เตียโก อัลกันตารา
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต[1] | |||||||||||||||||||||||||
วันเกิด | 11 เมษายน ค.ศ. 1991 | |||||||||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | ซานปีเอโตรเวร์โนตีโก อิตาลี | |||||||||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.74 เมตร (5 ฟุต 9 นิ้ว)[2] | |||||||||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองกลาง | |||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | บาร์เซโลนา (ผู้ช่วย) | |||||||||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||||||||||||
1995–1996 | ฟลาเม็งกู | |||||||||||||||||||||||||
1996–2000 | Ureca | |||||||||||||||||||||||||
2000–2001 | Kelme | |||||||||||||||||||||||||
2001–2005 | ฟลาเม็งกู | |||||||||||||||||||||||||
2005–2008 | บาร์เซโลนา | |||||||||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||||||||||||
2008–2011 | บาร์เซโลนา เบ | 54 | (2) | |||||||||||||||||||||||
2009–2013 | บาร์เซโลนา | 68 | (7) | |||||||||||||||||||||||
2013–2020 | ไบเอิร์นมิวนิก | 150 | (17) | |||||||||||||||||||||||
2020–2024 | ลิเวอร์พูล | 68 |
(2 รวม (340) (28)) | |||||||||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||||||||||||
2007 | สเปน อายุไม่เกิน 16 ปี | 1 | (0) | |||||||||||||||||||||||
2007–2008 | สเปน อายุไม่เกิน 17 ปี | 8 | (5) | |||||||||||||||||||||||
2009 | สเปน อายุไม่เกิน 18 ปี | 1 | (1) | |||||||||||||||||||||||
2009–2010 | สเปน อายุไม่เกิน 19 ปี | 11 | (4) | |||||||||||||||||||||||
2010–2013 | สเปน อายุไม่เกิน 21 ปี | 21 | (6) | |||||||||||||||||||||||
2011–2021 | สเปน | 46 | (2) | |||||||||||||||||||||||
จัดการทีม | ||||||||||||||||||||||||||
2024– | บาร์เซโลนา (ผู้ช่วย) | |||||||||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15:24, 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 23:47, 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (UTC) |
เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต (สเปน: Thiago Alcántara do Nascimento; เกิด 11 เมษายน ค.ศ. 1991)[1] เรียกสั้น ๆ ว่า เตียโก (ภาษาสเปน: [ˈtjaɣo]; สำเนียงบราซิล: [tʃiˈaɡu])[3][4] เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสเปนที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมบาร์เซโลนา เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในยุคของเขา
เตียโกเกิดที่อิตาลีโดยมีบิดามารดาเป็นชาวบราซิล บิดาของเขา มาซิญโญ เป็นอดีตนักฟุตบอลในชุดชนะเลิศฟุตบอลโลกและเล่นให้กับเลชเชในเซเรียอาในช่วงที่เขาเกิด เตียโกย้ายร่วมบาร์เซโลนาในวัย 14 ปี และลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 2009 หลังจากที่พาทีมชนะเลิศลาลิกาสี่สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก เขาได้เซ็นสัญญากับไบเอิร์นด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรใน ค.ศ. 2013 เขาพาไบเอิร์นคว้าถ้วยรางวัลถึง 16 ใบ ซึ่งรวมถึงบุนเดิสลีกาเจ็ดสมัยและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2020 โดยแชมเปียนส์ลีกนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทริปเปิลแชมป์ ในปีสุดท้ายของเขากับสโมสร ในปี 2020 เขาเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวเริ่มต้น 20 ล้านปอนด์ กับลิเวอร์พูล เขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 2022 ธิอาโก้ถูกเลือกให้ติดทีม FIFPRO Men's World 11 ในปี 2020
หลังจากที่พาทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 19 และ 20 ปีเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเยาวชน เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2011 เขาเกือบเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 แต่ได้ถอนตัวเนื่องจากบาดเจ็บที่เข่า เตียโกถูกเลือกติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป(ยูโร) 2016 ,ฟุตบอลโลก 2018 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป(ยูโร) 2020
สโมสรอาชีพ
[แก้]ช่วงแรก
[แก้]เตียโกเกิดที่ซานปีเอโตรเวร์โนตีโกในอิตาลี ซึ่งในตอนนั้น มาซิญโญ บิดาของเขา (ผู้เล่นทีมชาติบราซิลตั้งแต่ ค.ศ. 1989 ถึง 1994) เล่นให้กับเลชเช เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับฟลาเม็งกูในบราซิล ต่อมาเมื่ออายุได้ห้าขวบ เขาได้ย้ายไปสเปนพร้อมกับบิดา และเริ่มเล่นให้กับยูเรชา ทีมในแคว้นกาลิเซีย ใน ค.ศ. 2001 เขาเล่นให้กับเคลเม ในขณะที่บิดาเล่นให้กับเอลเช[5][6] เขาย้ายกลับฟลาเม็งกูเมื่อตอน 10 ขวบ และใน ค.ศ. 2005 ได้ย้ายกลับสเปนอีกครั้งพร้อมเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนา ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขา มารีเอลู ดอส ซังตูส ก็เล่นให้กับสโมสรนี้[7]
