การฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตาย | |
---|---|
![]() | |
เลอซุยไซด์ โดยเอดัวร์ มาแน | |
สาขาวิชา | จิตเวชศาสตร์ |
การตั้งต้น | >70 และ 12–30 ปี[1] |
สาเหตุ | การแขวนคอ, พิษของยาฆ่าแมลง, กระโดดตึก ,ปืน[2][3] |
ปัจจัยเสี่ยง | โรคซึมเศร้า, โรคอารมณ์สองขั้ว, โรคจิตเภท, ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ, โรควิตกกังวล, โรคพิษสุรา, substance abuse[2][4][5] |
การป้องกัน | จำกัดโอกาสฆ่าตัวตาย, บำบัดโรคประจำตัวผู้ป่วย, สื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวฆ่าตัวตายอย่างระมัดระวัง, พัฒนาสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ[2] |
ความชุก | 12 คนใน 100,000 คนต่อปี;[6] 0.5% (โอกาสในชีวิต)[7] |
การเสียชีวิต | 793,000 / 1.4% ของการตาย (2016)[8] |
การฆ่าตัวตาย หรือ อัตฆาตกรรม หรือ อัตวินิบาตกรรม การฆ่าตัวตายคือการกระทำที่มีเจตนาทำให้ตนเองเสียชีวิต[9] โดยปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อย ได้แก่ ความผิดปกติทางจิต ความผิดปกติทางร่างกาย และการใช้สารเสพติด[2][4][10][11]
การฆ่าตัวตายบางกรณีเกิดขึ้นอย่างหุนหันพลันแล่นจากภาวะเครียด เช่น ปัญหาทางการเงินหรือการเรียน ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว เช่น การเลิกราหรือการหย่าร้าง รวมถึงการถูกคุกคามหรือกลั่นแกล้ง[2][12][13] ผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนมีความเสี่ยงสูงที่จะพยายามอีกในอนาคต[2] มาตรการป้องกันการฆ่าตัวตายที่ได้ผล ได้แก่ การจำกัดการเข้าถึงวิธีการ เช่น อาวุธปืน ยาเสพติด และสารพิษ การรักษาความผิดปกติทางจิตและการติดสารเสพติด การรายงานข่าวอย่างระมัดระวัง การปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจ[2][14] รวมถึงการบำบัดพฤติกรรมเชิงวิภาษวิธี[15] แม้สายด่วนสำหรับวิกฤต เช่น 988 ในอเมริกาเหนือ และ 13 11 14 ในออสเตรเลีย จะเป็นแหล่งช่วยเหลือที่ใช้กันทั่วไป แต่ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสายด่วนเหล่านี้ไม่มากนัก[16][17]
การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 10 ของโลก[4][6] คิดเป็นประมาณ 1.5% ของการเสียชีวิตทั้งหมด[18] โดยในแต่ละปีมีอัตราการเสียชีวิตราว 12 คนต่อประชากร 100,000 คน[6] ในปี 2015 มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายทั่วโลกรวม 828,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 712,000 รายในปี 1990 อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณตามอายุ อัตราการเสียชีวิตลดลง 23.3%[19][20] เมื่อจำแนกตามเพศ พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายสูงกว่าผู้หญิง โดยสูงกว่า 1.5 เท่าในประเทศกำลังพัฒนา และสูงถึง 3.5 เท่าในประเทศพัฒนาแล้ว ในโลกตะวันตก ความพยายามฆ่าตัวตายที่ไม่ถึงแก่ชีวิตพบได้บ่อยในกลุ่มคนหนุ่มสาวและผู้หญิง[7] การฆ่าตัวตายพบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดกลับเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 30 ปี[1] ในปี 2015 ยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุด[21] โดยในแต่ละปี คาดว่ามีผู้พยายามฆ่าตัวตายโดยไม่เสียชีวิตประมาณ 10 ถึง 20 ล้านคนทั่วโลก[22] ความพยายามฆ่าตัวตายที่ไม่สำเร็จอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือความพิการถาวร[7] วิธีการฆ่าตัวตายที่ใช้บ่อยที่สุดแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของวิธีการที่มีประสิทธิภาพ[23] สำหรับการฆ่าตัวตายโดยมีผู้ช่วยเหลือ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหรือใกล้เสียชีวิต กฎหมายในหลายประเทศอนุญาตให้กระทำได้ และแนวโน้มมีจำนวนเพิ่มขึ้น[24][25]
มุมมองต่อการฆ่าตัวตายได้รับอิทธิพลจากแนวคิดด้านการดำรงอยู่ที่หลากหลาย เช่น ศาสนา เกียรติยศ และความหมายของชีวิต[26][27] กลุ่มศาสนาอับราฮัมมักถือว่าการฆ่าตัวตายเป็นการลบหลู่พระเจ้า เนื่องจากมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต[28] ขณะที่ในยุคซามูไรของญี่ปุ่น การฆ่าตัวตายรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่าเซ็ปปุกุ (腹切り, harakiri) ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีชดใช้ความล้มเหลวหรือเป็นการแสดงออกเชิงประท้วง[29] แม้ในอดีตการฆ่าตัวตายและการพยายามฆ่าตัวตายจะเคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบันไม่ถือว่าเป็นความผิดในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่แล้ว[30] อย่างไรก็ตาม ยังคงถือเป็นอาชญากรรมในบางประเทศ[31] ในช่วงศตวรรษที่ 20 และ 21 การฆ่าตัวตายบางกรณีถูกใช้เป็นรูปแบบของการประท้วง แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และยังมีการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นระหว่างหรือภายหลังจากการฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พบได้ทั้งในทางทหารและในกลุ่มผู้ก่อการร้าย[32] โดยทั่วไป การฆ่าตัวตายถูกมองว่าเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่ก่อให้เกิดความโศกเศร้าอย่างยิ่งต่อครอบครัว เพื่อนฝูง และผู้คนในชุมชน และมักถูกมองในแง่ลบแทบทุกภูมิภาคของโลก[33][34]
คำจำกัดความ
[แก้]คำว่า "suicide" ในภาษาอังกฤษมาจากภาษาละติน suicidium หมายถึง "การกระทำที่ปลิดชีวิตตนเอง"[9][35] ส่วน "ความพยายามฆ่าตัวตาย" (attempted suicide) หรือพฤติกรรมที่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต หมายถึงการทำร้ายตนเองโดยมีเจตนาบางส่วนที่จะจบชีวิต แต่ไม่ส่งผลให้เสียชีวิตจริง[36][37] "การฆ่าตัวตายโดยมีผู้ช่วยเหลือ" (assisted suicide) คือกรณีที่มีผู้อื่นให้คำแนะนำหรือจัดเตรียมวิธีการให้บุคคลหนึ่งจบชีวิตตนเอง[38] ขณะที่การุณยฆาต (euthanasia)โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การุณยฆาตโดยสมัครใจ" หมายถึงการที่ผู้อื่นมีบทบาทโดยตรงในการยุติชีวิตของผู้ที่ร้องขอ[38]
ความคิดฆ่าตัวตาย หมายถึง การมีความคิดอยากจบชีวิตตนเองโดยยังไม่ได้ลงมือกระทำใด ๆ[36] ความคิดดังกล่าวอาจมีหรือไม่มีการวางแผนหรือเจตนาอย่างชัดเจนก็ได้[37] ส่วนคำว่า suicidality หมายถึง "ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย ซึ่งมักแสดงออกผ่านความคิดหรือเจตนาที่จะฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแผนการที่ชัดเจนและมีรายละเอียดครบถ้วน"[39]
การฆาตกรรม-ฆ่าตัวตาย (murder–suicide) คือการที่บุคคลหนึ่งมีเป้าหมายในการพรากชีวิตผู้อื่นไปพร้อมกับการจบชีวิตของตนเอง โดยกรณีพิเศษของลักษณะนี้คือ การฆ่าตัวตายแบบขยาย (extended suicide) ซึ่งผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจจากการมองว่าผู้ถูกฆ่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขาเอง[40] ส่วน การฆ่าตัวตายแบบเห็นแก่ตัว (egoistic suicide) คือการฆ่าตัวตายที่เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองแปลกแยกหรือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม[41]
ศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งแคนาดาพบว่า คำกริยา commit เป็นคำที่มักใช้ในงานวิจัยทางวิชาการและสื่อมวลชนเมื่อกล่าวถึงการฆ่าตัวตาย และได้เสนอว่าควรลดการตีตราทางภาษาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายลง ในปี 2011 พวกเขาเผยแพร่บทความชื่อ "Suicide and language: Why we shouldn't use the 'C' word" เพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภาษาที่ใช้ในการพูดถึงการฆ่าตัวตาย[42][43] สมาคมจิตวิทยาอเมริกันยังระบุว่า คำว่า "committed suicide" ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากเป็นการสร้างกรอบความคิดว่าการฆ่าตัวตายเป็นอาชญากรรม[44] กลุ่มรณรงค์บางกลุ่มแนะนำให้ใช้คำว่า "เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย" "จบชีวิตตนเอง" หรือ "ปลิดชีพตัวเอง" แทนการใช้คำว่า committed suicide[45][46][47] แอสโซซิเอเท็ดเพรสสไตล์บุ๊กแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "committed suicide" เว้นแต่เป็นคำพูดโดยตรงจากเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจ[48] เช่นเดียวกับคู่มือของเดอะการ์เดียน ดิออบเซิร์ฟเวอร์ และซีเอ็นเอ็น ที่ไม่สนับสนุนการใช้คำว่า committed[49][50] โดยฝ่ายที่คัดค้านให้เหตุผลว่าคำนี้สื่อถึงว่าการฆ่าตัวตายเป็นอาชญากรรมเป็นบาป หรือผิดศีลธรรม[51]
พยาธิสรีรวิทยา
[แก้]
ยังไม่มีหลักฐานทางพยาธิสรีรวิทยาที่ชัดเจนซึ่งอธิบายการฆ่าตัวตายได้อย่างเป็นหนึ่งเดียว[7] โดยเชื่อกันว่าการฆ่าตัวตายเป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านพฤติกรรม สังคม-เศรษฐกิจ และจิตวิทยา[23]
ระดับของปัจจัยบำรุงประสาทที่ได้จากสมอง (BDNF) ที่ต่ำ ถูกพบว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการฆ่าตัวตาย[52] และเกี่ยวข้องโดยอ้อมผ่านบทบาทของ BDNF ในโรคต่าง ๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ โรคจิตเภท และโรคย้ำคิดย้ำทำ[53] การศึกษาหลังการชันสูตรพลิกศพพบว่าผู้ที่มีหรือไม่มีภาวะทางจิตเวชมีระดับ BDNF ลดลงในบริเวณฮิปโปแคมปัสและคอร์เทกซ์ส่วนหน้า[54] นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า เซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง มีระดับต่ำในผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย[55] หลักฐานบางส่วนชี้ว่าการฆ่าตัวตายอาจเกี่ยวข้องกับระดับของตัวรับ 5-HT2A ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งพบหลังการเสียชีวิต[56] รวมถึงระดับที่ลดลงของผลิตภัณฑ์สลายตัวของเซโรโทนิน คือกรด 5-ไฮดรอกซีอินโดลอะซิติก ในน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง[57] อย่างไรก็ตาม การหาหลักฐานโดยตรงยังคงเป็นเรื่องที่ยาก[56] นอกจากนี้ยังเชื่อว่า อีพีเจเนติกส์—การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกทางพันธุกรรมอันเป็นผลมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมโดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างดีเอ็นเอเดิม—ก็มีบทบาทต่อความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเช่นกัน[58]
ปัจจัยเสี่ยง
[แก้]
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย ได้แก่ ความผิดปกติทางจิต การใช้สารเสพติด สภาวะทางจิตวิทยา ปัจจัยทางวัฒนธรรมและสังคม รวมถึงสถานการณ์ในครอบครัวและสังคม นอกจากนี้ ประสบการณ์เกี่ยวกับความบอบช้ำทางจิตใจ การสูญเสีย และแนวคิดแบบสุญนิยม (Nihilism) ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน[60][61][17] ความผิดปกติทางจิตมักเกิดร่วมกับการใช้สารเสพติดบ่อยครั้ง[62] ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ การเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน[7] การเข้าถึงวิธีการปลิดชีวิตตนเองได้ง่าย ประวัติครอบครัวที่มีการฆ่าตัวตาย หรือการบาดเจ็บที่สมองจากภาวะบอบช้ำทางร่างกาย[63] ตัวอย่างเช่น อัตราการฆ่าตัวตายสูงขึ้นในครัวเรือนที่มีอาวุธปืน เมื่อเทียบกับครัวเรือนที่ไม่มีอาวุธปืน[64]
ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น การว่างงาน ความยากจน การไร้ที่อยู่อาศัย และการเลือกปฏิบัติ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความคิดฆ่าตัวตาย[65][66] ในทางตรงกันข้าม สังคมที่มีความสามัคคีทางสังคมสูงและมีข้อคัดค้านทางศีลธรรมต่อการฆ่าตัวตายมักมีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำกว่า[[37] พันธุกรรมอาจมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย โดยมีสัดส่วนอยู่ระหว่าง 38% ถึง 55%[67] นอกจากนี้ ยังพบว่าการฆ่าตัวตายสามารถเกิดขึ้นเป็นกลุ่มในพื้นที่ใกล้เคียงกันได้[68]
งานวิจัยส่วนใหญ่มักไม่ได้แยกความแตกต่างระหว่างปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่ความคิดฆ่าตัวตายและปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การพยายามฆ่าตัวตาย[69][70]อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าการมีเพียงความคิดฆ่าตัวตาย ได้แก่ ความสามารถในการทนต่อความเจ็บปวดได้สูงและความกลัวความตายที่ลดลง
ภาวะออทิซึม
[แก้]ผู้ที่มีภาวะออทิซึมมีแนวโน้มที่จะพยายามและคิดฆ่าตัวตายบ่อยกว่าประชากรทั่วไป[71] โดยพบว่าคนที่มีออทิซึมมีโอกาสพยายามฆ่าตัวตายสูงกว่าคนที่ไม่มีออทิซึมถึงเจ็ดเท่า[72]
ปัจจัยแวดล้อม
[แก้]ปัจจัยแวดล้อมบางอย่าง เช่น มลพิษทางอากาศ แสงแดดที่รุนแรง ระยะเวลาการได้รับแสงแดด อากาศร้อน และพื้นที่ที่มีระดับความสูงมาก อาจมีความเชื่อมโยงกับการฆ่าตัวตาย[73] มีข้อสันนิษฐานว่าการได้รับ PM10 ในระยะสั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[74][75] โดยปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบมากเป็นพิเศษในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว มากกว่าบุคคลทั่วไป[73]
ช่วงเวลาของปีอาจส่งผลต่ออัตราการฆ่าตัวตาย โดยพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายลดลงในช่วงคริสต์มาส[76] แต่กลับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปริมาณแสงแดดที่ได้รับ[37] นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า ผู้ชายอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นในวันเกิดของตนเอง[77]
พันธุกรรมอาจมีอิทธิพลต่ออัตราการฆ่าตัวตาย โดยพบว่าประวัติครอบครัวที่มีการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในมารดา ส่งผลกระทบต่อเด็กมากกว่าวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่[78] การศึกษาด้านการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นในญาติทางสายเลือด แต่ไม่พบในญาติที่เป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยเสี่ยงในครอบครัวไม่น่าจะเกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรม[37] เมื่อพิจารณาร่วมกับความผิดปกติทางจิต พบว่าอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยประมาณอยู่ที่ 36% สำหรับความคิดฆ่าตัวตาย และ 17% สำหรับการพยายามฆ่าตัวตาย[37] ในเชิงวิวัฒนาการ มีแนวคิดว่าการฆ่าตัวตายอาจช่วยเพิ่ม ความฟิตทางพันธุกรรมโดยรวม (inclusive fitness) โดยเฉพาะในกรณีที่บุคคลไม่สามารถมีบุตรเพิ่มได้และอาจเป็นภาระต่อญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งสำคัญคือ การเสียชีวิตของวัยรุ่นที่มีสุขภาพดีไม่น่าจะช่วยเพิ่มความฟิตทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ ความแตกต่างระหว่างสภาพแวดล้อมของบรรพบุรุษกับโลกปัจจุบันอาจทำให้เกิดผลกระทบที่เป็นโทษในสังคมยุคใหม่[79][80]
สื่อ
[แก้]
สื่อมวลชนและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญต่อการฆ่าตัวตาย[60][78] การนำเสนอข่าวในลักษณะที่เน้นปริมาณมาก ซ้ำ ๆ และโรแมนติกหรือเชิดชูการฆ่าตัวตาย อาจทำให้อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น[81] ตัวอย่างเช่น ประมาณ 15–40% ของผู้ที่ฆ่าตัวตายทิ้งจดหมายลาตายไว้[82] ซึ่งมีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรายงานเนื้อหาของจดหมายดังกล่าว นอกจากนี้ การอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการฆ่าตัวตายอาจกระตุ้นพฤติกรรมเลียนแบบในกลุ่มบุคคลที่เปราะบาง[23] ซึ่งพบเห็นได้ในหลายกรณีหลังจากมีการรายงานข่าว[83][84] วิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดผลกระทบเชิงลบจากการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย คือ การให้ความรู้แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับการรายงานข่าวที่ช่วยลดโอกาสเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และส่งเสริมให้ผู้ที่มีความเสี่ยงขอความช่วยเหลือ[81] อย่างไรก็ตาม การทำให้สื่อมวลชนปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ในระยะยาวยังคงเป็นความท้าทาย[81]
การฆ่าตัวตายเลียนแบบ หรือการแพร่ระบาดของการฆ่าตัวตาย เป็นที่รู้จักในชื่อ "เอฟเฟกต์แวเธ่อร์" (Werther effect) ซึ่งมีที่มาจากตัวละครเอกในนิยาย แวเธ่อร์ระทม ของเกอเทอ ที่ฆ่าตัวตายและนำไปสู่การเลียนแบบในหมู่ผู้อ่านที่ชื่นชอบหนังสือเล่มนี้[85] ความเสี่ยงของปรากฏการณ์นี้สูงขึ้นในวัยรุ่นที่อาจมีแนวโน้มโรแมนติกกับความตาย[86] โดยเฉพาะเมื่อสื่อมวลชนนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายอย่างไม่เหมาะสม[87][88] อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการนำเสนอเรื่องการฆ่าตัวตายในสื่อบันเทิงยังไม่ชัดเจน[89] และยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายทางอินเทอร์เน็ตมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือไม่[90] ตรงกันข้ามกับเอฟเฟกต์แวเธ่อร์ คือ "เอฟเฟกต์ปาเปเกโน" (Papageno effect) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการนำเสนอแนวทางรับมือกับปัญหาชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย คำนี้มาจากตัวละคร ปาเปเกโน ในอุปรากร ขลุ่ยวิเศษ ของโมซาร์ท ซึ่งเคยวางแผนฆ่าตัวตายเพราะกลัวการสูญเสียคนรัก แต่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ จนเปลี่ยนใจ[85] ดังนั้น การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายที่แสดงถึงผลกระทบด้านลบหรือสะท้อนผลลัพธ์ที่แตกต่าง อาจช่วยป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบ[91] นอกจากนี้ นิยายหรือสื่อที่นำเสนอปัญหาสุขภาพจิตอย่างเหมาะสม อาจช่วยสร้างความตระหนักในสังคมและกระตุ้นให้ผู้ที่มีความเสี่ยงหันมาขอความช่วยเหลือมากขึ้น[92]
อาการป่วย
[แก้]มีความเชื่อมโยงระหว่างความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายกับปัญหาสุขภาพกาย[93] เช่น อาการปวดเรื้อรัง[94] การบาดเจ็บที่สมอง [95] มะเร็ง[96] กลุ่มอาการอ่อนล้าเรื้อรัง[97] ไตวายที่ต้องฟอกไต เอชไอวี และโรคแพ้ภูมิตัวเอง[93] การวินิจฉัยโรคมะเร็งเพิ่มความถี่ของการฆ่าตัวตายประมาณสองเท่า[96] และอัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นยังคงมีอยู่ แม้จะปรับตามปัจจัยของโรคซึมเศร้าและการดื่มสุราเกินขนาด สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวมากกว่าหนึ่งโรค ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษ ในญี่ปุ่น ปัญหาสุขภาพถูกระบุว่าเป็นเหตุผลหลักของการฆ่าตัวตาย[98]
ความผิดปกติในการนอน เช่น โรคนอนไม่หลับ[99] และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย ในบางกรณี ความผิดปกติในการนอนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอิสระจากภาวะซึมเศร้า[100] นอกจากนี้ ภาวะทางการแพทย์บางอย่างอาจแสดงอาการคล้ายกับโรคอารมณ์แปรปรวน เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย โรคอัลไซเมอร์ เนื้องอกในสมอง โรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดเอสแอลอี (systemic lupus erythematosus) รวมถึงผลข้างเคียงจากยาหลายชนิด เช่น ยาเบต้า-บล็อกเกอร์ (beta blockers) และสเตียรอยด์ (steroids)[7]
โรคทางจิตใจ
[แก้]อาการป่วยทางจิตพบในช่วงเวลาที่เกิดการฆ่าตัวตายตั้งแต่ 27% ถึงมากกว่า 90% ของกรณี[101][7][102][103] สำหรับผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากพฤติกรรมฆ่าตัวตาย ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายตลอดชีวิตอยู่ที่ 8.6%[7][104] ขณะที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย มีความเสี่ยงตลอดชีวิตอยู่ที่ 4%[105] ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอาจมีภาวะซึมเศร้ารุนแรง โรคนี้หรือโรคทางอารมณ์อื่น ๆ เช่น โรคอารมณ์สองขั้ว จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายถึง 20 เท่า[105] นอกจากนี้ ภาวะทางจิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรคจิตเภท (14%) ความผิดปกติของบุคลิกภาพ (8%)[106][107] โรคย้ำคิดย้ำทำ[108] และโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ[7]
