อนุสาวรีย์วีรชน
人民英雄纪念碑 | |
มองจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ค.ศ. 2014) | |
พิกัด | 39°54′11″N 116°23′30″E / 39.90306°N 116.39167°E |
---|---|
ที่ตั้ง | จัตุรัสเทียนอันเหมิน ปักกิ่ง ประเทศจีน |
ผู้ออกแบบ | เหลียง ซือเฉิง, หลิน ฮุยอิน |
ประเภท | อนุสาวรีย์ |
วัสดุ | หินอ่อน, แกรนิต |
ความสูง | 38 เมตร (125 ฟุต) |
เริ่มก่อสร้าง | สิงหาคม ค.ศ. 1952 |
สร้างเสร็จ | พฤษภาคม ค.ศ. 1958 |
อุทิศแด่ | ทหารผ่านศึกสงครามจีน ค.ศ. 1842–1949 |
อนุสาวรีย์วีรชน (จีน: 人民英雄纪念碑; พินอิน: Rénmín Yīngxióng Jìniànbēi) เป็นเสาโอเบลิสก์สูงสิบชั้นที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติของจีนเพื่ออุทิศแด่บรรดาผู้พลีชีพในการต่อสู้ปฏิวัติตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง ด้านหน้าสุสานของเหมา เจ๋อตง อนุสาวรีย์โอเบลิสก์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามมติของการประชุมเต็มสภาครั้งที่ 1 ของสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1949 โดยเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1952 และแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1958 สถาปนิกของอนุสาวรีย์คือเหลียง ซือเฉิง โดยมีหลิน ฮุยอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้ออกแบบองค์ประกอบบางส่วน เฉิน จื้อเต๋อ วิศวกรโยธา มีส่วนสำคัญในการทำให้การสร้างขั้นสุดท้ายสำเร็จลุล่วง[1]
อนุสาวรีย์มีความสูง 37.94 เมตร ตั้งอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ จากล่างขึ้นบน ได้แก่ ฐานรอง ฐานใหญ่ ตัวฐานหลัก ยอดอนุสาวรีย์ และฐานที่ประดับภาพนูนสูงขนาดใหญ่ 8 ภาพและขนาดเล็ก 2 ภาพ โดยภาพเหล่านี้ล้วนสื่อถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีน ศิลากลางเสาหลักของอนุสาวรีย์นำมาจากภูเขาเหลาชาน เมืองชิงเต่า ด้านหน้าจารึกข้อความว่า "เกียรติยศชั่วนิรันดร์จงมีแด่วีรชน" ด้วยลายมือของเหมา เจ๋อตง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่วนด้านหลังจารึกข้อความด้วยลายมือของเหมาและนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล นับตั้งแต่สร้างเสร็จสิ้น อนุสาวรีย์นี้ได้ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมสำคัญที่ได้รับการคุ้มครองระดับชาติใน ค.ศ. 1961
ประวัติศาสตร์
[แก้]การเตรียมการ
[แก้]หลังการปลดปล่อยเป่ย์ผิงในเดือนกันยายน ค.ศ. 1949 การประชุมเต็มสภาครั้งที่ 1 ของสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนได้มติให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่ออุทิศแด่บรรดาผู้เสียสละ ในเบื้องต้น สถานที่ที่เสนอมาประกอบด้วยปาเป่าชานและจัตุรัสตงตาน แต่สุดท้ายก็เลือกจัตุรัสเทียนอันเหมิน ผู้แทนที่ตัดสินใจเห็นว่า ประเพณีปฏิวัติของขบวนการ 4 พฤษภาคมปรากฏอยู่หน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน และมันจะสะดวกต่อผู้คนที่จะมาเยี่ยมชมและแสดงความเคารพ ที่ประชุมยังได้รับรองข้อความจารึกบนอนุสาวรีย์ซึ่งเขียนโดยเหมา เจ๋อตงด้วย
วันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1949 เจ้าหน้าที่จากสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนได้พบกับช่างแกะสลักนามว่า เฉิน จื้อจิง ในย่านหลิวหลีฉ่าง และได้สั่งทำอนุสาวรีย์ทองแดงประดับลาพิสลาซูลีสำหรับพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยฐานของอนุสาวรีย์สูง 2 ฟุต ตัวอนุสาวรีย์สูง 5 ฟุต กว้าง 2 ฟุต และหนาครึ่งฟุต วันที่ 25 กันยายน เจ้าหน้าที่ได้มอบจารึกบนอนุสาวรีย์ให้แก่เฉินและพี่ชายของเขา อนุสาวรีย์ดังกล่าวสร้างเสร็จในวันที่ 29 กันยายน ในวันที่สอง มีการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยมีผู้แทนจากสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ศิลาฤกษ์ถูกวางโดยวงดุริยางค์กองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งบรรเลงเพลงมาร์ชทหารอาสาและระฆังลม หลังจากนั้นเหมา เจ๋อตง ได้อ่านจารึกบนอนุสาวรีย์ จากนั้น ผู้แทนและสมาชิกทั้งหมดสภาที่ปรึกษาฯ ก็ได้ถมดิน[2]
ไม่นานหลังจากนั้น คณะกรรมการวางผังเมืองเทศบาลกรุงปักกิ่งได้ร้องขอการออกแบบจากทั่วประเทศ ภายใน ค.ศ. 1951 คณะกรรมการฯ ได้รับข้อเสนอร่างการออกแบบทั้งหมดกว่า 140 ฉบับ[3][4] การออกแบบเหล่านี้สามารถจำแนกออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ แบบราบติดพื้น ประติมากรรมขนาดใหญ่ หรืออนุสาวรีย์สูงตระหง่าน รูปแบบการออกแบบอนุสาวรีย์ประกอบด้วย โอเบลิสก์ เสาหินขนาดใหญ่ และอนุสาวรีย์จีนโบราณ การออกแบบเหล่านี้ได้รับการสรุปโดยคณะกรรมการฯ และไม่ได้รับการนำไปใช้ คณะกรรมการมีมติว่าอนุสาวรีย์ควรมีความสูงและควรมีเพียงด้านเดียวของอนุสาวรีย์ที่มีข้อความ ส่วนอีกด้านหนึ่งควรเว้นไว้ ดังนั้นจึงได้เสนอขอให้ประธานเหมา เจ๋อตง จารึกคำว่า "วีรชนสถิตย์ยืนยง" และมอบหมายให้เผิง เจิน ขอให้นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล เขียนจารึกข้อความที่เหมาเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้บนอีกด้านหนึ่งของอนุสาวรีย์[5] ต่อมา คณะกรรมการฯ ได้รับแรงบันดาลใจจากอนุสาวรีย์ที่เขาว่านโช่ว ทะเลสาบคุนหมิง ในพระราชวังฤดูร้อน และอนุสาวรีย์ฉฺยงเต่าชุนอินในเป๋ย์ไห่ จึงได้ร่างแบบที่เป็นไปได้และสามารถนำไปก่อสร้างได้จริง แต่ยังไม่สามารถกำหนดรูปแบบสำหรับยอดอนุสาวรีย์ได้ในเวลานั้น[6]
การก่อสร้าง
[แก้]ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1952 คณะกรรมการก่อสร้างอนุสาวรีย์วีรชนได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีเผิง เจิน เป็นประธาน เจิ้ง เจิ้นตั๋ว และเหลียง ซือเฉิง เป็นรองประธาน และซฺเว จื่อเจิ้ง เป็นเลขาธิการ ประกอบด้วยคณะกรรมการเฉพาะกิจ 4 คณะ ได้แก่[7]
- คณะกรรมการก่อสร้าง: เจิ้ง เซี่ยวเซี่ย, หลิว เต่าหนาน, จง เซิน, จาง เซี่ยงฉ่าง, อู๋ หลิ่วเชิง
- คณะกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรม: เหลียง ซือเฉิง (ประธาน), จาง จฺวิ้น, หยาง ถิงเป่า, เจิ้ง เจิ้นตั๋ว, จาง ปั๋ว, จู จ้าวสฺเว่, จ้าว เจิ้งจือ, หลิน ฮุยอิน, มั่ว จงเจียง, อู๋ เหลียงยง, หวัง เฉาเหวิน, เฉิน จ้านเสียง ร่วมกับซฺเว จื่อเจิ้ง, อู๋ หฺวาชิ่ง, เหลียง ซือจิ้ง[8]
- คณะกรรมการเฉพาะทางด้านการออกแบบโครงสร้าง: จู จ้าวสฺเว่ (ประธาน), หยาง ควนหลิน, เฉิน จื้อจง, เฉิน เหลียงเชิง, เหมา อี่เชิง, ไช่ ฟางอิน, หลิน ชือปั๋ว, เฉิน จื้อเต๋อ, เปี้ยน เหวย์เต๋อ, หวัง หมิงจื้อ
- คณะกรรมการประติมากรรมและจิตรกรรม: ฟ่าน เหวินหลาน (ประธาน), หลิว ต้าเหนียน, ร่ง เหมิงยฺเหวียน, เจิ้ง เจิ้นตั๋ว, หวัง ยฺเหว่ชิว, เจียง เฟิง, หวัง เฉาเหวิน, เฉิน อี๋, เมี่ยว ฉู่หฺวาง, เผย์ ถง
กลางเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1952 คณะกรรมการวัสดุประวัติศาสตร์ได้เสนอหัวข้อของโครงการภาพนูนต่ำ โครงการนี้ประกอบด้วยแผงภาพทั้งหมดเก้าแผง โดยในเบื้องต้นมีการระบุหัวข้อหลักว่า เขาจิ่งกัง กบฏนักทวย ผิงสิงกวาน ซานยฺเหวียนหลี่ สงครามกองโจร และการเดินทัพทางไกล แต่หัวข้อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไม่ได้รับการสรุปในขณะนั้น
วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1952 การก่อสร้างอนุสาวรีย์วีรชนได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ การขุดหินอนุสาวรีย์จากเขาเหลาชาน การขนส่งเหล็กแท่งไร้รอยต่อด้วยลวดเหล็กและรถแทรกเตอร์สามคันที่เชื่อมต่อกับภูเขาจากสถานีรถไฟชิงเต่าเป็นไปอย่างราบรื่น กรมรถไฟได้เตรียมการจากสถานีไฟฟ้าพลังน้ำเฟิงหมานขนาดเล็กเพื่อโอนย้ายตู้รถไฟที่สามารถบรรทุกได้ 90 ตัน วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1953 หินดังกล่าวถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานีรถไฟซีจื๋อเหมิน[9] คณะกรรมการฯ ได้เปลี่ยนแปลงแบบอนุสาวรีย์จากทิศใต้-เหนือ เป็นทิศเหนือ-ใต้ เพื่อให้เค้าโครงพื้นที่สำหรับกิจกรรมในอนาคตมีความเหมาะสม วันที่ 6–7 มีนาคม ค.ศ. 1955 การติดตั้งอนุสาวรีย์ทั้งสองแล้วเสร็จโดยใช้ปั้นจั่นสองตัวที่มีกำลังยกทั้งหมด 30 ตันร่วมกับรอกและปลายกระโดงที่ยกสูง หลังกองสำรวจและจัดทำแผนที่ของกองทัพได้ขยายอักษรที่เขียนด้วยลายมือของเหมาและโจวโดยการถ่ายภาพแล้ว หลิว ไค่ชิวได้ทำการแก้ไขส่วนที่ขยายแล้วให้คมชัดขึ้น จากนั้นจึงนำไปให้ช่างสลักหินแกะตามตัวอย่างลงบนศิลากลางของอนุสาวรีย์ ช่างสลักหินได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงพ่นทรายแร่เพื่อกัดสลักอักษรลงบนหิน หลังจากสลักเสร็จแล้วจึงนำทองคำไปปิดที่อักษรเหล่านั้น และในที่สุดก็สามารถดำเนินการตกแต่งศิลากลางของอนุสาวรีย์ได้สำเร็จ[9]
