ข้ามไปเนื้อหา

ฟุตบอลทีมชาติตุรกี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Turkey national football team)
ตุรกี
Shirt badge/Association crest
ฉายาAy Yıldızlar (พระจันทร์เสี้ยวดาว)
ไก่งวง (ฉายาในประเทศไทย[1])
สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลตุรกี
สมาพันธ์ยูฟ่า (ยุโรป)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนวินเชนโซ มอนเตลลา
กัปตันฮาคัน ชัลฮาโนลู
ติดทีมชาติสูงสุดรึชทือ เรชแบร์ (120)
ทำประตูสูงสุดฮาคัน ชือคืร์ (51)
รหัสฟีฟ่าTUR
อันดับฟีฟ่า
อันดับปัจจุบัน 28 Steady (19 ธันวาคม 2024)[2]
อันดับสูงสุด5 (มิถุนายน 2004)
อันดับต่ำสุด67 (ตุลาคม 1993)
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
ประเทศตุรกี ตุรกี 2–2 โรมาเนีย 
(อิสตันบูล ตุรกี; 26 ตุลาคม 1923)
ชนะสูงสุด
ประเทศตุรกี ตุรกี 7–0 ซีเรีย 
(อังการา ตุรกี; 20 พฤศจิกายน 1949)
ประเทศตุรกี ตุรกี 7–0 เกาหลีใต้ 
(เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์; 20 มิถุนายน 1954)
ประเทศตุรกี ตุรกี 7–0 ซานมารีโน 
(อิสตันบูล ตุรกี; 10 พฤศจิกายน 1996)
แพ้สูงสุด
 โปแลนด์ 8–0 ตุรกี ประเทศตุรกี
(คอร์ซอว์ โปแลนด์; 24 เมษายน 1968)
ประเทศตุรกี Turkey 0–8 อังกฤษ 
(อิสตันบูล ตุรกี; 14 พฤศจิกายน 1984)
 อังกฤษ 8–0 ตุรกี ประเทศตุรกี
(ลอนดอน แคว้นอังกฤษ; 14 ตุลาคม 1987)
ฟุตบอลโลก
เข้าร่วม2 (ครั้งแรกใน 1954)
ผลงานดีที่สุดอันดับที่ 3 (2002)
ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เข้าร่วม5 (ครั้งแรกใน 1996)
ผลงานดีที่สุดอันดับที่ 3 (2008)
โอลิมปิกฤดูร้อน
เข้าร่วม6 (ครั้งแรกใน 1924)
ผลงานดีที่สุดรอบก่อนรองชนะเลิศ (1948, 1952)
คอนเฟเดอเรชันส์คัพ
เข้าร่วม1 (ครั้งแรกใน 2003)
ผลงานดีที่สุดอันดับที่ 3 (2003)

ฟุตบอลทีมชาติตุรกี (ตุรกี: Türkiye Millî Futbol Takımı) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของประเทศตุรกี อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลตุรกี โดยเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติตั้งแต่ ค.ศ. 1923 และสมาชิกสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปตั้งแต่ ค.ศ. 1962[3] หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนปัจจุบันคือ วินเชนโซ มอนเตลลา มีสนามเหย้าอยู่ที่สนามกีฬาโอลิมปิกอาทาทืร์ค ตุรกีเคยมีอันดับโลกฟีฟ่าสูงที่สุดที่อันดับ 5 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004

ตุรกีลงแข่งขันในเกมนานาชาติครั้งแรกใน ค.ศ. 1923 และลงแข่งขันทางการครั้งแรกในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 โดยรวมแล้วพวกเขาเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 6 ครั้ง (ค.ศ. 1924, 1928, 1936, 1948, 1952 และ 1960) ผลงานที่ดีที่สุดคือการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศสองครั้งในปี 1948 และ 1952 ตุรกีประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงทศวรรษ 2000 มีผลงานคืออันดับสามในฟุตบอลโลก 2002 และ ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2003 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008[4]

ตุรกีเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสองครั้งในฟุตบอลโลก 1954 และ 2002 ทั้งนี้ ไม่นับรวมฟุตบอลโลก 1950 ซึ่งทีมได้ถอนตัวออกจากการแข่งขัน ตุรกีเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 6 ครั้ง โดยครั้งแรกคือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 ตามด้วยการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตุรกียังมีส่วนร่วมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016, 2020 และ 2024 โดยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในครั้งหลังสุด ตุรกีมีกำหนดเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2032 ร่วมกับอิตาลี ส่งผลให้พวกเขาจะได้สิทธิ์ลงแข่งขันโดยอัตโนมัติ

ประวัติ

[แก้]