มีการประมาณว่าประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่ฆ่าตัวตายอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติ โดยโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบก้ำกึ่งเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด[109] นอกจากนี้ ประมาณ 5% ของผู้ป่วยโรคจิตเภทเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย[110] ขณะที่ความผิดปกติทางการกินเป็นอีกหนึ่งภาวะที่มีความเสี่ยงสูง[93] สำหรับผู้ที่มีอารมณ์ละเหี่ยใจในเพศกำเนิดงผู้ที่มีอารมณ์ละเหี่ยใจในเพศกำเนิด (gender dysphoria) ประมาณ 22% ถึง 50% เคยพยายามฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม อัตรานี้แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค[111][112][113][114][115]
ประมาณ 80% ของผู้ที่ฆ่าตัวตายเคยพบแพทย์ภายในหนึ่งปีก่อนเสียชีวิต[116] โดย 45% พบแพทย์ภายในเดือนก่อนหน้า[117] ประมาณ 25–40% เคยติดต่อกับบริการด้านสุขภาพจิตในปีที่ผ่านมา[101][116] ยาต้านอาการซึมเศร้าในกลุ่ม SSRI อาจเพิ่มความถี่ของการฆ่าตัวตายในเด็กและเยาวชน[118] นอกจากนี้ การไม่ยอมรับความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[68]
ปัจจัยด้านการประกอบอาชีพ
[แก้]อาชีพบางประเภทมีความเสี่ยงสูงต่อการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตาย เช่น อาชีพในกองทัพ งานวิจัยในหลายประเทศพบว่า อัตราการฆ่าตัวตายในอดีตบุคลากรกองทัพ โดยเฉพาะทหารผ่านศึกที่อายุน้อย[119][120][121][122] สูงกว่าประชากรทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ[123][124][119] ทหารผ่านศึกมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเกิดโรคทางจิตเวชที่สูงขึ้น เช่น ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) รวมถึงปัญหาสุขภาพกายที่เกี่ยวข้องกับสงคราม[125]
ความพยายามครั้งก่อน
[แก้]การทบทวนงานวิจัยประมาณ 90 ฉบับในปี 2002 สรุปว่า ผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเองมาก่อนมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงกว่าประชากรทั่วไปหลายร้อยเท่า[126] งานวิจัยล่าสุดประเมินว่า บุคคลที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมีโอกาสเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงกว่าประชากรทั่วไปประมาณ 25 เท่า[127] ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า การพยายามฆ่าตัวตายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถทำนายความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายสำเร็จได้อย่างแม่นยำที่สุด[7]
ในกลุ่มที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ มีการประมาณว่า 25% เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา[126] และตัวเลขนี้อาจสูงถึง 40%[128] หากพิจารณาในระยะเวลาที่ยาวขึ้น ความเป็นไปได้ในการฆ่าตัวตายสำเร็จจากความพยายามครั้งต่อไปขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ อายุ และเพศของบุคคล[128] ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การใช้สารเสพติดและภาวะสุขภาพจิต[127] ยังส่งผลต่อโอกาสในการฆ่าตัวตายสำเร็จหลังจากเคยพยายามมาก่อน นอกจากนี้ ระดับความตั้งใจในการฆ่าตัวตายจากความพยายามครั้งก่อนถือเป็นหนึ่งปัจจัยทำนายที่สำคัญ[129]
ระยะเวลาหลังจากการพยายามฆ่าตัวตายก็มีบทบาทสำคัญ โดยปีแรกและปีที่สองหลังจากความพยายามครั้งแรกเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อการฆ่าตัวตายสำเร็จ[126][127] คาดว่าประมาณ 1% ของผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายจะเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายภายในหนึ่งปีหลังจากความพยายามครั้งแรก[7] อย่างไรก็ตาม ประมาณ 90% ของผู้รอดชีวิตจากการพยายามฆ่าตัวตายจะไม่ฆ่าตัวตายสำเร็จในภายหลัง[130][93]
ปัจจัยทางจิตสังคม
[แก้]ปัจจัยทางจิตวิทยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ได้แก่ ความรู้สึกหมดหวัง การสูญเสียความสุขในชีวิต ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความกระวนกระวายใจ การคิดแบบยึดติด การครุ่นคิดซ้ำ ๆ การระงับความคิด และทักษะการรับมือที่ไม่ดี[105][78][131] นอกจากนี้ ความสามารถในการแก้ปัญหาที่บกพร่อง การสูญเสียความสามารถที่เคยมี และการควบคุมอารมณ์ที่ไม่ดี ก็เป็นปัจจัยสำคัญ[105][79] สำหรับผู้สูงอายุ ความรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระต่อผู้อื่นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ[132] ขณะที่ผู้ที่ไม่เคยแต่งงานก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น[7] นอกจากนี้ ความเครียดจากเหตุการณ์ในชีวิต เช่น การสูญเสียสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท หรือการตกงาน อาจเป็นตัวกระตุ้นที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[105][68]
ปัจจัยด้านบุคลิกภาพ เช่น ความวิตกกังวลและความเก็บตัวในระดับสูง มีความเชื่อมโยงกับการฆ่าตัวตาย เนื่องจากผู้ที่แยกตัวและอ่อนไหวต่อความทุกข์ใจอาจมีแนวโน้มพยายามฆ่าตัวตายมากขึ้น[78] ในทางตรงกันข้าม การมองโลกในแง่ดีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[78] ปัจจัยเสี่ยงทางจิตวิทยาอื่น ๆ ได้แก่ การมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่น้อย และความรู้สึกติดอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน[78] นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของระบบตอบสนองต่อความเครียดในสมอง โดยเฉพาะในระบบโพลีเอมีน[133] และแกนไฮโปทาลามัส-ต่อมใต้สมอง-ต่อมหมวกไต[134] อาจเกิดขึ้นระหว่างภาวะฆ่าตัวตาย[37]
การแยกตัวทางสังคมและการขาดการสนับสนุนทางสังคมมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการฆ่าตัวตาย[78] ความยากจนก็เป็นปัจจัยสำคัญ[135] โดยเฉพาะเมื่อบุคคลเผชิญกับความยากจนมากกว่าคนรอบข้าง ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[136] ในอินเดีย เกษตรกรมากกว่า 200,000 รายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายตั้งแต่ปี 1997 โดยสาเหตุหลักคือปัญหาหนี้สิน[137] ขณะที่ในจีน อัตราการฆ่าตัวตายในเขตชนบทสูงกว่าในเขตเมืองถึงสามเท่า ซึ่งเชื่อกันว่าส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาทางการเงินในพื้นที่เหล่านี้[138]
การเคร่งศาสนาอาจช่วยลดความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย ขณะที่ความเชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งสูงส่งอาจเพิ่มความเสี่ยงดังกล่าว[139][68][140] ปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากทัศนคติเชิงลบของศาสนาหลายศาสนาต่อการฆ่าตัวตาย รวมถึงความรู้สึกเชื่อมโยงทางสังคมที่ศาสนามอบให้[139] ชาวมุสลิมที่เคร่งศาสนาดูเหมือนจะมีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำกว่า แต่หลักฐานที่สนับสนุนยังไม่ชัดเจน[31] อย่างไรก็ตาม อัตราการพยายามฆ่าตัวตายไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ[31] ในขณะที่ผู้หญิงวัยรุ่นในตะวันออกกลางอาจมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่า[141]
เหตุผล
[แก้]
การฆ่าตัวตายอย่างมีเหตุผลหมายถึงการตัดสินใจจบชีวิตตนเองโดยมีเหตุผลประกอบ[142] อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่าการฆ่าตัวตายไม่มีทางเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลได้[142]
การุณยฆาตและการฆ่าตัวตายโดยได้รับการช่วยเหลือเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ สำหรับผู้ที่มีคุณภาพชีวิตย่ำแย่และไม่มีโอกาสฟื้นตัว[143][144] แนวปฏิบัติเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิในการตาย[144]
การฆ่าตัวตายเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเรียกว่า การฆ่าตัวตายแบบเสียสละ[145] ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่จบชีวิตตนเองเพื่อให้มีอาหารเหลือสำหรับคนรุ่นใหม่ในชุมชนมากขึ้น[145] ในบางวัฒนธรรมของชาวอินูอิต การฆ่าตัวตายถูกมองว่าเป็นการแสดงความเคารพ ความกล้าหาญ หรือภูมิปัญญา[146]
การโจมตีฆ่าตัวตาย เป็นการกระทำทางการเมืองหรือศาสนา โดยผู้ก่อเหตุใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่นโดยตระหนักว่าการกระทำนั้นจะนำไปสู่การเสียชีวิตของตนเอง[147] ผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าตัวตายบางคนมีแรงจูงใจจากความปรารถนาที่จะเป็นผู้พลีชีพหรือหรือได้รับแรงจูงใจทางศาสนา[125] ภารกิจคามิกาเซะเป็นการปฏิบัติที่ถือเป็นหน้าที่ต่อเป้าหมายที่สูงส่งหรือพันธกรณีทางศีลธรรม[146] ขณะที่การฆาตกรรม-ฆ่าตัวตาย หมายถึงการก่อเหตุฆาตกรรม ที่ตามมาด้วยการฆ่าตัวตายของผู้ก่อเหตุภายในหนึ่งสัปดาห์[148]
การฆ่าตัวตายหมู่มักเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันทางสังคม โดยสมาชิกยอมสละอำนาจในการตัดสินใจของตนให้กับผู้นำ[149] แม้มีเพียงสองคน การกระทำดังกล่าวก็มักถูกเรียกว่า ข้อตกลงกระทำอัตวินิบาตกรรม[150] ในบางสถานการณ์ที่การมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ บางคนอาจเลือกใช้การฆ่าตัวตายเป็นทางออก[151][152] ตัวอย่างหนึ่งคือ ผู้ต้องขังในค่ายกักกันนาซีช่วงฮอโลคอสต์ ที่จงใจสัมผัสรั้วไฟฟ้าเพื่อจบชีวิตตนเอง[153]
การทำร้ายตัวเอง
[แก้]การทำร้ายตัวเองโดยไม่มุ่งหวังให้ถึงแก่ชีวิตเป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อย โดยประมาณ 18% ของผู้คนเคยมีประสบการณ์ดังกล่าวในช่วงชีวิต[154]: 1 แม้ว่าการทำร้ายตัวเองมักไม่ถือเป็นความพยายามฆ่าตัวตาย และส่วนใหญ่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูงต่อการฆ่าตัวตาย[155] แต่ในบางกรณี ผู้ที่ทำร้ายตนเองอาจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งบ่งชี้ว่าพฤติกรรมทั้งสองอาจมีความเกี่ยวข้องกัน[155] บุคคลที่มีประวัติทำร้ายตนเองและเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีแนวโน้มเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงขึ้นถึง 68% (38–105%) เมื่อเทียบกับบุคคลทั่วไป[156]: 279
การใช้สารเสพติดในทางที่ผิด
[แก้]
การใช้สารเสพติดในทางที่ผิดเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับสองของการฆ่าตัวตาย รองจากโรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์สองขั้ว[157] ทั้งการใช้สารเสพติดเรื้อรังและภาวะพิษเฉียบพลันล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[62][158] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยร่วม เช่น ความเศร้าโศกจากการสูญเสีย[158] นอกจากนี้ การใช้สารเสพติดในทางที่ผิดยังเชื่อมโยงกับความผิดปกติทางสุขภาพจิต[62]
คนส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอยู่ภายใต้อิทธิพลของยาระงับประสาทและยานอนหลับ (เช่น แอลกอฮอล์หรือเบนโซไดอะซีพีน)[159] โดยพบภาวะติดสุราใน 15% ถึง 61% ของกรณี[62] การใช้ยาเบ็นโซไดอาเซพีนตามใบสั่งแพทย์มีความเชื่อมโยงกับอัตราการฆ่าตัวตายและการพยายามฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากผลข้างเคียงทางจิตเวช เช่น การขาดการยับยั้งชั่งใจหรืออาการถอนยา[11] ประเทศที่มีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์สูงและมีบาร์หนาแน่นมักมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงขึ้น[160] ประมาณ 2.2–3.4% ของผู้ที่เคยเข้ารับการบำบัดอาการติดสุราเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย[160] โดยกลุ่มเสี่ยงมักเป็นเพศชาย มีอายุมาก และเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน[62] สำหรับผู้ใช้เฮโรอีน การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายคิดเป็น 3–35% ของทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาประมาณ 14 เท่า[161] ส่วนในกลุ่มวัยรุ่นที่ดื่มแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด ความผิดปกติทางระบบประสาทและจิตใจอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[162]
การใช้โคเคนและเมทแอมเฟตามีนในทางที่ผิดมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการฆ่าตัวตาย[62][163] โดยเฉพาะในช่วงช่วงถอนยา ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ใช้โคเคนมีความเสี่ยงสูงสุด[164] นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้สารสูดดมก็เผชิญกับความเสี่ยงสูงเช่นกัน โดยประมาณ 20% เคยพยายามฆ่าตัวตายในบางช่วงของชีวิต และมากกว่า 65% เคยมีความคิดฆ่าตัวตาย[62] การสูบบุหรี่มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[165] แม้ว่าหลักฐานที่อธิบายความสัมพันธ์นี้ยังมีจำกัด แต่มีสมมติฐานว่า ผู้ที่มีแนวโน้มสูบบุหรี่อาจมีแนวโน้มฆ่าตัวตายเช่นกัน นอกจากนี้ การสูบบุหรี่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจนทำให้บางคนต้องการยุติชีวิต หรืออาจส่งผลต่อเคมีในสมอง เพิ่มแนวโน้มต่อการฆ่าตัวตาย[165] อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ากัญชามีผลโดยตรงต่อความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย[62]
ปัจจัยอื่น ๆ
[แก้]การบาดเจ็บทางจิตใจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความคิดฆ่าตัวตายทั้งในเด็ก[166] และผู้ใหญ่[78] บางคนอาจเลือกจบชีวิตเพื่อหลีกหนีการกลั่นแกล้งหรืออคติ[167] นอกจากนี้ ประวัติการล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก[168] และการใช้ชีวิตในสถานสงเคราะห์เด็ก[169] ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยเชื่อว่าการล่วงละเมิดทางเพศมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงประมาณ 20%[67] ความทุกข์ยากในวัยเด็กส่งผลกระทบต่อทักษะการแก้ปัญหาและความจำ ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[37] จากการศึกษาปี 2022 พบว่าประสบการณ์ในวัยเด็กที่ไม่พึงประสงค์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางจิตใจ ภาวะซึมเศร้า และความคิดฆ่าตัวตายถึงสองเท่า[170]
การพนันที่เป็นปัญหามีความเชื่อมโยงกับความคิดและความพยายามฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป[171] โดยประมาณ 12–24% ของผู้ที่ติดการพนันเคยพยายามฆ่าตัวตาย[172] นอกจากนี้ คู่สมรสของนักพนันที่มีปัญหามีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าประชากรทั่วไปถึงสามเท่า[172] ปัจจัยเสี่ยงอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงในกลุ่มนี้ ได้แก่ โรคทางจิตเวช การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาเสพติด[173]
การติดเชื้อปรสิต Toxoplasma gondii หรือโรคทอกโซพลาสโมซิส มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย โดยมีข้อสันนิษฐานว่าสาเหตุอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท อันเป็นผลจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน[37]
การป้องกัน
[แก้]การป้องกันการฆ่าตัวตายหมายถึงความพยายามร่วมกันในการลดอุบัติการณ์ของการฆ่าตัวตายผ่านมาตรการป้องกันต่าง ๆ โดยปัจจัยป้องกันสำคัญ ได้แก่ การได้รับการสนับสนุนและการเข้าถึงบริการบำบัดรักษา[61] อย่างไรก็ตาม ประมาณ 60% ของผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายไม่ได้แสวงหาความช่วยเหลือ[174] สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ว่าตนเองไม่ต้องการความช่วยเหลือ และความต้องการจัดการปัญหาด้วยตนเอง[174] แม้จะมีอัตราความคิดและพฤติกรรมฆ่าตัวตายที่สูง แต่ในปัจจุบันยังมีวิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นระบบอยู่เพียงไม่กี่แนวทางเท่านั้น[78]
การลดการเข้าถึงวิธีการฆ่าตัวตายบางประเภท เช่น อาวุธปืน หรือสารพิษอย่างยาฝิ่นและยาฆ่าแมลง สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายด้วยวิธีเหล่านั้นได้[23][175][17][37] นอกจากนี้ การจำกัดการเข้าถึงวิธีที่สามารถใช้ได้ง่าย ยังอาจช่วยลดโอกาสที่ความพยายามฆ่าตัวตายแบบหุนหันพลันแล่นจะประสบความสำเร็จ[176] มาตรการป้องกันอื่น ๆ ได้แก่ การจำกัดการเข้าถึงถ่าน (ซึ่งใช้ในการเผาฆ่าตัวตาย) และการติดตั้งสิ่งกีดขวางบนสะพานหรือชานชาลารถไฟใต้ดิน[23][177][17] นอกจากนี้ การรักษาอาการติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ภาวะซึมเศร้า รวมถึงผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ[175][17] บางแนวคิดเสนอให้จำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น การลดจำนวนบาร์ เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการป้องกันการฆ่าตัวตาย[62]

ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นที่เพิ่งมีความคิดฆ่าตัวตาย การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) อาจช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น[178][78] ส่วนโครงการในโรงเรียนที่เน้นการเพิ่มความรู้ด้านสุขภาพจิตและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ มีผลลัพธ์ที่หลากหลายในด้านการลดอัตราการฆ่าตัวตาย[17] นอกจากนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งช่วยลดความยากจน ก็อาจมีส่วนช่วยในการลดอัตราการฆ่าตัวตายได้เช่นกัน[135] ความพยายามในการส่งเสริมการเชื่อมโยงทางสังคม โดยเฉพาะในผู้ชายสูงอายุ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ[179] สำหรับผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย การติดตามดูแลหลังเหตุการณ์อาจช่วยป้องกันการพยายามซ้ำได้[180] แม้ว่าสายด่วนสำหรับกรณีฉุกเฉินจะมีให้บริการอย่างแพร่หลาย แต่ยังมีหลักฐานจำกัดที่จะยืนยันหรือปฏิเสธประสิทธิภาพของบริการเหล่านี้อย่างชัดเจน[16][17] การป้องกันการบาดเจ็บในวัยเด็กถือเป็นโอกาสสำคัญในการลดความเสี่ยงและป้องกันการฆ่าตัวตาย[166] วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกจัดขึ้นในวันที่ 10 กันยายนของทุกปี โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันการฆ่าตัวตาย (International Association for Suicide Prevention) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization)[181]
อาหาร
[แก้]ประมาณ 50% ของผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมีความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า[182][183] การนอนหลับและการรับประทานอาหารอาจมีบทบาทสำคัญต่อภาวะซึมเศร้า (โรคซึมเศร้า) และการดูแลในด้านเหล่านี้อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพของวิธีการรักษาแบบทั่วไปได้[184] นอกจากนี้ การขาดวิตามินบี 2 บี 6 และบี 12 ยังอาจเป็นสาเหตุของภาวะซึมเศร้าในผู้หญิงได้[185]
ความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าอาจลดลงได้ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ "ซึ่งประกอบด้วยผลไม้ ผัก ถั่ว และพืชตระกูลถั่วในปริมาณมาก รวมถึงการบริโภคสัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมในระดับปานกลาง และเนื้อแดงเพียงเป็นครั้งคราวเท่านั้น"[186][187] การรับประทานอาหารอย่างสมดุลควบคู่กับการดื่มน้ำอย่างเพียงพอถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพจิตโดยรวม การบริโภคปลาที่มีไขมันอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจิต เนื่องจากเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมกา 3 ซึ่งมีบทบาทในการทำงานของสมอง การบริโภคคาร์โบไฮเดรตขัดสีในปริมาณมาก (เช่น ขนมขบเคี้ยว) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการซึมเศร้าได้ อย่างไรก็ตาม กลไกที่อาหารมีผลต่อสุขภาพจิตยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างชัดเจน มีข้อเสนอแนะว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด การอักเสบในร่างกาย หรือผลกระทบต่อไมโครไบโอมในลำไส้[186]
