หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนกุล)
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนกุล) | |
---|---|
ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมยุทธนาธิการ | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ปรากฏ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2477 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
บุตร | 2 คน 1.พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล) 2. ร.อ.ต. โปรด โรจนกุล |
บุพการี | |
อาชีพ | ทหารบก |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกไทย กระทรวงกลาโหม |
ประจำการ | พ.ศ. 2431 – พ.ศ. 2477 |
ยศ | พันโท |
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (พ.ศ. ไม่ปรากฏ – พ.ศ. 2477) มีนามเดิมว่า ปึก เป็นข้าหลวงทหารราบประจำกองพันตรีมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์)[1]: 130 อดีตนายทหารสังกัดกรมยุทธนาธิการ[note 1] อดีต ผบ.ร.พัน 30 (ลำปาง)[note 2] ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 รัชสมัยวาระนายพลเอก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (พระยศในขณะนั้น) เป็นผู้บังคับบัญชา
ประวัติ[แก้]
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) เกิดในกรุงเทพพระมหานครที่บ้านช่างหล่อ ราวสมัยรัชกาลที่ 3 บิดาชื่อ หลวงลิขิตปรีชา (คุ้ม โรจนกุล) รับราชการในกรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง (วังหน้า) บุตรชื่อ พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล)[3] และรองอำมาตย์ตรี โปรด โรจนกุล[4]
เดิมนายปึก รับราชการเป็น หุ้มแพรมหาดเล็ก (บ้างก็เรียกว่านายทหารแถว) ในกรมทหารมหาดเล็ก[1]: 10 ต่อมาจึงได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น นายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) และเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ในช่วงไปรับราชการที่เมืองอุบลราชธานี หลังจากที่ ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) กลับราชการจากเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน จุลศักราช 1251 (ตรงกับ พ.ศ. 2432)[5]: 126 [6]: 133
ในปี พ.ศ. 2431 นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ โปรดให้จัดตั้งกองทหารประจำการตามหัวเมืองต่างๆ อย่างแบบยุโรป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิพักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) เป็นผู้บังคับกองทหารคนแรก นับว่าเป็นการการตั้งกองทหารแบบยุโรปเป็นครั้งแรก ซึ่งขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้รับพระราชทานพระกรุณาให้เข้าร่วมกองทหารแบบใหม่นี้ด้วย ในการนี้กรมมหาดไทยได้นำขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) และนายทหารอีก 7 นายเข้าเฝ้าถวายบังคมลา[7]: 101 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ไปประจำกองทหารประจำการ ณ เมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง กับกองทหารของ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง จุลศักราช 1251 ปีฉลู ตรงกับ พ.ศ. 2432
ปรากฏใน พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ ของหม่อมอมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม) ว่า :-
โปรดเกล้า ฯ ให้กรมยุทธนาธิการส่งนายร้อยเอก ขุนพิศลยุทธการ (ปึก) ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ กับพลแตรเดี่ยว ๑ ขึ้นไปรับราชการกับ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ขุนพิศล ฯ กับนายร้อย ๗ นาย ได้ไปถึงเมืองอุบลเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม แล้วหลวงพิทักษ์นรินทร์จัดให้ ขุนพิศลฯ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีคล้าย ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ ไปรับราชการอยู่กับหลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ณ ด่านเมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง แลจัดให้นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ ไปรักษาราชการหน้าด่านเมืองนครจำปาศักดิ์...[8]: 171 [5]: 115 [9]: 170