ยุคแรก

[แก้]
ผู้เล่นทีมชาติตุรกี ค.ศ. 1922
การแข่งขันระหว่างตุรกีและโรมาเนีย ค.ศ. 1923

การแข่งขันนัดแรกของตุรกีได้รับการบันทึกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1923 ณ สนามกีฬาทักซิมในอิสตันบูลซึ่งพวกเขาเสมอทีมชาติโรมาเนียด้วยผลประตู 2–2[5] เซกี ริซา สโปเรล ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นชื่อดังคนแรก ๆ ของทีมชาติในฐานะเป็นผู้ทำสองประตูในการแข่งขันนัดนี้ ตุรกีลงแข่งขันทางการครั้งแรกในโอลิมปิกฤดูร้อน 1924 และจบลงด้วยความปราชัยต่อเชโกสโลวาเกีย 5–2 สองประตูที่เกิดขึ้นในการแข่งขันนี้เป็นผลงานของเบกีร์ รีเฟต เตเกร์ และแม้ว่าพวกเขาจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1950 เป็นครั้งแรกจากผลงานเอาชนะซีเรีย 7–0 แต่ทีมต้องถอนตัวสืบเนื่องจากปัญหาทางการเงิน ตุรกีกลับมาลงแข่งขันฟุตบอลโลก 1954 จากการชนะสเปนในรอบเพลย์ออฟ แม้จะแพ้ในนัดแรก 4–1 แต่ในนัดต่อมาพวกเขาเอาชนะคืนได้ 1–0 ทำให้ต้องแข่งขันอีกครั้งในนัดรีเพลย์ (ในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีการตัดสินด้วยผลประตูรวมสองนัด ซึ่งจะทำให้สเปนผ่านเข้ารอบ) การแข่งขันนัดรีเพลย์จบลงด้วยการเสมอกัน 2–2 และตุรกีได้สิทธิ์แข่งขันรอบสุดท้ายจากการชนะการโยนเหรียญเสี่ยงทาย อย่างไรก็ตาม ตุรกีตกรอบแบ่งกลุ่มแม้จะมีคะแนนเท่ากับเยอรมนีตะวันตก แต่พวกเขาแพ้ต่อเยอรมนีในนัดเพลย์ออฟตัดสินหาผู้เข้ารอบด้วยผลประตู 7–2

ตุรกีทำผลงานได้ดีที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยการเอาชนะทีมดังอย่างฮังการีซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นทีมที่แกร่งที่สุดทีมหนึ่งของยุโรปในเกมกระชับมิตร ค.ศ. 1956 เอาชนะไปด้วยผลประตู 3–1[6] เลฟเทอร์ คูชูคันดอนยาดิส ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมทำสองประตูในนัดนี้

ยุคตกต่ำ

[แก้]

แม้จะมีการเปิดตัวฟุตบอลลีกในประเทศ และมีหลายสโมสรในประเทศเป็นตัวแทนลงแข่งขันในฟุตบอลยุโรป แต่ทศวรรษ 1960 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนักของทีมชาติตุรกี ผู้เล่นตัวหลักหลายรายจากฟุตบอลโลก 1954 ได้เกษียณตนเองจากการเล่นฟุตบอล และผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาแทนยังไม่สามารถยกระดับทีมได้ ด้วยเหตุนี้ ตุรกีจึงไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรายการสำคัญได้ แม้จะมีผลงานดีขึ้นในทศวรรษ 1970 ด้วยการมีส่วนร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือก ทว่าก็ไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1972 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1976

การแข่งขันระหว่างตุรกีและเนเธอร์แลนด์ ค.ศ. 1958

ในช่วงเวลานี้ ทีมต้องพบความพ่ายแพ้ที่ขาดลอยที่สุดโดยแพ้โปแลนด์ 8–0 และแพ้ต่ออังกฤษด้วยผลการแข่งขันเดียวกันนี้อีกสองครั้งในช่วงทศวรรษ 1980 พวกเขายกระดับผลงานได้อีกครั้งจนเกือบจะผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 1990 โดยพลาดไปในนัดสุดท้าย ตุรกีมีผู้เล่นคนสำคัญเป็นแกนหลักหลายรายในยุคนี้ อาทิ ริดวาน ดิลเมน, โอกุซ เจติน, ริซา คาลิมไบ, เฟย์ยาซ อูซาร์ รวมทั้งเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำยุโรปอย่างตันจู โชลัค ผู้โด่งดังจากหลายสโมสรในประเทศรวมถึงสโมสรฟุตบอลซัมซุนสปอร์, กาลาทาซาไรสปอร์คูลือบือ, เฟแนร์บาห์แชสปอร์คูลือบือ และ สโมสรฟุตบอลอิสตันบูลสปอร์

ทศวรรษ 1990

[แก้]
แสตมป์ที่ระลึกของทีมชาติตุรกีในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996

