สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1987–88
ฤดูกาล 1987–88 | ||||
---|---|---|---|---|
ประธานสโมสร | มาร์ติน เอ็ดเวิดส์ | |||
ผู้จัดการทีม | Alex Ferguson | |||
กัปตันทีม | ไบรอัน ร็อบสัน | |||
First Division | รองแชมป์ | |||
FA Cup | รอบ 5 | |||
League Cup | รอบ 5 | |||
ผู้ทำประตูสูงสุด | ลีก: ไบรอัน แมคแคลร์ (24) ทั้งหมด: ไบรอัน แมคแคลร์ (31) | |||
ผู้เข้าชมในบ้านสูงสุด | 50,716 vs เชลซี (30 มกราคม 1988) | |||
ผู้เข้าชมในบ้านต่ำสุด | 25,041 vs ฮัลล์ซิตี (23 กันยายน 1987) | |||
ผู้เข้าชมในบ้านเฉลี่ย | 39,244 | |||
| ||||
ฤดูกาล 1987–88 เป็นฤดูกาลที่ 86 ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ใน ฟุตบอลลีก และเป็นฤดูกาลที่ 13 ติดต่อกันในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1]
ฤดูกาลนี้ประสบความสำเร็จพอสมควร โดยยูไนเต็ดจบรองแชมป์ในลีก แต่พวกเขาไม่ได้เล่นในยูฟ่าคัพในฤดูกาลถัดมา เนื่องจากสโมสรจากอังกฤษถูกห้ามไม่ให้ลงเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปหลังจากภัยพิบัติเฮย์เซล พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการตามหลังลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ซึ่งแพ้เพียงสองนัดตลอดทั้งฤดูกาลถึง 9 แต้ม นัดที่น่าจดจำที่สุดของฤดูกาล เกิดขึ้นที่แอนฟีลด์ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีก เมื่อยูไนเต็ดตามหลัง 1–3 ในครึ่งแรกแต่พวกเขาก็สู้กลับจนเสมอกัน 3–3 ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าเพียงแต้มเดียว ส่งผลให้การคว้าแชมป์ลีกยังต้องลุ้นต่อในนัดถัดไป
ทีมปีศาจแดงแพ้เพียง 5 นัดจาก 40 นัดในลีก และแพ้เพียงนัดเดียวที่โอลด์แทรฟฟอร์ด อย่างไรก็ตาม ผลเสมอกับทีมเล็กอย่างชาร์ลตันแอทเลติกและลูตันทาวน์ทำให้พวกเขาเก็บแต้มได้ไม่เพียงพอ และไม่สามารถท้าทายลิเวอร์พูลในการลุ้นแชมป์ได้อย่างจริงจัง
ถือเป็นฤดูกาลแรกของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่คุมทีมยูไนเต็ดแบบเต็มฤดูกาล และเป็นฤดูกาลแรกที่สโมสรได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่อย่างไบรอัน แมคแคลร์ (ซึ่งจบฤดูกาลด้วยการเป็น 1 ในผู้ทำประตูสูงสุดของดิวิชัน 1 ด้วยจำนวน 24 ประตู) และวิฟ แอนเดอร์สัน ในเดือนธันวาคม ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จในการดึงตัวสตีฟ บรูซ เซ็นเตอร์แบ็กและกัปตันทีมนอริชซิตีมาสู่ทีมด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์ แทนที่เทอร์รี บุตเชอร์ เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษของเรนเจอส์ ที่ได้รับบาดเจ็บขาหัก
หลังจบฤดูกาล เฟอร์กูสันดึงตัวมาร์ก ฮิวส์กลับมาสู่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดจากบาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 1.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติค่าตัวนักเตะสูงสุดของสโมสรในขณะนั้น เขาเสริมทัพด้วยการคว้าตัวจิม เลห์ตัน ผู้รักษาประตูซึ่งเคยร่วมงานกับเฟอร์กูสันที่แอเบอร์ดีนเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งคนใหม่ของทีมแทนที่คริส เทิร์นเนอร์ ด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ เขาพยายามเซ็นสัญญากับพอล แกสคอยน์ กองกลางดาวรุ่งของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด และสัญญาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะที่เฟอร์กูสันอยู่ในช่วงพักร้อน แกสคอยน์กลับเซ็นสัญญากับทอตนัมฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติค่าตัวนักเตะที่สูงที่สุดของสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษในเวลานั้น[2]
ฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเควิน มอรัน กองหลังที่รับใช้สโมสรมายาวนาน ซึ่งถูกขายให้กับเอสปอร์ตินเดฆิฆอน หลังจากเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมให้กับสตีฟ บรูซ เรมี โมเสสลงเล่นนัดสุดท้ายให้กับสโมสรก่อนที่อาการบาดเจ็บอย่างเรื้อรังบีบให้เขาต้องแขวนสตั๊ดเมื่ออายุเพียง 28 ปี