ในขณะที่ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ประจำกองทหารครั้งนั้นอยู่เกือบปี ปรากฏว่า นายร้อยตรีคำ ในกองทหาร ป่วยเป็นไข้พิศม์ หรือไข้อายพิศม์[note 3] ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2432 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) จึงได้ประกอบพิธีศพตามธรรมเนียม ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๓๓ ว่า "...บอกพระราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ร.ศ. ๑๐๘ ว่า นายร้อยตรี นายคำ ซึ่งไปราชการเมืองตะโปนป่วยเป็นไข้พิศม์ พอ ณ วันที่ ๒๙ มกราคม นายร้อยตรี นายคำถึงแก่กรรม นายร้อยเอก ขุนพิสณฑ์ (ปึก) จัดการไหว้ศพตามธรรมเนียม..."[11]: 94 และได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการที่นั่นกระทั่งกลับราชการจากเมืองอุบลราชธานีมายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2434[9]: 183
เมื่อ พ.ศ. 2435 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นนายร้อยโทชั้นสัญญาบัตร เข้าประจำกองพันตรี กองทหารราบในมหาดเล็กรักษาพระองค์[12]: 258 กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์) โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ทรงเป็นผู้บังคับการในขณะนั้น[1]: 41–42
เมื่อ พ.ศ. 2436 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้ไปเข้าร่วมราชการทหารกับกองทหารของพระพิเรนทรเทพ[13]: 258 เพื่อไปรักษาหัวเมืองลาวกาวมีหัวเมืองสำคัญ 7 เมือง[14]: 72 ได้แก่ เมืองอุบลราชธานี เมืองนครจำปาศักดิ์ เมืองศรีสะเกษ เมืองสุรินทร์ เมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม และเมืองกาฬสินธุ์ โดยพระยาจ่าแสนบดี ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย นำข้าราชการฝ่ายทหารเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
เมื่อ พ.ศ. 2441 ภายหลังมียศที่นายพันตรี ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 30 (ผบ.ร.พัน 30) (ลำปาง) กรมยุทธนาธิการ และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 800[15]: 490 ระหว่างรับราชการเมื่อ พ.ศ. 2445 ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ 34 บาท[16]: 740 เพื่อก่อสร้างโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล มลฑลอุดร ในคราวเหตุการณ์เพลิงไหม้ของโรงเรียนสอนหนังสือไทยบ้านหมากแข้ง (ชื่อโรงเรียนเดิม) ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมทรงสร้างไว้ กระทั่งปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน กระทรวงกลาโหม มียศสุดท้ายเป็น นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 2000[17]: 362
เมื่อ พ.ศ. 2460 หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นทหารอาสาสมัครไปปฏิบัติภารกิจราชการทหารในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้ไปจนถึงทวีปยุโรป[18]: 53 อันเนื่องมาจากประกาศเสนาบดีกระทรวงหลาโหมเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความประสงค์เต็มใจอาสาในการสงคราม เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2460[1]: 107
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2477 เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) คุณหญิงรามราฆพ (ประจวบ พึ่งบุญ) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และ พล.ต.ต.นิตย์ สุขุม บุตรเจ้าคุณยมราชได้กระทำฌาปนกิจศพเมื่อวันอาทิยต์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2477 เพลาบ่าย ณ วัดอมรินทรารามวรวิหาร[19]
ยศและบรรดาศักดิ์[แก้]
บรรดาศักดิ์[แก้]
- หุ้มแพรมหาดเล็ก[1]: 10
- นายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ศักดินา 500[20]: 8
- ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก)
- หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก)[21]: 118 ศักดินา 2000[17]: 362
ยศทหาร[แก้]
หมายเหตุ: ชื่อบรรดาศักดิ์จากหลักฐานบ้างก็ปรากฏว่า พิสณฑ์ยุทธการ พิศลยุทธการ หรือ พิสันฑ์ยุทธการ[25]: 153 ทว่าหลักฐานต่างๆ กล่าวว่าข้าราชการผู้นี้มีนามเดิมชื่อ ปึก ตรงกัน
ตำแหน่งราชการ[แก้]
- หุ้มแพร กรมทหารมหาดเล็ก
- พ.ศ. 2435 นายร้อยโทประจำกองพันตรีทหารราบ กองทหารราบในมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์) กรมยุทธนาธิการ[22]: 258