บาร์เซโลนา
[แก้]วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 เตียโกในวัย 18 ปี ลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชุดแรกในฐานะตัวสำรองแทนเอย์ดืร์ กวึดยอนแซนในนาทีที่ 74 ในนัดที่แพ้ 1–2 มายอร์กา ซึ่งบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว[8] นัดนั้นเป็นการลงเล่นเพียงนัดเดียวของเขาในฤดูกาลนั้น[9]
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนยาย่า ตูเรในนาทีที่ 76 และทำประตูแรกในนามสโมสรช่วยให้เปิดบ้านเอาชนะราซินเดซันตันเดร์ 4–0[10] ต่อมาเขาทำประตูที่สามในนัดที่พบกับเรอัลโซซิเอดัดเมื่อวันที่ 29 เมษายน นัดนั้นเขาลงเล่นเป็นตัวจริงและบาร์เซโลนาแพ้ไป 2–1[11] เขาจบฤดูกาล 2010–11 ด้วยการลงเล่น 17 นัด ทำ 3 ประตูและ 3 แอสซิสต์ เขามีชื่อเป็นตัวสำรองในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2011 ที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเวมบลีย์[12]
เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2011–12 ด้วยการลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา เลกแรก ที่พบกับเรอัลมาดริด เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58 และชาบีลงแล่นแทน เขามีชื่อเป็นสำรองในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2011 ที่บาร์เซโลนาเอาชนะโปร์ตู เขาทำประตูในนัดเปิดสนามลาลิกาของบาร์เซโลนาที่เปิดบ้านเอาชนะบิยาร์เรอัล 5–0[13] ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่บาร์เซโลนาเอาชนะซังตุสที่สนามกีฬานานาชาติโยโกฮามะ 4–0[14] เตียโกทำประตูที่ห้าของบาร์เซโลนาในนัดที่เอาชนะราโยบาเยกาโน 7–0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน[15]
ไบเอิร์นมิวนิก
[แก้]2013–15: ฤดูกาลแรกและอาการบาดเจ็บ
[แก้]— แป็ป กวาร์ดิออลา กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนเซ็นสัญญา[16]
วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เตียโกเซ็นสัญญาสี่ปีกับไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกาด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร[17] ไบเอิร์นจะจ่ายเงิน 20 ล้านยูโรโดยตรงแก่บาร์เซโลนา และจะจัดเกมกระชับมิตรระหว่างสองทีม เตียโกจะได้รับเงินที่บาร์เซโลนาติดหนี้กับเขาไว้[18] การย้ายตัวเกิดขึ้นแม้ว่าบาร์เซโลนาเพิ่งจะขยายสัญญากับเตียโกใน ค.ศ. 2011 ทำให้เขามีค่าปล่อยตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์[19] บาร์เซโลนาล้มเหลวในการบรรลุเงื่อนไขสัญญาเนื่องจากเขาไม่ได้ลงเล่นด้วยเวลาที่เพียงพอ ค่าซื้อตัวของเขาจึงลดลงเหลือ 18 ล้านยูโร[19] ผู้จัดการทีมคนใหม่ของไบเอิร์น แป็ป กวาร์ดิออลา กล่าวก่อนที่เตียโกจะย้ายมาไบเอิร์นว่า "ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา"[20]
เตียโกลงเล่นนัดแรกให้กับไบเอิร์นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่พ่ายแพ้ต่อโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4–2 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขาลงเล่นนัดแรกในบุนเดิสลีกาในนัดที่บุกเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 0–1 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2013[21]
วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เขาทำประตูแรกให้กับไบเอิร์นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013 ช่วยให้เอาชนะรายาคาซาบลังกาจากโมร็อกโก 2–0[22] ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในบุนเดิสลีกาใส่ชตุทการ์ท โดยประตูนี้ได้รับการลงคะแนนให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน[23] นอกจากนี้ เขายังแอสซิสต์ให้เกลาดิโอ ปิซาร์โรทำประตูแรกช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะ 2–1[24] สี่วันถัดมา ในนัดที่พบกับไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท เขาสัมผัสบอลถึง 185 ครั้ง นับเป็นสถิติสูงสุดของบุนเดิสลีกา[25] วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เตียโกทำสองประตูช่วยให้ทีมเอาชนะฮันโนเฟอร์ 96 4–0[26] อย่างไรก็ตาม เอ็นเข่าของเขาขาดในนัดที่พบกับ 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ในอีกหกวันถัดมา[27] ทำให้ต้องจบฤดูกาลด้วยการทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 16 นัด[28] นอกจากนี้ เขายังลงเล่นในเยอรมันคัพ 2 นัด[28] แชมเปียนส์คัพ 4 นัด[28] เยอรมันซูเพอร์คัพ 1 นัด[9] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2 นัด[9]