ใน ค.ศ. 1990 ตุรกีแต่งตั้งเซปป์ พิออนเทค เป็นผู้ฝึกสอน และเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เล่นหน้าใหม่หลายรายได้รับโอกาสขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบิวเลนต์ คอร์คมาซ, อัลปาย โอซาลัน, เซร์เกน ยาลชิน, รึชทือ เรชแบร์ และ ฮาคัน ชือคืร์ ทั้งหมดล้วนกลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมต่อเนื่องอีกหลายปี ฟาทีห์ เทริม ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาคุมทีมในปี 1993 และพาทีมเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 ก่อนจะตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการแพ้สามนัดรวดต่อโครเอเชีย (1–0), โปรตุเกส (1–0) และ เดนมาร์ก (3–0) แต่ยังถือเป็นการผ่านเข้ารอบสุดท้ายในรายการระดับเมเจอร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1954 และแม่จะตกรอบแต่ตุรกียังได้รับรางวัลแฟร์เพลย์ประจำการแข่งขัน

ทศวรรษ 2000 (ประสบความสำเร็จสูงสุด)

[แก้]
แสตมป์ที่ระลึกในประเทศอาเซอร์ไบจาน ในโอกาสที่ตุรกีลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2002

แม้ตุรกีจะไม่ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 1998 แต่พวกเขาผ่านเข้าสู่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 จากการชนะนัดเพลย์ออฟต่อสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ในรอบสุดท้าย ตุรกีเริ่มต้นด้วยการแพ้อิตาลี 2–1 ตามด้วยการเสมอสวีเดน 0–0 และเอาชนะเจ้าภาพอย่างเบลเยียมในนัดสุดท้าย 2–0 จากสองประตูของกองหน้าตัวหลักอย่างฮาคัน ชือคืร์ และจากการตกรอบของเบลเยีม ทำให้เป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปตกรอบแรกในการแข่งขัน ตุรกีผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีม และยุติเส้นทางโดยแพ้โปรตุเกส 2–0 โดยกองหน้าอย่างอารีฟ เออร์เดม ยิงจุดโทษพลาดในนัดนี้

ในฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก ตุรกีจบอันดับ 2 ในกลุ่ม โดยแพ้สวีเดนในนัดสุดท้ายเพื่อตัดสินหาทีมแชมป์กลุ่ม ส่งผลให้ตุรกีต้องแข่งเพลย์ออฟกับออสเตรีย ตุรกีเอาชนะไปขาดลอยด้วยผลประตูรวมสองนัด 6–0 ในรอบสุดท้าย ตุรกีแพ้แชมป์โลกในครั้งนี้อย่างบราซิลในนัดแรก 2–1 แม้จะได้ประตูนำไปก่อนจากฮาซาน ชาช[7] ในนัดต่อมาพวกเขาเสมอคอสตาริกา 1–1[8] และเกือบจะไม่ผ่านเข้ารอบต่อไป แต่ชัยชนะต่อจีน 3–0 กอปรกับความพ่ายแพ้ของคอสตาริกาต่อบราซิล ทำให้ตุรกีเข้ารอบในฐานะอันดับสอง[9]

ในรอบต่อมา พวกเขาเอาชนะเจ้าภาพร่วมอย่างญี่ปุ่น 1–0 จากประตูของอูมิต ดาวาลา และชนะเซเนกัลในช่วงต่อเวลาพิเศษ (กฏประตูทอง) 1–0 จากอิลฮาน มานซิซ แต่พวกเขาแพ้บราซิลในรอบรองชนะเลิศ 1–0[10] อย่างไรก็ตาม ตุรกีสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าอันดับสามได้เป็นครั้งแรก[11] จากการชนะเจ้าภาพร่วมอย่างเกาหลีใต้ในนัดชิงอันดับสาม 3–2[12] จากประตูของชือคืร์ และ มานซิซ นอกจากนี้ประตูแรกของเกมโดยซือคืร์ซึ่งใช้เวลาเพียง 10.8 วินาที กลายเป็นสถิติประตูที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศ แฟนบอลหลายพันคนออกมาเฉลิมฉลองด้วยการโบกธงชาติตุรกีในเมืองอิสตันบูล[13] ผู้เล่นตัวหลักอย่างรึชทือ เรชแบร์, ฮาซาน ซาช และอัลปาย โอซาลัน ยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน และเรชแบร์ได้รับการโหวตให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำทีมแห่งปีของยูฟ่า 2002 และเซนอล กูเนส ได้รับเลือกเป็นผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม

ในการแข่งขันฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2003 ตุรกีผ่านรอบแบ่งกลุ่มจากการมี 4 คะแนน แม้จะแพ้แชมป์ในครั้งนั้นอย่างฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ 3–2 แต่ยังคว้าอันดับสามจากการชนะโคลอมเบีย 2–1 ทุนคาย ชานลี ทำผลงานโดดเด่นในรายการนี้ โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสองของการแข่งขัน พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการผ่านเข้าสู่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 โดยแพ้ลัตเวียในรอบเพลย์ออฟ แต่ในปี 2004 นี้ ตุรกีมีอันดับโลกสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่อันดับ 5 จากการจัดอันดับในเดือนมิถุนายนปี 2004 ต่อมา ตุรกีไม่ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2006 จากการแพ้สวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก ตุรกีผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะทีมอันดับสองตามหลังกรีซ พวกเขาอยู่ในกลุ่ม A มีผลงานคือแพ้โปรตุเกสในนัดแรก 2–0 ตามด้วยชนะสวิตเซอร์แลนด์ 2–1 และชนะเช็กเกีย 3–2 ผู้เล่นอย่างอาร์ดา ทูรัน ทำสองประตูในรอบแบ่งกลุ่ม[14][15][16]

การแข่งขันในรอบต่อมากับโครเอเชียเต็มไปด้วยความเข้มข้น โครเอเชียได้ประตูออกนำจนถึงช่วงท้ายของการแข่งขันต่อเวลา แต่ประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายจากเซมิห์ เซนเติร์ก ทำให้ต้องตัดสินกันที่การยิงจุดโทษ ประตูตีเสมอดังกล่าวนำไปสู่การโต้แย้งโดยแฟนบอลโครเอเชียรวมทั้งผู้ฝึกสอนอย่างสลาเว็น บีลิช ที่มองว่าประตูนี้เกิดขึ้นหลังจากผ่านพ้นช่วงต่อเวลาไปแล้ว ท้ายที่สุดตุรกีชนะการดวลจุดโทษ 3–1[17] ตุรกีผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบเยอรมนี โดยที่พวกเขามีผู้เล่นพร้อมลงสนามเพียง 14 คนเนื่องจากการบาดเจ็บและติดโทษห้ามแข่ง แม้พวกเขาจะสู้อย่างสมศักดิ์ศรีและยันผลเสมอ 2–2 จนถึงช่วงท้าย แต่ประตูของฟิลลิพ ลาห์ม ในนาทีสุดท้ายทำให้ตุรกีต้องยุติเส้นทางเพียงเท่านี้[18]

ทศวรรษ 2010

[แก้]

ตุรกีตกรอบฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก พวกเขาทำผลงานชนะ 4, เสมอ และแพ้อย่างละ 3 นัดแม้จะไม่แพ้ทีมใดเลยใน 4 นัดแรก[19] และผู้ฝึกสอนอย่างฟาทีห์ เทริม ประกาศลาออก และตกรอบฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือกจากการแพ้โครเอเชีย 3–0 ต่อมาในวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ตุรกีฉลองการลงแข่งขันครบ 500 นัดในเกมกระชับมิตรกับเดนมาร์ก ณ สนามกีฬาทืร์คเทเลคอม จบลงด้วยผลเสมอ 1–1 โดยก่อนเริ่มการแข่งขัน อดีตผู้เล่นและผู้ฝึกสอนคนสำคัญได้รับเกียรติให้ปรากฏตัวในสนาม[20][21] ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ตุรกีตกรอบจากการจบอันดับ 4 แม้จะมีการปลดผู้ฝึกสอนอย่างอับดุลลาห์ อัฟเจอ และตั้งเทริมเข้ามารับตำแหน่งเป็นครั้งที่สาม แต่การปราชัยต่อเนเธอร์แลนด์ 2–0 ทำให้ต้องยุติเส้นทางเท่านี้ ตุรกีจบอันดับสามในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก จากผลงานชนะ 5 นัด, เสมอ 3 และ แพ้ 2 นัด มี 18 คะแนน นับเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันรายการะดับเมเจอร์ในรอบ 8 ปี[22][23][24] ตุรกีหยุดสถิติไม่แพ้ทีมใดเป็นเวลากว่าหนึ่งปีเศษ ภายหลังจากแพ้อังกฤษในเกมกระชับมิตร

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016

[แก้]
ผู้เล่นทีมชาติตุรกีใน ค.ศ. 2016

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส ตุรกีได้ผ่านเข้าไปแข่งขันด้วยโดยผ่านเข้ามาในรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย เพราะในการแข่งขันครั้งนี้สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป เพิ่มทีมเข้ารอบสุดท้ายจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีมโดยในรอบสุดท้ายตุรกีอยู่ในกลุ่มดี ร่วมกับ โครเอเชีย, สเปน และสาธารณรัฐเช็ก[4]

โดยผลการแข่งขัน ปรากฏว่าตุรกีได้อันดับ 3 จากการแพ้ 2 และชนะ 1 ซึ่งตามกติกาใหม่ที่ใช้ในคราวนี้ ให้กำหนดให้ทีมที่ได้อันดับ 3 ทั้งหมดจาก 6 กลุ่มทั้งหมด ที่มีผลต่างของประตูได้เสียดีที่สุด 4 ทีมผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบของการแพ้คัดออกได้ ปรากฏว่าผลต่างของตุรกีสู้ทีมอื่นไม่ได้จึงต้องตกรอบ[25]