การก่อสร้างชะลอตัวลงระหว่าง ค.ศ. 1952 ถึง 1954 เนื่องจากไม่สามารถสรุปแบบร่างสำหรับยอดของอนุสาวรีย์และภาพนูนต่ำที่ตัวอนุสาวรีย์ได้ วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954 คณะกรรมการรัฐบาลประชาชนเทศบาลกรุงปักกิ่งได้ประชุมและเห็นชอบแบบร่างภาพสลักนูนและยอดของอนุสาวรีย์ โดยยืนยันว่าส่วนบนของอนุสาวรีย์จะเป็นส่วนบนที่เป็นสถาปัตยกรรมและละทิ้งแนวคิดของส่วนบนที่เป็นประติมากรรม ส่วนภาพนูนต่ำนั้นเป็นผลงานขั้นสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่ 8 ชิ้นและขนาดเล็ก 2 ชิ้น งานที่เกี่ยวข้องกับการภาพนูนต่ำได้รับการดำเนินการแล้วเสร็จโดยหลิว ไค่ชิว ภายในปลายเดือนตุลาคมและต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1956 ภาพนูนต่ำทั้งหมดก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ และถูกติดตั้งในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1957[10]
อนุสาวรีย์วีรชนได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ค.ศ. 1958 และเปิดใช้งานเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคมปีเดียวกัน[11][12] มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด 405,000 หยวน[13]
โครงสร้าง
[แก้]อนุสาวรีย์วีรชนตั้งอยู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เขตตงเฉิง กรุงปักกิ่ง ศูนย์กลางอยู่ห่างจากฐานกำแพงจัตุรัสเทียนอันเหมินไปทางทิศใต้ 440 เมตร หันหน้าไปทางทิศเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สูง 37.94 เมตร อนุสาวรีย์ทั้งองค์สร้างจากหินแกรนิตและอะลาบาสเทอร์รวมกันกว่า 13,000 ชิ้น[14]
บนแท่นของแผ่นจารึกประดับด้วยภาพนูนต่ำขนาดใหญ่ที่แสดงถึง 8 เหตุการณ์ปฏิวัติสำคัญ สามารถอ่านได้ตามลำดับเวลาโดยวนตามเข็มนาฬิกาเริ่มจากทิศตะวันออก ดังนี้:
- การทำลายฝิ่นที่หู่เหมิน (ค.ศ. 1839) ในช่วงก่อนสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง
- การก่อการกำเริบจินเถียน จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติไท่ผิง (ค.ศ. 1851)
- การก่อการกำเริบอู่ชาง จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติซินไฮ่ (ค.ศ. 1911)
- ขบวนการ 4 พฤษภาคม (ค.ศ. 1919)
- ขบวนการ 30 พฤษภาคม (ค.ศ. 1925)
- การก่อการกำเริบหนานชาง (ค.ศ. 1927)
- สงครามต่อต้านญี่ปุ่น (ค.ศ. 1931–1945)
- การทัพข้ามแม่น้ำแยงซีในสงครามกลางเมืองจีน (ค.ศ. 1949)
ด้านหน้าอนุสาวรีย์มีจารึกด้วยลายมือของเหมา เจ๋อตง ซึ่งเขียนว่า "เกียรติยศชั่วนิรันดร์จงมีแด่วีรชน!" (จีน: 人民英雄永垂不朽; พินอิน: Rénmín yīngxióng yǒngchuí bùxiǔ)
ด้านหลังอนุสาวรีย์มีจารึกด้วยลายมือของโจว เอินไหล:[15]
เกียรติยศอันอมตะจงมีแด่วีรชน ผู้ได้สละชีวิตในสงครามปลดปล่อยประชาชนและการปฏิวัติประชาชนในช่วงสามปีที่ผ่านมา!
เกียรติยศอันอมตะจงมีแด่วีรชน ผู้ได้สละชีวิตในสงครามปลดปล่อยประชาชนและการปฏิวัติประชาชนในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา!
เกียรติยศอันอมตะจงมีแด่วีรชน ผู้ได้สละชีวิตตั้งแต่ทศวรรษ 1840 เป็นต้นมา ในการต่อสู้มากมายเพื่อต้านทานศัตรูทั้งภายในและภายนอก เพื่อบรรลุเอกราชของชาติและเสรีภาพของปวงชน!