หลังจากที่ต้องหยุดพักเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เตียโกกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2015 โดยลงเล่นแทนที่ฟิลิปป์ ลาห์มในช่วง 21 นาทีสุดท้ายในนัดที่เอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1–0[29] สี่วันถัดมา เขาลงเล่นแทนที่ลาห์มอีกครั้งในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับไบเออร์เลเวอร์คูเซิน เขาทำประตูชัยในช่วงการดวลลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในเวลาแบบไร้ประตู[30] วันที่ 15 เมษายน เขาทำประตูในแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรกที่บุกแพ้โปร์ตู 1–3[31] สี่วันถัดมา เขาโหม่งประตูจากลูกเปิดของฆวน เบร์นัต ช่วยให้ทีมเปิดบ้านล้างแค้นเอาชนะโปร์ตู 6–1 ทำให้ไบเอิร์นผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[32] วันที่ 26 เมษายน หลังจากที่เฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์คแพ้ให้กับโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค เตียโกชนะเลิศบุนเดิสลีกาสมัยที่สองกับไบเอิร์น[33] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำสองประตูจากการลงเล่น 13 นัด[34]
2015–17: ดับเบิลแชมป์ในประเทศและความสำเร็จส่วนตัว
[แก้]วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2015 เตียโกขยายสัญญากับไบเอิร์นอีก 4 ปี[35] ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 3–0 ในการแข่งขันเดเอ็ฟเบ-โพคาลรอบก่อนรองชนะเลิศ[36] เขาทำสองประตูในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะแวร์เดอร์เบรเมิน 5–0 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม[37] ต่อมาในวันที่ 17 มีนาคม เตียโกทำประตูช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลังยูเวนตุส 0–2 กลับมาเอาชนะได้ 4–2 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[38] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 4 ประตูและ 7 แอสซิสต์[39] เขาทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 27 นัด[40] ทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในเยอรมัน 5 นัด[40] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก 9 นัด[40]
เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2016–17 ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างการ์โล อันเชลอตตี ด้วยการพาทีมเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2–0 จนสามารถคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2016[41][42] วันที่ 21 กันยายน เขาทำประตูแรกของฤดูกาล ช่วยให้ทีมเอาชนะแฮร์ทา เบเอ็สเซ 3–0[43] เตียโกทำหนึ่งประตูและหนึ่งแอสซิสต์ในนัดที่เอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด[44] วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เขาทำสองประตูและหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะอาร์เซนอล 5–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[45] วันที่ 28 เมษายน เขาขยายสัญญากับสโมสรอีกสี่ปีหรือจนถึง ค.ศ. 2021[46] เขาทำ 9 ประตูและ 9 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล[47]
2017–20: ผู้เล่นตัวจริงและแชมป์ยุโรป
[แก้]อาการบาดเจ็บทำให้เตียโกไม่สามารถลงเล่นในการแข่งขันนัดแรกของฤดูกาล 2017–18 ซึ่งเป็นเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่ไบเอิร์นเอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในการยิงลูกโทษ 5–4 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2017[48][49] ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม เขาทำประตูตามตีเสมอแอร์เบ ไลพ์ซิช 1–1 ในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบที่สอง ก่อนที่ไบเอิร์นจะสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 5–4[50] วันที่ 23 พฤศจิกายน เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 44 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาในนัดที่ไบเอิร์นบุกเอาชนะอันเดอร์เลคต์ 2–1 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ยุพ ไฮน์เคิส ผู้จัดการทีม ยืนยันว่าเขาจะต้องพักยาว[51][52] เตียโกกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดที่บุกเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์ค 2–1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[53][54] ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้ไบเอิร์นบุกเอาชนะเซบิยา 2–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ[55] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 7 ประตูจากการลงเล่น 31 นัด[56]
วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เตียโกลงเล่นนัดแรกของฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างนิคอ คอวัช เขาทำหนึ่งประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 5–0 พาไบเอิร์นคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้สำเร็จ[57] วันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เตียโกพาไบเอิร์นชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่หกติดต่อกัน โดยทีมมี 78 คะแนนซึ่งเหนือกว่าดอร์ทมุนท์เพียงสองคะแนนเท่านั้น สัปดาห์ถัดมา เตียโกชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาลเป็นสมัยที่สามของเขา หลังจากที่ไบเอิร์นสามารถเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศ[58] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 3 ประตูจากการลงเล่น 42 นัด
