ข้ามไปเนื้อหา

พระราเมศวร (พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระราเมศวร
พระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา
สวรรคตพฤศจิกายน พ.ศ. 2107
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
พระบิดาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
พระมารดาพระสุริโยทัย

พระราเมศวร (อังกฤษ: Ramesuan,พม่า: ဗြရာမသွန်; ? – สวรรคต พฤศจิกายน พ.ศ. 2107) เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระสุริโยทัย ทรงบัญชาการทหารระหว่างสมัยอยุธยาในคริสต์ศตวรรษที่ 16

พระองค์เป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระมหินทราธิราช และมีพระขนิษฐา 3 พระองค์ คือ พระวิสุทธิกษัตรีย์ (พระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช) พระบรมดิลก และพระเทพกษัตรีย์ หลังจากสงครามช้างเผือก พระองค์ถูกส่งไปยังหงสาวดีในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2107 ต่อมาพระองค์กลายเป็นผู้บัญชาการของกองทัพอาณาจักรพม่า และสวรรคตในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2107 เนื่องจากประชวรระหว่างการศึกกับล้านนา (แต่ในพงศาวดารบางฉบับบอกว่าพระราเมศวรสวรรคตระหว่างเดินทางไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดีหลังเสร็จสงครามช้างเผือก)

สงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้

[แก้]

ในปี พ.ศ. 2091 พระเฑียรราชาพระบิดาของพระองค์ขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจ้ากรุงอยุธยา พระองค์กลายเป็นรัชทายาทและพระมหาอุปราชแห่งสยาม ระหว่างสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้กับราชวงศ์ตองอู พระราเมศวรพร้อมกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระราชบิดา พระสุริโยทัย พระราชมารดา พระมหินทร์ พระอนุชา และ พระบรมดิลก พระขนิษฐา ประทับช้างทรงออกจากกำแพงพระนครไปเผชิญหน้ากองทัพพม่าที่นำโดย พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้แห่งหงสาวดี ในการต่อสู้กับตะโดธรรมราชาที่ 1 เจ้าเมืองแปร พระสุริโยทัยและพระบรมดิลกสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ ในพระราชพงศาวดารของไทยระบุว่า พระราเมศวร เสด็จกลับพระนครพร้อมกับพระศพของพระราชมารดา หลังจากล้มเหลวในการล้อมกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้และกองทัพของพระองค์ตัดสินใจถอยกลับไปทางเหนือใกล้อำเภอแม่สอด[1]: 18–20 

พระราเมศวรและสมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับพระบัญชาให้ไล่ตามกองทัพที่ล่าถอย และสังหารทหารพม่าไปจำนวนมาก ไม่นานฝ่ายพม่าก็ตัดสินใจยืนหยัดและซุ่มโจมตีกองทัพสยามใกล้ ๆ กำแพงเพชร โดยแบ่งกำลังอยู่สองฟากของถนนและตีกระหนาบกองทัพของพระราเมศวร ผลที่ตามมา พระราเมศวรและพระมหาธรรมราชาถูกจับโดยกองทัพพม่า สิ่งนี้กระตุ้นให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเจรจาสันติภาพกับพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ส่งผลให้ต้องสูญเสียช้างเผือก 2 ช้างและพักรบ พระราเมศวรและพระมหาธรรมราชาได้รับการปล่อยตัวและอนุญาตให้พม่าล่าถอยได้โดยไม่ถูกไล่ติดตาม หลังสงครามพระราเมศวรเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายที่สนับสนุนการรื้อกำแพงเมืองของสุพรรณบุรี ลพบุรี และนครนายก สิ่งนี้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการรุกรานของพม่าในอนาคตด้วยฐานที่มั่นที่แข็งแกร่ง[1]: 20–26 

สงครามช้างเผือก

[แก้]

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิหลังจากสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ได้เสด็จออกคล้องช้างป่าครั้งใหญ่ซึ่งนำไปสู่การค้นพบช้างเผือกเจ็ดช้าง เป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศ การค้นพบของพวกเขาได้รับการเฉลิมฉลอง อันเป็นเครื่องหมายแห่งความชอบธรรมและอำนาจของกษัตริย์ ในปี พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนอง (ซึ่งสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ในปี พ.ศ. 2094) ที่ได้ยินข่าวนี้ตัดสินพระทัยใช้ช้างเป็นข้ออ้างในการรุกราน โดยขอช้างเผือกของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสองช้าง ฝ่ายสนับสนุนสงครามที่นำโดยพระราเมศวรได้กราบทูลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิมิให้ทำตามคำขอและเผชิญหน้ากับการรุกราน[1]: 27–31 

ตามคำกราบทูลของพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ได้ปฏิเสธและไม่นานพระเจ้าบุเรงนองก็รุกรานสยาม เมืองสวรรคโลก สุโขทัย และ พิชัย ก็เสียแก่พม่า หลังจากเฝ้ารออยู่หลายเดือนเมืองพิษณุโลกก็ยอมแพ้ต่อกองทัพพม่า พระเทวัน (น้องเขย) ของพระราเมศวร พระมหาธรรมราชา ได้ตัดสินพระทัยสาบานพระองค์ว่าจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าบุเรงนอง[1]: 33–37 

กรุงศรีอยุธยาสามารถต้านทานการล้อมโดยกองทัพพม่าได้เป็นเวลาหลายเดือน อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือของทหารรับจ้างชาวโปรตุเกส พระเจ้าบุเรงนองสามารถถล่มเมืองได้อย่างต่อเนื่องด้วยปืนใหญ่และกระสุนเพลิง ชาวกรุงกลัวเสียงดังและเหน็ดเหนื่อยจากสงคราม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิตัดสินพระทัยยอมแพ้ต่อพม่า ถึงเวลานี้ พระราเมศวรและฝ่ายสนับสนุนสงครามสูญเสียความน่าเชื่อถือทั้งหมดภายในราชสำนัก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่น[1]: 34, 37–39 

ดังนั้นสยามกลายเป็นเมืองขึ้นของพม่าเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2107 กับการยอมแพ้ครั้งนี้ พระเจ้าบุเรงนองก็สามารถที่จะสร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิ้นพระชนม์

[แก้]

เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพ พระราเมศวรและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและประชาชนหลายพันคนถูกพาตัวไปยังหงสาวดีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปี พ.ศ. 2107 ถึงที่นั่นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2107[2] พระชายาของพระองค์และพระญาติตามเสด็จมาที่นี่ด้วย ในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2107 พระราเมศวรที่พระพลานามัยไม่สู้ดีถึงกระนั้นก็ยอมเดินทัพไป ล้านนา พร้อมด้วยกองทัพหลักของพม่าเพื่อปราบกบฏของ พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ พระราเมศวรประชวรสวรรคตระหว่างทางไปล้านนาในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2107[3][note 1]

พงศาวลี

[แก้]

ดูเพิ่ม

[แก้]

บันทึก

[แก้]
  1. He died sometime between 23 October 1564 (start of campaign) and 25 November 1564 (Mekuti's surrender) per (Maha Yazawin Vol. 2 2006: 278).

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Rajanubhab, D., 2001, Our Wars With the Burmese, Bangkok: White Lotus Co. Ltd., ISBN 9747534584
  2. Maha Yazawin Vol. 2 2006: 275
  3. Maha Yazawin Vol. 2 2006: 303