หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน)
หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) | |
---|---|
เกิด | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 (ขึ้น 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง) ตำบลบ้านหน้าไม้ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย |
ถึงแก่กรรม | 13 สิงหาคม พ.ศ. 2518 (82 ปี) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
บิดามารดา |
|
หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) ศิลปินนักดนตรีไทย มีความชำนาญในการบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสี ทั้งซอด้วง ซออู้ และซอสามสาย เป็นอดีตข้าราชการในสังกัดกรมพิณพาทย์หลวง และกรมศิลปากร
ประวัติ
[แก้]วัยเยาว์
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ มีชื่อเดิมว่า “อุ่น” เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง ที่ตำบลบ้านหน้าไม้ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของ พยอม กับ เทียบ มีพี่สาวชื่อ ถมยา ซึ่งต่อมาได้แต่งงานกับหลวงศรีวาทิต (อ่อน ศรีโกมลวาทิน) มีครอบครัวเป็นศิลปินทางด้านแอ่วเคล้าซอ
การศึกษา
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) เริ่มเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจ เมื่ออายุ 11 ปี เมื่อครั้งบวชเป็นสามเณรที่วัดหน้าต่างนอก พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีหลวงพ่อจง เป็นเจ้าอาวาส เมื่อลาสิกขาบทได้เรียนต่อจากหนังสือมูลบทบรรพกิจ ภายหลังเมื่อครอบครัวย้ายมาอยู่กรุงเทพมหานคร จึงไปเรียนที่วัดปริณายก
ทางด้านดนตรี เริ่มฝึกหัดซอด้วงกับบิดา ซึ่งเป็นนักแอ่วเคล้าซอ เมื่ออายุ 9-10 ปี ต่อมาได้เรียนในขั้นสูงกับ พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เจ้ากรมพิณพาทย์หลวง สมัยรัชกาลที่ 6 โดยเรียนทั้งซอด้วงและซออู้ และได้เรียนไวโอลินกับ อัลเบอร์โต นาซารี (Alberto Nazzari) ชาวอิตาเลียน ครูประจำกองเครื่องสายฝรั่งหลวงสมัยรัชกาลที่ 6
การงาน
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) เริ่มรับราชการเป็นมหาดเล็ก สังกัดกองดนตรี ใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกรมมหรสพในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้รับราชการสังกัดกรมพิณพาทย์หลวง ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนดนตรีบรรเลง"[1] แล้วเลื่อนเป็น "หลวงไพเราะเสียงซอ"[2] และได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา[3]
นอกจากหน้าที่ราชการ ยังได้เป็นครูฝึกสอนให้วงเครื่องสายของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการหลายวง ได้แก่ [4]
- วงของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา
- วงของพระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล)
- วงของพระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ)
ในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้เป็นพระอาจารย์ถวายการสอนซอแด่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ในการทรงเล่นเครื่องสายส่วนพระองค์[5] นอกจากนี้ยังได้ถวายการสอนซอแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล อีกด้วย[6]
ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้โอนย้ายมารับราชการที่กรมศิลปากร ขณะเดียวกันได้รับเชิญเป็นครูสอนเครื่องสายที่โรงเรียนนาฏศิลป และเป็นอาจารย์พิเศษที่ชุมนุมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[7]
มรณกรรม
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) มีโรคประจำตัวคือหืด (Asthma) ภายหลังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่คอและปาก เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชหลายครั้งจนอาการหายดี แต่ครั้งหลังสุดป่วยเป็นไข้หวัด มีอาการอ่อนเพลียและปอดบวม ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุได้ 84 ปี[4]
การถ่ายทอดความรู้
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) ได้ถ่ายความรู้ให้ศิษย์หลายคน แต่เฉพาะที่มีชื่อเสียงปรากฏในวงการดนตรีไทย ได้แก่
- อนันต์ ดูรยะชีวิน
- ไปล่ วรรณเขจร
- ปลั่ง วรรณเขจร [8]
- เจริญใจ สุนทรวาทิน [9]
- ประเวช กุมุท [10]
- ศิลปี ตราโมท [11]
- ไพศาล อินทวงศ์ [12]
- บุญเสริม ภู่สาลี [13]
- โกวิทย์ ขันธศิริ [14]
- วิพรรณ ศาสตร์เปล่ง
- วรยศ ศุขสายชล [15]
- เชวงศักดิ์ โพธิสมบัติ [16]
- จีรพล เพชรสม [17]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) สมรสครั้งแรกกับ นวม มัธยมจันทร์ มีบุตรธิดา 8 คน คือ
- อนันต์
- อนุ
- อนงค์
- เอนก
- ดวงเนตร
- อนนต์
- อณัต
- อำนาย
ต่อมาสมรสกับ หม่อมเจ้ากริณานฤมล สุริยง มีบุตรธิดา 5 คน คือ
- ผกากน
- พิมลชัย
- พิไลพรรณ
- จันทราภรณ์
- สุริยพันธ์
บรรดาศักดิ์และยศ
[แก้]- พ.ศ. 2448 ถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร สังกัดกองดนตรี ยศชั้น 2 ตรี ชั้น 3
- 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ปรับตำแหน่งตามทำเนียบมหาดเล็กประจำ เนื่องด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เถลิงถวัลยราชสมบัติ
- พ.ศ. 2454 ได้รับพระราชทานยศเป็น มหาดเล็กวิเศษ