ท่ามกลางสื่อที่ประโคมข่าวอย่างหนักว่าเขามีโอกาสย้ายไปลิเวอร์พูล[59] เตียโกลงเล่นให้กับไบเอิร์นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างบาร์เซโลนา สุดท้ายแล้ว ไบเอิร์นสามารถเอาชนะทีมจากแคว้นกาตาลันไปได้อย่างขาดลอย 8–2[60] เตียโกลงเล่นเป็นตัวจริงในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่พบกับปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยเขาได้ลงเล่น 86 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก บาเอิร์นชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกาและเอาชนะไบเออร์เลเวอร์คูเซินในเดเอ็ฟเบ-โพคาล นัดชิงชนะเลิศ[61][62][63]
ลิเวอร์พูล
[แก้]ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 4 ปี[64] โดยเตียโกได้สวมเสื้อหมายเลข 6[65] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[66] ผลงานของเตียโกในนัดนี้สถิติโดยรวมก็คือผ่านบอลสำเร็จ 75 ครั้งในเวลาแค่ 45 นาทีมากกว่านักเตะทุกคนของเชลซี ที่ลงเล่นตลอดทั้งเกม และนับตั้งแต่มีการเก็บสติติการผ่านบอลในปี 2003 เป็นต้นมา เตียโกเป็นผู้เล่นที่สามารถผ่านบอลสำเร็จได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก สำหรับผู้เล่นที่อยู่ในสนามไม่เกิน 45 นาที[67]
ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2020 สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศว่าเตียโกได้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เตียโกทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 2-0[68]
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B เตียโกทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 2-0[69] ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 เตียโกทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 4-0[70]
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 อีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ในตอนแรกเตียโกจะลงเล่นแต่เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างก่อนเริ่มเกมทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงสนามและให้ นาบี เกอีตา ลงสนามแทน แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 11-10 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[71] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[72] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[73]
ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[74] ต่อมา ในช่วงฤดูกาล 2023-24 เตียโกมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังตลอดทำให้เขาลงสนามแค่นัดเดียวและก็ต้องพักตลอดทั้งฤดูกาล ต่อมา ในวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 เตียโกตัดสินใจจะไม่ต่อสัญญาใหม่ โดยจะย้ายออกจากลิเวอร์พูลหลังจบฤดูกาล 2023–24
ทีมชาติ
[แก้]ชุดเยาวชน
[แก้]เขาลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 2008 โดยทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ในรายการนั้น[75] เตียโกทำประตูด้วยการยิงฟรีคิกในระยะ 40 หลาใส่สวิตเซอร์แลนด์ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2011 ช่วยให้สเปนเอาชนะ 2–0 และคว้าแชมป์รายการนั้น[76] เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดชิงชนะเลิศ
วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 เขาทำแฮตทริกในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2013 นัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้สเปนเอาชนะอิตาลี 4–2 และคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่สี่[77]
ชุดใหญ่
[แก้]เขาลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ในนัดกระชับมิตรที่พบกับอิตาลีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ส่วนนัดการแข่งขันนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2011 ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือกที่สเปนเอาชนะลีชเทินชไตน์ 6–0 อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 และโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่ลอนดอน[78]
วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เตียโกมีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 30 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014[79] อย่างไรก็ตาม สองวันถัดมา เขาถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากเอ็นเข่าขาดในตอนที่เล่นให้กับไบเอิร์นเมื่อเดือนมีนาคม ผู้บริหารของไบเอิร์น Karl-Heinz Rummenigge กล่าวว่า "ชายหนุ่มผู้ต้องการกลับมาเล่นในฟุตบอลโลกซึ่งความฝันของเขาพังทลายลง พวกเราจะดูแลเขาให้ดีและจะทำให้มั่นใจได้ว่าเขาจะพร้อมสำหรับการเปิดฤดูกาล"[80]
วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เตียโกถูกบิเซนเต เดล โบสเกเรียกติดทีมชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ[81] สิบวันถัดมา เขาได้ลงเล่นและช่วยให้สเปนบุกเอาชนะยูเครนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก 1–0 ต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนัดที่พบกับแอลเบเนีย ประตูนี้เกิดจากอัลบาโร โอดริโอโซลาส่งบอลเข้าจากฝั่งขวาของกรอบเขตโทษและเตียโกโหม่งบอลเข้าไป[82]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 เขามีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 24 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย[83] และเมื่อตัดรายชื่อเหลือ 23 คน เขาก็ยังคงมีชื่ออยู่ในนั้น[84] เตียได้ลงเล่นในรายการนี้สองนัดในการพบกับโปรตุเกสและโมร็อกโก[85]
สถิติอาชีพ
[แก้]สโมสร
[แก้]- ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วยแห่งชาติ[a] | ลีกคัพ | ทวีป | อื่น ๆ | รวม | อ้างอิง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระดับ | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | |||
บาร์เซโลนา เบ | 2007–08 | เตร์เซราดิบิซิออน | 5 | 0 | — | — | — | — | 5 | 0 | |||||
2008–09 | เซกุนดาดิบิซิออน เบ | 25 | 0 | — | — | — | — | 25 | 0 | ||||||
2009–10 | 13 | 2 | — | — | — | 5[b] | 1 | 18 | 3 | ||||||
2010–11 | เซกุนดาดิบิซิออน | 11 | 0 | — | — | — | — | 11 | 0 | [9] | |||||
รวม | 54 | 2 | — | — | — | 5 | 1 | 59 | 3 | — | |||||
บาร์เซโลนา | 2008–09 | ลาลิกา | 1 | 0 | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | [9] | |
2009–10 | 1 | 1 | 1 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 2 | 1 | [9] | |||
2010–11 | 12 | 2 | 3 | 1 | — | 1[c] | 0 | 1[d] | 0 | 17 | 3 | [9] | |||
2011–12 | 27 | 2 | 8 | 2 | — | 7[c] | 0 | 3[e] | 0 | 45 | 4 | [9] | |||
2012–13 | 27 | 2 | 7 | 1 | — | 2[c] | 0 | 0 | 0 | 36 | 3 | [9] | |||
รวม | 68 | 7 | 19 | 4 | — | 10 | 0 | 4 | 0 | 101 | 11 | — | |||
ไบเอิร์นมิวนิก | 2013–14 | บุนเดิสลีกา | 16 | 2 | 2 | 0 | — | 4[c] | 0 | 3[f] | 1 | 25 | 3 | [9][28] | |
2014–15 | 7 | 0 | 2 | 0 | — | 4[c] | 2 | 0 | 0 | 13 | 2 | [34] | |||
2015–16 | 27 | 2 | 5 | 1 | — | 9[c] | 1 | 1[g] | 0 | 42 | 4 | [9][40] | |||
2016–17 | 27 | 6 | 4 | 1 | — | 9[c] | 2 | 1[g] | 0 | 41 | 9 | [9][47] | |||
2017–18 | 19 | 2 | 3 | 2 | — | 10[c] | 3 | 0 | 0 | 32 | 7 | [56][86] | |||
2018–19 | 30 | 2 | 6 | 0 | — | 5[c] | 0 | 1[g] | 1 | 42 | 3 | [57][87] | |||
2019–20 | 24 | 3 | 5 | 0 | — | 10[c] | 0 | 1[g] | 0 | 40 | 3 | [88][89] | |||
รวม | 150 | 17 | 27 | 4 | — | 51 | 8 | 7 | 2 | 235 | 31 | — | |||
ลิเวอร์พูล | 2020–21 | พรีเมียร์ลีก | 24 | 1 | 2 | 0 | 0 | 0 | 4[c] | 0 | 0 | 0 | 30 | 1 | [9] |
2021–22 | พรีเมียร์ลีก | 25 | 1 | 4 | 0 | 0 | 0 | 10[c] | 1 | 0 | 0 | 39 | 2 | [9] | |
2022–23 | พรีเมียร์ลีก | 18 | 0 | 3 | 0 | 1 | 0 | 5[h] | 0 | 1[i] | 0 | 28 | 0 | [9] | |
2023–24[90] | พรีเมียร์ลีก | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | ||
รวม | 68 | 2 | 9 | 0 | 1 | 0 | 19 | 1 | 1 | 0 | 98 | 3 | |||
รวมทั้งหมด | 341 | 28 | 56 | 8 | 1 | 0 | 80 | 9 | 12 | 3 | 488 | 48 | — |
- ↑ รวมโกปาเดลเรย์ เดเอ็ฟเบ-โพคาล และเอฟเอคัพ
- ↑ ลงเล่นในเซกุนดาดิบิซิออน เบ รอบเพลย์ออฟ
- ↑ 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา
- ↑ ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญาและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
- ↑ ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อUCL
- ↑ Appearance in FA Community Shield
ทีมชาติ
[แก้]- ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2021[91]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
สเปน | 2011 | 3 | 0 |
2012 | 0 | 0 | |
2013 | 1 | 0 | |
2014 | 1 | 0 | |
2015 | 2 | 0 | |
2016 | 11 | 0 | |
2017 | 7 | 1 | |
2018 | 9 | 1 | |
2019 | 3 | 0 | |
2020 | 2 | 0 | |
2021 | 7 | 0 | |
รวม | 46 | 2 |
ประตูในนามทีมชาติ
[แก้]# | วันที่ | สนาม | คู่แข่ง | ประตู | ผล | รายการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 6 ตุลาคม 2017 | สนามกีฬาโฆเซริโกเปเรซ อาลิกันเต สเปน | แอลเบเนีย | 3–0 | 3–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
2. | 27 มีนาคม 2018 | หวันต้าเมโตรโปลิตาโน มาดริด สเปน | อาร์เจนตินา | 4–1 | 6–1 | กระชับมิตร |
เกียรติประวัติ
[แก้]สโมสร