- พ.ศ. 2441 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 30 (ผบ.ร.พัน 30) (ลำปาง) กรมยุทธนาธิการ
- พ.ศ. 2443 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 มณฑลฝ่ายเหนือ (ผบ.ร.7)[23]
- พ.ศ. 2451 ข้าหลวงทหารบกประจำมณฑลกรุงเทพ (สัสดีมณฑล)[26]: 43
- พ.ศ. 2452 สารวัตรทหารบก มณฑลทหารบกกรุงเทพฯ กรมสารวัตรใหญ่ทหารบก[27][28]: 203
- พ.ศ. 2456 นายทหารกองหนุน กระทรวงกลาโหม (ปลดประจำการ)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- พ.ศ. 2462 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 4 อัศวิน (อ.ร.)[21]: 118 [18]: 56
- พ.ศ. 2444 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)[26]: 43 [29]: 745
- พ.ศ. 2462 – เหรียญงานพระราชสงครามทวีปยุโรป (ร.ส.)[21]: 118
- พ.ศ. 2436 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[30]: 455 [26]: 43
หมายเหตุ[แก้]
- เชิงอรรถ
- ↑ กรมยุทธนาธิการ คือ กรมรวมระหว่างทหารบกกับทหารเรือ ตามพระราชบัญญัติจัดการทหาร เมื่อวันศุกร์เดือน ๕ แรมค่ำ ๑ ปีกุน อัฐศกจุลศักราช ๑๒๔๘ (คือ พ.ศ. ๒๔๓๐)[1]: 37
- ↑ หนังสือกรมพระราชวังหลัง เขียนว่า ร.พัน ๓๐ (ลำปาง) ผบ.พัน พ.ต.ขุนพิสณฑ์ยุทธการ[2]
- ↑ หมอบรัดเล ให้คำจำกัดความว่า หมายถึง โรคลมมีพิศม์ เสมือนพิศม์งู[10]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 วรการบัญชา, พันเอก นาย. (2496). ตำนานทหารมหาดเล็ก. พันเอก นายวรการบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ พิมพ์ถวายสนองพระคุณ ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมศักดิ์ ณ พระเมรุวัดเบญจมบพิตร วันที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๖. พระนคร: ประชาช่าง. 302 หน้า.
- ↑ ยิ้ม บัณฑยางกูร. (2534). กรมพระราชวังหลัง อนุสรณ์ พลตรี ม.ล.จวง เสนีวงศ์ (หลวงเสนียุทธกาจ). ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศก พลตรี ม.ล. จวง เสนีวงศ์ ท.ช., ท.ม. ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยราม วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรโปรดัดส์ จำกัด. 167 หน้า. ISBN 974-417-187-1
- ↑ ข่าวตาย. เก็บถาวร 2023-06-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๗๐, ๑๑ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๔๔. หน้า ๒,๙๕๙ – ๒,๙๖๐.
- ↑ ข่าวตาย. เก็บถาวร 2023-06-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๗๒, ๕ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๔๖. หน้า ๓,๕๑๒.
- ↑ 5.0 5.1 อมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), หม่อม. (2516). เมืองในภาคอิสาน. พระนคร: กรมศิลปากร. 269 หน้า.
- ↑ อมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), หม่อม. ประชุมพงศาวดารภาค ๔ และประวัติท้องที่จังหวัดมหาสารคาม.
- ↑ ข้าราชการถวายบังคมลา. (ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. 2432), ๑๗ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๖.
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2459). ประชุมพงศาวดารภาคที่ 4. 222 หน้า.
- ↑ 9.0 9.1 อมรวงษ์วิจิตร (ม.ร.ว. ปฐม คเนจร), หม่อม. (2458). "พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ", ใน ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๔. อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม,ท.ช,รัตน ว,ป,ร.๔ พิมพ์แจกในงานศพพัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะ สัปตศก พ.ศ. ๒๔๕๘. กรุงเทพฯ: โสภณพิพรรฒธนากร.
- ↑ แดน บีช บรัดเลย์. (2514). หนังสือ อักขราภิธานศรับท์ ของหมดบลัดเล (Dictionary of the SIAMESE LANGUAGE by D.B.Bradley) 1873. พระนคร: คุรุสภา.
- ↑ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๓๓. กรุงเทพฯ: สำนักราชเลขาธิการ, 2514. 424 หน้า.
- ↑ ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๑ เก็บถาวร 2019-12-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. 2435), ๓๐ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๙. ตอนที่ ๓๑.
- ↑ ข้าราชการถวายบังคมลา. (ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. 2436), ๑๑ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๐. ตอนที่ ๓๑.