- 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2458 ได้รับพระราชทานยศเป็น รองหุ้มแพร และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนดนตรีบรรเลง ถือศักดินา 300[1]
- 13 ธันวาคม พ.ศ. 2460 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงไพเราะเสียงซอ ถือศักดินา 400[2]
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465 ได้รับพระราชทานยศเป็น หุ้มแพร[18]
- 6 ตุลาคม 2462 – เข้าเฝ้ารับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม[19]
- 27 กุมภาพันธ์ 2466 – นายหมวดโท[20]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2459 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[21]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 พระราชทานบรรดาศักดิ์. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 32 ตอน ง (2458, 30 พฤษภาคม): หน้าที่ 441. [ออนไลน์] แหล่งที่มาจาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/D/441.PDF [สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565]
- ↑ 2.0 2.1 พระราชทานบรรดาศักดิ์. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 34 ตอน ง (2460, 16 ธันวาคม): หน้าที่ 2,587-2,592. [ออนไลน์] แหล่งที่มาจาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2460/D/2587.PDF [สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์2565]
- ↑ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 33 ตอน 0 ง (2459, 29 ตุลาคม): หน้าที่ 1,931. [ออนไลน์] แหล่งที่มาจาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2459/D/1931.PDF เก็บถาวร 2018-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์2565]
- ↑ 4.0 4.1 4.2 ธนิต อยู่โพธิ์. 2520. ประวัติเครื่องดนตรีไทย และตำนานการผสมวงมโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องสาย. กรุงเทพมหานคร: จันวาณิชย์. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) 19 กุมภาพันธ์ 2520]
- ↑ เฉลิมศักดิ์ เย็นสำราญ [บรรณาธิการ]. 2555. ดนตรี-นาฏศิลป์แผ่นดินพระปกเกล้า. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. [ที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบวันพระบรมราชสมภพ 119 ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และครบรอบ 34 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 27 มิถุนายน 2555 ]
- ↑ เฉลิมเขตรมงคล, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า. 2500. บทละครเรื่อง ปันหยีมิสาหรัง และรุ่งฟ้าดอยสิงห์. กรุงเทพมหานคร: อักษรประเสริฐ. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล 26 มิถุนายน 2500]
- ↑ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. 2513. หลวงไพเราะเสียงซอ. วิทยาสารปริทัศน์ 9 (5 พฤษภาคม 2513)
- ↑ อนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ), พระยา. 2491. ศิลปกับมนุษยชาติและร้องรำทำเพลง. (ม.ป.ท.). [ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ ไปล่ วรรณเขจร 2 ตุลาคม 2491]
- ↑ เจริญใจ สุนทรวาทิน. 2530. ข้าพเจ้าภูมิใจที่เกิดเป็นนักดนตรีไทย. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้ว. [เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 6 รอบ เจริญใจ สุนทรวาทิน 16 กันยายน 2530]
- ↑ ไพศาล อินทวงศ์ และคนอื่น ๆ. 25413. ประเวช กุมุท สุดวิเศษ ประเวช กุมุท สุดจักหา. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเลิฟแอนด์ลิพเพรส จำกัด. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ประเวช กุมุท ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) 22 มิถุนายน 2543]
- ↑ 72 ฝนคนดนตรี ศิลปี ตราโมท. 2550. (ม.ป.ท.: ม.ป.พ.).
- ↑ ไพศาล ซอลออเอกละองค์สลัก. 2557. (ม.ป.ท.). [อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ ไพศาล อินทวงศ์ 22 มิถุนายนพ.ศ. 2557]
- ↑ ชนัสถ์นันท์ ประกายสันติสุข. 2552. อาศรมศึกษา : รองศาสตราจารย์บุญเสริม ภู่สาลี. อาศรมศึกษาในวิชาเฉพาะ, สาขาวิชาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- ↑ ผานิต บุญมาก. 2560. สี่สายไวโอลิน : ชีวิต-ผลงาน โกวิทย์ ขันธศิริ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- ↑ พูนพิศ อมาตยกุล และคนอื่น ๆ. 2550. จดหมายเหตุดนตรี 5 รัชกาล : งานวิจัยเอกสารและลำดับเหตุการณ์ พุทธศักราช 2411-2549. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง). [จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ครองราชสมบัติครบ 60 ปี]
- ↑ วราภรณ์ เชิดชู. 2557. อาศรมศึกษาอาจารย์เชวงศักดิ์ โพธิสมบัติ. อาศรมศึกษาในวิชาเฉพาะ, สาขาวิชาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- ↑ ชาคริต เฉลิมสุข. 2551. อาศรมศึกษาอาจารย์จีรพล เพชรสม. อาศรมศึกษาในวิชาเฉพาะ, สาขาวิชาดุริยางค์ไทยคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- ↑ พระราชทานยศ
- ↑ "รายวันพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 1959. 12 ตุลาคม 1919.
- ↑ "พระราชทานยศเสือป่า" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 4406. 16 มีนาคม 1923. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2024.
- ↑ "พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-02-10. สืบค้นเมื่อ 2020-06-25.