[แก้]บาร์เซโลนา[92]
- ลาลิกา: 2010–11, 2012–13[93]
- โกปาเดลเรย์: 2011–12
- ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา: 2010, 2011
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2010–11
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2011
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2011
ไบเอิร์นมิวนิก[1]
- บุนเดิสลีกา: 2013–14, 2014–15, 2015–16, 2016–17, 2017–18, 2018–19, 2019–20
- เดเอ็ฟเบ-โพคาล: 2013–14, 2015–16, 2018–19, 2019–20
- เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ: 2016, 2017, 2018
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2019–20[94]
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2013
ลิเวอร์พูล
ทีมชาติ
[แก้]- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี: 2008
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2011, 2013
รางวัลส่วนตัว
[แก้]- ผู้เล่นยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[96]
- รองเท้าเงินในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[97]
- ทีมยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[96]
- Goal of the Month in Germany: January 2014[23]
- FIFA FIFPro World11: 2020
- FIFA FIFPro World11 ทีมที่ 5: 2015, 2017[98][99]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของบุนเดิสลีกา: 2016–17[100]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสื่อกีฬายุโรป: 2016–17[101]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2019–20[102]
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: เมษายน 2022
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 "Thiago Alcântara". Soccerway.com. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
- ↑ "2018 FIFA World Cup Russia – List of Players" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. 4 June 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 19 June 2018. สืบค้นเมื่อ 20 June 2018.
- ↑ "Thiago Alcántara | SEFutbol". sefutbol.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2017. สืบค้นเมื่อ 28 November 2017.
- ↑ "Thiago – FC Bayern Munich". fcbayern.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-27. สืบค้นเมื่อ 28 November 2017.
- ↑ "Kelme official website". Kelme. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 มิถุนายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2012.
- ↑ "Thiago Alcántara, la nueva perla azulgrana" (ภาษาสเปน). suite101.net. 30 กรกฎาคม 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2012.
- ↑ "THIAGO ALCÂNTARA DO NASCIMENTO" (ภาษาโปรตุเกส). PortalBARRA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-06. สืบค้นเมื่อ 3 July 2011.
- ↑ Villalobos, Fran (17 May 2009). "El Barça pierde la guerra de Eto'o" [Barça lose the war of Eto'o]. Marca (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
- ↑ 9.00 9.01 9.02 9.03 9.04 9.05 9.06 9.07 9.08 9.09 9.10 9.11 9.12 9.13 9.14 "Thiago » Club matches". World Football. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "FC Barcelona vs Racing de Santander". Goal.com. 20 February 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-21. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Barcelona stumble against Real Sociedad to miss out on record". The Guardian. 29 April 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 April 2015. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ McNulty, Phil (28 May 2011). "Barcelona 3 – 1 Man Utd". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
- ↑ Gonzalez, Roger (29 August 2011). "Barcelona 5–0 Villarreal: Messi, Fabregas & Alexis Sanchez all on target as champions cruise to victory". Goal.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-30. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
- ↑ "Match Report" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-04-09. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
- ↑ Sinanan, Keeghann (29 April 2012). "Rayo Vallecano 0–7 Barcelona: Messi and Pedro both net doubles as Catalan giants romp to resounding victory". Goal.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-13. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ Staunton, Peter (17 October 2014). "Bayern will never truly be Pep's team without Thiago Alcantara". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 24 April 2015.