การคัดกรอง
[แก้]IS PATH WARM เป็นคำย่อที่ใช้ประเมินบุคคลที่อาจมีแนวโน้มฆ่าตัวตาย โดยประกอบด้วยอาการสำคัญ ได้แก่ Ideation (มีความคิดอยากตาย), Substance abuse (ใช้สารเสพติด), Purposelessness (รู้สึกไร้จุดมุ่งหมาย), Anger (โกรธหรือหงุดหงิดง่าย), Trapped (รู้สึกติดอยู่ในสถานการณ์ที่หลีกหนีไม่ได้), Hopelessness (สิ้นหวัง), Withdrawal (แยกตัวจากสังคม), Anxiety (วิตกกังวล), Recklessness (ประมาท ไม่กลัวอันตราย) และ Mood changes (อารมณ์แปรปรวน)[188]
— สมาคมอเมริกันเพื่อการศึกษาการฆ่าตัวตาย (American Association of Suicidology) ปี 2019
มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลของการคัดกรองประชากรทั่วไปต่ออัตราการฆ่าตัวตายโดยรวม[189][190] อย่างไรก็ตาม การคัดกรองผู้ที่เข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินจากการทำร้ายตนเองได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยในการระบุความคิดและความตั้งใจในการฆ่าตัวตายได้ ในกระบวนการประเมิน มีการใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยา เช่น Beck Depression Inventory และ Geriatric Depression Scale สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อช่วยประเมินภาวะซึมเศร้าและความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย[191] เนื่องจากผู้ที่ได้รับผลบวกจากแบบคัดกรองจำนวนมากไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจริง ทำให้เกิดความกังวลว่าการคัดกรองทั่วไปอาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรด้านสุขภาพจิตอย่างสิ้นเปลือง[192] อย่างไรก็ตาม แนะนำให้มีการประเมินเฉพาะกลุ่มผู้ที่อยู่ในความเสี่ยงสูง[7] ทั้งนี้ การสอบถามเกี่ยวกับความคิดฆ่าตัวตายไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายแต่อย่างใด[7]
การรักษาโรคทางจิต
[แก้]สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต การบำบัดหลายรูปแบบอาจช่วยลดความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความคิดหรือพฤติกรรมฆ่าตัวตายอย่างชัดเจน อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวช ทั้งโดยสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ได้[7] โดยทั่วไป ทรัพย์สินหรือสิ่งของที่อาจนำไปใช้ทำร้ายตนเองจะถูกนำออกจากผู้ป่วย[93] แพทย์บางรายอาจให้ผู้ป่วยลงนามในสัญญาป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองหากได้รับการปล่อยตัว[7] อย่างไรก็ตาม งานวิจัยพบว่าแนวทางนี้ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญในการลดความเสี่ยงของการฆ่าตัวตาย[7] หากบุคคลนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ อาจมีการจัดการรักษาสุขภาพจิตในรูปแบบผู้ป่วยนอกได้[93] สำหรับผู้ที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่งและมีความคิดฆ่าตัวตายเรื้อรัง การรักษาในโรงพยาบาลระยะสั้นไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิผลเหนือกว่าการดูแลในชุมชนในการปรับปรุงผลลัพธ์โดยรวม[193][194]
มีหลักฐานเบื้องต้นว่าการทำจิตบำบัด โดยเฉพาะพฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี สามารถช่วยลดความคิดฆ่าตัวตายในกลุ่มวัยรุ่น[195] รวมถึงผู้ที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง[196] นอกจากนี้ ยังอาจมีประโยชน์ในการลดความพยายามฆ่าตัวตายในผู้ใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง[197]
มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างประโยชน์และโทษของยาต้านอาการซึมเศร้า[60] โดยในกลุ่มคนหนุ่มสาว ยาต้านอาการซึมเศร้าบางชนิด เช่น SSRI ดูเหมือนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความคิดหรือพฤติกรรมฆ่าตัวตาย จาก 25 รายต่อ 1,000 คน เป็น 40 รายต่อ 1,000 คน[198] อย่างไรก็ตาม ในผู้สูงอายุ ยากลุ่มนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายได้[7] ลิเธียมดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยที่มีภาวะอารมณ์สองขั้วและโรคซึมเศร้า ให้ใกล้เคียงกับระดับความเสี่ยงของประชากรทั่วไป[199][200] ขณะที่ยาโคลซาพีนอาจช่วยลดความคิดฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคจิตเภทบางรายได้[201] เคตามีน ซึ่งเป็นยาสลบชนิดออกฤทธิ์แบบแยกส่วน ดูเหมือนจะมีผลในการลดอัตราความคิดฆ่าตัวตาย[202] ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพมีข้อผูกพันทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย[203][204]
จดหมายห่วงใย
[แก้]
แบบจำลอง "จดหมายห่วงใย" ในการป้องกันการฆ่าตัวตาย[205][206] เป็นแนวทางที่ใช้การส่งจดหมายสั้น ๆ แสดงความห่วงใยและความสนใจต่อผู้รับ โดยไม่มีการกดดันให้ดำเนินการใด ๆ การแทรกแซงลักษณะนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายได้จริง จากการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม[207] เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการส่งจดหมายจากนักวิจัยที่เคยพูดคุยกับผู้รับอย่างลึกซึ้งในช่วงที่อีกฝ่ายอยู่ในภาวะวิกฤตการณ์ฆ่าตัวตาย[206] จดหมายที่ส่งเป็นจดหมายพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด มีเนื้อหาสั้น บางฉบับยาวเพียงสองประโยค ลงนามโดยนักวิจัยด้วยตนเอง แสดงถึงความห่วงใยและความสนใจต่อผู้รับโดยไม่แสดงความคาดหวังหรือเรียกร้องใด ๆ[206] ในช่วงแรก จดหมายจะถูกส่งทุกเดือน จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดความถี่เหลือทุกไตรมาส และหากผู้รับเขียนตอบกลับ จะมีการส่งจดหมายส่วนตัวเพิ่มเติมเพื่อตอบสนอง[206]
จดหมายแสดงความห่วงใยเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่ำ และถือเป็นวิธีเดียว[206] หรือหนึ่งในไม่กี่วิธี[205] ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในช่วงปีแรก ๆ หลังจากที่บุคคลพยายามฆ่าตัวตายและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
วิธีการ
[แก้]
วิธีการฆ่าตัวตายหลักๆ แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ วิธีการชั้นนำในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ การแขวนคอ การวางยาพิษ และอาวุธปืน[3] เชื่อกันว่าความแตกต่างของวิธีการฆ่าตัวตายในแต่ละประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับความพร้อมในการเข้าถึงวิธีการเหล่านั้น[23] การศึกษาจาก 56 ประเทศพบว่าการแขวนคอเป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุดในหลายประเทศ[3] โดยคิดเป็น 53% ของการฆ่าตัวตายในผู้ชาย และ 39% ในผู้หญิง[209]
ทั่วโลกมีการประมาณว่าประมาณ 30% ของการฆ่าตัวตายเกิดจากการได้รับพิษจากยาฆ่าแมลง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา[2] อัตราการใช้วิธีนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่ 4% ในยุโรป ไปจนถึงมากกว่า 50% ในภูมิภาคแปซิฟิก[210] นอกจากนี้ วิธีนี้ยังพบได้บ่อยในภูมิภาคละตินอเมริกา เนื่องจากประชากรในภาคเกษตรสามารถเข้าถึงสารเคมีดังกล่าวได้ง่าย[23] ในหลายประเทศ การใช้ยาเกินขนาดเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายประมาณ 60% ในผู้หญิง และ 30% ในผู้ชาย[211] โดยหลายกรณีเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า และมักเกิดขึ้นในช่วงภาวะสับสนหรือความลังเลอย่างเฉียบพลัน[23] อัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายแตกต่างกันไปตามวิธีการ ได้แก่ อาวุธปืน 80–90%, การจมน้ำ 65–80%, การแขวนคอ 60–85%, การกระโดดจากที่สูง 35–60%, การเผาถ่าน 40–50%, ยาฆ่าแมลง 60–75% และการใช้ยาเกินขนาด 1.5–4.0%[23] วิธีการพยายามฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่สุดแตกต่างจากวิธีที่นำไปสู่การเสียชีวิตมากที่สุด โดยในประเทศพัฒนาแล้ว สูงถึง 85% ของความพยายามฆ่าตัวตายเกิดจากการใช้ยาเกินขนาด[93]
ในประเทศจีน การบริโภคยาฆ่าแมลงเป็นวิธีฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่สุด[212] ส่วนในญี่ปุ่น แม้การผ่าท้องตัวเองที่เรียกว่า เซ็ปปูกุ (ฮาราคีรี) ยังคงเกิดขึ้น[212] แต่โดยทั่วไป วิธีที่พบบ่อยที่สุดคือการแขวนคอและการกระโดดจากที่สูง[213] การกระโดดฆ่าตัวตายเป็นวิธีที่พบบ่อยในฮ่องกงและสิงคโปร์ คิดเป็น 50% และ 80% ตามลำดับ[23] ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์ อาวุธปืนเป็นวิธีการฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มชายหนุ่ม แต่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากการเข้าถึงอาวุธปืนลดลง[214][215] ในสหรัฐอเมริกา 50% ของการฆ่าตัวตายเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (56% เทียบกับ 31%)[216] วิธีที่พบบ่อยรองลงมาคือการแขวนคอในผู้ชาย (28%) และการวางยาพิษในผู้หญิง (31%)[216] โดยรวมแล้ว การแขวนคอและการวางยาพิษคิดเป็นประมาณ 42% ของการฆ่าตัวตายในสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ ปี 2017)[216]
วิทยาการระบาด
[แก้]
ประมาณ 1.4% ของประชากรเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย โดยมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 11.6 ต่อประชากร 100,000 คนต่อปี[6][7] ในปี 2013 การฆ่าตัวตายส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 842,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 712,000 รายในปี 1990[20] อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึง 60% ระหว่างช่วงปี 1960 ถึง 2012 โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่พบในประเทศกำลังพัฒนา[4] ทั่วโลก ณ ปี ข้อมูลเมื่อ 2008[update]/2009 การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 10[4] โดยสำหรับทุกกรณีที่ฆ่าตัวตายจนเสียชีวิต จะมีความพยายามฆ่าตัวตายเกิดขึ้นระหว่าง 10 ถึง 40 ครั้ง[7]
อัตราการฆ่าตัวตายแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศและช่วงเวลา[6] โดยในปี 2008 หากคิดเป็นสัดส่วนของการเสียชีวิตทั้งหมด พบว่าอยู่ที่ 0.5% ในแอฟริกา, 1.9% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 1.2% ในทวีปอเมริกา และ 1.4% ในยุโรป[6] อัตราการฆ่าตัวตายต่อประชากร 100,000 คนในแต่ละประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย 8.6 แคนาดา 11.1 จีน 12.7 อินเดีย 23.2 สหราชอาณาจักร 7.6 สหรัฐอเมริกา 11.4 และเกาหลีใต้ 28.9[218][219] โรคนี้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 10 ของสาเหตุการเสียชีวิตในสหรัฐอเมริกาในปี 2016 โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 45,000 รายในปีนั้น[220] อัตราการฆ่าตัวตายในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา[220] โดยในปี 2022 มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประมาณ 49,500 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดที่เคยมีการบันทึกไว้[221] นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีผู้พยายามฆ่าตัวตายประมาณ 650,000 รายที่เข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินของสหรัฐอเมริกา[7] อัตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายอายุ 50 ปีในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ระหว่างปี 1999–2010[222] ประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุด ได้แก่ กรีนแลนด์ ลิทัวเนีย ญี่ปุ่น และฮังการี[6] ประมาณ 75% ของการฆ่าตัวตายทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา[2] โดยจีนและอินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ฆ่าตัวตายมากที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากจำนวนประชากรที่มาก ทำให้ทั้งสองประเทศคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนการฆ่าตัวตายทั่วโลก[6] สำหรับประเทศจีน การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 5[223]
-
อัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายต่อ 100,000 คน เมื่อปี 2017[224]
-
สัดส่วนการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ในปี 2017[225]
มีรายงานการฆ่าตัวตายในประเทศอิหร่านอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 5,000 ครั้งในปี 2022[226]
เพศและเพศสภาพ
[แก้]ทั่วโลก ข้อมูลในปี 2012 ระบุว่าการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิงประมาณ 1.8 เท่า[6][227] ขณะที่ในโลกตะวันตก ผู้ชายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิงถึง 3–4 เท่า[6] ความแตกต่างนี้ยิ่งชัดเจนในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี โดยพบว่าผู้ชายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิงถึง 10 เท่า[228] ในขณะที่การพยายามฆ่าตัวตายและการทำร้ายตัวเองพบได้ในผู้หญิงบ่อยกว่าผู้ชายประมาณ 2 ถึง 4 เท่า[7][229][230] นักวิจัยได้อธิบายความแตกต่างระหว่างอัตราการฆ่าตัวตายและความพยายามฆ่าตัวตายระหว่างเพศว่า เกิดจากผู้ชายมักเลือกใช้วิธีที่รุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าในการจบชีวิตตนเอง[228][231][232] อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยังไม่มีการแยกข้อมูลระหว่างความพยายามฆ่าตัวตายโดยเจตนาออกจากการทำร้ายตัวเองโดยไม่หวังผลให้ถึงแก่ชีวิตในการเก็บรวบรวมสถิติในระดับประเทศ[233]
ประเทศจีนมีอัตราการฆ่าตัวตายของผู้หญิงสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และเป็นประเทศเดียวที่อัตราการฆ่าตัวตายของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย (อัตราส่วน 0.9)[6][223] ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก อัตราการฆ่าตัวตายระหว่างเพศชายและหญิงเกือบเท่ากัน[6] อัตราการฆ่าตัวตายของผู้หญิงที่สูงที่สุดพบในเกาหลีใต้ โดยอยู่ที่ 22 ต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตกโดยรวมก็มีอัตราสูงเช่นกัน[6]
บทวิจารณ์หลายฉบับพบว่ากลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และบุคคลข้ามเพศมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงขึ้น[234][235] โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลข้ามเพศ อัตราการพยายามฆ่าตัวตายอยู่ที่ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับอัตราในประชากรทั่วไปที่ประมาณ 5%[236][237] ซึ่งเชื่อกันว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการถูกตีตราและเลือกปฏิบัติทางสังคม[238]
อายุ
[แก้]
ในหลายประเทศ อัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดอยู่ในกลุ่มวัยกลางคน[240] หรือผู้สูงอายุ[23] อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากที่สุดพบในกลุ่มอายุระหว่าง 15 ถึง 29 ปี เนื่องจากมีจำนวนประชากรในช่วงวัยนี้มาก[6] ทั่วโลก อายุเฉลี่ยของผู้ที่ฆ่าตัวตายอยู่ระหว่าง 30 ถึง 49 ปี ทั้งในเพศชายและหญิง[241] สำหรับเด็ก ความคิดฆ่าตัวตายพบได้น้อย แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยรุ่น[242]
ในสหรัฐอเมริกา อัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในผู้ชายผิวขาวที่มีอายุมากกว่า 80 ปี แม้ว่ากลุ่มคนอายุน้อยจะมีความพยายามฆ่าตัวตายบ่อยกว่าก็ตาม[7] การฆ่าตัวตายยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสองในกลุ่มวัยรุ่น[60] และในกลุ่มชายหนุ่ม ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสองรองจากอุบัติเหตุ[240] ในผู้ชายวัยหนุ่มในประเทศที่พัฒนาแล้ว การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเกือบ 30%[240] ส่วนในประเทศกำลังพัฒนา แม้อัตราการฆ่าตัวตายจะใกล้เคียงกัน แต่คิดเป็นสัดส่วนของการเสียชีวิตโดยรวมที่น้อยกว่า เนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บประเภทอื่นสูงกว่า[240] ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแตกต่างจากภูมิภาคอื่นของโลก พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในผู้หญิงวัยรุ่นสูงกว่าผู้หญิงสูงอายุ[6]
ประวัติศาสตร์
[แก้]
ในเอเธนส์โบราณ ผู้ที่ฆ่าตัวตายโดยไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐจะไม่ได้รับเกียรติให้ฝังศพตามพิธีกรรมปกติ โดยศพจะถูกฝังอย่างโดดเดี่ยวในเขตชานเมือง ไม่มีศิลาหลุมศพหรือป้ายแสดงชื่อใด ๆ[243] นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมการตัดมือออกจากร่างและนำไปฝังแยกต่างหาก[244] โดยเชื่อว่ามือ (รวมถึงเครื่องมือที่ใช้) เป็นผู้กระทำผิดในเหตุการณ์นั้น[245] อย่างไรก็ตาม การฆ่าตัวตายถือเป็นวิธีที่ยอมรับได้ในบริบทของการรับมือกับความพ่ายแพ้ทางทหาร[246] ในกรุงโรมโบราณ แม้ในช่วงแรกการฆ่าตัวตายจะได้รับการยอมรับ แต่ต่อมาก็ถูกมองว่าเป็นอาชญากรรมต่อรัฐ เนื่องจากเป็นการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์และภาระทางเศรษฐกิจต่อสังคม[247] อริสโตเติลประณามการฆ่าตัวตายทุกรูปแบบ ในขณะที่เพลโตมีท่าทีลังเล โดยไม่ได้ปฏิเสธหรือสนับสนุนอย่างชัดเจน[248] ในกรุงโรมโบราณ การฆ่าตัวตายอาจมีสาเหตุหลายประการ เช่น การอาสาเสียชีวิตในการต่อสู้ของนักสู้กลาดิอาตอร์ ความรู้สึกผิดจากการฆ่าผู้อื่น การกระทำเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น การแสดงความโศกเศร้าไว้ทุกข์ ความอับอายจากการถูกข่มขืน หรือเพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์ที่ทนไม่ได้ เช่น ความเจ็บปวดทางร่างกาย ความพ่ายแพ้ทางทหาร หรือการถูกไล่ล่าจากการกระทำผิดทางอาญา[248]

การฆ่าตัวตายถูกมองว่าเป็นบาป ในยุโรปยุคคริสต์ และถูกประณามอย่างชัดเจนในการประชุมสภาอาลส์ เมื่อปี 452 ว่าเป็นการกระทำของปีศาจ ในยุคกลาง คริสตจักรมีการถกเถียงกันอย่างยืดเยื้อเกี่ยวกับขอบเขตระหว่างความปรารถนาที่จะเป็นผู้พลีชีพ กับการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในกรณีของผู้พลีชีพแห่งเมืองกอร์โดบา ที่จงใจยอมตายเพื่อศรัทธา ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าการกระทำนั้นถือเป็นการเสียสละเพื่อศาสนาหรือการฆ่าตัวตายกันแน่ แม้จะมีข้อถกเถียงและการตัดสินอย่างเป็นทางการเป็นครั้งคราว แต่หลักคำสอนของนิกายโรมันคาทอลิกเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจนกระทั่งช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 กฎหมายอาญาที่ประกาศใช้โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสในปี 1670 นั้นถือว่าเข้มงวดอย่างยิ่ง แม้แต่ตามมาตรฐานของยุคนั้น โดยระบุให้ร่างของผู้ที่ฆ่าตัวตายต้องถูกลากผ่านถนนในท่าใบหน้าคว่ำ จากนั้นจึงถูกแขวนคอหรือนำไปทิ้งยังกองขยะ และทรัพย์สินทั้งหมดของบุคคลนั้นจะถูกยึดเป็นของรัฐ[249][250]
ทัศนคติต่อการฆ่าตัวตายเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) โดยหนึ่งในงานเขียนสมัยใหม่ชุดแรกที่ออกมาโต้แย้งการประณามการฆ่าตัวตายคือ Biathanatos ของจอห์น ดันน์ ซึ่งเสนอการปกป้องการฆ่าตัวตายผ่านการอ้างอิงพฤติกรรมของบุคคลในพระคัมภีร์ เช่น พระเยซู แซมสัน และซาอูล รวมทั้งใช้เหตุผลตามหลักตรรกะและธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนว่าการฆ่าตัวตายอาจเป็นที่ยอมรับได้ในบางสถานการณ์[251]
กระบวนการทำให้สังคมเป็นฆราวาส ซึ่งเริ่มต้นในยุคแห่งแสงสว่าง ได้ตั้งคำถามต่อทัศนคติทางศาสนาแบบดั้งเดิม (เช่น มุมมองของคริสต์ศาสนิกชนต่อการฆ่าตัวตาย) และได้นำเสนอแนวคิดที่มีความเป็นเหตุเป็นผลและทันสมัยมากขึ้นต่อประเด็นนี้ เดวิด ฮูม ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าการฆ่าตัวตายเป็นอาชญากรรม โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นโดยตรง และอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำเอง ในบทความ Essays on Suicide and the Immortality of the Soul ที่เขาเขียนในปี 1777 ฮูมได้ตั้งคำถามเชิงวาทศิลป์ว่า "เหตุใดข้าพเจ้าจึงต้องยืดชีวิตที่น่าสังเวชออกไป เพียงเพราะผลประโยชน์อันไร้สาระที่สาธารณชนอาจได้รับจากข้าพเจ้า?"[251] การวิเคราะห์ของเดวิด ฮูม ถูกนักปรัชญา ฟิลิป รีด วิพากษ์วิจารณ์ว่า "แย่อย่างผิดปกติ (สำหรับเขา)" เนื่องจากฮูมตีความแนวคิดเรื่องหน้าที่อย่างแคบเกินไป และข้อสรุปของเขาก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าการฆ่าตัวตายจะต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าโศก ความรู้สึกผิด หรือความเจ็บปวดทางอารมณ์ต่อเพื่อนและครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ — ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แทบจะไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลย[252] นอกจากนี้ ยังเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติในสาธารณชนโดยทั่วไป เช่น ในปี 1786 หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ ได้เปิดประเด็นการถกเถียงอย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับญัตติที่ว่า "การฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่กล้าหาญหรือไม่"[253]
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 แนวคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายในยุโรปได้เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มองว่าเป็นผลจาก บาป กลายเป็นการมองว่าเกิดจากความวิกลจริต หรือปัญหาทางจิต[250] แม้ว่าการฆ่าตัวตายจะยังคงถูกจัดว่าเป็นความผิดทางกฎหมายในช่วงเวลานั้น แต่ก็เริ่มกลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาเสียดสีในสื่อวัฒนธรรมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น อุปรากรตลกเรื่อง The Mikado ของกิลเบิร์ตและซัลลิแวน ได้นำเสนอการล้อเลียนแนวคิดการลงโทษผู้ที่ฆ่าตัวตายด้วยการประหารชีวิต ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งของกฎหมายและทัศนคติในยุคนั้น
ภายในปี 1879 กฎหมายอังกฤษเริ่มมีการแยกแยะระหว่างการฆ่าตัวตายและการฆาตกรรม แม้ว่าการฆ่าตัวตายยังคงส่งผลให้ทรัพย์สินมรดกของผู้เสียชีวิตถูกยึด[254] ต่อมาในปี 1882 ผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายได้รับอนุญาตให้ฝังศพในเวลากลางวันในอังกฤษ[255] ภายในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 การฆ่าตัวตายได้กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ คำว่า “การฆ่าตัวตาย” (suicide) ปรากฏขึ้นครั้งแรกไม่นานก่อนปี 1700 โดยใช้แทนคำเรียกแบบเดิมที่มักสื่อถึงการฆ่าตัวตายว่าเป็นการ "ฆ่าตัวเองโดยเจตนา" หรือ "การฆาตกรรมตัวเอง" ซึ่งสะท้อนมุมมองทางศีลธรรมในยุคนั้น[248]
สังคมและวัฒนธรรม
[แก้]กฎหมาย
[แก้]

การฆ่าตัวตายยังคงถือเป็นอาชญากรรมในบางพื้นที่ของโลก[256] อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดในยุโรปที่ถือว่าการฆ่าตัวตายหรือความพยายามฆ่าตัวตายเป็นความผิดทางกฎหมายอีกต่อไป[257] ทั้งนี้ ในอดีต ประเทศในยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่เคยถือว่าการฆ่าตัวตายเป็นอาชญากรรม ตั้งแต่ยุคกลางไปจนถึงอย่างน้อยช่วงศตวรรษที่ 19[254] เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ทำให้การฆ่าตัวตายโดยแพทย์ช่วย และการุณยฆาตถูกกฎหมาย โดยกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2002 ทั้งนี้ มีเพียงแพทย์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในทั้งสองกรณี และต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่กฎหมายของเนเธอร์แลนด์กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด[258] หากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่กำหนดไว้ จะถือเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมาย[259] ในประเทศเยอรมนี การุณยฆาตแบบกระทำโดยตรง ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และบุคคลใดก็ตามที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะมีผู้พยายามฆ่าตัวตาย อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาไม่ให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้[260] สวิตเซอร์แลนด์ได้ดำเนินการเพื่อให้การฆ่าตัวตายโดยได้รับความช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยทางจิตเรื้อรังเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย โดยในปี 2006 ศาลสูงแห่งเมืองโลซาน ได้มีคำพิพากษาให้สิทธิแก่บุคคลนิรนามรายหนึ่ง ซึ่งมีปัญหาทางจิตเวชมายาวนาน ในการเลือกยุติชีวิตของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย[261] อังกฤษและเวลส์ได้ยกเลิกสถานะความผิดทางกฎหมายของการฆ่าตัวตายผ่านพระราชบัญญัติการฆ่าตัวตาย ค.ศ. 1961 ส่วนสาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันในปี 1993[257] คำว่า "commit suicide" เคยถูกใช้เพื่อสื่อถึงการกระทำผิดกฎหมาย แต่ในปัจจุบันหลายองค์กรได้เลิกใช้คำนี้แล้ว เนื่องจากมีความหมายในเชิงลบและเป็นการตีตราผู้ที่เผชิญกับภาวะทางจิตใจ[262][263]
ในสหรัฐอเมริกา การฆ่าตัวตายไม่ถือเป็นความผิดทางกฎหมายโดยตรง แต่ในบางกรณี ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายอาจเผชิญกับบทลงโทษหรือผลทางกฎหมายบางประการได้[257] การฆ่าตัวตายโดยได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ ถือเป็นสิ่งถูกกฎหมายในรัฐวอชิงตัน สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคระยะสุดท้าย[264] ขณะที่ในรัฐออริกอน ผู้ป่วยระยะสุดท้ายสามารถขอรับยาจากแพทย์เพื่อช่วยยุติชีวิตของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย[265] นอกจากนี้ ชาวแคนาดาที่เคยพยายามฆ่าตัวตายอาจถูกห้ามไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ชายแดนในการปฏิเสธการเข้าประเทศของบุคคลที่มีประวัติปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน[266][267]
ในออสเตรเลีย การฆ่าตัวตายไม่ถือเป็นอาชญากรรม[268] อย่างไรก็ตาม การให้คำปรึกษา ยุยง หรือช่วยเหลือผู้อื่นในการพยายามฆ่าตัวตายถือเป็นความผิดทางอาญา และกฎหมายยังระบุไว้อย่างชัดเจนว่าบุคคลใดก็ตามสามารถใช้ "กำลังเท่าที่สมเหตุสมผล" เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นฆ่าตัวตายได้[269] ทั้งนี้ เขตปกครองนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีของออสเตรเลียเคยอนุญาตให้มีการฆ่าตัวตายโดยได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์เป็นการชั่วคราวในช่วงปี 1996 ถึง 1997[270]
ในประเทศอินเดีย การฆ่าตัวตายเคยถือเป็นความผิดทางกฎหมายจนถึงปี 2014 และสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ฆ่าตัวตายมักต้องเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายตามมา[271][272] ในขณะที่ในหลายประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่ การฆ่าตัวตายยังคงถูกจัดให้เป็นความผิดทางอาญา[31]
ในมาเลเซีย การฆ่าตัวตายด้วยตัวมันเองไม่ถือเป็นอาชญากรรม อย่างไรก็ตาม การพยายามฆ่าตัวตาย ยังคงถือเป็นความผิดทางอาญา ภายใต้มาตรา 309 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งระบุว่าผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานพยายามฆ่าตัวตาย อาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้ว่าจะมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการผลักดันให้ยกเลิกบทบัญญัตินี้ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น กลุ่มบีเฟรนเดอส์ (Befrienders) ระบุว่าความคืบหน้ายังเป็นไปอย่างล่าช้า[273][274] ผู้สนับสนุนการยกเลิกกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายให้เหตุผลว่า กฎหมายดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคต่อการขอความช่วยเหลือจากผู้ที่กำลังเผชิญความทุกข์ทางจิตใจ และในบางกรณี อาจยิ่งทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตายตัดสินใจยุติชีวิตตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี[275] เมื่อเดือนเมษายน 2023 มีการเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกมาตรา 309 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต่อรัฐสภามาเลเซียเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้ประเทศเข้าใกล้การยกเลิกการเอาผิดทางอาญากับผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย[276]
การฆ่าตัวตายกลายเป็นวิกฤตที่ได้รับความสนใจในเกาหลีเหนือในปี 2023 โดยทางการได้ออกคำสั่งลับที่ระบุให้การฆ่าตัวตายเป็น อาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งถือว่าเป็นการ ทรยศต่อรัฐสังคมนิยม[277]
ทัศนคติทางศาสนา
[แก้]ศาสนาพุทธ
[แก้]พุทธศาสนาถือว่าการฆ่าตัวตายไม่เป็นปาณาติบาต เพราะปาณาติบาตหมายถึงการฆ่าชีวิตอื่น[278] พระโคตมพุทธเจ้าตรัสเล่าว่าพระองค์เคยเสวยพระชาติเป็นกระต่าย ได้กระโดดเข้ากองไฟเพื่อสละร่างกายตนเป็นอาหารของพราหมณ์คนหนึ่ง[279] อย่างไรก็ตามผู้ฆ่าตัวตายด้วยความโกรธ ย่อมไปเกิดในอบายภูมิ เช่น นรกภูมิ เพราะความโกรธนั้น[280]
ศาสนาคริสต์
[แก้]ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่มองว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป อ้างอิงจากแนวคิดของนักเทววิทยาคริสเตียนคนสำคัญในยุคกลาง เช่น นักบุญออกัสติน และนักบุญทอมัส อะไควนัส อย่างไรก็ตาม ภายใต้ประมวลกฎหมายของจักรพรรดิจัสติเนียนในจักรวรรดิไบแซนไทน์ การฆ่าตัวตายไม่ได้ถือว่าเป็นบาปแต่อย่างใด[281][282] ตามหลักคำสอนของนิกายโรมันคาธอลิกและออร์โธดอกซ์ การฆ่าตัวตายถือเป็นการฆาตกรรม ซึ่งละเมิดพระบัญญัติข้อ "อย่าฆ่าคน" และในอดีต คริสตจักรทั้งสองนิกายมักไม่จัดพิธีฝังศพให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย โดยถือว่าการกระทำนั้นเป็นบาปมหันต์ และผู้กระทำจะต้องตกนรกเพราะเสียชีวิตในสภาพของบาปมหันต์[283] แนวคิดพื้นฐานคือ ชีวิตเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ไม่ควรถูกปฏิเสธ การฆ่าตัวตายจึงถือเป็นการละเมิด "ระเบียบธรรมชาติ" และเป็นการแทรกแซงแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อโลก[284] อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อว่าภาวะเจ็บป่วยทางจิต หรือความกลัวต่อความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง อาจลดระดับความรับผิดชอบของผู้ที่ฆ่าตัวตายลงได้[285]
ศาสนายิว
[แก้]ศาสนายิวให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการให้คุณค่าต่อชีวิต และมองว่าการฆ่าตัวตายเทียบได้กับการปฏิเสธความดีงามของพระเจ้าที่ทรงสร้างโลกนี้ อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ที่เลวร้ายและไร้ทางเลือก เช่น เมื่อถูกบังคับให้ทรยศต่อศาสนา หรือเผชิญกับการถูกสังหาร ชาวยิวบางกลุ่มได้เลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ทั้งแบบรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เพื่อปกป้องความศรัทธาของตนเอง โดยมีบทสวดในพิธีกรรมยิวที่เรียกว่า "เมื่อมีดอยู่ที่คอ" ซึ่งเป็นคำภาวนาสำหรับผู้ที่กำลังจะสละชีวิต "เพื่อถวายเกียรติแด่พระนามของพระเจ้า" การกระทำเหล่านี้ได้รับการตีความที่แตกต่างกันในหมู่นักวิชาการและผู้นำศาสนายิว บางฝ่ายยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของการพลีชีพอย่างกล้าหาญ ขณะที่บางฝ่ายเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด ที่เลือกจบชีวิตตนเองแม้ด้วยเจตนาเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม[286][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
ศาสนาอิสลาม
[แก้]ทัศนะทางศาสนาอิสลามประณามการฆ่าตัวตาย และถือว่าเป็นฮะรอม (ต้องห้าม)[31] ต้นฉบับหะดีษระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นบาป[31] ขณะเดียวกัน อัลกุรอานก็มีข้อห้ามเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอย่างชัดเจนเช่นกัน[287][288] ในประเทศมุสลิม การฆ่าตัวตายมักถูกมองในแง่ลบและเป็นที่รังเกียจทางสังคม[288] โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ญันนะฮ์ (สวรรค์)
ศาสนาฮินดูและศาสนาเชน
[แก้]
ในศาสนาฮินดู การฆ่าตัวตายโดยทั่วไปถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับ และในสังคมฮินดูร่วมสมัยมองว่าเป็นบาปไม่ต่างจากการฆ่าผู้อื่น ตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์ฮินดู ผู้ที่จบชีวิตตนเองจะไม่ได้ไปสู่ภพภูมิใหม่ทันที แต่จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์ จนกว่าจะถึงเวลาที่เขาควรจะเสียชีวิตตามธรรมชาติ หากไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วยตนเอง[289] อย่างไรก็ตาม ศาสนาฮินดูยอมรับสิทธิของมนุษย์ในการยุติชีวิตตนเองได้ผ่านวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง นั่นคือการอดอาหารจนเสียชีวิต ซึ่งเรียกว่า ปราโยปเวส (Prayopavesa)[290] ทั้งนี้ การปฏิบัติปราโยปเวสมีข้อกำหนดที่เข้มงวด และสงวนไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่หมดสิ้นความปรารถนาในชีวิต ไม่มีความทะเยอทะยาน และไม่มีพันธะหรือความรับผิดชอบใด ๆ เหลืออยู่ในโลกนี้อีกต่อไป[290]
ศาสนาเชนมีแนวทางปฏิบัติที่คล้ายกับปราโยปเวส เรียกว่า สันธารา (Santhara) ซึ่งเป็นการละชีวิตตนเองด้วยการอดอาหารอย่างมีสติและสงบ ส่วนสตี (Sati) หรือการเผาตัวเองของหญิงม่าย ถือเป็นพิธีกรรมที่พบได้น้อยมากในปัจจุบัน และถูกระบุว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสังคมฮินดูแล้ว[291]
ศาสนาไอนุ
[แก้]ในศาสนาไอนุ มีความเชื่อว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายจะกลายเป็นผี หรือ ตูกัป (tukap) ที่จะกลับมาหลอกหลอนผู้มีชีวิต[292] เพื่อเติมเต็มสิ่งที่พวกเขาไม่อาจบรรลุได้ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่[293] นอกจากนี้ หากมีผู้ใดดูหมิ่นหรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกด้อยค่า จนอีกฝ่ายตัดสินใจฆ่าตัวตาย บุคคลผู้นั้นจะถูกมองว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตนั้นด้วย[294] ตามที่นอร์เบิร์ต ริชาร์ด อาดามีอธิบาย จริยธรรมในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นปึกแผ่นในชุมชน ซึ่งถือเป็นคุณค่าหลักในวัฒนธรรมไอนุ มากกว่าที่จะพบได้ในสังคมโลกตะวันตก[294]
ปรัชญา
[แก้]ในปรัชญาว่าด้วยการฆ่าตัวตาย มีคำถามสำคัญหลายประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เช่น อะไรที่นับว่าเป็นการฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายสามารถเป็นทางเลือกที่มีเหตุผลได้หรือไม่ และการฆ่าตัวตายสามารถยอมรับได้ในทางศีลธรรมหรือไม่[295] ข้อถกเถียงเกี่ยวกับความชอบธรรมของการฆ่าตัวตายในแง่ศีลธรรมและสังคมนั้นมีตั้งแต่มุมมองที่เห็นว่าการฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมโดยเนื้อแท้และไม่อาจยอมรับได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ไปจนถึงแนวคิดที่ถือว่าการฆ่าตัวตายเป็น สิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ ของบุคคล หากเขาหรือเธอได้ไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลและด้วยมโนธรรมแล้ว แม้ผู้นั้นจะยังอายุน้อยและมีสุขภาพแข็งแรงก็ตาม
ผู้ที่คัดค้านการฆ่าตัวตายรวมถึงนักปรัชญาคนสำคัญ เช่น ออกัสตินแห่งฮิปโป ทอมัส อไควนัส[295] อิมมานูเอล คานต์[296] และในบางแง่มุมอาจนับรวมจอห์น สจ๊วร์ต มิลล์ด้วยก็ได้ โดยมิลล์เน้นย้ำถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเป็นอิสระของปัจเจกบุคคล ซึ่งทำให้เขาปฏิเสธการเลือกใด ๆ ที่จะเป็นการตัดโอกาสไม่ให้บุคคลนั้นสามารถใช้เสรีภาพในการตัดสินใจด้วยตนเองในอนาคตได้[297] อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าการฆ่าตัวตายเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ชอบธรรม ผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ให้เหตุผลว่าไม่ควรมีใครถูกบังคับให้ทนทุกข์โดยไม่สมัครใจ โดยเฉพาะในกรณีของโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ความเจ็บป่วยทางจิต หรือความเสื่อมถอยจากวัยชรา ซึ่งไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น พวกเขาปฏิเสธความเชื่อที่ว่าการฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลเสมอไป และเสนอว่าในบางกรณี การฆ่าตัวตายอาจเป็นทางออกสุดท้ายที่มีเหตุผลและสมควรแก่สถานการณ์ สำหรับผู้ที่เผชิญกับความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง[298] จุดยืนที่เข้มข้นยิ่งขึ้นเสนอว่ามนุษย์ควรมีสิทธิ์เลือกที่จะจบชีวิตตนเองได้อย่างอิสระ แม้จะไม่ได้อยู่ในภาวะทุกข์ทรมานก็ตาม ผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เดวิด ฮูม นักปรัชญาสายประสบการณ์นิยมชาวสก็อต[295] ซึ่งยอมรับการฆ่าตัวตายตราบใดที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย หรือละเมิดต่อหน้าที่ที่มีต่อพระเจ้า ผู้อื่น หรือต่อตนเอง[252] และจาค็อบ แอปเพิล นักชีวจริยธรรมชาวอเมริกัน[261][299] ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสียงสนับสนุนสิทธิในการเลือกตายอย่างมีสติและอิสระของแต่ละบุคคล
ทัศนคติที่ไม่พึงประสงค์
[แก้]สังคมมักมีทัศนคติเชิงลบต่อการฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ การตีตรา การถูกกีดกัน การถูกมองว่าเป็นผู้มีความผิดปกติทางจิต หรือแม้กระทั่งถูกกักขัง พวกเขาอาจถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือได้รับยาโดยไม่ได้ให้ความยินยอม และอาจประสบความยากลำบากในการหางานทำหรือที่อยู่อาศัย รวมถึงการถูกเพิกถอนสิทธิความเป็นผู้ปกครอง การฆ่าตัวตายไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนเชิงบวก หรือเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลแม้จะพิจารณาจากบริบทแวดล้อม และผู้ที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตายก็มักไม่ได้รับการยอมรับว่าอาจมีข้อคิดหรือข้อความอันมีคุณค่าที่ควรได้รับการรับฟัง[300][301][302]
การสนับสนุน
[แก้]
การส่งเสริมและยอมรับการฆ่าตัวตายปรากฏในหลากหลายวัฒนธรรมและวัฒนธรรมย่อย ตัวอย่างหนึ่งคือกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสนับสนุนและยกย่องการโจมตีแบบคามิกาเซะ — การโจมตีแบบพลีชีพของนักบินทหารแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่นที่พุ่งชนเรือรบของฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงท้ายของสงครามในสมรภูมิแปซิฟิก สังคมญี่ปุ่นโดยรวมยังเคยถูกอธิบายว่าเป็น "สังคมที่มีทัศนคติอดทนต่อการฆ่าตัวตาย" อีกด้วย[304]
จากการศึกษาวิจัยในปี 2008 พบว่า เมื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายทางอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ที่ปรากฏขึ้นประมาณ 50% ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีการ ฆ่าตัวตาย ขณะที่การศึกษาที่คล้ายกันพบว่า 11% ของเว็บไซต์เหล่านั้นมีเนื้อหาที่ ส่งเสริม หรือสนับสนุนการพยายามฆ่าตัวตาย[305] มีความกังวลว่าเว็บไซต์บางประเภทอาจกระตุ้นหรือผลักดันให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตายอยู่แล้วตัดสินใจลงมือจริง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการให้ข้อมูลหรือสนับสนุนการกระทำดังกล่าว บางคนถึงขั้นตกลงทำ สัญญาฆ่าตัวตายร่วมกันทางออนไลน์ ไม่ว่าจะกับเพื่อนที่รู้จักมาก่อน หรือกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันผ่านห้องสนทนาหรือกระดานข้อความ อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ตก็อาจมีบทบาทเชิงบวกในการ ป้องกัน การฆ่าตัวตายได้เช่นกัน โดยการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกแยกออกจากสังคมได้เข้าร่วมกลุ่ม พูดคุย และได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์จากผู้อื่น[306]
