ประเทศโครเอเชีย
45°10′N 15°30′E / 45.167°N 15.500°E
สาธารณรัฐโครเอเชีย Republika Hrvatska (โครเอเชีย) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศโครเอเชีย (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ซาเกร็บ 45°48′N 16°0′E / 45.800°N 16.000°E |
ภาษาราชการ | โครเอเชีย[a] |
ระบบการเขียน | ละติน |
กลุ่มชาติพันธุ์ (2011[4]) | |
ศาสนา (ค.ศ. 2011) |
|
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา |
ซอรัน มีลานอวิช | |
อันเดรย์ เปลงกอวิช | |
กอร์ดัน ยันดรอกอวิช | |
สภานิติบัญญัติ | Sabor |
ก่อตั้ง | |
• ดัชชี | คริสต์ศตวรรษที่ 9 |
ค.ศ. 925 | |
ค.ศ. 1102 | |
• เข้าร่วมราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค | 1 มกราคม ค.ศ. 1527 |
• แยกตัวจาก จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี | 29 ตุลาคม ค.ศ. 1918 |
4 ธันวาคม ค.ศ. 1918 | |
25 มิถุนายน ค.ศ. 1991[5] | |
12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 | |
1 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 56,594 ตารางกิโลเมตร (21,851 ตารางไมล์) (อันดับที่ 124) |
1.09 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2021 ประมาณ | 3,888,529[6] (อันดับที่ 128) |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2011 | 4,284,889[7] |
73 ต่อตารางกิโลเมตร (189.1 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 109) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 145 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ [1] (อันดับที่ 80) |
• ต่อหัว | 36,201 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 49) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 69.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 81) |
• ต่อหัว | 17,337 ดอลลาร์สหรัฐ [2] (อันดับที่ 66) |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 28.3[8] ต่ำ |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.851[9] สูงมาก · อันดับที่ 43 |
สกุลเงิน | ยูโร (€) (EUR) |
เขตเวลา | UTC+1 (CET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+2 (CEST) |
รูปแบบวันที่ | วว. ดด. ปปปป. (ค.ศ.) |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +385 |
โดเมนบนสุด |
โครเอเชีย (อังกฤษ: Croatia; โครเอเชีย: Hrvatska, ออกเสียง: [xř̩ʋaːtskaː]) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโครเอเชีย (อังกฤษ: Republic of Croatia; โครเอเชีย: Republika Hrvatska, เสียงอ่านภาษาโครเอเชีย: [ˈrepǔblika ˈxř̩ʋaːtskaː]) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทางแยกกลางระหว่างยุโรปกลาง และตะวันออกเฉียงใต้ แนวชายฝั่งของประเทศตั้งอยู่บริเวณทะเลเอเดรียติก มีชายแดนติดกับสโลวีเนียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ฮังการีทางตะวันออกเฉียงเหนือ เซอร์เบียทางตะวันออก บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอนเตเนโกรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีขอบเขตทางทะเลติดต่อกับอิตาลีทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ โครเอเชียมีเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือซาเกร็บ เป็นหนึ่งในเขตการปกครองหลักของประเทศ โดยแบ่งเป็น 20 เทศมณฑล มีเมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ สปลิต, ริเยกา และ ออซิเยกซึ่งเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรม และ การท่องเที่ยว ประเทศมีขนาดพื้นที่ 56,594 ตารางกิโลเมตร (21,851 ตารางไมล์) มีประชากรราว 3.9 ล้านคน[11]
ชาวโครแอตซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวโครเอเชียเข้ามาตั้งรกรากบริเวณปัจจุบันเมื่อปลายศตวรรษที่ 6 ซึ่งขณะนั้นดินแดนส่วนใหญ่ยังเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคอิลิเรีย อาณาเขตทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองดัชชีในศตวรรษที่ 7[12] โครเอเชียได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 879 ในรัชสมัยของดยุกมันซิเมียร์แห่งโครเอเชียซึ่งครองราชย์ตั้งแต่ ค.ศ. 879 ถึง 892 ต่อมา พระเจ้าตอมิสลัฟที่ 1 แห่งโครเอเชียกลายเป็นปฐมกษัตริย์แห่งโครเอเชียใน ค.ศ. 925 และได้ขยายอาณาเขตและความรุ่งเรืองจนกลายเป็นอาณาจักร ในช่วงวิกฤติการสืบราชสันตติวงศ์หลังจากราชวงศ์ตรีปิมิโรวิชสิ้นสุดลง โครเอเชียและฮังการีได้กลายเป็นรัฐร่วมประมุขใน ค.ศ. 1102 ต่อมาใน ค.ศ. 1527 โครเอเชียต้องเผชิญกับสงครามโครเอเชีย–ออตโตมันร้อยปี รัฐสภาโครเอเชียมีมติเลือกจักรพรรดิแฟร์ดีนันท์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ ต่อมาในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1918 รัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ ภายหลังการยุบตัวของจักรวรรดิหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความเป็นอิสระจากออสเตรียและฮังการีได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ ณ เมืองซาเกร็บในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้น ดินแดนทั้งหมดถูกควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย ภายหลังการบุกครองยูโกสลาเวียโดยฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง ดินแดนส่วนใหญ่ได้กลายเป็นรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนีในนามรัฐเอกราชโครเอเชีย ขบวนการต่อต้านเผด็จการนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมโครเอเชีย ซึ่งภายหลังสงครามได้กลายมาเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งและเป็นองค์ประกอบของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1991 มีการออกเสียงประชามติรับรองเอกราช และสงครามประกาศอิสรภาพโครเอเชียประสบความสำเร็จในเวลาสี่ปี ส่งผลให้ประเทศได้รับเอกราชถาวร และเป็นที่รู้จักในชื่อ "สาธารณรัฐโครเอเชีย" มาถึงปัจจุบัน
โครเอเชียเป็นสาธารณรัฐด้วยระบบรัฐสภา และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยม เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป, ยูโรโซน, พื้นที่เชงเกน, เนโท, สภายุโรป, องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, องค์การการค้าโลก, สหประชาชาติ รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสหภาพเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันโครเอเชียอยู่ระหว่างการยื่นขอเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และมีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ รวมทั้งกองกำลังช่วยเหลือความมั่นคงระหว่างประเทศ และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นครั้งแรกระหว่าง ค.ศ. 2008–2009
โครเอเชียเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีรายรับสูงตามการจัดอันดับโดยธนาคารโลก ประเทศนี้อยู่ในอันดับ 40 ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์[13] รายได้หลักมาจากการบริการ, ภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ในขณะที่การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบ 20 ล้านคนใน ค.ศ. 2019[14][15][16] นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 รัฐบาลโครเอเชียเน้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกตามแนวเส้นทางข้ามทวีปยุโรป และได้กลายเป็นผู้นำด้านพลังงานในภูมิภาคตั้งแต่ทศวรรษ 2020 โดยมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการกระจายพลังงานในทวีปยุโรป ผ่านคลังเก็บก๊าซธรรมชาติซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอบนอกเกาะเกิร์ก โครเอเชียมีระบบประกันสังคมที่มีคุณภาพ รวมถึงการดูแลสุขภาพโดยถ้วนหน้า เยาวชนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมถึงมัธยมโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน ในขณะเดียวกันรัฐบาลมีการปลูกฝังค่านิยมทางวัฒนธรรมผ่านสถาบัน และลงทุนในด้านสื่อและสิ่งพิมพ์
ภูมิศาสตร์
[แก้]โครเอเชียตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคยุโรปกลาง ภูมิภาคยุโรปใต้ และภูมิภาคยุโรปตะวันออก รูปร่างของประเทศคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวหรือเกือกม้า ซึ่งช่วยให้สามารถติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ได้แก่ สโลวีเนีย ฮังการี เซอร์เบีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร และอิตาลี (อีกฟากหนึ่งของทะเลเอเดรียติก) โดยแผ่นดินใหญ่ของโครเอเชียถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนไม่ติดต่อกันโดยชายฝั่งทะเลสั้น ๆ ของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา รอบ ๆ เมืองเนอุม (Neum)
ภูมิประเทศของโครเอเชียมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- ที่ราบ ทะเลสาบ และเนินเขา ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ (ภูมิภาคเซนทรัลโครเอเชียและสลาโวเนีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบพันโนเนีย)
- ภูเขาที่มีป่าไม้หนาแน่นในภูมิภาคลีคาและกอร์สกีคอตาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดินาริกแอลป์
- ชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่เต็มไปด้วยโขดหิน (ภูมิภาคอิสเตรีย นอร์เทิร์นซีโคสต์ และแดลเมเชีย)
ประวัติศาสตร์
[แก้]ยุคก่อนประวัติศาสตร์
[แก้]พื้นที่ที่รู้จักกันในปัจจุบันในนามโครเอเชียได้ดำรงอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ฟอสซิลของมนุษย์ยุคหินในยุคพาเลโอลิธิคถูกขุดค้นพบในที่ตั้งเมืองที่โด่งดังและเป็นที่ถูกนำเสนอมากที่สุดอยู่ที่เมืองคราปินาในทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย เศษซากของวัฒนธรรมนีโอลิธิคและคัลโคลิธิคมากมายถูกค้นพบในทุกบริเวณของประเทศ สัดส่วนที่ใหญ่สุดของที่เมืองคราปินาคือหุบเขาแม่น้ำของทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย และวัฒนธรรมสำคัญที่ถูกค้นพบในบริเวณนั้น ได้แก่ วัฒนธรรมสตาร์เชโว วูเชดอล และบาเดน ต่อมาช่วงยุคเหล็กได้เหลือร่องรอยวัฒนธรรมฮัลชตัตต์อิลลิเรียและวัฒนธรรมเซลติกลาเทน
ยุคกรีกโรมัน