- ↑ "Thiago Alcántara sold to Bayern Munich for 25 million euros". FC Barcelona. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 15 July 2013.
- ↑ "FC Bayern verpflichtet Thiago Alcántara" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
- ↑ 19.0 19.1 Hayward, Ben (19 June 2013). "Barcelona blunder makes €18m Thiago the bargain of the summer". goal.com. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Thiago Alcantara: from promising Pep pup to world-class Number 10". bundesliga.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Mandzukic sorgt für Frankfurts Fehlstart". kicker (ภาษาเยอรมัน). 17 August 2013. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich manager Pep Guardiola targets more silverware after Club World Cup victory". The Daily Telegraph. 22 December 2013. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
- ↑ 23.0 23.1 "Thiago erzielt Tor des Monats" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
- ↑ "VfB Stuttgart 1–2 Bayern Munich". BBC Sport. 29 January 2014. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
- ↑ "5:0 – Bayern dominiert gegen Frankfurt nach Belieben". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). 2 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich and Thomas Müller crush Hannover with ruthless efficiency". The Guardian. Press Association. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich 3–3 1899 Hoffenheim". BBC Sport. 29 March 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 28.3 "Thiago" (ภาษาเยอรมัน). kicker.de. สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.
- ↑ "Bor Dortmd 0–1 Bayern Mun". BBC Sport. 4 April 2015. สืบค้นเมื่อ 5 April 2015.
- ↑ "Bayer Leverkusen 0–0 Bayern Munich AET (3–5 pens): Neuer and Thiago the shoot-out heroes". Goal.com. 8 April 2015. สืบค้นเมื่อ 8 April 2015.
- ↑ Hafez, Shamoon (15 April 2015). "FC Porto 3–1 Bayern Mun". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 April 2015.
- ↑ Uersfeld, Stephan (21 April 2015). "Bayern Munich 6–1 FC Porto". ESPN. สืบค้นเมื่อ 21 April 2015.
- ↑ "Bayern Munich: Pep Guardiola's side win 25th Bundesliga title". BBC Sport. 26 April 2015. สืบค้นเมื่อ 26 April 2015.
- ↑ 34.0 34.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "Thiago verlängert bis 2019" (ภาษาเยอรมัน). Bayern Munich. 27 August 2015. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
- ↑ "Bayern down brave Bochum to reach DFB Cup last four". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-05. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich hit Werder Bremen for five as Thomas Müller bags brace". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich 4–2 Juventus (AET, agg 6–4): Brilliant comeback sends hosts through". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ 40.0 40.1 40.2 40.3 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "German Supercup, 2016, final". Deutscher Fußball-Bund (DFB). สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern best Dortmund to claim Supercup". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-28. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Flawless Bayern too good for Hertha". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-05. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Irresistible Bayern sweep past Leipzig". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-29. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago comes out on top vs Mesut Ozil as Bayern blow Arsenal away". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago pens new deal until 2021". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ 47.0 47.1 "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "James and Thiago sidelined". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich beat Dortmund on penalties to retain Supercup". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-06. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "RB Leipzig 1 Bayern Munich 1 (aet, 4–5 pens): Ulreich denies Werner on night of spot-kick drama". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Thiago suffers 'serious muscle injury' in Bayern's win over Anderlecht". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Injury update on Thiago and Robben". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Thiago set to return against 'highly motivated Wolves". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Wolfsburg 1 Bayern Munich 2: Lewandowski spot-on after Robben's penalty miss". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Sevilla 1 Bayern Munich 2: Bundesliga giants battle back to win in Spain". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ 56.0 56.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ 57.0 57.1 "FCB gewinnt Supercup – Lewandowski macht den Unterschied". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 13 August 2018.
- ↑ "Robert Lewandowski hits brace as Bayern Munich beat RB Leipzig in DFB Cup final to seal the double". bundesliga.com. สืบค้นเมื่อ 26 May 2019.
- ↑ Harris, Peter (16 August 2020). "Thiago Alcantara Liverpool transfer . story so far, all the rumours and everything that has been said". Liverpool Echo. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- ↑ Steinberg, Jacob (14 August 2020). "Bayern Munich deliver Champions League demolition of dismal Barcelona". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- ↑ Johnston, Neil (16 June 2020). "Bayern Munich win eighth successive Bundesliga title after beating Werder Bremen". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2020.