- ↑ ภูเดช แสนสา (ปริวรรต) (แต่ง), หออัตลักษณ์นครน่าน (เผยแพร่). ชาติพันธุ์ในเมืองน่าน.
- ↑ ส่งสัญญาบัตรไปพระราชทาน. (ร.ศ. ๑๑๗ (พ.ศ. 2441), ๕ กุมภาพันธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๕.
- ↑ แจ้งความกระทรวงธรรมการ พแนกกรมศึกษาธิการ. (ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. 2445), 14 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๙.
- ↑ 17.0 17.1 สำนักราชเลขาธิการ. (2540). "ศักดินาทหารบก", พระราชบัญญัติศักดินาทหาร จุลศักราช ๑๒๕๐. กฎหมายในรัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ นายจิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. 857 หน้า. ISBN 974-827-469-1
- ↑ 18.0 18.1 กฤตภาส โรจนกุล. (2554). โรจนกุล ชีวประวัติและเชื้อสายสัมพันธ์. กรุงเทพฯ: [ม.ป.ท.].
- ↑ เรื่องเล่าจากอดีต. (2564, 30 มีนาคม). บ้านนรสิงห์ ตอนที่ ๖๕ จากสมุดบันทึกประจำวัน เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เขียนถึงบุคคลที่มาพบที่บ้านนรสิงห์... [โพสต์และรูปประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2567 จาก Facebook @เรื่องเล่าจากอดีต.
- ↑ ก.ศ.ร. กุหลาบ ตฤษณานนท์. (2448). มหามุขมาตยานุกูลวงศ์ ว่าด้วยลำดับวงศ์ตระกูลขุนนางไทยทั้งสิ้นในแผ่นดินสยาม เล่มที่ 1. พระนคร: สยามประเภท.
- ↑ 21.0 21.1 21.2 อักขรานุกรมขุนนาง. โรงเรียนมหาดเล็ก, 2462.
- ↑ 22.0 22.1 ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๑ : กองพันตรีทหารราบใน “มหาดเล็ก”. (๒๔๓๖, ๓๐ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๓๐ . หน้า ๒๕๘.
- ↑ 23.0 23.1 ตำแหน่งข้าราชการกรมทหารบก รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘. (๒๔๔๓, ๒๒ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๖ หน้า ๔๔๒.
- ↑ เทพชู ทับทอง. (2528). ต้นตระกูลไทย: ราชสกุล–นามสกุลพระราชทาน. กรุงเทพฯ: วัชรินทร์การพิมพ์. 186 หน้า.
- ↑ รุ่ม, มหาดเล็ก. (2459). หนังสืออุไภยพจน์วิภาค. พระนคร: หนังสือพิมพ์ไทย. 235 หน้า.
- ↑ 26.0 26.1 26.2 กรมเสนาธิการทหารบก. (2450). สมุดคู่มือสำหรับข้าราชการประจำปี ร.ศ. ๑๒๖. พระนคร: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ. 357 หน้า.
- ↑ ประวัติกรมการสารวัตรทหารบก. หน้า 2. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2567.
- ↑ "เหล่าทหารสารวัตร", วิชากองทัพบกและเหล่าทหาร. นครนายก: กองวิชาเหล่าสนับสนุนการช่วยรบ ส่วนวิชาทหาร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า. 328 หน้า.
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ วันที่ ๑๕ ธันวาม รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๐ เก็บถาวร 2020-07-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 18. วันที่ 22 ธันวาคม ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444).
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ เก็บถาวร 2020-07-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. 2436), ๘ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๐.
- บรรณานุกรม
- บันทึกคำให้การของครอบครัวผู้สืบลงมาทางหลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก).
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. (2513). "เรื่องล้านช้าง", ใน นิทานโบราณคดี. พระนคร: ศิลปาบรรณาคาร. หน้า 304–306.
- เติม สิงหัษฐิต. (2499). ฝั่งขวาแม่น้ำโขง. กรุงเทพฯ: ไทยสัมพันธ์. หน้า 120.
- มหาสิลา วีรวงส์. (2544). ประวัติศาสตร์ชาติลาวตั้งแต่โบราณถึงปี 1946. เวียงจันทร์: มันตาตุลาด.