เหตุการณ์ในฤดูกาล
[แก้]แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มฤดูกาล 1987–88 (เป็นการคุมทีมแบบเต็มฤดูกาลเป็นฤดูกาลแรกของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) ด้วยการคว้าตัววิฟ แอนเดอร์สัน ฟูลแบ็กประสบการณ์สูงจากอาร์เซนอล และไบรอัน แมคแคลร์ กองหน้าดาวซัลโวสูงสุดจากเซลติก ขณะที่แฟรงค์ สเตเปิลตันและเทอร์รี่ กิบสันต่างกำลังจะออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดออกสตาร์ทดิวิชัน 1 ด้วยการเสมอกับเซาแทมป์ตัน 2–2 โดยนอร์มัน ไวต์ไซด์ยิงประตูให้ยูไนเต็ดทั้งสองประตู ในขณะที่แดนนี วอลเลซของเซาแทมป์ตันยิงสองประตูให้ฝั่งเจ้าบ้าน[3][4]
ไบรอัน ร็อบสันโดนใบแดงเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมในนัดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดบุกไปชนะชาร์ลตันแอทเลติก 3–1 ที่เดอะแวลลีย์ ในเกมลีกนัดที่ 4 ของฤดูกาล ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง[4][5]
18 กันยายน 1987: แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังพยายามเซ็นสัญญากับแอนดี โจนส์กองหน้าชาวเวลส์ของพอร์ทเวล แต่โจนส์กลับเลือกที่จะเซ็นสัญญากับชาร์ลตันแอทเลติกด้วยค่าตัว 300,000 ปอนด์
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ต่อยอดความสำเร็จที่พวกเขาสามารถไต่ขึ้นมาอยู่กลางตารางจากท้ายตารางหลังจากการแต่งตั้งอเล็กซ์ เฟอร์กูสันเมื่อฤดูกาลก่อน กลายเป็นทีมท็อป 5 ท้าทายความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลทีมแชมป์เก่า
อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต้องการเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร์ก ฮิวส์ซึ่งล้มเหลวในการเล่นให้กับบาร์เซโลนา และกำลังจะเซ็นสัญญาถาวรกับไบเอิร์นมิวนิกหลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ถูกยืมตัวไปเล่นที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน[4]
เขาหวังที่จะเซ็นสัญญากับเทอร์รี บุตเชอร์ เซ็นเตอร์แบ็กของเรนเจอส์และทีมชาติอังกฤษ แต่ดีลนี้ล้มเหลวเมื่อเกรอัม ซูนิสส์ ผู้จัดการทีมเรนเจอส์ในขณะนั้นเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้เขาอยู่ที่ไอบร็อกซ์จนถึงปี 1993 อย่างน้อย[4]
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามทุ่มเงิน 750,000 ปอนด์เพื่อคว้าตัวสตีฟ บรูซ เซ็นเตอร์แบ็กและกัปตันทีมนอริชซิตี แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธ เฟอร์กูสันหันความสนใจกลับมาหาบรูซหลังจากล้มเหลวในการคว้าตัวเทอร์รี บุตเชอร์ โดยที่บรูซแต่เดิมมีค่าตัว 1 ล้านปอนด์ซึ่งนอริชตั้งราคาไว้[4] ข้อเสนอที่ 2 เพื่อคว้าตัวบรูซ – มีรายงานว่าอยู่ที่ประมาณ 850,000 ปอนด์ – แต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง[4] บรูซเซ็นสัญญากับทีมปีศาจแดงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์และยึดตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กตัวจริง[4]
เฟอร์กูสันพยายามเสริมทัพด้วยการทุ่มคว้าตัวมิก ฮาร์ฟอร์ดกองหน้าลูตันทาวน์ แต่ฮาร์ฟอร์ดตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวหลังจากเรย์ ฮาร์ฟอร์ด ผู้จัดการทีมลูตันทาวน์ในขณะนั้นเสนอสัญญาฉบับใหม่อีก 4 ปีให้เขา[4]
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 1988 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นเส้นทางในเอฟเอคัพด้วยการบุกชนะอิปสวิชทาวน์ 2–1 ในรอบที่ 3 ที่สนามพอร์ตแมนโรด[4] 10 วันต่อมา ความหวังในการคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพเป็นสมัยแรกของพวกเขาต้องจบลงเมื่อพ่ายออกซฟอร์ดยูไนเต็ด 0–2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ[3]
ปลายเดือนนั้น พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบห้าของเอฟเอคัพด้วยชัยชนะ 2–0 ในบ้านเหนือเชลซี[3]