- ↑ "4:2 gegen Leverkusen: 20. Pokalsieg für den FC Bayern" [4–2 against Leverkusen: 20th cup win for FC Bayern]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 4 July 2020. สืบค้นเมื่อ 5 July 2020.
- ↑ "Bayern beat PSG to win Champions League". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2020-09-17.
- ↑ ลิเวอร์พูลยืนยันการเซ็นสัญญาคว้าตัวติอาโก้ อัลกันทารา
- ↑ ติอาโก้ อัลกันทารา จะสวมเสื้อเบอร์ 6 ให้กับลิเวอร์พูล
- ↑ Match Report: มาเน่เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มเหนือเชลซี
- ↑ การทำลายสถิติของติอาโก้ในเกมประเดิมสนาม
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะปอร์โต้ 2-0 ในแชมเปียนส์ลีกที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ถล่มเซาท์แฮมป์ตัน 4-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์คาราบาว คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะวูล์ฟส์ในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
- ↑ 75.0 75.1 Saffer, Paul (16 May 2008). "Stupendous Spain win U17 crown". UEFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 June 2012. สืบค้นเมื่อ 13 August 2015.
- ↑ "European Under-21 Championship: Spain win tournament with victory over Switzerland". Daily Telegraph. 27 June 2011. สืบค้นเมื่อ 27 June 2011.
- ↑ Magowan, Alistair (18 June 2013). "Italy 2 Spain 4". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 June 2013.
- ↑ "Del Bosque: "Pensamos que para nuestros intereses es mejor Negredo"" (ภาษาสเปน). rtve.es. 28 May 2012. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
- ↑ "World Cup 2014: Diego Costa and Fernando Torres in Spain squad". BBC Sport. 13 May 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Thiago Alcantara: Spain midfielder to miss World Cup". BBC Sport. 15 May 2014. สืบค้นเมื่อ 15 May 2014.
- ↑ "Spain coach Vicente Del Bosque drops Diego Costa, recalls Thiago Alcantara". IBN. Reuters. 2 October 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-04. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
- ↑ "Spain 3-0 Albania". BBC. สืบค้นเมื่อ 25 September 2020.
- ↑ "OFICIAL – Estos son los 24 convocados para los encuentros ante Alemania y Argentina". sefutbol.com (ภาษาสเปน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-16. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
- ↑ "Julen Lopetegui names Spain World Cup 2018 squad: as it happened". en.as.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Thiago bio". fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-30. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Sancho glänzt in doppelter Rolle: BVB gewinnt Supercup". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). 3 August 2019. สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 23 August 2020.
- ↑ "Games played by เตียโก อัลกันตารา in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 10 December 2023.
- ↑ "Thiago Alcântara do Nascimento". EU-football.info. สืบค้นเมื่อ 29 March 2017.
- ↑ [1]; Barcelona's official website
- ↑ "Thiago". fussballdaten.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 9 October 2016.
- ↑ "Bayern win the champions league". espn.com. 23 July 2020. สืบค้นเมื่อ 23 July 2020.
- ↑ McNulty, Phil (27 February 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
- ↑ 96.0 96.1 "Thiago leads all-star squad dominated by Spain". UEFA. 21 June 2013. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Morata wins Golden Boot in Spanish clean sweep". UEFA. 18 June 2013. สืบค้นเมื่อ 19 June 2013.
- ↑ "2016 World 11: the reserve teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 9 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-09. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "2016–2017 World 11: the Reserve Teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 23 October 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-24. สืบค้นเมื่อ 23 October 2017.
- ↑ "Official Bundesliga Team of the Season for 2016/17". bundesliga.com. 26 May 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-12. สืบค้นเมื่อ 29 May 2017.
- ↑ ESM Top-Elf: Ein Bayern-Star in Europas Elite. Abendzeitung (ภาษาเยอรมัน). 8 June 2017. สืบค้นเมื่อ 12 June 2017.
- ↑ "UEFA Champions League Squad of the Season". UEFA.com. 28 August 2020. สืบค้นเมื่อ 28 August 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Liverpool F.C. profile
- ประวัติของ เตียโก อัลกันตารา ที่ BDFutbol
- National team data at BDFutbol
- เตียโก อัลกันตารา ที่ National-Football-Teams.com
- เตียโก อัลกันตารา – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- หน้าที่มีสัทอักษรสากลไม่ระบุภาษา
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2534
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลชาวสเปน
- ผู้เล่นในลาลิกา
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา
- ผู้เล่นในบุนเดิสลีกา
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
- นักฟุตบอลทีมชาติสเปน
- บุคคลจากแคว้นปุลยา
- กองกลางฟุตบอล
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก