
- PFA Players' Player of the Year: 2018–19
- PFA Team of the Year: 2018–19, 2019–20
- PFA Player of the Month: พฤศจิกายน 2018, กุมภาพันธ์ 2019[62]
- Premier League Player of the Season: 2018–19
- Premier League Player of the Month: ธันวาคม 2018[63]
- UEFA Men's Player of the Year Award: 2018–19
- UEFA Defender of the Season: 2018–19
- UEFA Team of the Year: 2018, 2019
- UEFA Champions League Squad of the Season: 2017–18, 2018–19
- UEFA Nations League Finals Team of the Tournament: 2019
- FIFA FIFPro World XI: 2019, 2020
- FIFA FIFPro World XI 5th Team: 2018
- Liverpool Fans Player of the Season: 2018–19
- Liverpool Players' Player of the Season: 2018–19
- Southampton Player of the Season: 2015–16
- PFA Scotland Team of the Year: 2013–14, 2014–15
- Celtic FC Players' Player of the Year: 2013–14
- Goal 50: 2018–19
- IFFHS Men's World Team: 2019, 2020
- ESM Team of the Year: 2018–19, 2019–20
- Ballon d'Or: 2019 (2nd place)
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: สิงหาคม 2018[64], กุมภาพันธ์ 2019[65], กุมภาพันธ์ 2022
อ้างอิง
- ↑ "Squads for 2016/17 Premier League confirmed". Premier League. 1 September 2016. สืบค้นเมื่อ 11 September 2016.
- ↑ "Virgil Van Dijk". 11v11.com. AFS Enterprises. สืบค้นเมื่อ 7 January 2018.
- ↑ "FIFA World Cup Qatar 2022: List of players: Netherlands" (PDF). FIFA. 15 November 2022. p. 20. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
- ↑ Merson, Paul (9 March 2019). "Virgil van Dijk the best defender in the world, says Paul Merson". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 8 April 2020.
- ↑ "Virgil Van Dijk Voted The Best Defender In World Football". Sportbible. 16 March 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-20. สืบค้นเมื่อ 20 April 2019.
- ↑ "Virgil van Dijk the best defender in the world, says Paul Merson". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 20 April 2019.
- ↑ "Virgil van Dijk: Champions League Defender of the Season". UEFA. สืบค้นเมื่อ 1 September 2019.
- ↑ "The Best FIFA Men's Player". FIFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 November 2016. สืบค้นเมื่อ 2 September 2019.
- ↑ "Virgil van Dijk wins UEFA Men's Player of the Year award". UEFA. 29 August 2019. สืบค้นเมื่อ 29 August 2019.
- ↑ กองหลังแพงสุดของโลก! ฟาน ไดจ์ค ชูเสื้อซบลิเวอร์พูล 75 ล้านปอนด์[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงคว้าตัวเวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-29. สืบค้นเมื่อ 2017-12-28.
- ↑ "ฟาน ไดจ์ค โหม่งประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเข้ารอบเอฟเอ คัพ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-10. สืบค้นเมื่อ 2018-01-06.
- ↑ Match Report: ซาลาห์ และฟาน ไดจ์ค ยิงคนละประตูช่วยลิเวอร์พูลบุกชนะวูล์ฟส์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มวัตฟอร์ด 5-0 ที่แอนฟิลด์ (วิดีโอ)
- ↑ Match Report: เข้ารอบ! ลิเวอร์พูลบุกไปชนะบาเยิร์นในแชมเปียนส์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลกด 4 ประตูผ่านเข้ารอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก
- ↑ ฟาน ไดจ์ค คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนนิวคาสเซิล พร้อมยึดจ่าฝูงก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลประเดิมเก็บ 3 แต้มแรกในเกมเปิดหัวพรีเมียร์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ หลังดวลจุดโทษชนะเชลซี
- ↑ Match Report: สองประตูของฟาน ไดจ์ค ช่วยให้ลิเวอร์พูลยังครองจ่าฝูง
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
- ↑ Match Report: ประตูจากฟาน ไดจ์ค และ ประตูท้ายเกมจากซาลาห์ ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลแชมป์พรีเมียร์ลีกปิดฤดูกาลอย่างสวยงาม
- ↑ อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
- ↑ 5 นักเตะหงส์แดงมีชื่อในทีมแห่งปีของพีเอฟเอประจำฤดูกาล 2019-20
- ↑ Match Report: แฮตทริกของซาลาห์ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้ม
- ↑ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เซ็นสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับทีมลิเวอร์พูล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ถล่มเซาท์แฮมป์ตัน 4-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะคริสตัล พาเลซ 3-1
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มลีดส์ขาดลอย 6-0 พร้อมจี้จ่าฝูง 3 แต้ม
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลพูลคว้าชัยเหนือวิลล่าในวันบ๊อกซิ่ง เดย์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือวูล์ฟส์ที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: นูนเยซ ซูเปอร์ซับ ทำสองประตูให้ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะนิวคาสเซิล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มนอริชผ่านเข้ารอบ 5 เอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลูตัน ทาวน์ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก
- ↑ 41.0 41.1 41.2 "V. Van Dijk". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 7 January 2018.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 September 2016.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 September 2016.
- ↑ 44.0 44.1 "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 January 2018.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 January 2018.
- ↑ 46.0 46.1 "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 2 April 2018.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 10 August 2019.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 26 June 2020.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 August 2020.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 14 August 2021.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2022/2023". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 30 July 2022.
- ↑ "Games played by เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 2 March 2024.
- ↑ 53.0 53.1 "Van Dijk, Virgil". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Portugal vs. Netherlands 0–3: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Netherlands vs. Germany 3–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Germany vs. Netherlands 2–2: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Netherlands vs. Belarus 4–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Netherlands vs. Gibraltar 6–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 27 November 2021.
- ↑ "Netherlands vs. Belgium 1–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 September 2022.
- ↑ "Greece vs. Netherlands 0–1: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 16 October 2023.
- ↑ McNulty, Phil (27 February 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
- ↑ ฟาน ไดจ์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนก.พ.ของพีเอฟเอ
- ↑ คล็อปป์ และฟาน ไดจ์ค คว้ารางวัลยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนธันวาคม
- ↑ ฟาน ไดจ์ค คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ประจำเดือนของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด
- ↑ ฟาน ไดจ์ค คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน ก.พ. ของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด
แหล่งข้อมูลอื่น
- Profile at the Liverpool F.C. website
- Profile at the Royal Dutch Football Association website (in Dutch)
- เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2534
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- ชาวดัตช์เชื้อสายซูรินาม
- นักฟุตบอลชาวดัตช์
- นักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2022
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024
- ผู้เล่นในเอเรอดีวีซี
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเซลติก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตัน
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
- กองหลังฟุตบอล
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- บุคคลจากเบรดา