อย่างไรก็ตามเส้นทางในถ้วยเอฟเอคัพของพวกเขาจบลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์เมื่อพวกเขาพ่ายต่ออาร์เซนอล 1–2 ที่อาร์เซนอลสเตเดียมหรือไฮบิวรีในรอบที่ 5 ไบรอัน แมคแคลร์ ผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรพลาดจุดโทษในช่วงท้ายเกมซึ่งทำให้พวกเขาพลาดการแข่งขันนัดรีเพลย์
นอร์มัน ไวต์ไซด์ ซึ่งค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมา 7 ปี ขออำลาสโมสรเมื่อใกล้สิ้นเดือนมีนาคม และพูดถึงความปรารถนาที่จะเล่นฟุตบอลในต่างประเทศ[4]
เมื่อวันที่ 4 เมษายน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เสมอกับลิเวอร์พูล 3–3 ที่แอนฟิลด์อย่างน่าทึ่งในศึกแดงเดือด ซึ่งลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3–1 ในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังลิเวอร์พูล 11 คะแนน โดยที่ลิเวอร์พูลยังมีโปรแกรมเหลืออีก 2 นัด ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 1987–88 ภายในเวลา 3 สัปดาห์หลังจากเกมนัดนี้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จึงคว้าตำแหน่งรองแชมป์
2 สัปดาห์ต่อมาคือวันที่ 18 เมษายน เฟอร์กูสันเซ็นสัญญาคว้าตัวลี ชาร์ป ปีกซ้ายดาวรุ่งของทอร์คีย์ยูไนเต็ด วัยเพียง 16 ปี มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 200,000 ปอนด์
หลังจากจบฤดูกาล เฟอร์กูสันซื้อมาร์ก ฮิวส์กลับมาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยราคา 1.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสรในขณะนั้น และยังเซ็นสัญญากับจิม เลห์ตัน ผู้รักษาประตูทีมชาติสกอตแลนด์ของแอเบอร์ดีนเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของสโมสรด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ พอล แกสคอยน์ กองกลางดาวรุ่งของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด หวังที่จะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่จากนั้นก็ปฏิเสธพวกเขาและย้ายไปร่วมทีมทอตนัมฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของอังกฤษในขณะนั้น
ทีม
[แก้]ผู้รักษาประตู
[แก้]กองหลัง
[แก้]กองกลาง
[แก้]กองหน้า
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- (c) = กัปตันทีม
- หมายเลขที่อยู่ในวงเล็บคือหมายเลขประจำตัวที่เป็นรู้จักของแฟนบอล
ซื้อขาย
[แก้]ย้ายเข้า
[แก้]วันที่ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น | จาก | ค่าตัว | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|
1987 | ฟุลแบ็ก | วิฟ แอนเดอร์สัน | อาร์เซนอล | 250,000 ปอนด์ | ||
1987 | กองหน้า | ไบรอัน แมคแคลร์ | เซลติก | 850,000 ปอนด์ | ||
18 ธันวาคม 1987 | เซ็นเตอร์แบ็ก | สตีฟ บรูซ | นอริชซิตี | 900,000 ปอนด์ | ||
18 เมษายน 1988 | ปีกซ้าย | ลี ชาร์ป | ทอร์คีย์ยูไนเต็ด | 200,000 ปอนด์ |
ย้ายออก
[แก้]วันที่ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น | ไป | ค่าตัว | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|
1987 | กองหน้า | แฟรงค์ สเตเปิลตัน | อายักซ์ | 100,000 ปอนด์ | ||
1988 | เซ็นเตอร์แบ็ก | เควิน มอรัน | เอสปอร์ตินเดฆิฆอน |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Manchester United Season 1987/88". StretfordEnd.co.uk. สืบค้นเมื่อ 21 December 2011.
- ↑ Mole, Giles (3 June 2008). "Sir Alex Ferguson: I regret not signing Paul Gascoigne for Manchester United". The Telegraph. Telegraph Media Group. สืบค้นเมื่อ 23 February 2015.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "Manchester United's results from season 1987/1988". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 23 November 2022.
- ↑ 4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 September 2009. สืบค้นเมื่อ 23 May 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "Manchester United's results from season 1987/1988". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 23 November 2022.