สถานที่
[แก้]สถานที่สำคัญบางแห่งทั่วโลกกลายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดที่มีความพยายามฆ่าตัวตายสูง[307] เช่น สะพานแม่น้ำแยงซีหนานจิงในจีน[308] สะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโก ป่าอาโอกิงาฮาระในญี่ปุ่น[309] หน้าผาบีชีเฮดในอังกฤษ[307] และสะพานบลัวร์สตรีตไวอะดักต์ ในโทรอนโต[310] ข้อมูล ณ ปี 2010 ระบุว่า สะพานโกลเดนเกตมีผู้เสียชีวิตจากการกระโดดมากกว่า 1,300 ราย นับตั้งแต่เริ่มใช้งานในปี 1937[311] เพื่อลดจำนวนเหตุการณ์เหล่านี้ หลายพื้นที่ได้ดำเนินการติดตั้งสิ่งกีดขวาง เช่น ลูมินัสเวลในโตรอนโต[310] หอไอเฟลในปารีส สะพานเวสต์เกตในเมลเบิร์น และตึกเอ็มไพร์สเตตในนิวยอร์กซิตี้[312] ซึ่งโดยรวมแล้วมาตรการเหล่านี้พบว่า ได้ผลค่อนข้างดี ในการป้องกันการฆ่าตัวตาย[313]
กรณีที่โดดเด่น
[แก้]ตัวอย่างหนึ่งของการฆ่าตัวตายหมู่คือเหตุการณ์ ฆาตกรรมหมู่/ฆ่าตัวตายหมู่ที่โจนส์ทาวน์ ในปี 1978 ซึ่งมีสมาชิกของกลุ่มพีเพิลส์เทมเพิลส์ (Peoples Temple) จำนวน 909 คน จบชีวิตของตนเองโดยการดื่มเครื่องดื่มรสองุ่นยี่ห้อเฟลเวอร์เอด ที่ผสมไซยาไนด์และยาหลายชนิดตามใบสั่งแพทย์ กลุ่มนี้เป็นขบวนการศาสนาใหม่ในสหรัฐอเมริกา นำโดยจิม โจนส์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการชักจูงสมาชิกให้ร่วมกระทำการดังกล่าว[314][315][316]
พลเรือนชาวญี่ปุ่นหลายพันคนได้ฆ่าตัวตายในช่วงท้ายของยุทธการที่ไซปัน เมื่อปี 1944 โดยบางคนกระโดดลงจาก "ผาฆ่าตัวตาย" และ "ผาบันไซ"[317] ส่วนในปี 1981 การอดอาหารประท้วงของนักโทษชาวไอริชซึ่งนำโดย บ็อบบี แซนด์ส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เดิมเจ้าหน้าที่ชันสูตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า "อดอาหารโดยสมัครใจ" แทนคำว่า "ฆ่าตัวตาย" แต่ภายหลังจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตประท้วง คำระบุในใบมรณบัตรจึงถูกแก้ไขเป็นเพียง "อดอาหาร"[318] ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แอร์วีน ร็อมเมิล ถูกพบว่ารับรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับ แผนลอบสังหารฮิตเลอร์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เขาถูกขู่ว่าจะถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณชน ถูกประหารชีวิต และครอบครัวของเขาจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ เว้นแต่เขาจะเลือกจบชีวิตตัวเอง[319]
สายพันธุ์อื่น
[แก้]เนื่องจากการฆ่าตัวตายต้องอาศัยความตั้งใจในการยุติชีวิต บางคนจึงมองว่าไม่สามารถกล่าวได้ว่าการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในสัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์[246] อย่างไรก็ตาม ได้มีการสังเกตพฤติกรรมคล้ายการฆ่าตัวตายในแบคทีเรีย Salmonella ซึ่งพยายามเอาชนะแบคทีเรียคู่แข่งโดยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ตอบสนองต่อแบคทีเรียเหล่านั้น[320] นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมการป้องกันตัวเองที่คล้ายการเสียสละในมดงาน Forelius pusillus ของบราซิล โดยมดจำนวนเล็กน้อยจะออกจากรังในช่วงเย็นหลังจากปิดทางเข้าจากภายนอก เพื่อปกป้องความปลอดภัยของรัง[321]
เพลี้ยถั่ว (pea aphids) เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากเต่าทอง สามารถระเบิดตัวเองเพื่อขับไล่และปกป้องเพลี้ยตัวอื่นในฝูง และในบางกรณีสามารถฆ่าเต่าทองได้ พฤติกรรมการเสียสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นลักษณะนี้เรียกว่า ออโตไทซิส (autothysis)[322] สำหรับปลวกบางชนิด (เช่น Globitermes sulphureus)[323] จะมีปลวกทหารที่สามารถระเบิดตัวเองและปล่อยสารเหนียวออกมาเพื่อปกคลุมและยับยั้งศัตรู[324][323]
มีรายงานแบบไม่เป็นทางการเกี่ยวกับสุนัข ม้า และปลาโลมาที่แสดงพฤติกรรมคล้ายการฆ่าตัวตาย[325] อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายในสัตว์ยังมีน้อยมาก[326] พฤติกรรมเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นการตีความในเชิงโรแมนติกโดยมนุษย์ มากกว่าที่จะเป็นการกระทำโดยเจตนาโดยแท้จริง สาเหตุที่สัตว์อาจแสดงพฤติกรรมฆ่าตัวตายโดยไม่ตั้งใจอาจเกิดจาก ความเครียดทางจิตใจ การติดเชื้อจากปรสิตหรือเชื้อราบางชนิด หรือการสูญเสียความสัมพันธ์ทางสังคมที่แน่นแฟ้น เช่น การสูญเสียเจ้าของจนไม่ยอมรับอาหารจากผู้อื่น[327]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Preventing suicide: a global imperative. WHO. 2014. pp. 7, 20, 40. ISBN 978-92-4-156477-9.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 2.8 "Suicide Fact sheet N°398". WHO. April 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 3 March 2016.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Ajdacic-Gross V, Weiss MG, Ring M, Hepp U, Bopp M, Gutzwiller F, Rössler W (September 2008). "Methods of suicide: international suicide patterns derived from the WHO mortality database". Bulletin of the World Health Organization. 86 (9): 726–32. doi:10.2471/BLT.07.043489 (inactive 5 December 2024). PMC 2649482. PMID 18797649.
{{cite journal}}
: CS1 maint: DOI inactive as of ธันวาคม 2024 (ลิงก์) - ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 Hawton K, van Heeringen K (April 2009). "Suicide". Lancet. 373 (9672): 1372–81. doi:10.1016/S0140-6736(09)60372-X. PMID 19376453. S2CID 208790312.
- ↑ De La Vega D, Giner L, Courtet P (March 2018). "Suicidality in Subjects With Anxiety or Obsessive-Compulsive and Related Disorders: Recent Advances". Current Psychiatry Reports. 20 (4): 26. doi:10.1007/s11920-018-0885-z. PMID 29594718.
- ↑ 6.00 6.01 6.02 6.03 6.04 6.05 6.06 6.07 6.08 6.09 6.10 6.11 6.12 6.13 6.14 Värnik P (March 2012). "Suicide in the world". International Journal of Environmental Research and Public Health. 9 (3): 760–71. doi:10.3390/ijerph9030760. PMC 3367275. PMID 22690161.
- ↑ 7.00 7.01 7.02 7.03 7.04 7.05 7.06 7.07 7.08 7.09 7.10 7.11 7.12 7.13 7.14 7.15 7.16 7.17 7.18 7.19 7.20 7.21 7.22 Chang B, Gitlin D, Patel R (September 2011). "The depressed patient and suicidal patient in the emergency department: evidence-based management and treatment strategies". Emergency Medicine Practice. 13 (9): 1–23, quiz 23–4. PMID 22164363.
- ↑ "Suicide across the world (2016)". World Health Organization. 2019-09-27. สืบค้นเมื่อ 2019-10-16.
- ↑ 9.0 9.1 Stedman's Medical Dictionary (28th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins. 2006. ISBN 978-0-7817-3390-8.
- ↑ Richa S, Fahed M, Khoury E, Mishara B (2014). "Suicide in autism spectrum disorders". Archives of Suicide Research. 18 (4): 327–39. doi:10.1080/13811118.2013.824834. PMID 24713024. S2CID 25741716.
- ↑ 11.0 11.1 Dodds TJ (March 2017). "Prescribed Benzodiazepines and Suicide Risk: A Review of the Literature". The Primary Care Companion for CNS Disorders. 19 (2). doi:10.4088/PCC.16r02037. PMID 28257172.
- ↑ Bottino SM, Bottino CM, Regina CG, Correia AV, Ribeiro WS (March 2015). "Cyberbullying and adolescent mental health: systematic review". Cadernos de Saude Publica. 31 (3): 463–75. doi:10.1590/0102-311x00036114. PMID 25859714.
- ↑ "Suicide rates rising across the U.S." CDC Online Newsroom (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 11 April 2019. สืบค้นเมื่อ 19 September 2019.
Relationship problems or loss, substance misuse; physical health problems; and job, money, legal or housing stress often contributed to risk for suicide.
- ↑ Preventing Suicide A Resource for Media Professionals (PDF). World Health Organization. Department of Mental Health and Substance Abuse. 2008. ISBN 978-92-4-159707-4.
- ↑ DeCou CR, Comtois KA, Landes SJ (January 2019). "Dialectical Behavior Therapy Is Effective for the Treatment of Suicidal Behavior: A Meta-Analysis". Behav Ther. 50 (1): 60–72. doi:10.1016/j.beth.2018.03.009. PMID 30661567. S2CID 58666001.
- ↑ 16.0 16.1 Sakinofsky I (June 2007). "The current evidence base for the clinical care of suicidal patients: strengths and weaknesses". Canadian Journal of Psychiatry. 52 (6 Suppl 1): 7S–20S. PMID 17824349.
Other suicide prevention strategies that have been considered are crisis centers and hotlines, method control, and media education... There is minimal research on these strategies. Even though crisis centers and hotlines are used by suicidal youth, information about their impact on suicidal behavior is lacking.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 17.3 17.4 17.5 17.6 Zalsman G, Hawton K, Wasserman D, van Heeringen K, Arensman E, Sarchiapone M, และคณะ (July 2016). "Suicide prevention strategies revisited: 10-year systematic review". The Lancet. Psychiatry. 3 (7): 646–59. doi:10.1016/S2215-0366(16)30030-X. hdl:1854/LU-8509936. PMID 27289303.
Other approaches that need further investigation include gatekeeper training, education of physicians, and internet and helpline support.
- ↑ Fazel S, Runeson B (January 2020). "Suicide". New England Journal of Medicine. 382 (3): 266–74. doi:10.1056/NEJMra1902944. PMC 7116087. PMID 31940700. S2CID 210332277.
- ↑ Wang H, Naghavi M, Allen C, Barber RM, Bhutta ZA, Carter A, และคณะ (GBD 2015 Mortality and Causes of Death Collaborators) (October 2016). "Global, regional, and national life expectancy, all-cause mortality, and cause-specific mortality for 249 causes of death, 1980–2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1459–1544. doi:10.1016/S0140-6736(16)31012-1. PMC 5388903. PMID 27733281.. For the number 828,000, see Table 5, line "Self-harm", second column (year 2015)
- ↑ 20.0 20.1 Naghavi M, Wang H, Lozano R, Davis A, Liang X, Zhou M, และคณะ (GBD 2013 Mortality and Causes of Death Collaborators) (January 2015). "Global, regional, and national age-sex specific all-cause and cause-specific mortality for 240 causes of death, 1990–2013: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2013". Lancet. 385 (9963): 117–71. doi:10.1016/S0140-6736(14)61682-2. PMC 4340604. PMID 25530442.. For the number 712,000, see Table 2, line "Self-harm", first column (year 1990)
- ↑ "Suicide rates per (100 000 population)". World Health Organization.
- ↑ Bertolote JM, Fleischmann A (October 2002). "Suicide and psychiatric diagnosis: a worldwide perspective". World Psychiatry. 1 (3): 181–5. PMC 1489848. PMID 16946849.
- ↑ 23.00 23.01 23.02 23.03 23.04 23.05 23.06 23.07 23.08 23.09 23.10 Yip PS, Caine E, Yousuf S, Chang SS, Wu KC, Chen YY (June 2012). "Means restriction for suicide prevention". Lancet. 379 (9834): 2393–9. doi:10.1016/S0140-6736(12)60521-2. PMC 6191653. PMID 22726520.
- ↑ Montreal, Josie Ensor (16 October 2024). "'It's social murder' — is Canada's assisted dying a model or a warning?". www.thetimes.com.
- ↑ Sydney, Bruno Waterfield, Brussels | Josie Ensor, New York | Bernard Lagan (16 October 2024). "Where is assisted dying legal? How the rules worldwide compare". www.thetimes.com.
- ↑ Tomer A (2013). Existential and Spiritual Issues in Death Attitudes. Psychology Press. p. 282. ISBN 978-1-136-67690-1.
- ↑ Ritzer G, Stepnisky J, บ.ก. (2011). The Wiley-Blackwell companion to major social theorists. Malden, MA: Wiley-Blackwell. p. 65. ISBN 978-1-4443-9660-7.
- ↑ God, Religion, Science, Nature, Culture, and Morality. Archway Publishing. 2014. p. 254. ISBN 978-1-4808-1124-9.
- ↑ Colt GH (1992). The enigma of suicide (1st Touchstone ed.). New York: Simon & Schuster. p. 139. ISBN 978-0-671-76071-7.
- ↑ White T (2010). Working with suicidal individuals : a guide to providing understanding, assessment and support. London: Jessica Kingsley Publishers. p. 12. ISBN 978-1-84905-115-6.
- ↑ 31.0 31.1 31.2 31.3 31.4 31.5 Lester D (2006). "Suicide and islam". Archives of Suicide Research. 10 (1): 77–97. doi:10.1080/13811110500318489. PMID 16287698. S2CID 35754641.
- ↑ Aggarwal N (2009). "Rethinking suicide bombing". Crisis. 30 (2): 94–7. doi:10.1027/0227-5910.30.2.94. PMID 19525169. S2CID 35560934.
- ↑ Vaughan M. "The 'discovery' of suicide in Africa". BBC (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 16 June 2020.
- ↑ "Suicide". World Health Organization (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 16 June 2020.
- ↑ Issues in Law & Medicine, Volume 3. National Legal Center for the Medically Dependent & Disabled, Incorporated, and the Horatio R. Storer Foundation, Incorporated. 1987. p. 39.
- ↑ 36.0 36.1 Krug E (2002). World Report on Violence and Health. Vol. 1. Genève: World Health Organization. p. 185. ISBN 978-92-4-154561-7.
- ↑ 37.00 37.01 37.02 37.03 37.04 37.05 37.06 37.07 37.08 37.09 Turecki G, Brent DA (March 2016). "Suicide and suicidal behaviour". Lancet. 387 (10024): 1227–39. doi:10.1016/S0140-6736(15)00234-2. PMC 5319859. PMID 26385066.
- ↑ 38.0 38.1 Gullota TP, Bloom M (2002). Encyclopedia of Primary Prevention and Health Promotion. New York: Kluwer Academic/Plenum. p. 1112. ISBN 978-0-306-47296-1.
- ↑ แม่แบบ:Cite APA Dictionary
- ↑ Lester D (2009). "Extended suicide". ใน Wasserman D, Wasserman C (บ.ก.). Oxford textbook of suicidology. Oxford: Oxford University Press. pp. 134–36. doi:10.1093/med/9780198570059.003.0022. ISBN 978-0-19-857005-9.
- ↑ Stein G, Wilkinson G (2007). Seminars in general adult psychiatry (2nd ed.). London: Gaskell. p. 144. ISBN 978-1-904671-44-2.
- ↑ Olson R (2011). "Suicide and Language". Centre for Suicide Prevention. InfoExchange (3): 4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2012. สืบค้นเมื่อ 15 May 2013.
- ↑ Beaton S, Forster P, Maple M (February 2013). "Suicide and Language: Why we Shouldn't Use the 'C' Word". In Psych. 35 (1): 30–31. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2014.
- ↑ Inclusive Language Guidelines (PDF). Washington, D.C.: American Psychological Association. p. 19. สืบค้นเมื่อ 13 February 2022.
- ↑ Beck AT, Resnik HL, Lettieri DJ, บ.ก. (1974). "Development of suicidal intent scales". The prediction of suicide. Bowie, MD: Charles Press. p. 41. ISBN 978-0-913486-13-9.
- ↑ "Recommendations for Reporting on Suicide" (PDF). National Institute of Mental Health. 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 27 April 2013. สืบค้นเมื่อ 15 May 2013.
- ↑ "Reporting Suicide and Self Harm". Time To Change. 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2016. สืบค้นเมื่อ 2 January 2016.
- ↑ @apstylebook (18 May 2017). "Avoid "committed suicide" except in direct quotes from authorities. Alternatives: "killed himself," "took her own life," "died by suicide."" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
- ↑ "Guardian and Observer style guide: S". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). 4 May 2021.
- ↑ Ravitz J (11 June 2018). "The words to say -- and not to say -- about suicide". CNN.
- ↑ Ball PB (2005). "The Power of words". Canadian Association of Suicide Prevention. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 May 2013. สืบค้นเมื่อ 16 May 2013.
- ↑ Pjevac M, Pregelj P (October 2012). "Neurobiology of suicidal behaviour". Psychiatria Danubina. 24 (Suppl 3): S336-41. PMID 23114813.
- ↑ Sher L (2011). "The role of brain-derived neurotrophic factor in the pathophysiology of adolescent suicidal behavior". International Journal of Adolescent Medicine and Health. 23 (3): 181–5. doi:10.1515/ijamh.2011.041. PMID 22191181. S2CID 25684743.
- ↑ Sher L (May 2011). "Brain-derived neurotrophic factor and suicidal behavior". QJM. 104 (5): 455–8. doi:10.1093/qjmed/hcq207. PMID 21051476.
- ↑ Yanowitch R, Coccaro EF (2011). "The neurochemistry of human aggression". Aggression. Advances in Genetics. Vol. 75. Elsevier. pp. 151–69. doi:10.1016/b978-0-12-380858-5.00005-8. ISBN 9780123808585. PMID 22078480.
- ↑ 56.0 56.1 Dwivedi Y (2012). The neurobiological basis of suicide. Boca Raton, FL: Taylor & Francis/CRC Press. p. 166. ISBN 978-1-4398-3881-5.
- ↑ Stein G, Wilkinson G (2007). Seminars in general adult psychiatry (2nd ed.). London: Gaskell. p. 145. ISBN 978-1-904671-44-2.
- ↑ Autry AE, Monteggia LM (November 2009). "Epigenetics in suicide and depression". Biological Psychiatry. 66 (9): 812–3. doi:10.1016/j.biopsych.2009.08.033. PMC 2770810. PMID 19833253.
- ↑ Karch, DL (Aug 26, 2011). "Surveillance for violent deaths—National Violent Death Reporting System, 16 states, 2008". Morbidity and mortality weekly report. Surveillance summaries (Washington, D.C. : 2002). 60 (10): 1–49. PMID 21866088.
{{cite journal}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ 60.0 60.1 60.2 60.3 Hawton K, Saunders KE, O'Connor RC (June 2012). "Self-harm and suicide in adolescents". Lancet. 379 (9834): 2373–82. doi:10.1016/S0140-6736(12)60322-5. PMID 22726518. S2CID 151486181.
- ↑ 61.0 61.1 "Suicide Risk and Protective Factors|Suicide|Violence Prevention|Injury Center|CDC". www.cdc.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 25 April 2019. สืบค้นเมื่อ 29 July 2019.
- ↑ 62.0 62.1 62.2 62.3 62.4 62.5 62.6 62.7 62.8 Vijayakumar L, Kumar MS, Vijayakumar V (May 2011). "Substance use and suicide". Current Opinion in Psychiatry. 24 (3): 197–202. doi:10.1097/YCO.0b013e3283459242. PMID 21430536. S2CID 206143129.
- ↑ Simpson G, Tate R (December 2007). "Suicidality in people surviving a traumatic brain injury: prevalence, risk factors and implications for clinical management". Brain Injury. 21 (13–14): 1335–51. doi:10.1080/02699050701785542. PMID 18066936. S2CID 24562104.
