ลัทธิอาณานิคมในทวีปแอฟริกา
อาณานิคมในแอฟริกา (อังกฤษ: Scramble for Africa) หรือ การอาณานิคมในแอฟริกา เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1885 จากประเทศเยอรมนีโดยการนำของ อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค ได้จัดให้มีการประชุมในกรุงเบอร์ลินว่าด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการเข้าครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา[1]
จักรวรรดินิยมในทวีปแอฟริกา
[แก้]ทวีปแอฟริกาเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรจำนวนมหาศาล อันเป็นที่ต้องการของชาวยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญเชื่อมต่อกับโลกใหม่และทวีปเอเชีย จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีเพียงไม่กี่อาณาจักรในแอฟริกาที่มีระบบการปกครองที่มั่นคง อาณาจักรเหล่านี้ได้แก่ กานา มาลี แต่ก็มีความเจริญเทียบได้กับยุโรปในยุคกลางเท่านั้น เมื่อพวกอาหรับรุกรานมาจากทางตอนเหนือ อาณาจักรเหล่านี้ก็ถูกทำลายไปสิ้น ในเวลานั้นชาวยุโรปยังไม่เคยเข้าไปสำรวจถึงใจกลางทวีป จนกระทั่งในช่วง 30 ปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อมีความพยายามจะเผยแผ่ศาสนาไปในหมู่ชาวแอฟริกา โดยพวกมิชชันนารี ทำให้มีการสำรวจดินแดนใจกลางทวีปขึ้น พร้อมกันนั้นก็มีนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจติดตามไปด้วย พวกนี้ได้นำเอาเรื่องราวการค้นพบแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์มาเผยแพร่ ทำให้นักลงทุนโดยการสนับสนุนของรัฐบาลเริ่มเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าก็เกิดการแย่งชิงกรรมสิทธิ์หรือการเข้าครอบครอง
ใน ค.ศ. 1885 เยอรมนีโดยการนำของออตโต ฟอน บิสมาร์ค ได้จัดให้มีการประชุมในกรุงเบอร์ลินว่าด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการเข้าครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา ที่ประชุมตกลงกันว่าชาติใดที่มีดินแดนอยู่ตามชายฝั่งสามารถยึดครองพื้นที่ที่ลึกเข้าไปได้ โดยการส่งคนไปปกครองดูแลและประกาศการเข้ายึดครองอย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่นั้นมาดินแดนในทวีปแอฟริกาก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ โดยการเข้าครอบครองของอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยียม และเยอรมนี ส่วนโปรตุเกสนั้นยังคงรักษาสถานีการค้าของตนไว้ได้ที่อังโกลาและโมซัมบิก
สาเหตุการเข้ายึดครอง
[แก้]การเข้ายึดครองแอฟริกาของชาวยุโรปในครั้งนั้นมีข้ออ้าง 3 ประการ คือ
- เพื่อเปิดประตูการค้าให้กว้างขวางตลอดทั่วภาคพื้นทวีป
- เพื่อปลดปล่อยชนเผ่าต่าง ๆ ให้เป็นอิสระจากพวกนักค้าทาสชาวอาหรับ
- เพื่อเผยแผ่คริสต์ศาสนาไปยังดินแดนที่ชาวยุโรปเรียกว่ากาฬทวีป (Dark Continent)
หลังจากนั้นเพียง 30 ปี ของการเข้าแย่งชิงผลประโยชน์แอฟริกาทั้งทวีป ยกเว้นไลบีเรียกับเอธิโอเปีย ก็ตกเป็นอาณานิคมของชาวยุโรปจนหมดสิ้น
การแบ่งสรรทวีปแอฟริกาโดยชาวยุโรป
[แก้]เบลเยียม
[แก้]- เสรีรัฐคองโก และเบลเจียนคองโก (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก)
- รวันดาและบุรุนดีของเบลเยียม (ภายหลังแยกเป็น รวันดา และ บุรุนดี, 1922–62)
ฝรั่งเศส
[แก้]
|
|
เยอรมนี
[แก้]- แคเมอรูนของเยอรมนี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ แคเมอรูน และ ไนจีเรีย, 1884–1916)
- แอฟริกาตะวันออกแห่งเยอรมนี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรวันดา, บุรุนดี และส่วนใหญ่ของ แทนซาเนีย, 1885–1919)
- แอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้แห่งเยอรมนี (ปัจจุบันคือ ประเทศนามิเบีย, 1884–1915)
- โตโกแลนด์แห่งเยอรมนี (ปัจจุบันเป็น ประเทศโตโก และฝั่งตะวันออกกลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศกานา, 1884–1914)
อิตาลี
[แก้]- แอฟริกาตะวันออกของอิตาลี
- อิตาเลียนเอริเทเรีย
- อิตาเลียนโซมาลีแลนด์ (ต่อมาโอนดินแดนไปขึ้นกับส่วนที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่กลายเป็นเอกราชในชื่อ รัฐโซมาลีแลนด์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศโซมาเลีย)
- อิตาเลียนเอธิโอเปีย
โปรตุเกส
[แก้]
|
สเปน
[แก้]
|
|
|
สหราชอาณาจักร
[แก้]
|
|
|
รัฐเอกราช
[แก้]- ไลบีเรีย, จัดตั้งรัฐบาลโดย สมาคมสังคมชาวเมืองขึ้นแห่งอเมริกา ในปี 1821 และประกาศเอกราชและเป็นที่ยอมรับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1847
- จักรวรรดิเอธิโอเปีย (อะบิสซิเนีย) แม้จะเป็นประเทศเอกราชก็จริง แต่เมื่อเข้าสู่ยุค 1930 แล้ว ก็ต้องยอมยกดินแเดนที่เป็นเอริเทรีย ไปเป็นของประเทศอิตาลี จึงกลายมาเป็น อิตาเลียนเอริเทรีย ในเวลาต่อมา ก่อนที่จะถูกประเทศอิตาลี เข้ายึดครองจนสูญเสียเอกราชในระยะสั้น อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์อะบิสซีเนีย และ สงครามอิตาลี-อะบิสซิเนียครั้งที่สอง ในปี 1936 กลายมาเป็นดินแดนอิตาเลียนเอธิโอเปีย และอิตาลีได้ให้เอกราชในปี 1941
ผลของจักรวรรดินิยมในแอฟริกา
[แก้]การกำหนดเขตแดนของแอฟริกาโดยชาวยุโรป กระทำไปโดยไม่คำนึงถึงภาษาและเผ่าพันธุ์ของประชากรในพื้นที่นั้น ๆ จะเห็นได้จากอาณาเขตของหลายประเทศที่ปรากฏในแผนที่จะมีการลากเป็นเส้นตรง ด้วยเหตุนี้ภายหลังที่ชาติเหล่านี้ได้เอกราชจึงเกิดปัญหาความเป็นเอกภาพภายในชาติมาจนถึงทุกวันนี้
การเข้าครอบครองของชาติตะวันตกได้ทำให้เกิดความทุกข์ยากแก่ชาวแอฟริกาทั้งมวล เดิมทีชาวพื้นเมืองดำรงชีพด้วยการทำไร่ เลี้ยงสัตว์ตามแบบดั้งเดิมที่เคยทำกันมา ชาวแอฟริกามีภาษาเขียนไม่มากนัก แต่มีงานทางด้านศิลปะ คือ รูปปั้นสำริด การแกะสลักไม้และงาช้าง มีภาพวาดตามแบบพื้นเมืองจำนวนมาก ชาวพื้นเมืองไม่เคยรู้เรื่องของวิทยาการสมัยใหม่ ไม่รู้จักระบบการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ไม่รู้จักระบบการปกครอง กฎหมายและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ชาวยุโรปได้เข้าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง ด้วยการบังคับแรงงานชาวพื้นเมืองให้สร้างถนน ขุดเหมืองแร่ ขุดดิน ด้วยเวลาการทำงานที่ยาวนานกว่าปกติมีการนำเอาพืชใหม่ ๆ มาปลูก เช่น ยางพารา โกโก้ แทนที่พื้นดินที่เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์ และที่อยู่อาศัยของชาวพื้นเมือง มีการกวาดต้อนเผ่าชนทั้งเผ่าไปอยู่ในบริเวณที่กำหนดไว้ แยกผู้ชายออกจากครอบครัวแล้วส่งไปทำงานยังที่ห่างไกล ถ้าใครขัดขืนก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง เช่น ตัดมือ ยิงเป้า เป็นต้น
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกาได้เอกราชกลับคืนมาแต่ประเทศที่เกิดใหม่เหล่านี้เกิดขึ้นตามแบบฉบับของชาวตะวันตก คือ มีเมืองเป็นศูนย์กลางของความทันสมัย อิทธิพลทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการศึกษาแผนใหม่ ทำให้วิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ดูเพิ่ม
[แก้]- การทำให้เป็นอาณานิคมในทวีปแอฟริกา (Colonization of Africa)