ข้ามไปเนื้อหา

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1986–87

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1986–87
ประธานสโมสรมาร์ติน เอ็ดเวิดส์
ผู้จัดการทีมรอน แอตกินสัน
(จนถึง 4 พฤศจิกายน)
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
(ตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน)
กัปตันทีมไบรอัน ร็อบสัน
ดิวิชัน 1อันดับที่ 11
FA Cupรอบ 4
League Cupรอบที่ 3
ผู้ทำประตูสูงสุดลีก:
ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต (14)
ทั้งหมด:
ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต (16)
ผู้เข้าชมในบ้านสูงสุด54,294 vs แมนเชสเตอร์ซิตี (10 มกราคม 1987)
ผู้เข้าชมในบ้านต่ำสุด18,906 vs พอร์ตเวล (24 กันยายน 1986)
ผู้เข้าชมในบ้านเฉลี่ย40,626
สีชุดเหย้า
สีชุดเยือน
สีชุดที่ 3

ฤดูกาล 1986–87 เป็นฤดูกาลที่ 85 ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีก และเป็นฤดูกาลที่ 12 ติดต่อกันบนลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1]

แรงกดดันที่มีต่อผู้จัดการทีม รอน แอตกินสัน ยังคงรุนแรงอยู่ หลังจากที่ล้มเหลวในการลุ้นแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้สามเกมแรกของฤดูกาล และแม้ว่าจะมีผลงานที่ดีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ถัดมา แต่แมนฯ ยูไนเต็ดก็ตกรอบลีกคัพด้วยการแพ้ให้กับเซาแทมป์ตันในเกมรอบที่สี่นัดรีเพลย์ ทำให้แอตกินสันต้องออกจากตำแหน่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 หลังจากเข้ามาคุมทีมมานานกว่าห้าปี

อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแอเบอร์ดีนในสกอตแลนด์ ได้รับการยืนยันให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของแอตกินสันภายในไม่กี่ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่เขารับหน้าที่คุมทีมแอเบอร์ดีน เขานำทีมประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา หลังจากแต่งตั้งเฟอร์กูสันเข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ดก็มีผลงานในลีกที่ดีขึ้นและจบในอันดับที่ 11 และทำผลงานที่น่าประทับใจหลายอย่าง เช่น ชนะลิเวอร์พูลทั้ง 2 นัดในลีก (ผลงานดังกล่าวทำให้ทีมของเคนนี แดลกลีชพลาดโอกาสคว้าแชมป์ลีก), ชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4–1 ที่บ้านในวันปีใหม่, ชนะอาร์เซนอล 2–0 ที่บ้าน และชนะแมนเชสเตอร์ซิตี 2–0 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ในศึกดาร์บีแมนเชสเตอร์ ซึ่งช่วยให้แมนฯ ซิตีตกชั้น ชัยชนะทั้งสองนัดเหนือลิเวอร์พูลทำให้พวกเขากลายเป็นทีมเดียวที่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในลีกตลอดทั้งฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ดไม่สามารถจบฤดูกาลในอันดับที่สูงขึ้นในลีกได้ด้วยผลงานที่น่าผิดหวังหลังจากการเข้ามาของเฟอร์กูสัน โดยเริ่มด้วยการพ่าย 2–0 ในเกมแรกภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กูสันที่พบกับออกซฟอร์ดยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน แพ้ทั้งสองเกมกับวิมเบิลดันที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แพ้ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดให้กับนอริชซิตีหลังคริสต์มาสไม่นาน และแพ้ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4–0 เมื่อใกล้จะจบฤดูกาล (พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ไปเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปเลยเนื่องจากสโมสรจากอังกฤษยังคงถูกแบนจากการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปหลังจากภัยพิบัติเฮย์เซลเมื่อสองปีก่อน) ยูไนเต็ดไม่สามารถคว้าชัยชนะในเกมเยือนในลีกได้เลย ยกเว้นนัดที่บุกไปเยือนลิเวอร์พูลในช่วงวันเปิดกล่องของขวัญ