- ↑ Miller M, Azrael D, Barber C (April 2012). "Suicide mortality in the United States: the importance of attending to method in understanding population-level disparities in the burden of suicide". Annual Review of Public Health. 33: 393–408. doi:10.1146/annurev-publhealth-031811-124636. PMID 22224886.
- ↑ Qin P, Agerbo E, Mortensen PB (April 2003). "Suicide risk in relation to socioeconomic, demographic, psychiatric, and familial factors: a national register-based study of all suicides in Denmark, 1981–1997". The American Journal of Psychiatry. 160 (4): 765–72. doi:10.1176/appi.ajp.160.4.765. hdl:10818/17040. PMID 12668367. S2CID 25133734.
- ↑ Centers for Disease Control Prevention (CDC) (May 2013). "Suicide among adults aged 35-64 years--United States, 1999-2010". MMWR. Morbidity and Mortality Weekly Report. 62 (17): 321–5. PMC 4604925. PMID 23636024.
- ↑ 67.0 67.1 Brent DA, Melhem N (June 2008). "Familial transmission of suicidal behavior". The Psychiatric Clinics of North America. 31 (2): 157–77. doi:10.1016/j.psc.2008.02.001. PMC 2440417. PMID 18439442.
- ↑ 68.0 68.1 68.2 68.3 "Suicide Risk and Protective Factors|Suicide|Violence Prevention|Injury Center|CDC". www.cdc.gov. 25 April 2019. สืบค้นเมื่อ 17 June 2019.
- ↑ May AM, Klonsky ED (2016). "What Distinguishes Suicide Attempters From Suicide Ideators? A Meta-Analysis of Potential Factors". Clinical Psychology: Science and Practice. 23 (1): 5–20. doi:10.1111/cpsp.12136. S2CID 35079333.
- ↑ Klonsky ED, May AM (February 2014). "Differentiating suicide attempters from suicide ideators: a critical frontier for suicidology research". Suicide & Life-Threatening Behavior. 44 (1): 1–5. doi:10.1111/sltb.12068. PMID 24313594.
- ↑ Zahid S, Upthegrove R (July 2017). "Suicidality in Autistic Spectrum Disorders" (PDF). Crisis. 38 (4): 237–246. doi:10.1027/0227-5910/a000458. PMID 28468556. S2CID 10644601.
- ↑ "Suicide and autism". Autistica. 7 March 2024. สืบค้นเมื่อ 5 December 2024.
- ↑ 73.0 73.1 Cornelius, Sarah L.; Berry, Tara; Goodrich, Amanda J.; Shiner, Brian; Riblet, Natalie B. (2021-07-23). "The Effect of Meteorological, Pollution, and Geographic Exposures on Death by Suicide: A Scoping Review". International Journal of Environmental Research and Public Health. 18 (15): 7809. doi:10.3390/ijerph18157809. ISSN 1660-4601. PMC 8345465. PMID 34360101.
- ↑ Go, Tae-Hwa; Kim, Min-Hyuk; Choi, Yoon-Young; Han, Jaehyun; Kim, Changsoo; Kang, Dae Ryong (3 Jan 2024). "The short-term effect of ambient particulate matter on suicide death". Environmental Health (meta-analysis). Springer Science and Business Media LLC. 23 (1): 3. Bibcode:2024EnvHe..23....3G. doi:10.1186/s12940-023-01042-2. ISSN 1476-069X. PMC 10763266. PMID 38169380.
- ↑ Braithwaite I, Zhang S, Kirkbride JB, Osborn DP, Hayes JF (December 2019). "Air Pollution (Particulate Matter) Exposure and Associations with Depression, Anxiety, Bipolar, Psychosis and Suicide Risk: A Systematic Review and Meta-Analysis". Environmental Health Perspectives. 127 (12): 126002. Bibcode:2019EnvHP.127l6002B. doi:10.1289/EHP4595. PMC 6957283. PMID 31850801.
- ↑ Carley S, Hamilton M (November 2004). "Best evidence topic report. Suicide at christmas". Emergency Medicine Journal. 21 (6): 716–7. doi:10.1136/emj.2004.019703. PMC 1726490. PMID 15496706.
- ↑ Williams A, While D, Windfuhr K, Bickley H, Hunt IM, Shaw J, และคณะ (2011). "Birthday blues: examining the association between birthday and suicide in a national sample". Crisis. 32 (3): 134–42. doi:10.1027/0227-5910/a000067. PMID 21616762.
- ↑ 78.00 78.01 78.02 78.03 78.04 78.05 78.06 78.07 78.08 78.09 O'Connor RC, Nock MK (June 2014). "The psychology of suicidal behaviour". The Lancet. Psychiatry. 1 (1): 73–85. doi:10.1016/S2215-0366(14)70222-6. PMID 26360404.
- ↑ 79.0 79.1 Joiner TE, Brown JS, Wingate LR (2005). "The psychology and neurobiology of suicidal behavior". Annual Review of Psychology. 56: 287–314. doi:10.1146/annurev.psych.56.091103.070320. PMID 15709937. S2CID 42500507.
- ↑ Confer JC, Easton JA, Fleischman DS, Goetz CD, Lewis DM, Perilloux C, Buss DM (1 January 2010). "Evolutionary psychology. Controversies, questions, prospects, and limitations". The American Psychologist. 65 (2): 110–26. CiteSeerX 10.1.1.601.8691. doi:10.1037/a0018413. PMID 20141266.
- ↑ 81.0 81.1 81.2 Bohanna I, Wang X (2012). "Media guidelines for the responsible reporting of suicide: a review of effectiveness". Crisis. 33 (4): 190–8. doi:10.1027/0227-5910/a000137. PMID 22713977. S2CID 1262883.
- ↑ Gilliland B, James R (8 May 2012). Crisis intervention strategies (7th ed.). Belmont, CA: Brooks/Cole. p. 215. ISBN 978-1-111-18677-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2015.
- ↑ Exeter DJ, Boyle PJ (August 2007). "Does young adult suicide cluster geographically in Scotland?". Journal of Epidemiology and Community Health. 61 (8): 731–6. doi:10.1136/jech.2006.052365. PMC 2653005. PMID 17630375.
- ↑ Gould MS, Wallenstein S, Davidson L (1989). "Suicide clusters: a critical review". Suicide & Life-Threatening Behavior. 19 (1): 17–29. doi:10.1111/j.1943-278X.1989.tb00363.x. PMID 2652386.
- ↑ 85.0 85.1 Sisask M, Värnik A (January 2012). "Media roles in suicide prevention: a systematic review". International Journal of Environmental Research and Public Health. 9 (1): 123–38. doi:10.3390/ijerph9010123. PMC 3315075. PMID 22470283.
- ↑ Stack S (April 2005). "Suicide in the media: a quantitative review of studies based on non-fictional stories". Suicide and Life-Threatening Behavior. 35 (2): 121–33. doi:10.1521/suli.35.2.121.62877. PMID 15843330. S2CID 21353878.
- ↑ Pirkis J (July 2009). "Suicide and the media". Psychiatry. 8 (7): 269–71. doi:10.1016/j.mppsy.2009.04.009.
- ↑ Shrivastava A, Kimbrell M, Lester D (2012). Suicide from a global perspective : psychosocial approaches. New York: Nova Science Publishers. pp. 115–18. ISBN 978-1-61470-965-7.
- ↑ Mok K, Jorm AF, Pirkis J (August 2015). "Suicide-related Internet use: A review". The Australian and New Zealand Journal of Psychiatry. 49 (8): 697–705. doi:10.1177/0004867415569797. hdl:11343/58519. PMID 25698810. S2CID 26744237.
- ↑ Mok K, Jorm AF, Pirkis J (August 2015). "Suicide-related Internet use: A review". The Australian and New Zealand Journal of Psychiatry. 49 (8): 697–705. doi:10.1177/0004867415569797. hdl:11343/58519. PMID 25698810. S2CID 26744237.
- ↑ Scalvini M, Rigamonti F (October 2017). "Why we must defend suicide in fiction". BMJ. 359: j4743. doi:10.1136/bmj.j4743. PMID 29046321. S2CID 22599053.
- ↑ Scalvini M (18 June 2020). "13 Reasons Why : can a TV show about suicide be 'dangerous'? What are the moral obligations of a producer?". Media, Culture & Society. 42 (7–8): 1564–1574. doi:10.1177/0163443720932502. ISSN 0163-4437.
- ↑ 93.0 93.1 93.2 93.3 93.4 93.5 93.6 Tintinalli, Judith E. (2010). Emergency Medicine: A Comprehensive Study Guide (Emergency Medicine (Tintinalli)). New York: McGraw-Hill Companies. pp. 1940–46. ISBN 978-0-07-148480-0.
- ↑ Manthorpe J, Iliffe S (December 2010). "Suicide in later life: public health and practitioner perspectives". International Journal of Geriatric Psychiatry. 25 (12): 1230–1238. doi:10.1002/gps.2473. PMID 20104515. S2CID 23697880.
- ↑ Simpson GK, Tate RL (August 2007). "Preventing suicide after traumatic brain injury: implications for general practice". The Medical Journal of Australia. 187 (4): 229–232. doi:10.5694/j.1326-5377.2007.tb01206.x. PMID 17708726. S2CID 44454339. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 September 2011.
- ↑ 96.0 96.1 Anguiano L, Mayer DK, Piven ML, Rosenstein D (Jul–Aug 2012). "A literature review of suicide in cancer patients". Cancer Nursing. 35 (4): E14–E26. doi:10.1097/NCC.0b013e31822fc76c. PMID 21946906. S2CID 45874503.
- ↑ Chu L, Elliott M, Stein E, Jason LA (May 2021). "Identifying and Managing Suicidality in Myalgic Encephalomyelitis/Chronic Fatigue Syndrome". Healthcare. 9 (6): 629. doi:10.3390/healthcare9060629. PMC 8227525. PMID 34070367.
- ↑ Yip PS (2008). Suicide in Asia : causes and prevention. Hong Kong: Hong Kong University Press. p. 11. ISBN 978-962-209-943-2.
- ↑ Ribeiro JD, Pease JL, Gutierrez PM, Silva C, Bernert RA, Rudd MD, Joiner TE (February 2012). "Sleep problems outperform depression and hopelessness as cross-sectional and longitudinal predictors of suicidal ideation and behavior in young adults in the military". Journal of Affective Disorders. 136 (3): 743–50. doi:10.1016/j.jad.2011.09.049. PMID 22032872.
- ↑ Bernert RA, Joiner TE, Cukrowicz KC, Schmidt NB, Krakow B (September 2005). "Suicidality and sleep disturbances". Sleep. 28 (9): 1135–41. doi:10.1093/sleep/28.9.1135. PMID 16268383.
- ↑ 101.0 101.1 University of Manchester Centre for Mental Health and Risk. "The National Confidential Inquiry into Suicide and Homicide by People with Mental Illness" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 July 2012. สืบค้นเมื่อ 25 July 2012.
- ↑ Stone DM, Simon TR, Fowler KA, Kegler SR, Yuan K, Holland KM, และคณะ (June 2018). "Vital Signs: Trends in State Suicide Rates – United States, 1999–2016 and Circumstances Contributing to Suicide – 27 States, 2015". MMWR. Morbidity and Mortality Weekly Report. 67 (22): 617–624. doi:10.15585/mmwr.mm6722a1. PMC 5991813. PMID 29879094.
- ↑ Arsenault-Lapierre G, Kim C, Turecki G (November 2004). "Psychiatric diagnoses in 3275 suicides: a meta-analysis". BMC Psychiatry. 4 (1): 37. doi:10.1186/1471-244X-4-37. PMC 534107. PMID 15527502.
- ↑ Bostwick JM, Pankratz VS (December 2000). "Affective disorders and suicide risk: a reexamination". The American Journal of Psychiatry. 157 (12): 1925–32. doi:10.1176/appi.ajp.157.12.1925. PMID 11097952.
- ↑ 105.0 105.1 105.2 105.3 105.4 Kutcher S, Chehil S (2012). Suicide Risk Management A Manual for Health Professionals (2nd ed.). Chicester: John Wiley & Sons. pp. 30–33. ISBN 978-1-119-95311-1.
- ↑ Pompili M, Girardi P, Ruberto A, Tatarelli R (2005). "Suicide in borderline personality disorder: a meta-analysis". Nordic Journal of Psychiatry. 59 (5): 319–24. doi:10.1080/08039480500320025. PMID 16757458. S2CID 27142497.
- ↑ Bertolote JM, Fleischmann A, De Leo D, Wasserman D (2004). "Psychiatric diagnoses and suicide: revisiting the evidence". Crisis. 25 (4): 147–55. doi:10.1027/0227-5910.25.4.147. PMID 15580849. S2CID 13331602.
- ↑ Angelakis I, Gooding P, Tarrier N, Panagioti M (July 2015). "Suicidality in obsessive compulsive disorder (OCD): a systematic review and meta-analysis". Clinical Psychology Review. 39: 1–15. doi:10.1016/j.cpr.2015.03.002. PMID 25875222.
- ↑ Lieb K, Zanarini MC, Schmahl C, Linehan MM, Bohus M (2004). "Borderline personality disorder". Lancet. 364 (9432): 453–461. doi:10.1016/S0140-6736(04)16770-6. PMID 15288745. S2CID 54280127.
Between 40% and 65% of individuals who commit suicide meet criteria for a personality disorder, with borderline personality disorder being the most commonly associated.
- ↑ van Os J, Kapur S (August 2009). "Schizophrenia" (PDF). Lancet. 374 (9690): 635–645. doi:10.1016/S0140-6736(09)60995-8. PMID 19700006. S2CID 208792724. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 23 June 2013. สืบค้นเมื่อ 22 January 2013.
- ↑ Cheung A, Zwickl S (23 March 2021). "Why have nearly half of transgender Australians attempted suicide?". Pursuit (ภาษาอังกฤษ). Melbourne, Australia: University of Melbourne. สืบค้นเมื่อ 26 August 2022.
- ↑ "Transgender people and suicide". Centre for Suicide Prevention (ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา). สืบค้นเมื่อ 26 August 2022.
- ↑ Biggs M (February 2022). "Suicide by Clinic-Referred Transgender Adolescents in the United Kingdom". Archives of Sexual Behavior. 51 (2): 685–690. doi:10.1007/s10508-022-02287-7. PMC 8888486. PMID 35043256.
- ↑ "Suicide risk in transgender and gender diverse people". National Elf Service (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 13 July 2021. สืบค้นเมื่อ 26 August 2022.
- ↑ "Study Shows Shocking Rates of Attempted Suicide Among Trans Teens". Human Rights Campaign (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 12 September 2018. สืบค้นเมื่อ 26 August 2022.
- ↑ 116.0 116.1 Pirkis J, Burgess P (December 1998). "Suicide and recency of health care contacts. A systematic review". The British Journal of Psychiatry. 173 (6): 462–74. doi:10.1192/bjp.173.6.462. PMID 9926074. S2CID 43144463.
- ↑ Luoma JB, Martin CE, Pearson JL (June 2002). "Contact with mental health and primary care providers before suicide: a review of the evidence". The American Journal of Psychiatry. 159 (6): 909–16. doi:10.1176/appi.ajp.159.6.909. PMC 5072576. PMID 12042175.
- ↑ Sharma T, Guski LS, Freund N, Gøtzsche PC (January 2016). "Suicidality and aggression during antidepressant treatment: systematic review and meta-analyses based on clinical study reports". BMJ. 352: i65. doi:10.1136/bmj.i65. PMC 4729837. PMID 26819231.
- ↑ 119.0 119.1 Australian Institute of Health and Welfare (29 September 2021). "Serving and ex-serving Australian Defence Force members who have served since 1985: suicide monitoring 2001 to 2019". aihw.gov.au. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 August 2022. สืบค้นเมื่อ 26 August 2022.
- ↑ Department of National Defence (11 May 2022). "2021 Report on Suicide Mortality in the Canadian Armed Forces (1995 to 2020)". www.canada.ca. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 August 2022. สืบค้นเมื่อ 30 August 2022.
- ↑ Simkus K, Hall A, Heber A, VanTil L (18 June 2020). "Veteran Suicide Mortality Study: Follow-up period from 1976 to 2014". Ottawa, ON: Veterans Affairs Canada. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 August 2022. สืบค้นเมื่อ 30 August 2022.
- ↑ US Department of Veterans Affairs (Office of Mental Health and Suicide Prevention) (September 2021). "2001-2019 National Suicide Data Appendix". va.gov. สืบค้นเมื่อ 30 August 2022.
- ↑ Kapur N, While D, Blatchley N, Bray I, Harrison K (March 2009). Hotopf M (บ.ก.). "Suicide after leaving the UK armed forces--a cohort study". PLOS Medicine. 6 (3): e26. doi:10.1371/journal.pmed.1000026. PMC 2650723. PMID 19260757.
- ↑ Jones M, Jones N, Burdett H, Bergman BP, Fear NT, Wessely S, Rona RJ (April 2021). "Do Junior Entrants to the UK Armed Forces have worse outcomes than Standard Entrants?" (PDF). BMJ Military Health. 169 (3): 218–224. doi:10.1136/bmjmilitary-2021-001787. PMID 33879526. S2CID 233313427. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 8 October 2022. สืบค้นเมื่อ 8 September 2022.
- ↑ 125.0 125.1 Rozanov V, Carli V (July 2012). "Suicide among war veterans". International Journal of Environmental Research and Public Health. 9 (7): 2504–19. doi:10.3390/ijerph9072504. PMC 3407917. PMID 22851956.
- ↑ 126.0 126.1 126.2 Owens, David; Horrocks, Judith; House, Allan (2002). "Fatal and non-fatal repetition of self-harm: Systematic review". British Journal of Psychiatry (ภาษาอังกฤษ). 181 (3): 193–199. doi:10.1192/bjp.181.3.193. ISSN 0007-1250. PMID 12204922.
- ↑ 127.0 127.1 127.2 Parra-Uribe, Isabel; Blasco-Fontecilla, Hilario; Garcia-Parés, Gemma; Martínez-Naval, Luis; Valero-Coppin, Oliver; Cebrià-Meca, Annabel; Oquendo, Maria A.; Palao-Vidal, Diego (2017). "Risk of re-attempts and suicide death after a suicide attempt: A survival analysis". BMC Psychiatry (ภาษาอังกฤษ). 17 (1): 163. doi:10.1186/s12888-017-1317-z. ISSN 1471-244X. PMC 5415954. PMID 28472923.
- ↑ 128.0 128.1 Bostwick, J. Michael; Pabbati, Chaitanya; Geske, Jennifer R.; McKean, Alastair J. (2016-11-01). "Suicide Attempt as a Risk Factor for Completed Suicide: Even More Lethal Than We Knew". American Journal of Psychiatry (ภาษาอังกฤษ). 173 (11): 1094–1100. doi:10.1176/appi.ajp.2016.15070854. ISSN 0002-953X. PMC 5510596. PMID 27523496.
- ↑ Suominen, Kirsi; Isometsä, Erkki; Ostamo, Aini; Lönnqvist, Jouko (2004-04-20). "Level of suicidal intent predicts overall mortality and suicide after attempted suicide: a 12-year follow-up study". BMC Psychiatry (ภาษาอังกฤษ). 4 (1): 11. doi:10.1186/1471-244X-4-11. ISSN 1471-244X. PMC 415554. PMID 15099401.
- ↑ "Attempters' Longterm Survival". Means Matter (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2012-09-11. สืบค้นเมื่อ 2024-11-01.
- ↑ Bostwick JM, Rackley SJ (June 2007). "Completed suicide in medical/surgical patients: who is at risk?". Current Psychiatry Reports. 9 (3): 242–6. doi:10.1007/s11920-007-0026-6. PMID 17521522. S2CID 7093281.
- ↑ Van Orden K, Conwell Y (June 2011). "Suicides in late life". Current Psychiatry Reports. 13 (3): 234–41. doi:10.1007/s11920-011-0193-3. PMC 3085020. PMID 21369952.
- ↑ Turecki G (December 2013). "Polyamines and suicide risk". Molecular Psychiatry. 18 (12): 1242–3. doi:10.1038/mp.2013.153. PMC 5293538. PMID 24166408.
- ↑ Nemeroff CB, Owens MJ, Bissette G, Andorn AC, Stanley M (June 1988). "Reduced corticotropin releasing factor binding sites in the frontal cortex of suicide victims". Archives of General Psychiatry. 45 (6): 577–9. doi:10.1001/archpsyc.1988.01800300075009. PMID 2837159. S2CID 23574459.
- ↑ 135.0 135.1 Stark CR, Riordan V, O'Connor R (2011). "A conceptual model of suicide in rural areas". Rural and Remote Health. 11 (2): 1622. PMID 21702640.
- ↑ Daly M (Sep 2012). "Relative Status and Well-Being: Evidence from U.S. Suicide Deaths" (PDF). Federal Reserve Bank of San Francisco, Working Paper Series: 01–52. doi:10.24148/wp2012-16. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 October 2012.