อันดับ ทีม เล่น ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ต่าง คะแนน การผ่านเข้ารอบ
1  โครเอเชีย 3 2 1 0 5 3 +2 7 เข้าสู่รอบแพ้คัดออก
2  สเปน 3 2 0 1 5 2 +3 6
3  ตุรกี 3 1 0 2 2 4 −2 3
4  เช็กเกีย 3 0 1 2 2 5 −3 1
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กฏการจัดอันดับ: กฎการจัดอันดับรอบแบ่งกลุ่ม

ต่อมาใน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ตุรกีตกรอบจากการมี 15 คะแนน มีร์เชีย ลูเชสคู เข้ามาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนต่อ ทีมต้องยุติเส้นทางจากการแพ้ไอซ์แลนด์ และเสมอฟินแลนด์ ต่อมาในการแข่งขันยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกบี ตุรกีมีผลงานย่ำแย่โดยชนะ 1 นัด และแพ้ 3 นัด เริ่มต้นด้วยการแพ้รัสเซีย ตามด้วยการชนะสวีเดน 3–2 และแพ้ในสองนัดสุดท้ายต่อรัสเซียและสวีเดน อย่างไรก็ตาม ตุรกียังไม่ต้องตกชั้นสู่ลีกซีในครั้งต่อไปเนื่องการการเปลี่ยนแปลงกติกาโดยยูฟ่า

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก กลุ่มเอช ตุรกีผ่านเข้ารอบสุดท้ายตามหลังแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 อย่างฝรั่งเศส พวกเขาทำผลงานยอดเยี่ยมโดยเอาชนะไปถึง 7 นักจากการลงแข่งขัน 10 นัด รวมทั้งเอาชนะได้สามนัดแรก และยังบุกไปเสมอฝรั่งเศสได้ถึงสตาดเดอฟร็องส์ 1–1 ตุรกีเปิดโอกาสให้ผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนเข้าผนึกกำลังกับผู้เล่นมากประสบการณ์อย่างบูรัค ยิลมาซ และ เอ็มเร เบโลโซกลู พวกเขาแพ้นัดเดียวต่อไอซ์แลนด์ 2–1 ในการบุกไปเยือนที่เรคยาวิกท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น ความพ่ายแพ้ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากผู้เล่นตุรกีได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเมื่อเดินทางถึงสนามบินซึ่งพวกเขาถูกกักตัวเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนทีมชาติไอซแลนด์ยังแสดงกิริยาไม่เหมาะสมด้วยการยืนถือแปรงขัดห้องน้ำแทนไมโครโฟนยื่นให้กัปตันทีมชาติตุรกีอย่างเอ็มเรในระหว่างการให้สัมภาษณ์ การกระทำดังกล่าวนำไปสู่เสียงวิจารณ์ในวงกว้างจากสื่อในตุรกีและทวีปยุโรป พวกเขาไม่สามารถเอาคืนทีมชาติไอซ์แลนด์ได้ โดยเสมอกัน 0–0 ณ สนามกีฬาทืร์คเทเลคอม[26]

ทศวรรษ 2020

[แก้]

ต่อมาใน ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 ลีกบี ตุรกีเอาชนะได้เพียง 1 จาก 6 นัด จบอันดับสุดท้าย พวกเขาเปิดบ้านแพ้ต่อฮังการี 1–0 จากประตูของโดมินิก โซโบสลอยี ตามด้วยการบุกเสมอเซอร์เบีย 0–0 ที่เบลเกรด และเสมอรัสเซีย 1–1[27] และกลับมาเปิดบ้านเสมอเซอร์เบีย 2–2 จากประตูของฮาคัน ชัลฮาโนลู แม้พวกเขาจะเอาชนะรัสเซีย 3–2[28][29] แต่ความพ่ายแพ้ในนัดสุดท้ายต่อฮังการีทำให้พวกเขาจบอันดับสุดท้าย