[แก้]หลังจากนั้น ชาวอิลลิเรียและชาวลิบูร์เนียได้ตั้งรกรากในบริเวณนี้ ในขณะที่อาณานิคมกรีกแห่งแรกถูกก่อตั้งขึ้นในเกาะฮวาร์ เกาะคอร์ชูลา และเกาะวิส ในคริสต์ศักราชที่ 9 อาณาเขตของประเทศโครเอเชียในปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิดีโอเคลเตียนมีปราสาทใหญ่ที่สร้างขึ้นในเมืองสปลิต ซึ่งพระองค์ได้ถอนตัวหลังจากสละราชสมบัติในคริสต์ศักราชที่ 309
ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรพรรดิจูเลียส เนโปสปกครองดินแดนเล็ก ๆ จากปราสาท หลังจากอพยพจากประเทศอิตาลี เนื่องจากการถูกเนรเทศในปี 475 ภายหลังได้ถูกลอบปลงพระชนม์ในปี ค.ศ. 480 ในช่วงยุคนี้ได้จบลงที่ชาวอวาร์และชาวโครแอตได้บุกรุกในครึ่งปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 7 และการล่มสลายของเมืองโรมัน ชาวโรมันที่รอดชีวิตได้หนีไปยังในที่ที่เหมาะสม อย่างในชายฝั่ง เกาะ และภูเขา เมืองดูบรอฟนิกถูกตั้งขึ้นโดยผู้รอดชีวิตจากเอปิดาอูรุม (Epidaurum)
แหล่งกำเนิดชนกลุ่มชาวโครแอตยังไม่แน่นอนและมีหลากหลายทฤษฎีที่โต้เถียงกัน ชนชาติสลาฟและอิเรเนียนเป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงบ่อยที่สุด ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางคือทฤษฎีชาวสลาฟ เสนอการอพยพของชาวไวต์โครแอตจากอาณาเขตของไวต์โครเอเชียระหว่างในยุคการอพยพ โดยทางตรงกันข้าม ทฤษฎีชาวอิเรเนียน เสนอที่มาของชาวอิเรเนียน โดยมีพื้นฐานจากแผ่นจารึกทำนาย ซึ่งมีข้อความที่จารึกชื่อเป็นภาษากรีก Χορούαθ[ος], Χοροάθος, and Χορόαθος (Khoroúathos, Khoroáthos, and Khoróathos) และตีความได้เป็นชื่อของชาวโครเอเชีย
ราชวงศ์ฮับส์บูร์กและออสเตรีย-ฮังการี (ค.ศ. 1538–1918)
[แก้]หลังจากชัยชนะที่เด็ดขาดของออตโตมัน โครเอเชียได้แยกเป็นอาณาเขตพลเมืองและอาณาเขตทางทหาร ซึ่งแบ่งแยกในปี ค.ศ. 1538 อาณาเขตทางทหารกลายเป็นที่รู้จักกันใน "แนวหน้ากองทหารโครเอเชีย" (Croatian Military Frontier) และอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิโดยตรง ออตโตมันได้รุดหน้าไปในอาณาเขตของโครเอเชียต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1593 ศึกของซีซีค เป็นการพ่ายแพ้ของชาวออตโตมันครั้งแรก และการรักษาเสถียรภาพของเขตแดน ในระหว่างสงครามเติร์กครั้งยิ่งใหญ่ (ค.ศ. 1683-1698) เขตสลาโวเนียได้ถูกยึดคืนมา แต่ทางตะวันตกของบอสเนีย ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครเอเชียมาตลอด ก่อนที่ออตโตมันจะพิชิตได้ ยังคงอยู่นอกการปกครองของโครเอเชีย เขตแดนในปัจจุบันระหว่างสองประเทศนี้เป็นเศษซากของผลการพิชิตนี้ ดัลมาเชีย ชายแดนทางตอนใต้ของประเทศถูกนิยามใกล้เคียงกัน โดยสงครามออตโตมัน-เวเนเชียนครั้งที่ห้าและครั้งที่เจ็ด
สงครามออตโตมันกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางประชาการอย่างมาก ชาวโครแอตอพยพไปยังออสเตรีย และรัฐเบอร์เกนแลนด์ในปัจจุบัน ซึ่งชาวโครแอตเป็นลูกหลานโดยตรงของผู้ที่ไปอาศัยเหล่านั้น เพื่อแทนที่การอพยพของประชากร ราชวงศ์ฮับส์บูร์กโน้มน้าวประชาชนชาวคริสเตียนของบอสเนียและเซอร์เบียเข้าร่วมรับราชการทางทหารในแนวหน้าทางทหารของโครเอเชีย การอพยพของชาวเซิร์บไปยังแถบนี้ถึงขั้นขีดสุดในระหว่างช่วงการอพยพของชาวเซิร์บครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1690 และ ค.ศ. 1737-1739
รัฐสภาของโครเอเชียสนับสนุนกฎการสืบราชบัลลังก์ของพระเจ้าชาร์ลที่ 3 และเซ็นสัญญากฎการสืบราชบังลังก์ของพวกเขาในปี 1712 ต่อมาจักรพรรดิปฏิญาณที่จะพิจารณาสิทธิพิเศษและสิทธิทางการเมืองของราชอาณาจักรโครเอเชีย และพระราชินีมาเรีย เทเรซา สร้างคุณูปการที่สำคัญในเรื่องของโครเอเชีย