- ↑ Lerner G (5 January 2010). "Activist: Farmer suicides in India linked to debt, globalization". CNN World. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2013. สืบค้นเมื่อ 13 February 2013.
- ↑ Law S, Liu P (February 2008). "Suicide in China: unique demographic patterns and relationship to depressive disorder". Current Psychiatry Reports. 10 (1): 80–6. doi:10.1007/s11920-008-0014-5. PMID 18269899. S2CID 24474367.
- ↑ 139.0 139.1 Koenig HG (May 2009). "Research on religion, spirituality, and mental health: a review" (PDF). Canadian Journal of Psychiatry. 54 (5): 283–91. doi:10.1177/070674370905400502. PMID 19497160. S2CID 14523984. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 April 2015.
- ↑ Zuckerman P (2007). Martin M (บ.ก.). The Cambridge Companion to Atheism. Cambridge Univ. Press. pp. 58–59. ISBN 978-0521603676.
Concerning suicide rates, religious nations fare better than secular nations. According to the 2003 World Health Organization's report on international male suicides rates, of the top ten nations with the highest male suicide rates, all but one (Sri Lanka) are strongly irreligious nations with high levels of atheism. Of the top remaining nine nations leading the world in male suicide rates, all are former Soviet/Communist nations, such as Belarus, Ukraine, and Latvia. Of the bottom ten nations with the lowest male suicide rates, all are highly religious nations with statistically insignificant levels of organic atheism.
- ↑ Rezaeian M (2010). "Suicide among young Middle Eastern Muslim females". Crisis. 31 (1): 36–42. doi:10.1027/0227-5910/a000005. PMID 20197256.
- ↑ 142.0 142.1 Loue S (2008). Encyclopedia of aging and public health : with 19 tables. New York: Springer. p. 696. ISBN 978-0-387-33753-1.
- ↑ Conejero I, Olié E, Courtet P, Calati R (2018). "Suicide in older adults: current perspectives". Clinical Interventions in Aging. 13: 691–699. doi:10.2147/CIA.S130670. PMC 5916258. PMID 29719381.
- ↑ 144.0 144.1 Calabrò RS, Naro A, De Luca R, Russo M, Caccamo L, Manuli A, และคณะ (2016). "The Right to Die in Chronic Disorders of Consciousness: Can We Avoid the Slippery Slope Argument?". Innovations in Clinical Neuroscience. 13 (11–12): 12–24. PMC 5300707. PMID 28210521.
- ↑ 145.0 145.1 Moody HR (2010). Aging: concepts and controversies (6th ed.). Los Angeles: Pine Forge Press. p. 158. ISBN 978-1-4129-6966-6.
- ↑ 146.0 146.1 Hales RE, Simon RI (2012). The American Psychiatric Publishing textbook of suicide assessment and management (2nd ed.). Washington, DC: American Psychiatric Pub. p. 714. ISBN 978-1-58562-414-0.
- ↑ Sobh T (2010). Innovations and advances in computer sciences and engineering (Online-Ausg. ed.). Dordrecht: Springer Verlag. p. 503. ISBN 978-90-481-3658-2.
- ↑ Eliason S (2009). "Murder-suicide: a review of the recent literature". The Journal of the American Academy of Psychiatry and the Law. 37 (3): 371–6. PMID 19767502.
- ↑ Kornblum W, Smith CD (31 January 2011). Sociology in a changing world (9th ed.). Belmont, CA: Wadsworth Cengage Learning. p. 27. ISBN 978-1-111-30157-6.
- ↑ Campbell RJ (2004). Campbell's psychiatric dictionary (8th ed.). Oxford: Oxford University Press. p. 636. ISBN 978-0-19-515221-0.
- ↑ Veatch RM (1997). Medical ethics (2nd ed.). Sudbury, MA: Jones and Bartlett. p. 292. ISBN 978-0-86720-974-7.
- ↑ Warburton N (2004). The Basics - Philosophy (4th ed.). New York: Routledge. p. 21. ISBN 978-0-415-32773-2.
- ↑ Gutman Y, Berenbaum M (1998). Anatomy of the Auschwitz death camp (1st ed.). Bloomington: Publ. in association with the United States Holocaust Memorial Museum, Washington, D.C. by Indiana University Press. p. 400. ISBN 978-0-253-20884-2.
- ↑ Plener PL, Schumacher TS, Munz LM, Groschwitz RC (2015). "The longitudinal course of non-suicidal self-injury and deliberate self-harm: a systematic review of the literature". Borderline Personality Disorder and Emotion Dysregulation. 2 (1): 2. doi:10.1186/s40479-014-0024-3. PMC 4579518. PMID 26401305.
- ↑ 155.0 155.1 Greydanus DE, Shek D (September 2009). "Deliberate self-harm and suicide in adolescents". The Keio Journal of Medicine. 58 (3): 144–151. doi:10.2302/kjm.58.144. hdl:10397/4495. PMID 19826208.
- ↑ Chan MK, Bhatti H, Meader N, Stockton S, Evans J, O'Connor RC, และคณะ (October 2016). "Predicting suicide following self-harm: systematic review of risk factors and risk scales". The British Journal of Psychiatry. 209 (4): 277–283. doi:10.1192/bjp.bp.115.170050. PMID 27340111. S2CID 3428927.
- ↑ Levin JD, Culkin J, Perrotto RS (2001). Introduction to chemical dependency counseling. Northvale, NJ: Jason Aronson. pp. 150–52. ISBN 978-0-7657-0289-0.
- ↑ 158.0 158.1 Fadem B (2004). Behavioral science in medicine. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins. p. 217. ISBN 978-0-7817-3669-5.
- ↑ Youssef NA, Rich CL (2008). "Does acute treatment with sedatives/hypnotics for anxiety in depressed patients affect suicide risk? A literature review". Annals of Clinical Psychiatry. 20 (3): 157–69. doi:10.1080/10401230802177698. PMID 18633742.
- ↑ 160.0 160.1 Sher L (January 2006). "Alcohol consumption and suicide". QJM. 99 (1): 57–61. doi:10.1093/qjmed/hci146. PMID 16287907.
- ↑ Darke S, Ross J (November 2002). "Suicide among heroin users: rates, risk factors and methods". Addiction. 97 (11): 1383–94. doi:10.1046/j.1360-0443.2002.00214.x. PMID 12410779. S2CID 11619947.
- ↑ Sher L (2007). "Functional magnetic resonance imaging in studies of the neurobiology of suicidal behavior in adolescents with alcohol use disorders". International Journal of Adolescent Medicine and Health. 19 (1): 11–8. doi:10.1515/ijamh.2007.19.1.11. PMID 17458319. S2CID 42672912.
- ↑ Darke S, Kaye S, McKetin R, Duflou J (May 2008). "Major physical and psychological harms of methamphetamine use". Drug and Alcohol Review. 27 (3): 253–62. doi:10.1080/09595230801923702. PMID 18368606. S2CID 39592475.
- ↑ Ayd FJ (2000). Lexicon of psychiatry, neurology, and the neurosciences (2nd ed.). Philadelphia [u.a.]: Lippincott Williams & Wilkins. p. 256. ISBN 978-0-7817-2468-5.
- ↑ 165.0 165.1 Hughes JR (December 2008). "Smoking and suicide: a brief overview". Drug and Alcohol Dependence. 98 (3): 169–78. doi:10.1016/j.drugalcdep.2008.06.003. PMC 2585177. PMID 18676099.
- ↑ 166.0 166.1 Ports KA, Merrick MT, Stone DM, Wilkins NJ, Reed J, Ebin J, Ford DC (September 2017). "Adverse Childhood Experiences and Suicide Risk: Toward Comprehensive Prevention". American Journal of Preventive Medicine. 53 (3): 400–403. doi:10.1016/j.amepre.2017.03.015. PMC 5603224. PMID 28483301.
- ↑ Cox WT, Abramson LY, Devine PG, Hollon SD (September 2012). "Stereotypes, Prejudice, and Depression: The Integrated Perspective". Perspectives on Psychological Science. 7 (5): 427–49. doi:10.1177/1745691612455204. PMID 26168502. S2CID 1512121.
- ↑ Wegman HL, Stetler C (October 2009). "A meta-analytic review of the effects of childhood abuse on medical outcomes in adulthood". Psychosomatic Medicine. 71 (8): 805–12. doi:10.1097/PSY.0b013e3181bb2b46. PMID 19779142. S2CID 25054003.
- ↑ Oswald SH, Heil K, Goldbeck L (June 2010). "History of maltreatment and mental health problems in foster children: a review of the literature". Journal of Pediatric Psychology. 35 (5): 462–72. doi:10.1093/jpepsy/jsp114. PMID 20007747.
- ↑ Sahle BW, Reavley NJ, Li W, Morgan AJ, Yap MB, Reupert A, Jorm AF (October 2022). "The association between adverse childhood experiences and common mental disorders and suicidality: an umbrella review of systematic reviews and meta-analyses" (PDF). Eur Child Adolesc Psychiatry. 31 (10): 1489–1499. doi:10.1007/s00787-021-01745-2. PMID 33638709. S2CID 232065964.
- ↑ Pallanti S, Rossi NB, Hollander E (2006). "11. Pathological Gambling". ใน Hollander E, Stein DJ (บ.ก.). Clinical manual of impulse-control disorders. American Psychiatric Pub. p. 253. ISBN 978-1-58562-136-1.
- ↑ 172.0 172.1 Oliveira MP, Silveira DX, Silva MT (June 2008). "[Pathological gambling and its consequences for public health]". Revista de Saude Publica. 42 (3): 542–9. doi:10.1590/S0034-89102008005000026. PMID 18461253.
- ↑ Hansen M, Rossow I (January 2008). "[Gambling and suicidal behaviour]". Tidsskrift for den Norske Laegeforening. 128 (2): 174–6. PMID 18202728.
- ↑ 174.0 174.1 Bruffaerts R, Demyttenaere K, Hwang I, Chiu WT, Sampson N, Kessler RC, และคณะ (July 2011). "Treatment of suicidal people around the world". The British Journal of Psychiatry. 199 (1): 64–70. doi:10.1192/bjp.bp.110.084129. PMC 3167419. PMID 21263012.
- ↑ 175.0 175.1 "Suicide prevention". WHO Sites: Mental Health. World Health Organization. 31 August 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 July 2004. สืบค้นเมื่อ 13 January 2013.
- ↑ Miller M, Hemenway D (September 2008). "Guns and suicide in the United States". The New England Journal of Medicine. 359 (10): 989–91. doi:10.1056/NEJMp0805923. PMID 18768940. S2CID 35738851.
- ↑ Cox GR, Owens C, Robinson J, Nicholas A, Lockley A, Williamson M, และคณะ (March 2013). "Interventions to reduce suicides at suicide hotspots: a systematic review". BMC Public Health. 13: 214. doi:10.1186/1471-2458-13-214. PMC 3606606. PMID 23496989.
- ↑ Robinson J, Hetrick SE, Martin C (January 2011). "Preventing suicide in young people: systematic review". The Australian and New Zealand Journal of Psychiatry. 45 (1): 3–26. doi:10.3109/00048674.2010.511147. PMID 21174502. S2CID 24708914.
- ↑ Fässberg MM, van Orden KA, Duberstein P, Erlangsen A, Lapierre S, Bodner E, และคณะ (March 2012). "A systematic review of social factors and suicidal behavior in older adulthood". International Journal of Environmental Research and Public Health. 9 (3): 722–45. doi:10.3390/ijerph9030722. PMC 3367273. PMID 22690159.
- ↑ Luxton DD, June JD, Comtois KA (January 2013). "Can postdischarge follow-up contacts prevent suicide and suicidal behavior? A review of the evidence". Crisis. 34 (1): 32–41. doi:10.1027/0227-5910/a000158. PMID 22846445. S2CID 25181980.
- ↑ "World Suicide Prevention Day −10 September, 2013". IASP. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 November 2013. สืบค้นเมื่อ 29 October 2013.
- ↑ Barlow, David H.; Durand, Vincent Mark (2005). Abnormal Psychology. Wadsworth Publishing Company. pp. 248–249. ISBN 978-0-534-63356-1.
- ↑ Bachmann S (6 July 2018). "Epidemiology of Suicide and the Psychiatric Perspective". International Journal of Environmental Research and Public Health. 15 (7): 1425. doi:10.3390/ijerph15071425. PMC 6068947. PMID 29986446.
Half of all completed suicides are related to depressive and other mood disorders
- ↑ Lopresti AL, Hood SD, Drummond PD (May 2013). "A review of lifestyle factors that contribute to important pathways associated with major depression: diet, sleep and exercise" (PDF). Journal of Affective Disorders. 148 (1): 12–27. doi:10.1016/j.jad.2013.01.014. PMID 23415826. S2CID 22218602. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 January 2017.
- ↑ Wu Y, Zhang L, Li S, Zhang D (29 April 2021). "Associations of dietary vitamin B1, vitamin B2, vitamin B6, and vitamin B12 with the risk of depression: a systematic review and meta-analysis". Nutrition Reviews. Oxford University Press (OUP). 80 (3): 351–366. doi:10.1093/nutrit/nuab014. ISSN 0029-6643. PMID 33912967.
- ↑ 186.0 186.1 186.2 "Food, drink and mental health". healthdirect. สืบค้นเมื่อ 25 Aug 2023.
- ↑ "How to Boost Mental Health Through Better Nutrition". Psychiatry.org. 18 Apr 2023. สืบค้นเมื่อ 25 May 2024.
- ↑ Young, Mark (2020). "Assessment and Goal Setting". Learning the Art of Helping: Building Blocks and Techniques. Pearson. p. 195.
[And] was developed by the American Association of Suicidology (2019) to gauge suicidal risk (see also Juhnke, Granello, & Lebrón-Striker, 2007)
- ↑ Williams SB, O'Connor EA, Eder M, Whitlock EP (April 2009). "Screening for child and adolescent depression in primary care settings: a systematic evidence review for the US Preventive Services Task Force". Pediatrics. 123 (4): e716-35. doi:10.1542/peds.2008-2415. PMID 19336361. S2CID 8881023.
- ↑ LeFevre ML (May 2014). "Screening for suicide risk in adolescents, adults, and older adults in primary care: U.S. Preventive Services Task Force recommendation statement". Annals of Internal Medicine. 160 (10): 719–26. doi:10.7326/M14-0589. PMID 24842417.
- ↑ Clinard MB, Meier RF (2008). Sociology of deviant behavior (14th ed.). Belmont, CA: Wadsworth Cengage Learning. p. 169. ISBN 978-0-495-81167-1.
- ↑ Horowitz LM, Ballard ED, Pao M (October 2009). "Suicide screening in schools, primary care and emergency departments". Current Opinion in Pediatrics. 21 (5): 620–7. doi:10.1097/MOP.0b013e3283307a89. PMC 2879582. PMID 19617829.
- ↑ Paris J (June 2004). "Is hospitalization useful for suicidal patients with borderline personality disorder?". Journal of Personality Disorders. 18 (3): 240–7. doi:10.1521/pedi.18.3.240.35443. PMID 15237044. S2CID 28921269.
- ↑ Goodman M, Roiff T, Oakes AH, Paris J (February 2012). "Suicidal risk and management in borderline personality disorder". Current Psychiatry Reports. 14 (1): 79–85. doi:10.1007/s11920-011-0249-4. PMID 22113831. S2CID 7261201.
- ↑ Canadian Agency for Drugs Technologies in Health (CADTH) (2010). "Dialectical behaviour therapy in adolescents for suicide prevention: systematic review of clinical-effectiveness". CADTH Technology Overviews. 1 (1): e0104. PMC 3411135. PMID 22977392.
- ↑ Stoffers JM, Völlm BA, Rücker G, Timmer A, Huband N, Lieb K (August 2012). Lieb K (บ.ก.). "Psychological therapies for people with borderline personality disorder". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 8 (8): CD005652. doi:10.1002/14651858.CD005652.pub2. PMC 6481907. PMID 22895952.
- ↑ O'Connor E, Gaynes BN, Burda BU, Soh C, Whitlock EP (May 2013). "Screening for and treatment of suicide risk relevant to primary care: a systematic review for the U.S. Preventive Services Task Force". Annals of Internal Medicine. 158 (10): 741–54. doi:10.7326/0003-4819-158-10-201305210-00642. PMID 23609101.
- ↑ Hetrick SE, McKenzie JE, Cox GR, Simmons MB, Merry SN (November 2012). Hetrick SE (บ.ก.). "Newer generation antidepressants for depressive disorders in children and adolescents". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 11 (9): CD004851. doi:10.1002/14651858.CD004851.pub3. hdl:11343/59246. PMC 8786271. PMID 23152227.
- ↑ Baldessarini RJ, Tondo L, Hennen J (2003). "Lithium treatment and suicide risk in major affective disorders: update and new findings". The Journal of Clinical Psychiatry. 64 (Suppl 5): 44–52. PMID 12720484.
- ↑ Cipriani A, Hawton K, Stockton S, Geddes JR (June 2013). "Lithium in the prevention of suicide in mood disorders: updated systematic review and meta-analysis". BMJ. 346 (jun27 4): f3646. doi:10.1136/bmj.f3646. PMID 23814104.
- ↑ Wagstaff A, Perry C (2003). "Clozapine: in prevention of suicide in patients with schizophrenia or schizoaffective disorder". CNS Drugs. 17 (4): 273–80, discussion 281–3. doi:10.2165/00023210-200317040-00004. PMID 12665398.
- ↑ Rajkumar R, Fam J, Yeo EY, Dawe GS (September 2015). "Ketamine and suicidal ideation in depression: Jumping the gun?". Pharmacological Research. 99: 23–35. doi:10.1016/j.phrs.2015.05.003. PMID 25982932.
- ↑ Caldwell BE (September–October 2013). "Whose Conscience Matters?" (PDF). Family Therapy Magazine (page 22). American Association for Marriage and Family Therapy (AAMFT). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 22 January 2018. สืบค้นเมื่อ 22 January 2018.
- ↑ แม่แบบ:Cite case
- ↑ 205.0 205.1 Luxton, David D.; Thomas, Elissa K.; Chipps, Joan; Relova, Rona M.; Brown, Daphne; McLay, Robert; Lee, Tina T.; Nakama, Helenna; Smolenski, Derek J. (March 2014). "Caring letters for suicide prevention: implementation of a multi-site randomized clinical trial in the U.S. military and Veteran Affairs healthcare systems". Contemporary Clinical Trials. 37 (2): 252–260. doi:10.1016/j.cct.2014.01.007. ISSN 1559-2030. PMID 24473106.
- ↑ 206.0 206.1 206.2 206.3 206.4 Nock, Matthew K. (2014-05-08). The Oxford Handbook of Suicide and Self-Injury (ภาษาอังกฤษ). Oxford University Press. p. 375. ISBN 9780190209148.
- ↑ Cherkis, Jason (15 November 2018). "The Best Way To Save People From Suicide". The Huffington Post. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ Grinshteyn E, Hemenway D (March 2016). "Violent Death Rates: The US Compared with Other High-income OECD Countries, 2010". The American Journal of Medicine. 129 (3): 266–73. doi:10.1016/j.amjmed.2015.10.025. PMID 26551975.
- ↑ O'Connor RC, Platt S, Gordon J, บ.ก. (1 June 2011). International Handbook of Suicide Prevention: Research, Policy and Practice. John Wiley and Sons. p. 34. ISBN 978-1-119-99856-3.
- ↑ Gunnell D, Eddleston M, Phillips MR, Konradsen F (December 2007). "The global distribution of fatal pesticide self-poisoning: systematic review". BMC Public Health. 7: 357. doi:10.1186/1471-2458-7-357. PMC 2262093. PMID 18154668.
- ↑ Geddes J, Price J, McKnight R, Gelder M, Mayou R (5 January 2012). Psychiatry (4th ed.). Oxford: Oxford University Press. p. 62. ISBN 978-0-19-923396-0.
- ↑ 212.0 212.1 Krug E (2002). World Report on Violence and Health. Vol. 1. Genève: World Health Organization. p. 196. ISBN 978-92-4-154561-7.
- ↑ Yoshioka E, Hanley SJ, Kawanishi Y, Saijo Y (February 2016). "Time trends in method-specific suicide rates in Japan, 1990–2011". Epidemiology and Psychiatric Sciences. 25 (1): 58–68. doi:10.1017/S2045796014000675. PMC 6998669. PMID 25373686.
- ↑ Reisch T, Steffen T, Habenstein A, Tschacher W (September 2013). "Change in suicide rates in Switzerland before and after firearm restriction resulting from the 2003 "Army XXI" reform". The American Journal of Psychiatry. 170 (9): 977–84. doi:10.1176/appi.ajp.2013.12091256. PMID 23897090. S2CID 8405876.
- ↑ Eshun S, Gurung RA (2009). Culture and mental health sociocultural influences, theory, and practice. Chichester: Wiley-Blackwell. p. 301. ISBN 978-1-4443-0581-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2015.