แมนฯ ยูไนเต็ดมีฟอร์มที่ดีขึ้นภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กูสัน โดยที่ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่เข้ามา ใช้เพียงผู้เล่นที่มีอยู่แล้วในยุคของแอตกินสัน ผสมผสานกับการดึงนักเตะเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ ขายนักเตะอายุมากหรือนักเตะที่ไม่ได้ลงสนาม และปรับผู้เล่นให้เหมาะกับระบบการเล่นของเขา คาดว่าเขาจะทุ่มเงินอย่างหนักกับผู้เล่นใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมในช่วงปิดฤดูกาล เขาทุ่มเงิน 850,000 ปอนด์เพื่อคว้าตัวไบรอัน แมคแคลร์ กองหน้าตัวเก่งของเซลติกเข้ามาร่วมทีมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแนวรุก เขายังเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับด้วยการจ่ายเงิน 250,000 ปอนด์เพื่อคว้าตัววิฟ แอนเดอร์สัน ฟูลแบ็กมากประสบการณ์จากอาร์เซนอล นอกจากนี้ยังมีการยื่นข้อเสนอซื้อนักเตะอีกหลายคนแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ:เฟอร์กูสันแสดงความสนใจที่จะนำกองหน้าทีมชาติอังกฤษอย่างมาร์ค เฮตลีย์ของมิลาน กลับมายังอังกฤษ แต่นักเตะรายนี้เลือกที่จะเซ็นสัญญากับอาแอ็ส มอนาโกแทน เขายังพยายามยื่นข้อเสนอเพื่อนำปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์กองหน้าของนิวคาสเซิลยูไนเต็ดกลับมายังสโมสร (เบียร์ดสลีย์อยู่กับยูไนเต็ดเป็นเวลาสั้น ๆ ระหว่างปี 1982 ถึง 1983 หลังจากย้ายมาจากแวนคูเวอร์ไวต์แคปส์แต่ไม่ประสบความสำเร็จ) แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้กลับย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูลแทนด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของอังกฤษในขณะนั้น เฟอร์กูสันได้รับโอกาสในการเซ็นสัญญากับจอห์น บานส์ ปีกความเร็วสูงทีมชาติอังกฤษของวอตฟอร์ด แต่เขาปฏิเสธที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อคว้าตัวผู้เล่นรายนี้เนื่องจากเขาเชื่อมั่นในตัวเยสเปอร์ โอลเซินที่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน

พรีซีซันและกระชับมิตร

[แก้]
วันที่ คู่แข่ง H / A สรุป
F–A
สกอร์ ความจุ
6 สิงหาคม 1986 Fluminense H 0–0
(4–3p)
32,275
8 สิงหาคม 1986 Dynamo Kyiv N 1–1
(4–1p)
แบล็คมอร์ 27,500
10 August 1986 Ajax A 0–1 23,000
14 สิงหาคม 1986 Shamrock Rovers A 0–2 10,200
17 สิงหาคม 1986 Real Sociedad H 1–1 แบล็คมอร์ 12,826
2 กันยายน 1986 Hearts A 2–2 โอลเซน (pen.), T. Gibson 10,438
10 กันยายน 1986 Linfield A 3–0 ร็อบสัน (2), ดาเวนพอร์ต 10,919
15 ธันวาคม 1986 GCC All-Stars N 1–0 ไวต์ไซด์ 4,000
21 มกราคม 1987 Red Star Belgrade H 0–1 10,652
24 กุมภาพันธ์ 1987 Swansea City A 3–1 กิ๊บสัน, ไวต์ไซด์, ดาเวนพอร์ต 6,467
18 มีนาคม 1987 Shamrock Rovers A 1–2 ร็อบสัน 8,000
25 มีนาคม 1987 Celtic A 0–1 36,000
10 พฤษภาคม 1987 England XI H 7–2 ฮิวส์ (4; 1 pen.), มาร์ติน, กิ๊บสัน, บอนด์ (o.g.) 16,907
16 พฤษภาคม 1987 Naxxar Lions N 9–0 ไวต์ไซด์ (3), O'Brien (2), แบล็คมอร์, ดาเวนพอร์ต (pen.), Duxbury, สเตเปิลตัน 4,000

เหตุการณ์ในฤดูกาล

[แก้]

ระหว่างช่วงปิดฤดูกาล มีการคาดเดากันว่ารอน แอตกินสัน ผู้จัดการทีมที่คุมทีมมาเป็นเวลา 5 ปีจะถูกปลดออกจากตำแหน่งและอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแอเบอร์ดีนจะได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีมแทน แอตกินสันพยายามตอบโต้และพิสูจน์ให้เห็นว่านักวิจารณ์นั้นคิดผิด เขาพยายามจะเซ็นสัญญากับเทอร์รี่ บุตเชอร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษของอิปสวิชทาวน์ แต่เป็นเรนเจอส์ (ซึ่งมีเกรอัม ซูนิสส์ อดีตกองกลางและกัปตันทีมลิเวอร์พูล เป็นผู้จัดการทีม) ที่คว้าตัวไปร่วมทีม

การแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชัน 1 เริ่มต้นฤดูกาลเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปแพ้อาร์เซนอล 1–0 ที่สนามอาร์เซนอลสเตเดียม สามเกมแรกของยูไนเต็ดในลีกจบลงด้วยความพ่ายแพ้ ทำให้พวกเขารั้งอันดับรองบ๊วยของดิวิชันหนึ่ง โดยมีเพียงแอสตันวิลลาเท่านั้นที่อันดับต่ำกว่าพวกเขา[2]

ในที่สุด ชัยชนะในลีกครั้งแรกของฤดูกาลก็มาถึงในวันที่ 13 กันยายน เมื่อพวกเขาถล่มเซาแทมป์ตัน 5–1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด[3] ซึ่งทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 19 จากทั้งหมด 22 ทีม โดยที่พวกเขาไม่เคยจบต่ำกว่าอันดับ 4 มา 5 ฤดูกาล[4]

เกมลีกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันที่ 28 กันยายนทำให้ยูไนเต็ดพ่ายต่อเชลซี 0–1 และที่น่าผิดหวังกว่านั้นคือยูไนเต็ดพลาดจุดโทษถึงสองครั้งในเกมนี้ โดยครั้งแรกมาจากเยสเปอร์ โอลเซิน และครั้งที่สองมาจากกอร์ดอน สตรักคัน[5]

ในช่วงปลายเดือนตุลาคม จอห์น กิดแมน กองหลังมากประสบการณ์ ได้ย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตีแบบไร้ค่าตัว แต่ไม่มีการพูดคุยถึงการเสริมผู้เล่นใหม่เข้ามาในทีมที่กำลังเผชิญสถานการณ์กดดันอย่างหนัก นอกจากนี้ยังมีความกลัวว่าแกรี เบลีย์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งซึ่งอายุเพียง 28 ปีแต่ไม่ได้ลงสนามนานเกือบปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า อาจจะเลิกเล่นฟุตบอลในอนาคตอันใกล้นี้หากเขาไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้

ในวันที่ 1 พฤศจิกายน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำสถิติไม่แพ้ใครในลีกมา 6 นัดติดต่อกัน (แพ้ครั้งสุดท้ายคือกับเชลซีเมื่อวันที่ 28 กันยายน) โดยเสมอกับคอเวนทรีซิตี้ 1–1 แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ในอันดับสี่จากท้ายตาราง และยังมีข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของแอตกินสันในฐานะผู้จัดการทีมอย่างต่อเนื่อง[6]

ในที่สุด แอตกินสันก็ถูกปลดออกในวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นหนึ่งวันหลังจากที่ทีมของเขาพ่ายต่อเซาแทมป์ตัน 4–1 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกคัพรอบ 3 นัดรีเพลย์ ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของพวกเขาในการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน และถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในรอบ 18 เดือน ภายใน 24 ชั่วโมง อเล็กซ์ เฟอร์กูสันตกลงที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยสัญญา 4 ปี เกมแรกที่เขาคุมทีมเกิดขึ้นสามวันต่อมา เมื่อสถิติไร้พ่าย 6 นัดในลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ 2–0 ให้กับออกซฟอร์ดยูไนเต็ด ชัยชนะนัดแรกในการคุมทีมมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เมื่อพวกเขาเอาชนะควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1–0 ในลีกที่โอลด์แทรฟฟอร์ด โดยได้ประตูชัยจากลูกฟรีคิกของจอห์น ซิเวแบค

ผลงานที่ดีของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปในเดือนธันวาคม โดยพวกเขาชนะในเกมเยือนนัดแรกของฤดูกาลด้วยชัยชนะ 1–0 เหนือลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟีลด์ เป็นครั้งแรกที่ลิเวอร์พูลแพ้เกมเหย้าในลีกฤดูกาล 1986–87 นอร์มัน ไวต์ไซด์เป็นผู้ทำประตูเดียวในเกมนี้ให้กับทีมไต่อันดับจากที่ 21 ขึ้นมาอยู่ที่ 14 ในลีกนับตั้งแต่ที่เฟอร์กูสันเข้ามารับตำแหน่ง[7][8]