ระหว่างใน ค.ศ. 1797 และ ค.ศ. 1809 จักรวรรดิฝรั่งเศสที่หนึ่งค่อย ๆ ยึดครองทางตะวันออกของชายฝั่งเอเดรียติกทั้งหมดและส่วนใหญ่ของพื้นที่ชนบท สิ้นสุดที่บริเวณสาธารณรัฐเวเนเชียนและสาธารณรัฐรากูซัน และก่อตั้งมลรัฐอิลลิเรีย เพื่อตอบสนองราชนาวีที่เริ่มการปิดล้อมทะเลเอเดรียติก นำไปสู่ศึกวิส (Battle of Vis) ในปี 1811 มลรัฐอิลลิเรียถูกยึดครองโดยชาวออสเตรียในปี 1813 และถูกรวมโดยจักรวรรดิออสเตรีย ตามด้วยรัฐสภาของเวียนนาในปี 1815 การถูกรวมนี้นำไปสู่การก่อตั้งอาณาจักรดัลมาเชียและการบูรณะบบบริเวณชายฝั่งของโครเอเชียให้แก่ราชอาณาจักรโครเอเชีย ในตอนนี้ทั้งสองได้อยู่ภายใต้ราชวงศ์เดียวกัน ในช่วงปี 1830 และช่วงปี 1840 มีลัทธิรักชาติแบบโรแมนติกกระตุ้นการฟื้นฟูโครเอเชียระดับชาติ การรณรงค์ทางการเมืองและทางวัฒนธรรมสนับสนุนการเป็นหนึ่งเดียวของชาวสลาฟใต้ในจักรวรรดิ จุดสนใจพื้นฐานของทางจักรวรรดิคือ การกำหนดภาษามาตรฐาน รวมไปถึงการส่งเสริมวรรณกรรมโครเอเชียและวัฒนธรรมโครเอเชีย ในระหว่างการปฏิวัติฮังการี ในปี 1848 โครเอเชียได้อยู่ฝ่ายออสเตรีย ยอซิป เยลาชิช ช่วยในการต่อสู้รบกับกองกำลังฮังการีในปี 1849 และนำไปสู่ยุคนโยบายการทำให้เป็นเยอรมัน (Germanization) ในเวลาต่อไปมา
ในปี 1860 ความล้มเหลวของนโยบายเริ่มชัดเจนขึ้น นำไปสู่การประนีประนอมของออสเตรีย-ฮังการีของปี 1867 และการสร้างการรวมตัวระหว่างบุคคลระหว่างจุดสูงสุดของจักรวรรดิออสเตรียและราชอาณาจักรฮังการี สนธิสัญญาทิ้งสถานะของโครเอเชียให้กับฮังการี และสถานะเปลี่ยนโดยข้อยุติโครเอเชีย-ฮังการี ในปี 1868 เมื่อราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาโวเนียได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ราชอาณาจักรดัลมาเชียยังคงเป็นอยู่ในการปกครองของออสเตรียทางพฤตินัย ขณะที่รีเยกา (Rijeka) ได้รับสถานะเมืองแยกตัว (Corpus separatum) ในปี 1779
หลังจากออสเตรีย-ฮังการียึดครองบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาจากสนธิสัญญาเบอร์ลิน แนวหน้าทางทหารโครเอเชียถูกโค่นล้ม และอาณาเขตได้กลับคืนเป็นของโครเอเชียใน ค.ศ. 1881 ตามบทบัญญัติข้อยุติของโครเอเชีย-ฮังการี ความพยายามในการรื้อฟื้นออสเตรีย-ฮังการีที่นำมาซึ่งไปสู่การรวมโครเอเชียในฐานะหน่วยสหพันธรัฐ หยุดโดยการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1
ยูโกลสลาเวีย (ค.ศ. 1918–1991)
[แก้]วันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1918 รัฐสภาโครเอเชีย (Sabor) ประกาศเอกราชและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ ซึ่งภายหลังได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับราชอาณาจักรเซอร์เบียในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1918 จึงได้ชื่อใหม่ว่า ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน ทางสภาโครเอเชียไม่เคยยื่นข้อเสนอในการรวมกับเซอร์เบียและมอนเตเนโกร รัฐธรรมนูญปี ค.ศ. 1921 กำหนดให้ประเทศเป็นรัฐเดี่ยว แล้วยกเลิกระบบสภาของโครเอเชียและเขตการปกครองทางประวัติศาสตร์ ส่งผลให้การปกครองตนเองของโครเอเชียได้สิ้นสุดไป
รัฐธรรมนูญใหม่ขัดแย้งกับพรรคการเมืองแห่งชาติที่มีการสนับสนุนโดยกว้าง คือพรรค Croatian Peasant Party (HSS) นำโดย สเตฟาน ราดิช
สถานการณ์ทางการเมืองย่ำแย่ลงเมื่อราดิชถูกลอบสังหารในสมัชชาแห่งชาติใน ค.ศ. 1928 นำไปสู่ยุคเผด็จการของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ใน ค.ศ. 1929 ต่อมายุคเผด็จการได้สิ้นสุดลงอย่างทางการใน ค.ศ. 1931 เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์กำหนดรัฐธรรมนูญที่รวมศูนย์กลางไว้แห่งเดียวและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศยูโกสลาเวีย พรรค Croatian Peasant (HSS) สนับสนุนการรวมสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย ทำให้เป็นผลของข้อตกลง Cvetković–Maček ของเดือนสิงหาคม ปี 1939 และการก่อตั้งเขตการปกครองตนเองบาโนวีนา (Banovina) ในโครเอเชีย รัฐบาลยูโกสลาเวียยังคงควบคุมการป้องกันตัวเอง สวัสดิการภายใน การค้า และการขนส่ง ขณะที่ปัญหาอื่น ๆ เหลือให้ทางสภาโครเอเชียจัดการ
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1941 ยูโกสลาเวียอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซีเยอรมนีและฟาสซิสต์อิตาลี ตามด้วยการบุกรุกอาณาเขตของประเทศโครเอเชีย ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และพื้นที่เซอร์เมียถูกผนวกรวมเป็นรัฐเอกราชโครเอเชีย (Independent State of Croatia – NDH) ซึ่งเป็นรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนี พื้นที่ฝั่งดัลมาเชียถูกผนวกรวมกับอิตาลี และพื้นที่บารันยา (Baranja) และเมจิมูเรีย (Međimurje) ในทางตอนเหนือของโครเอเชีย ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับฮังการี รัฐเอกราชโครเอเชียปกครองโดย อานเต ปาเลวิช และกลุ่มคลั่งชาติอูสตาเช (Ustaše)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ร่วมสมัย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การเมืองการปกครอง
[แก้]การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]โครเอเชียแบ่งออกเป็น 20 เทศมณฑล (counties - županija) กับ 1 เขตเมืองหลวง* จัดกลุ่มรายชื่อโดยแบ่งตามภูมิภาคทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์: แม่แบบ:Croatian counties
เทศมณฑล | Seat | พื้นที่ (km²) | ประชากร 2011 Census |
---|---|---|---|
ภูมิภาคเซนทรัลโครเอเชีย (Central Croatia) | |||
เมืองซาเกร็บ | ซาเกร็บ | 641 | 792,875 |
เทศมณฑลซาเกร็บ | ซาเกร็บ | 3,078 | 317,642 |
บีเยลอวาร์-บีลอกอรา | บีลอกอรา | 2,652 | 119,743 |
คาร์โลวัตส์ | คาร์โลวัตส์ | 3,622 | 128,749 |
วาราชดีน | วาราชดีน | 1,261 | 176,046 |
คอพรีฟนีตซา-ครีเชฟต์ซี | คอพรีฟนีตซา | 1,746 | 115,582 |
คราพีนา-ซากอเรีย | คราพีนา | 1,224 | 133,064 |
ซีซาค-มอสลาวีนา | ซีซาค | 4,463 | 172,977 |
เมดจีมูเรีย | Čakovec | 730 | 114,414 |
ภูมิภาคอิสเตรีย นอร์เทิร์นซีโคสต์ และ เมาน์เทนัสโครเอเชีย | |||
ลีคา-เซนย์ | Gospić | 5,350 | 51,022 |
พรีมอเรีย-กอร์สกีคอตาร์ | รีเยกา | 3,582 | 296,123 |
อิสเตรีย | Pazin | 2,820 | 208,440 |
ภูมิภาคสลาโวเนีย (Slavonia) | |||
วีรอวีตีตซา-พอดราวีนา | พอดราวีนา | 2,068 | 84,586 |
พอเชกา-สลาโวเนีย | พอเชกา | 1,845 | 78,031 |
บรอด-พอซาวีนา | Slavonski Brod | 2,043 | 158,559 |
โอซีเยก-บารานยา | โอซีเยก | 4,152 | 304,899 |
ซีร์เมีย | วูคอวาร์ | 2,448 | 180,117 |
ภูมิภาคดัลเมเชีย (Dalmatia) | |||
ซาดาร์ | ซาดาร์ | 3,642 | 170,398 |
ชีเบนิค-คนีน | ชิเบนีก | 2,939 | 109,320 |
สปลิต-ดัลเมเชีย | สปลิต | 4,534 | 455,242 |
ดูบรอฟนิก-เนเรตวา | ดูบรอฟนิก | 1,783 | 122,783 |
เศรษฐกิจ
[แก้]- ในบรรดาสาธารณรัฐที่อยู่ภายใต้สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย โครเอเชียมีสถานะทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นรองเพียงสโลวีเนีย เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมของสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย รายได้ส่วนใหญ่ของโครเอเชียมาจากการท่องเที่ยว เนื่องจากภูมิประเทศเป็นชายฝั่งทะเลเอเดรียติกและมีหมู่เกาะที่สวยงาม ทำให้ในปัจจุบัน โครเอเชียจึงยังคงสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียส่วนใหญ่ นอกจากสโลวีเนีย ไว้ได้
- สำหรับนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้แก่ การปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในทางเศรษฐกิจมากขึ้น ออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยได้ประกาศนโยบายที่มุ่งสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค รักษาเสถียรภาพของค่าเงินสกุลกูนา (Kuna) คงระดับอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ใช้มาตรการดึงดูดคู่ค้าและนักลงทุนมากขึ้น รวมถึงการเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
โครงสร้างพื้นฐาน
[แก้]คมนาคมและโทรคมนาคม
[แก้]- รัฐบาลโครเอเชียยังมีโครงการสนับสนุนการลงทุนด้านท่าเรือ ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว เนื่องจากเห็นว่า การลงทุนด้านนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโครเอเชีย ช่วยให้เกิดการขนส่ง การก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และธุรกิจบริการเกี่ยวกับบริษัทขนส่งสินค้าต่างๆ โดยรัฐบาลได้สนับสนุนเงินกู้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างถนนเชื่อมโยงกับเส้นทางของฮังการี ปรับปรุงทางรถไฟและสาธารณูปโภคอื่น ๆ ทั้งนี้ โครเอเชียมีชายฝั่งทะเลที่ยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร และเต็มไปด้วยเกาะแก่งต่าง ๆ ถึง 1,185 เกาะ จึงมีความจำเป็นต้องจัดการคมนาคมขนส่งทางน้ำเพื่อเชื่อมโยงระหว่างกัน รวมทั้งดูแลชายฝั่งทะเลซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการก่อสร้างถนนหนทางภาคพื้นดินภายในประเทศเพื่อรองรับการคมนาคมทางน้ำ โครเอเชียมีท่าเรือ Rijeka ใช้ขนถ่ายและกระจายสินค้าได้ มีโครงการปรับปรุงเส้นทางขนส่ง โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2549 ซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมทางบกที่รวดเร็วที่สุดระหว่างเอเชียและยุโรปกลาง
เชื้อชาติ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
4.5 ล้านคน ประกอบด้วยชาวโครแอท (89.6%) ชาวเซิร์บ (4.54%) และอื่น ๆ ได้แก่ ชาวบอสเนีย ฮังการี สโลวีน เช็ก (5.9%)
ศาสนา
[แก้]อาหาร
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาหารพื้นเมืองของชาวโครแอตไม่ต่างจากอาหารแบบยุโรปโดยทั่วไป ในกรุงชาเกร็บมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือร้านกาแฟในสไตล์ Side-Walk Cafe ที่เน้นการเสพบรรยากาศดี ๆ เคล้ากาแฟรสละมุนลิ้น ส่วนเมนูอร่อยที่ควรชิมก็คือไส้กรอก Spek และ Kulen ซึ่งเป็นอาหารเฉพาะถิ่น ในขณะที่ขนมหวานขึ้นชื่อของโครเอเชียก็คือคุกกี้รูปหัวใจเคลือบน้ำตาลสีแดงที่มีรสชาติหวานมันลงตัว
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ นอกจากภาษานี้ ยังมีภาษาประจำภูมิภาคที่มีการใช้งานในบางเทศมณฑล เช่น เทศมณฑลอิสเตรียมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาอิตาลี[1][2] และมีหลายเทศมณฑลติดกับประเทศเซอร์เบียที่พูดภาษาเซอร์เบียมาตรฐาน[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Europska povelja o regionalnim ili manjinskim jezicima" (ภาษาโครเอเชีย). Ministry of Justice and Public Administration (Croatia). 4 November 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2013. สืบค้นเมื่อ 1 December 2018.
- ↑ "Population by Mother Tongue, by Towns/Municipalities, 2011 Census". Census of Population, Households and Dwellings 2011. Zagreb: Croatian Bureau of Statistics. December 2012.
- ↑ "Is Serbo-Croatian a language?". The Economist (ภาษาอังกฤษ). 10 April 2017. สืบค้นเมื่อ 1 December 2018.
- ↑ "Population by Ethnicity, by Towns/Municipalities, 2011 Census". Census of Population, Households and Dwellings 2011. Zagreb: Croatian Bureau of Statistics. December 2012.
- ↑ "Zakon o blagdanima, spomendanima i neradnim danima u Republici Hrvatskoj" [Law of Holidays, Memorial Days and Non-Working Days in the Republic of Croatia]. Narodne Novine (ภาษาโครเอเชีย). 15 November 2019. สืบค้นเมื่อ 31 May 2021.
- ↑ "Census of population, households and dwellings in 2021 - First results". Croatian Bureau of Statistics. 14 January 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-30. สืบค้นเมื่อ 15 January 2022.
- ↑ "Population by Age and Sex, by Settlements, 2011 Census". Census of Population, Households and Dwellings 2011. Zagreb: Croatian Bureau of Statistics. December 2012.
- ↑ "Gini coefficient of equivalised disposable income – EU-SILC survey". ec.europa.eu. Eurostat. สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
- ↑ Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- ↑ "Hrvatski sabor – Povijest". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 March 2018. สืบค้นเมื่อ 10 March 2018.
- ↑ "Croatia Population (2023) - Worldometer". www.worldometers.info (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Croatian :: Ngati Tarara 'The Olive and Kauri'". www.croatianclub.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-11-29. สืบค้นเมื่อ 2023-12-12.
- ↑ "World Economic Outlook Database". IMF (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Croatia tourist arrivals 2022". Statista (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "World Bank Open Data". World Bank Open Data.
- ↑ Nast, Condé (2019-10-07). "Top 20 Countries in the World: Readers' Choice Awards 2023". Condé Nast Traveler (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCensus2011-religion
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์รัฐบาล
- Croatia. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- Croatia from UCB Libraries GovPubs
- Croatia.hr Official website of the Croatian National Tourist Board
- This is Croatia
- ประเทศโครเอเชีย ที่เว็บไซต์ Curlie
- Visit Croatia – a travel guide
- Wikimedia Atlas of Croatia
- ดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศโครเอเชีย ที่โอเพินสตรีตแมป
- Key Development Forecasts for Croatia from International Futures