- ↑ 216.0 216.1 216.2 "Suicide – Mental Health Statistics". National Institute of Mental Health. April 2019. สืบค้นเมื่อ 15 October 2019.
- ↑ 217.0 217.1 Fox, Kara; Shveda, Krystina; Croker, Natalie; Chacon, Marco (26 November 2021). "How US gun culture stacks up with the world". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 December 2023. Article updated October 26, 2023. CNN cites data source: Institute for Health Metrics and Evaluation (Global Burden of Disease 2019), UN Population Division.
- ↑ "Deaths estimates for 2008 by cause for WHO Member States". World Health Organization. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 November 2009. สืบค้นเมื่อ 10 February 2013.
- ↑ "Suicide rates Data by country". who.int. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 October 2015. สืบค้นเมื่อ 23 November 2014.
- ↑ 220.0 220.1 "Suicide rates rising across the U.S." CDC Newsroom. 7 June 2018. สืบค้นเมื่อ 11 October 2018.
- ↑ "Suicides in the U.S. reached all-time high in 2022, CDC data shows". NBC News. August 10, 2023. สืบค้นเมื่อ August 11, 2023.
- ↑ "CDC finds suicide rates among middle-aged adults increased from 1999 to 2010". Centers for Disease Control and Prevention. 2 May 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 June 2013. สืบค้นเมื่อ 15 July 2013.
- ↑ 223.0 223.1 Weiyuan C (December 2009). "Women and suicide in rural China". Bulletin of the World Health Organization. 87 (12): 888–9. doi:10.2471/BLT.09.011209 (inactive 5 December 2024). PMC 2789367. PMID 20454475.
{{cite journal}}
: CS1 maint: DOI inactive as of ธันวาคม 2024 (ลิงก์) - ↑ "Death rate from suicides". Our World in Data. สืบค้นเมื่อ 4 March 2020.
- ↑ "Share of deaths from suicide". Our World in Data. สืบค้นเมื่อ 4 March 2020.
- ↑ "میزان خودکشی در ایران طی یک دهه گذشته، بیش از ۴۰درصد رشد کرده". etemadonline.com (ภาษาPersian). สืบค้นเมื่อ 28 December 2023.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Estimates for 2000–2012". WHO. สืบค้นเมื่อ 24 August 2016.
- ↑ 228.0 228.1 Sue D, Sue DW, Sue S, Sue D (1 January 2012). Understanding abnormal behavior (Tenth [student] ed.). Belmont, CA: Wadsworth/Cengage Learning. p. 255. ISBN 978-1-111-83459-3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 October 2015.
- ↑ Stern TA, Fava M, Wilens TE, Rosenbaum JF (2015). Massachusetts General Hospital Comprehensive Clinical Psychiatry (2 ed.). Elsevier Health Sciences. p. 589. ISBN 978-0-323-32899-9. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 September 2016.
- ↑ Krug EG (2002). World Report on Violence and Health. World Health Organization. p. 191. ISBN 978-92-4-154561-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 September 2016.
- ↑ Osváth P, Voros V, Fekete SA (2010). "Gender Issues in Suicide Risk Assessment". ใน Kumar U, Mandal MK (บ.ก.). Suicidal Behaviour: Assessment of People-At-Risk. SAGE Publications India. p. 139. ISBN 978-81-321-0499-5. สืบค้นเมื่อ 4 March 2017.
- ↑ Ellis L, Hershberger S, Pellis S, Field E, Wersinger S, Pellis S, Geary D, Palmer C, Hoyenga K, Hetsroni A, Karadi K (2013). Sex Differences: Summarizing More than a Century of Scientific Research. Psychology Press. p. 387. ISBN 978-1-136-87493-2. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2017. สืบค้นเมื่อ 4 March 2017.
- ↑ "Suicide Statistics". American Foundation for Suicide Prevention (AFSP). 16 February 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2016. สืบค้นเมื่อ 3 September 2016.
- ↑ Haas AP, Eliason M, Mays VM, Mathy RM, Cochran SD, D'Augelli AR, และคณะ (2011). "Suicide and suicide risk in lesbian, gay, bisexual, and transgender populations: review and recommendations". Journal of Homosexuality. 58 (1): 10–51. doi:10.1080/00918369.2011.534038. PMC 3662085. PMID 21213174.
- ↑ "Suicide Attempts among Transgender and Gender Non-Conforming Adults" (PDF). Jan 2014. สืบค้นเมื่อ 28 April 2018.
- ↑ Williams A (April 2017). "Risk factors for suicide in the transgender community". European Psychiatry. 41: S894. doi:10.1016/j.eurpsy.2017.01.1820. S2CID 149086762.
- ↑ Virupaksha HG, Muralidhar D, Ramakrishna J (2016). "Suicide and Suicidal Behavior among Transgender Persons". Indian Journal of Psychological Medicine. 38 (6): 505–509. doi:10.4103/0253-7176.194908. PMC 5178031. PMID 28031583.
- ↑ "Reports" (PDF). 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 8 September 2014. สืบค้นเมื่อ 25 July 2016.
- ↑ "Suicide rates by age". Our World in Data. สืบค้นเมื่อ 4 March 2020.
- ↑ 240.0 240.1 240.2 240.3 Pitman A, Krysinska K, Osborn D, King M (June 2012). "Suicide in young men". Lancet. 379 (9834): 2383–92. doi:10.1016/S0140-6736(12)60731-4. PMID 22726519. S2CID 193711.
- ↑ "Summary tables of mortality estimates by cause, age and sex, globally and by region, 2000–2016". World Health Organization. 2018. สืบค้นเมื่อ 21 December 2018.
- ↑ Glenn CR, Kleiman EM, Kellerman J, Pollak O, Cha CB, Esposito EC, และคณะ (March 2020). "Annual Research Review: A meta-analytic review of worldwide suicide rates in adolescents". Journal of Child Psychology and Psychiatry, and Allied Disciplines. 61 (3): 294–308. doi:10.1111/jcpp.13106. PMID 31373003. S2CID 199380438.
- ↑ Szasz T (1999). Fatal freedom : the ethics and politics of suicide. Westport, CT: Praeger. p. 11. ISBN 978-0-275-96646-1.
- ↑ Battin, M. Pabst (2015). The ethics of suicide: historical sources. Oxford; New York: Oxford University Press. pp. 2. ISBN 978-0-19-938580-5.
- ↑ Naiden, F. S. (May 2015). "The Sword Did It: A Greek Explanation for Suicide". The Classical Quarterly (ภาษาอังกฤษ). 65 (1): 85–95. doi:10.1017/S0009838814000858. ISSN 0009-8388.
- ↑ 246.0 246.1 Maris R (2000). Comprehensive textbook of suicidology. New York [u.a.]: Guilford Press. pp. 97–103. ISBN 978-1-57230-541-0.
- ↑ Dickinson MR, Leming GE (2 September 2010). Understanding dying, death, and bereavement (7th ed.). Belmont, CA: Wadsworth Cengage Learning. p. 290. ISBN 978-0-495-81018-6.
- ↑ 248.0 248.1 248.2 Minois G (2001). History of Suicide: Voluntary Death in Western Culture (Johns Hopkins University ed.). Baltimore: Johns Hopkins University Press. ISBN 978-0-8018-6647-0.
- ↑ Pickering WS, Walford G (2000). Durkheim's Suicide : a century of research and debate (1. publ. ed.). London: Routledge. p. 69. ISBN 978-0-415-20582-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 April 2016.
- ↑ 250.0 250.1 Maris R (2000). Comprehensive textbook of suicidology. New York: Guilford Press. p. 540. ISBN 978-1-57230-541-0.
- ↑ 251.0 251.1 Suicide. Stanford Encyclopedia of Philosophy. 2017.
- ↑ 252.0 252.1 Reed P (30 December 2020). "Suicide and its Discontents". ใน Timmerman T, Cholbi M (บ.ก.). Exploring the Philosophy of Death and Dying: Classical and Contemporary Perspectives (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 978-1-000-21674-5.
- ↑ Backscheider PR, Ingrassia C (2008). A Companion to the Eighteenth-Century English Novel and Culture. John Wiley & Sons. p. 530. ISBN 978-1-4051-5450-5.
- ↑ 254.0 254.1 Paperno I (1997). Suicide as a cultural institution in Dostoevsky's Russia. Ithaca: Cornell university press. p. 60. ISBN 978-0-8014-8425-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2015.
- ↑ St John-Stevas N (2002). Life, Death and the Law: Law and Christian Morals in England and the United States. Beard Books. p. 233. ISBN 978-1-58798-113-5.
- ↑ Smith, John C.; Hogan, Brian; Ormerod, David C.; Ormerod, David (2011). Smith & Hogan's criminal law (13th ed.). Oxford: Oxford Univ. Press. p. 583. ISBN 978-0-19-958649-3.
- ↑ 257.0 257.1 257.2 McLaughlin C (2007). Suicide-related behaviour understanding, caring and therapeutic responses. Chichester: John Wiley & Sons. p. 24. ISBN 978-0-470-51241-8.
- ↑ "Dutch 'mercy killing law' passed". 11 April 2001. สืบค้นเมื่อ 27 February 2019.
- ↑ "German politician Roger Kusch helped elderly woman to die". Times Online. 2 July 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 June 2010.
- ↑ "German politician Roger Kusch helped elderly woman to die". Times Online. 2 July 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 June 2010.
- ↑ 261.0 261.1 Appel JM (May 2007). "A suicide right for the mentally ill? A Swiss case opens a new debate". The Hastings Center Report. 37 (3): 21–3. doi:10.1353/hcr.2007.0035. PMID 17649899. S2CID 28038414.
- ↑ Holt, Gerry."When suicide was illegal" เก็บถาวร 7 กุมภาพันธ์ 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. BBC News. 3 August 2011. Accessed 11 August 2011.
- ↑ "Guardian & Observer style guide". Guardian website. The Guardian. 31 December 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 October 2013. สืบค้นเมื่อ 29 November 2011.
- ↑ "Chapter 70.245 RCW, The Washington death with dignity act". Washington State Legislature. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 July 2010.
- ↑ "Oregon Revised Statute – 127.800 s.1.01. Definitions". Oregon State Legislature. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2015.
- ↑ "CBCNews.ca Mobile". Cbc.ca. 1 February 1999. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2014. สืบค้นเมื่อ 6 August 2014.
- ↑ Adams C (15 April 2014). "US border suicide profiling must stop: Report". globalnews.ca. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 August 2014. สืบค้นเมื่อ 7 August 2014.
- ↑ Lanham D, Bartal BF, Evans RC, Wood D (2006). Criminal laws in Australia. Annandale, N.S.W.: The Federation Press. p. 229. ISBN 978-1-86287-558-6.
- ↑ Costa M, Duffy M (1991). Labor, prosperity and the nineties : beyond the bonsai economy (2nd ed.). Sydney: Federation Press. p. 315. ISBN 978-1-86287-060-4.
- ↑ Putnam CE (2002). Hospice or hemlock? : searching for heroic compassion. Westport, CT: Praeger. p. 143. ISBN 978-0-89789-921-5.
- ↑ Dogra M, Srivastava S (1 January 2012). Climate change and disease dynamics in India. New Delhi: The Energy and Resources Institute. p. 256. ISBN 978-81-7993-412-8. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2015.
- ↑ "Govt decides to repeal Section 309 from IPC; attempt to suicide no longer a crime". Zee News. 10 December 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 May 2015. สืบค้นเมื่อ 10 December 2014.
- ↑ "Why so long to decriminalise suicide, says Befrienders". Free Malaysia Today. 19 June 2022.
- ↑ "Decision on decriminalising suicide attempts in Malaysia lie with cabinet: Khairy". Channel News Asia. 28 September 2022.
- ↑ "Malaysia's Pathway to the Decriminalisation of Suicides: Students' Opinion and Discussions (pdf)". academia.edu. 27 December 2020.
- ↑ "As decriminalisation nears, a brief look at how suicide became a crime in Malaysia". Malay Mail. 7 April 2023.
- ↑ Zitser, Joshua. "Kim Jong Un orders North Koreans to stop killing themselves after number of suicides skyrocketed". Business Insider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2023-06-12.
- ↑ พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ. ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ปริจเฉทที่ ๕ เล่ม ๒ กัมมจตุกกะ และ มรณุปปัตติจตุกกะ. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสัทธัมมโชติกะ, 2555. 334 หน้า. หน้า 82-83.
- ↑ สสปัณฑิตจริยา, พระไตรปิฎก เล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 25 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 จริยาปิฎก
- ↑ อรรถกถา เอกปัณณชาดก ว่าด้วย ต้นไม้ใบเดียว
- ↑ Roth R. "Suicide & Euthanasia – a Biblical Perspective". Acu-cell.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 April 2009. สืบค้นเมื่อ 6 May 2009.
- ↑ "Norman N. Holland, Literary Suicides: A Question of Style". Clas.ufl.edu. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 May 2009. สืบค้นเมื่อ 6 May 2009.
- ↑ "Is suicide a sin?". 28 October 2014. สืบค้นเมื่อ 14 April 2022.
- ↑ "Catechism of the Catholic Church – Part 3 Section 2 Chapter 2 Article 5". Scborromeo.org. 1 June 1941. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2009. สืบค้นเมื่อ 6 May 2009.
- ↑ "Catechism of the Catholic Church – Part 3 Section 2 Chapter 2 Article 5". Scborromeo.org. 1 June 1941. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2009. สืบค้นเมื่อ 6 May 2009.
- ↑ "Euthanasia and Judaism: Jewish Views of Euthanasia and Suicide". ReligionFacts.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2006. สืบค้นเมื่อ 16 September 2008.
- ↑ "Surah An-Nisa - 29". Quran.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-02-25.
- ↑ 288.0 288.1 Gearing RE, Lizardi D (September 2009). "Religion and suicide". Journal of Religion and Health. 48 (3): 332–41. doi:10.1007/s10943-008-9181-2. PMID 19639421. S2CID 30494312.
- ↑ Hindu Website. Hinduism and suicide เก็บถาวร 7 พฤษภาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ 290.0 290.1 "Hinduism – Euthanasia and Suicide". BBC. 25 August 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 February 2009.
- ↑ "India wife dies on husband's pyre". 22 August 2006. สืบค้นเมื่อ 30 June 2019.
- ↑ Takako Yamada: The Worldview of the Ainu. Nature and Cosmos Reading from Language, p. 25–37, p. 123.
- ↑ Norbert Richard Adami: Religion und Schaminismus der Ainu auf Sachalin (Karafuto), Bonn 1989, p. 45.
- ↑ 294.0 294.1 Adami: Religion und Schaminismus der Ainu auf Sachalin (Karafuto), p. 79, p. 119.
- ↑ 295.0 295.1 295.2 "Suicide". Suicide (Stanford Encyclopedia of Philosophy). Plato.stanford.edu. 2017. สืบค้นเมื่อ 6 May 2009.
- ↑ Kant, Immanuel. (1785) Kant: The Metaphysics of Morals, M. Gregor (trans.), Cambridge: Cambridge University Press, 1996. ISBN 978-0-521-56673-5. p. 177.
- ↑ Safranek John P (1998). "Autonomy and Assisted Suicide: The Execution of Freedom". The Hastings Center Report. 28 (4): 32–36. doi:10.2307/3528611. JSTOR 3528611. PMID 9762538.
- ↑ Whiting R (2001). A natural right to die: twenty-three centuries of debate. Praeger. pp. 13–17. ISBN 0-313-31474-8.
- ↑ Smith WJ (August 2007). "Death on Demand: The assisted-suicide movement sheds its fig leaf". NRL News. 34 (8): 18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2021. สืบค้นเมื่อ 25 July 2020.
- ↑ "A Q&A with Alexandre Baril". 31 May 2023.
- ↑ "Don't Say It's Selfish: Suicide Is Not a Choice". www.nationwidechildrens.org.
- ↑ Suicidism has been described as "an oppressive system (stemming from non-suicidal perspectives) functioning at the normative, discursive, medical, legal, social, political, economic, and epistemic levels in which suicidal people experience multiple forms of injustice and violence..."Baril A (2020). "Suicidism: A new theoretical framework to conceptualize suicide from an anti-oppressive perspective". Disability Studies Quarterly. 40 (3): 1–41. doi:10.18061/dsq.v40i3.7053. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 December 2020. สืบค้นเมื่อ 2 January 2021.
- ↑ "The Suicide". The Walters Art Museum. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2013.
- ↑ Ozawa-de Silva C (December 2008). "Too lonely to die alone: internet suicide pacts and existential suffering in Japan". Culture, Medicine and Psychiatry. 32 (4): 516–51. doi:10.1007/s11013-008-9108-0. PMID 18800195. S2CID 145475668.
- ↑ Luxton, David D.; June, Jennifer D.; Fairall, Jonathan M. (May 2012). "Social Media and Suicide: A Public Health Perspective". American Journal of Public Health. 102 (Suppl 2): S195–S200. doi:10.2105/AJPH.2011.300608. ISSN 0090-0036. PMC 3477910. PMID 22401525.
- ↑ Durkee T, Hadlaczky G, Westerlund M, Carli V (October 2011). "Internet pathways in suicidality: a review of the evidence". International Journal of Environmental Research and Public Health. 8 (10): 3938–52. doi:10.3390/ijerph8103938. PMC 3210590. PMID 22073021.
- ↑ 307.0 307.1 Picard D, Robinson M (28 November 2012). Emotion in motion : tourism, affect and transformation. Farnham, Surrey: Ashgate. p. 176. ISBN 978-1-4094-2133-7.
- ↑ "A voice of reason on Yangtze bridge". The National (ภาษาอังกฤษ). 8 July 2008. สืบค้นเมื่อ 16 October 2019.
- ↑ Robinson P, Heitmann S, Dieke PU (2010). Research themes for tourism. Oxfordshire [etc.]: CABI. p. 172. ISBN 978-1-84593-684-6.
- ↑ 310.0 310.1 Dennis R (2008). Cities in modernity : representations and productions of metropolitan space, 1840–1930 (Repr. ed.). Cambridge [u.a.]: Cambridge Univ. Press. p. 20. ISBN 978-0-521-46841-1.
- ↑ McDougall T, Armstrong M, Trainor G (2010). Helping children and young people who self-harm: an introduction to self-harming and suicidal behaviours for health professionals. Abingdon, Oxon: Routledge. p. 23. ISBN 978-0-415-49913-2.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBateson2008
- ↑ Miller D (2011). Child and Adolescent Suicidal Behavior: School-Based Prevention, Assessment, and Intervention. Guilford Press. p. 46. ISBN 978-1-60623-997-1.
- ↑ Hall 1987, p.282
- ↑ "Alternative Considerations of Jonestown and Peoples Temple". San Diego State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 February 2011. สืบค้นเมื่อ 10 November 2011.
- ↑ "1978:Mass Suicide Leaves 900 Dead เก็บถาวร 2012-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". Retrieved 9 November 2011.
- ↑ John Toland, The Rising Sun: The Decline and Fall of the Japanese Empire 1936–1945, Random House, 1970, p. 519
- ↑ O'Keeffe TM (1984). "Suicide and Self-Starvation". Philosophy. 59 (229): 349–363. doi:10.1017/S0031819100069941. JSTOR 3750951. S2CID 154281192.
- ↑ Watson B (2007). Exit Rommel: The Tunisian Campaign, 1942–43. Stackpole Books. p. 170. ISBN 978-0-8117-3381-6.
- ↑ Chang K (25 August 2008). "In Salmonella Attack, Taking One for the Team". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 August 2017.
- ↑ Tofilski A, Couvillon MJ, Evison SE, Helanterä H, Robinson EJ, Ratnieks FL (November 2008). "Preemptive defensive self-sacrifice by ant workers" (PDF). The American Naturalist. 172 (5): E239-43. Bibcode:2008ANat..172E.239T. doi:10.1086/591688. PMID 18928332. S2CID 7052340. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 November 2009.
- ↑ O'Hanlon L (10 March 2010). "Animal Suicide Sheds Light on Human Behavior". Discovery News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 July 2010.
- ↑ 323.0 323.1 Bordereau C, Robert A, Van Tuyen V, Peppuy A (1 August 1997). "Suicidal defensive behaviour by frontal gland dehiscence in Globitermes sulphureus Haviland soldiers (Isoptera)". Insectes Sociaux. 44 (3): 289–97. doi:10.1007/s000400050049. ISSN 1420-9098. S2CID 19770804.
- ↑ "Life In The Undergrowth". BBC.
- ↑ Nobel J (19 March 2010). "Do Animals Commit Suicide? A Scientific Debate". Time. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 March 2010.
- ↑ Stoff DM, Mann JJ (December 1997). "Suicide research. Overview and introduction". Annals of the New York Academy of Sciences. 836 (1): 1–11. Bibcode:1997NYASA.836....1S. doi:10.1111/j.1749-6632.1997.tb52352.x. PMID 9616791. S2CID 31876340.
- ↑ Hogenboom M (6 July 2016). "Many animals seem to kill themselves, but it is not suicide". BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2017. สืบค้นเมื่อ 20 July 2017.