อย่างไรก็ตาม สองวันต่อมาไบรอัน ร็อบสันกัปตันทีมได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังในเกมที่ยูไนเต็ดพ่ายต่อนอริชซิตีคาบ้าน 0–1 ในลีก

ภารกิจการไล่ล่าแชมป์เอฟเอคัพเริ่มต้นในวันที่ 10 มกราคมที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในเกมดาร์บีแมนเชสเตอร์ ซึ่งยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 1–0 จากประตูที่ทำได้โดยนอร์มัน ไวต์ไซด์

สี่วันหลังจากชัยชนะในเอฟเอคัพ ปีเตอร์ บานส์ ผู้เล่นในตำแหน่งปีกก็กลายเป็นผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนที่สองที่ย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตีในฤดูกาลนั้น โดยย้ายไปยังเมนโรดด้วยค่าตัว 20,000 ปอนด์

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสียโอกาสสุดท้ายในการคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วยการแพ้คอเวนทรีซิตี 0–1 ในบ้านในเอฟเอคัพ รอบที่ 4 เมื่อปลายเดือนมกราคม

ดาร์บีแมนเชสเตอร์ครั้งที่ 110 (เกมลีกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม) แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 2–0 ทำให้พวกเขาอยู่อันดับที่ 10 ขณะที่แมนเชสเตอร์ซิตีตกไปอยู่อันดับที่ 19 (พื้นที่เพลย์ออฟตกชั้น)[9][10]

ต่อมาในเดือนนั้น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แสดงความสนใจที่จะพามาร์ก ฮิวส์กลับมายังโอลด์แทรฟฟอร์ด หลังจากช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสเปนถือว่าน่าผิดหวัง

ในช่วงเวลานี้ มีการเปิดเผยแผนการขยายสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดให้กลายเป็นสนามกีฬาทันสมัยระดับโลกที่มีลักษณะคล้ายกับกัมนอว์ของบาร์เซโลนา

ในเดือนเมษายน มาร์ติน เอ็ดเวิดส์ ประธานสโมสรได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัวโครงการสมาชิกรูปแบบใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อต่อสู้กับกลุ่มอันธพาลในวงการฟุตบอล

นอกจากนี้ในเดือนเมษายน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 1–0 ในศึกแดงเดือดที่โอลด์แทรฟฟอร์ดทำให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ที่หวังคว้าแชมป์ต้องเสียแชมป์ ขณะที่เอฟเวอร์ตันกำลังจะได้แชมป์ไปครอง

ในที่สุดแกรี เบลีย์ ก็ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในวันที่ 23 เมษายน 1987 หลังจากที่ไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเขาเผชิญมาเมื่อ 17 เดือนก่อน

ฤดูกาลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจบลงด้วยชัยชนะ 3–1 ในบ้านเหนือแอสตันวิลลาที่ตกชั้น[11] ซึ่งทำให้พวกเขาจบอันดับที่ 11 ในดิวิชัน 1 ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ตกชั้นจากลีกสูงสุดเมื่อ 13 ปีก่อน[12]

คริส เทิร์นเนอร์ ผู้รักษาประตู และเกรอัม ฮ็อกก์ กองหลัง ถูกขึ้นบัญชีขายเมื่อจบฤดูกาล มีการเสนอราคาสำหรับไบรอัน แมคแคลร์กองหน้าของเซลติกและสกอตแลนด์เช่นเดียวกับมาร์ก เฮตลีย์กองหน้าของเอซีมิลานและอังกฤษ มีการยื่นข้อเสนอเพื่อทำลายสถิติสำหรับปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์กองหน้าของนิวคาสเซิลยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยอยู่กับโอลด์แทรฟฟอร์ดเพียงช่วงสั้น ๆ และไม่ประสบความสำเร็จเมื่อห้าปีก่อน

เฟอร์กูสันได้ทำการเซ็นสัญญาคว้าตัววิฟ แอนเดอร์สันกองหลังของอาร์เซนอลด้วยค่าตัว 250,000 ปอนด์ แฟรงค์ สเตเปิลตัน กองหน้าตัวเก่งของทีมกำลังจะออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ดในช่วงซัมเมอร์นั้น โดยย้ายไปอายักซ์ของเนเธอร์แลนด์ด้วยค่าตัว 100,000 ปอนด์

ในที่สุด ไบรอัน แมคแคลร์ก็ตกลงเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยข้อตกลงที่ศาลกำหนดไว้ที่ 850,000 ปอนด์ ขณะที่เบียร์ดสลีย์ย้ายไปลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวเป็นสถิติของประเทศที่ 1.9 ปอนด์และเฮตลีย์ยังคงอยู่ในภาคพื้นทวีปยุโรปโดยย้ายไปอยู่กับอาแอ็ส มอนาโก

ยูไนเต็ดยังได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อตัวเควิน ดริงเคลล์ กองหน้าของนอริชซิตีแต่นักเตะรายนี้ปฏิเสธเงื่อนไขของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันและตัดสินใจที่จะอยู่ค้าแข้งที่แคร์โรว์โรดต่อ

ทีม

[แก้]
สถิติเฉพาะในลีก
หมายเลขในวงเล็บคือในฐานะตัวสำรอง
ตำแหน่ง ชื่อ ลีก
นัด ประตู
ผู้รักษาประตู ประเทศอังกฤษ แกรี เบลีย์ 5 0
ประเทศอังกฤษ คริส เทิร์นเนอร์ 23 0
ประเทศอังกฤษ แกรี วอลช์ 14 0
กองหลัง สกอตแลนด์ อาร์เธอร์ อัลบิสตัน 19 (3) 0
สกอตแลนด์ เคลย์ตัน แบล็กมอร์ 10 (2) 1
เดนมาร์ก จอห์น ซิเวเบ็ค 27 (1) 1
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ พอล แมคกราธ 34 (1) 2
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เควิน มอรัน 32 (1) 0
ประเทศอังกฤษ โคลิน กิ๊บสัน 24 1
ประเทศอังกฤษ บิลลี การ์ตัน 9 0
สกอตแลนด์ เกรอัม ฮอกก์ 11 0
ประเทศอังกฤษ ไมค์ ดักซ์บิวรี 32 1
กองกลาง ประเทศอังกฤษ ไบรอัน ร็อบสัน (กัปตันทีม) 29 (1) 7
สกอตแลนด์ กอร์ดอน สตรักคัน 33 (1) 4
เดนมาร์ก เยสเปอร์ โอลเซิน 22 (6) 3
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เลียม โอ ไบรอัน 9 (2) 0
ประเทศอังกฤษ โทนี กิลล์ 1 0
ประเทศอังกฤษ ปีเตอร์ บานส์ 7 0
ประเทศอังกฤษ เรมี โมเสส 17 (1) 0
กองหน้า ไอร์แลนด์เหนือ นอร์มัน ไวต์ไซด์ 31 8
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ แฟรงค์ สเตเปิลตัน 25 (9) 7
ประเทศอังกฤษ นิคกี วูด 2 0
ประเทศอังกฤษ เทอรี กิ๊บสัน 12 (4) 1
ประเทศอังกฤษ ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต 34 (5) 14

ซื้อขายนักเตะ

[แก้]

ย้ายออก

[แก้]
วันที่ ตำแหน่ง ผู้เล่น ไป ค่าตัว หมายเหตุ
ตุลาคม 1986 เซ็นเตอร์แบ็ก จอห์น กิดแมน ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่มีค่าตัว
14 มกราคม 1987 ปีก ปีเตอร์ บานส์ ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี 20,000 ปอนด์
23 เมษายน 1987 ผู้รักษาประตู แกรี เบลีย์ แขวนถุงมือเลิกเล่น เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่เข่า

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Manchester United Season 1986/87". StretfordEnd.co.uk. สืบค้นเมื่อ 21 December 2011.
  2. "Snapshot Tables 1986-1987 18 Apr Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. 18 April 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 April 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  3. "Results Fixtures 1986-1987 Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  4. "Snapshot Tables 1986-1987 13 Sep Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. 23 May 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  5. "The Sydney Morning Herald - Google News Archive Search". news.google.com. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  6. "Snapshot Tables 1986-1987 1 Nov Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  7. "Results Fixtures 1986-1987 Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  8. "Snapshot Tables 1986-1987 26 Dec Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  9. "Results Fixtures 1986-1987 Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. 23 May 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 November 2022. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  10. "Snapshot Tables 1986-1987 7 Mar Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  11. "Results Fixtures 1986-1987 Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.
  12. "Snapshot Tables 1986-1987 9 May Manchester United - Manchester United FC - United Mad". Manchester United Mad. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2012. สืบค้นเมื่อ 22 November 2022.