ต่อมาในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ตุรกีตกรอบแรกโดยไม่ชนะทีมใดและยังแพ้รวดทั้งสามนัด โดยแพ้ในนัดแรกต่ออิตาลี 3–0 ตามด้วยการแพ้เวลส์ 2–0 ปิดท้ายด้วยการแพ้ต่อสวิตเซอร์แลนด์ 3–1 ตุรกีทำผลงานดีขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป จากการชนะ 6 นัดใน 10 นัดผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือก โซนยุโรป – รอบที่ 2 แต่ยุติเส้นทางด้วยการแพ้โปรตุเกส 3–1[30][31] โดยบูรัค ยิลมาซ พลาดจุดโทษในเกมนี้ และเขาประกาศเลิกเล่นอาชีพหลังจบการแข่งขัน[32][33] ต่อมาในยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2022–23 ลีกซี ตุรกีเอาชนะได้ถึง 4 จาก 6 นัดจบอันดับ 1 ของกลุ่ม ทำให้ตุรกีเลื่อนชั้นสู่ลีกบี[34][35][36] พวกเขายังมีช่วงเวลาที่ดีในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ผ่านเข้ารอบแพ้คัดออกในฐานะอันดับสองของกลุ่มตามหลังโปรตุเกส พวกเขาเอาชนะจอร์เจียในนัดแรก 3–1 จากผลงานโดดเด่นของอาร์ดา กือแลร์ แม้จะแพ้โปรตุเกสในนัดต่อมา 3–0 แต่ชัยชนะต่อเช็กเกีย 2–1 เพียงพอต่อการเข้ารอบ ตุรกีเอาชนะออสเตรียในรอบ 16 ทีม 2–1 และยุติเส้นทางโดยแพ้เนเธอร์แลนด์ 2–1[37] ต่อมาในยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2024–25 ลีกบี ตุรกีชนะคู่แข่งได้ 3 นัดจาก 6 นัด จบอันดับสองจากการมี 11 คะแนน ได้สิทธิ์แข่งขันรอบเพลย์ออฟกับฮังการีในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2025

ชุดแข่งขัน

[แก้]

ปัจจุบัน ตุรกีได้ใช้ชุดแข่งขันของไนกี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 2003 โดยก่อนหน้านั้น พวกเขาใช้ชุดของอดิดาส

เหย้า

1923-1963
1963-1993
1996-1998
ยูโร 1996
1998-2000
2000-2002
ยูโร 2000
2002-2003
ฟุตบอลโลก 2002
2003-2004
2004-2005
2005-2008
2008-2010
ยูโร 2008
2010-2012
2012-2016
2016-2018
ยูโร 2016

เยือน

1996-1998
ยูโร 1996
1998-2000
2000-2002
ยูโร 2000
2002-2003
ยูโร 2002
2003
2004-2005
2006-2008
2008-2010
ยูโร 2008
2010-2012
2012-2016
2016-2018
ยูโร 2016

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

[แก้]

รายชื่อผู้เล่นสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ที่ประเทศเยอรมนี ประกาศรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น 35 คน ในวันที่ 24 พฤษภาคม[38] ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม ผู้เล่นในรายชื่อลดเหลือ 33 คน หลังจากที่แบร์ทู ยึลดือรึม ถูกเรียกตัวติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี[39] และชาลาร์ เซอยึนจือ ถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บ[40] ในวันที่ 1 มิถุนายน เอเนส อือนัล ถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บเช่นกัน[41] ในวันที่ 5 มิถุนายน โอซัน คาบัค ก็ถอนตัวออกจากรายชื่อเบื้องต้นเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า[42] และในวันที่ 7 มิถุนายน ได้มีการประกาศรายชื่อผู้เล่นรอบสุดท้าย 26 คน โดยไม่มีอับดึลคาดีร์ เออมือร์, แจงค์ เอิซคาจาร์, เบรัท เอิซเดมีร์, โออุซ อัยดึน, จัน อูซุน และโดอัน อาแลมดาร์ อยู่ในรายชื่อ และแบร์ทู ยึลดือรึม ถูกเรียกตัวกลับมาอีกครั้ง[43]

0#0 ตำแหน่ง ผู้เล่น วันเกิด (อายุ) ลงเล่น ประตู สโมสร
1 1GK แมร์ท กือน็อค 1 มีนาคม ค.ศ. 1989 (อายุ 35 ปี) 28 0 ประเทศตุรกี เบชิกทัช
2 2DF เซคี เชลิค 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 (อายุ 27 ปี) 45 2 ประเทศอิตาลี โรมา
3 2DF เมรีฮ์ เดมีรัล 5 มีนาคม ค.ศ. 1998 (อายุ 26 ปี) 43 2 ประเทศซาอุดีอาระเบีย อัลอะฮ์ลี
4 2DF ซาเมท อาคัยดิน 13 มีนาคม ค.ศ. 1994 (อายุ 30 ปี) 5 0 ประเทศกรีซ ปานาซีไนโกส
5 3MF โอคัย โยคุชลู 9 มีนาคม ค.ศ. 1994 (อายุ 30 ปี) 39 1 ประเทศอังกฤษ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน
6 3MF ออร์คุน เคิกชือ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2000 (อายุ 23 ปี) 27 2 ประเทศโปรตุเกส ไบฟีกา
7 4FW เคแรม อักทือร์โคลู 21 ตุลาคม ค.ศ. 1998 (อายุ 25 ปี) 28 5 ประเทศตุรกี กาลาทาซาไร
8 3MF อาร์ดา กือแลร์ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 (อายุ 19 ปี) 6 1 ประเทศสเปน เรอัลมาดริด
9 4FW แจงค์ โทซุน 7 มิถุนายน ค.ศ. 1991 (อายุ 33 ปี) 50 20 ประเทศตุรกี เบชิกทัช
10 3MF ฮาคัน ชัลฮาโนลู (กัปตัน) 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 (อายุ 30 ปี) 85 18 ประเทศอิตาลี อินแตร์นาซีโอนาเล
11 4FW ยูซุฟ ยาซือจือ 29 มกราคม ค.ศ. 1997 (อายุ 27 ปี) 43 3 ประเทศฝรั่งเศส ลีล
12 1GK อัลทัย บายึนดือร์ 14 เมษายน ค.ศ. 1998 (อายุ 26 ปี) 9 0 ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
13 2DF อาฮ์เมตจัน คัปลัน 16 มกราคม ค.ศ. 2003 (อายุ 21 ปี) 0 0 ประเทศเนเธอร์แลนด์ อายักซ์
14 2DF อับดึลเคริม บาร์ดักจือ 7 กันยายน ค.ศ. 1994 (อายุ 29 ปี) 7 1 ประเทศตุรกี กาลาทาซาไร
15 3MF ซาลีฮ์ เอิซจัน 11 มกราคม ค.ศ. 1998 (อายุ 26 ปี) 17 0 ประเทศเยอรมนี โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
16 3MF อิสมาอิล ยึกเซค 26 มกราคม ค.ศ. 1999 (อายุ 25 ปี) 14 1 ประเทศตุรกี เฟแนร์บาห์แช
17 4FW อีร์ฟัน คาฮ์เวจี 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1995 (อายุ 28 ปี) 31 2 ประเทศตุรกี เฟแนร์บาห์แช
18 2DF แมร์ท มึลดือร์ 3 เมษายน ค.ศ. 1999 (อายุ 25 ปี) 23 1 ประเทศตุรกี เฟแนร์บาห์แช
19 4FW เคนัน ยึลดึซ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 (อายุ 19 ปี) 6 1 ประเทศอิตาลี ยูเวนตุส
20 2DF แฟร์ดี คาดือโอลู 7 ตุลาคม ค.ศ. 1999 (อายุ 24 ปี) 15 1 ประเทศตุรกี เฟแนร์บาห์แช
21 4FW บารึช อัลแพร์ ยึลมัซ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 (อายุ 24 ปี) 14 1 ประเทศตุรกี กาลาทาซาไร
22 3MF คาอัน อัยฮัน 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 (อายุ 29 ปี) 57 5 ประเทศตุรกี กาลาทาซาไร
23 1GK อูร์จัน ชาคือร์ 5 เมษายน ค.ศ. 1996 (อายุ 28 ปี) 27 0 ประเทศตุรกี ทรับซอนสปอร์
24 4FW เซมีฮ์ คือลึชซอย 15 สิงหาคม ค.ศ. 2005 (อายุ 18 ปี) 1 0 ประเทศตุรกี เบชิกทัช
25 4FW ยูนุส อักกึน 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 (อายุ 23 ปี) 9 2 ประเทศอังกฤษ เลสเตอร์ซิตี
26 4FW แบร์ทู ยึลดือรึม 12 มกราคม ค.ศ. 2002 (อายุ 22 ปี) 3 2 ประเทศฝรั่งเศส แรน

อดีตผู้เล่นคนสำคัญ

[แก้]
รึชทือ เรชแบร์ เจ้าของสถิติลงสนามให้ทีมชาติตุรกีมากที่สุด 120 นัด
ฮาคัน ชือคืร์ เจ้าของสถิติทำประตูมากที่สุดให้ทีมชาติตุรกีจำนวน 51 ประตู


อ้างอิง

[แก้]
  1. "สิงโตจัดวาร์ดี้ผนึกเคนลงดวลเกือกไก่งวงเกมอุ่นเครื่อง". สยามกีฬา. 22 May 2016. สืบค้นเมื่อ 31 May 2016.
  2. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 19 ธันวาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2024.
  3. "İş Ortakları TFF". www.tff.org. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  4. 4.0 4.1 "หน้าหลัก รายชื่อทีม ตุรกี". เดลินิวส์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-22. สืบค้นเมื่อ 23 June 2016.
  5. "1923-1924 Turkish National Team". www.angelfire.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  6. "Türkiye 3-1 Macaristan 19 Şubat 1956 1956-1957 Türk Milli Takım (Özel Maç) Dostluk Maçı Mithatpaşa Stadyumu, İstanbul, Türkiye". www.macanilari.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  7. "BBC SPORT | WORLD CUP | Brazil v Turkey | Brazil beat brave Turks". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  8. "BBC SPORT | WORLD CUP | Costa Rica v Turkey | Parks strike denies Turkey". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  9. "BBC SPORT | WORLD CUP | Turkey v China | Turkey reach last 16". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  10. "BBC SPORT | WORLD CUP | Brazil v Turkey semi final | Brazil stride into final". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  11. "BBC SPORT | WORLD CUP | Senegal v Turkey | Turkey's golden delight". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  12. "BBC SPORT | WORLD CUP | South Korea v Turkey | Turkey finish in style". news.bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  13. "Turkey heroes return home" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2002-07-01. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  14. "Portugal 2-0 Turkey" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-06-07. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  15. "Switzerland 1-2 Turkey" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-06-11. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  16. "Turkey 3-2 Czech Republic" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-06-15. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  17. "Croatia 1-1 Turkey (1-3 pens)" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-06-20. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  18. "Germany 3-2 Turkey" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-06-25. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  19. "Fatih Terim quits as Turkey's coach after failure to reach World Cup finals". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2009-10-11. ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  20. "Turkey marks 500th match - Turkish News". Hürriyet Daily News (ภาษาอังกฤษ). 2012-11-13. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  21. "Türkiye 1-1 Danimarka". www.hurriyet.com.tr (ภาษาตุรกี). 2017-05-09. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  22. "Football: Kazakh international happy to help Turkey". www.aa.com.tr. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  23. Murray, Scott (2015-10-13). "Euro 2016 qualifiers clockwatch – as it happened". the Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  24. "Eurosport is not available in your region". www.eurosport.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  25. "โปรแกรมยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย". ฐานเศรษฐกิจ. 23 June 2016. สืบค้นเมื่อ 23 June 2016.
  26. Sarigul, Emre (2021-05-31). "Euro 2020 team guides part 3: Turkey". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  27. Agencies, Daily Sabah with (2020-10-15). "With no wins in 4 matches, Turkey's hopes in Nations League fade". Daily Sabah (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  28. "Turkey beat Russia 3-2 in Nations League - Turkish News". Hürriyet Daily News (ภาษาอังกฤษ). 2020-11-16. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  29. Shurrab, Hatem. "Turkey beat Russia while Italy win over Poland in UEFA Nations League". Turkey beat Russia while Italy win over Poland in UEFA Nations League (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  30. "World Cup play-offs: Portugal vs Turkey, Italy vs North Macedonia, Wales vs Austria and more". Sky Sports (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-03-04. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  31. AFP, Daily Sabah with (2021-11-26). "Turkey to face Portugal in 2022 FIFA World Cup playoffs semifinal". Daily Sabah (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  32. Reuters (2022-03-25). "Turkey captain Burak Yilmaz announces international retirement after loss against Portugal". Sportstar (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  33. AA, DAILY SABAH WITH (2022-03-25). "Turkey forward Burak Yılmaz quits national team after penalty drama". Daily Sabah (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  34. "Gavi strike sends Spain to Euro 2024, Turkey and Scotland also qualify". Reuters (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-10-18. สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  35. Agencies, Daily Sabah with (2023-11-22). "Türkiye end Euro qualifiers in style as group leaders after Wales draw". Daily Sabah (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  36. Reporter, Staff. "Türkiye beat Latvia 4-0 to qualify for UEFA EURO 2024". Türkiye beat Latvia 4-0 to qualify for UEFA EURO 2024 (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  37. UEFA.com. "The official website for European football". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-11.
  38. "A Millî Takımımızın EURO 2024 Geniş Kadrosu Açıklandı" [EURO 2024 squad of our national team announced] (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. 24 May 2024. สืบค้นเมื่อ 30 May 2024.
  39. "Enes Ünal Aday Kadrodan Çıkarıldı" [Bertuğ Yıldırım Switched to the U-21 National Team] (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. 29 May 2024. สืบค้นเมื่อ 1 June 2024.
  40. "Çağlar Söyüncü, A Millî Takım Aday Kadrosundan Çıkarıldı" [Çağlar Söyüncü was removed from the National Team Candidate Squad] (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. 29 May 2024. สืบค้นเมื่อ 1 June 2024.
  41. "Enes Ünal Aday Kadrodan Çıkarıldı" [Enes Ünal was removed from the preliminary squad] (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. 1 June 2024. สืบค้นเมื่อ 1 June 2024.
  42. "Ozan Kabak'ın Sağlık Durumu Hakkında Bilgilendirme - A Milli Takım Haber Detayları TFF". www.tff.org (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. สืบค้นเมื่อ 5 June 2024.
  43. "A Millî Takımımızın EURO 2024 Aday Kadrosu Açıklandı" [EURO 2024 Candidate Squad of Our National Team Announced] (ภาษาตุรกี). Turkish Football Federation. 7 June 2024. สืบค้นเมื่อ 7 June 2024.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]