การกำหนดช่วงเวลาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1840 เป็นต้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อครอบคลุมประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีนซึ่งเริ่มต้นจากสงครามฝิ่น ทำให้ช่วงเวลาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1840 ถึง 1940 ถูกกำหนดให้เป็นศตวรรษแห่งการต่อต้านจักรวรรดินิยมและการปฏิวัติ[15]
การรำลึก
[แก้]การดำเนินกิจกรรมรำลึกที่อนุสาวรีย์วีรชนอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักบริหารกิจกรรมสำคัญของคณะกรรมการบริหารพื้นที่เทียนอันเหมิน
หลังวันชาติใน ค.ศ 1959 นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนยอดของอนุสาวรีย์ให้เป็นวัสดุที่สามารถส่องแสงได้ เพื่อจุดประสงค์นี้ คณะมนตรีรัฐกิจจึงได้รวบรวมร่างการออกแบบยอดอนุสาวรีย์ใหม่หลายสิบฉบับจากหน่วยงานออกแบบ วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดทางเลือกที่ดีกว่า แผนการจึงไม่ดำเนินต่อ ในปี ค.ศ. 1961 อนุสาวรีย์วีรชนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติ ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับคณะผู้แทนต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนปักกิ่งที่จะวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์[16][17][18]
ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ถึง 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 มีการซ่อมแซมฐานและราวกั้นของอนุสาวรีย์วีรชน รวมถึงการทำความสะอาดภาพนูนต่ำและตัวอนุสาวรีย์ และซ่อมแซมรอยร้าวโดยคณะทำงานก่อสร้าง ใน ค.ศ. 2014 เนื่องในวาระครบรอบ 65 ปีแห่งการก่อตั้งประเทศจีนใหม่ อนุสาวรีย์วีรชนได้รับการบูรณะโดยการทำความสะอาดและบำรุงรักษาอย่างครอบคลุม ในปีเดียวกันนั้น ประเทศจีนได้ประกาศให้มีวันรำลึกผู้เสียสละ และในวันดังกล่าว ผู้นำระดับชาติของจีนจะต้องนำพวงมาลาและตะกร้าดอกไม้ไปวางที่อนุสาวรีย์วีรชน[19]
กฎหมายคุ้มครองวีรชนและผู้พลีชีพสาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ. 2018 (中华人民共和国英雄烈士保护法) มาตรา 7 กำหนดให้อนุสาวรีย์วีรชนเป็นอนุสรณ์ถาวรเพื่อรำลึกและสดุดีวีรกรรมของวีรชนและผู้พลีชีพ ตลอดจนเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของประชาชนจีนและการต่อสู้ของประชาชาติจีนเพื่อเอกราชและการปลดปล่อยของชาติ เสรีภาพและความสงบสุขของประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็งของประเทศในสมัยปัจจุบัน กฎหมายได้ระบุเพิ่มเติมว่าอนุสาวรีย์และส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ จารึก ภาพนูนต่ำ หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ล้วนได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย[20][21][22]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "The Monument to the People's Heroes". news.sohu.com (ภาษาจีน). 2009-08-07. สืบค้นเมื่อ 2021-07-28.
- ↑ "人民英雄纪念碑的故事——人民政协网". www.rmzxb.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ 中共江西省委. 党史研究室 (2009). 党史文苑 (ภาษาจีน). 中共江西省委党史研究室. p. 8. สืบค้นเมื่อ 2024-04-27.
- ↑ 共和国要事珍闻 (ภาษาจีน). 吉林文史出版社. 2000. p. 34. สืบค้นเมื่อ 2024-04-27.
- ↑ 在周恩来身边的日子: 西花厅工作人员的回忆 (ภาษาจีน). Central Literature Publishing House. 1998. p. 323. ISBN 978-7-5073-0430-5. สืบค้นเมื่อ 2024-04-27.
- ↑ 永恒的象征: 人民英雄纪念碑研究 (ภาษาจีน). 河北美术出版社. 2006. p. 99-100. ISBN 978-7-5310-2456-9. สืบค้นเมื่อ 2024-04-28.
- ↑ "人民英雄纪念碑的那些事儿 - 中华人民共和国国防部". www.mod.gov.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "人民英雄纪念碑设计的经过-清华大学校史馆". xsg.tsinghua.edu.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ 9.0 9.1 闫铁英 (2014). "陈志德与人民英雄纪念碑". 中国工程咨询. 11: 77–79.
- ↑ "Hero's sculpt in time". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "This Day, That Year: April 22". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "On this Day in Chinese History; 22 April". The Nanjinger. 22 April 2024. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "建造人民英雄纪念碑秘闻_藏趣逸闻_新浪收藏_新浪网". collection.sina.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "人民英雄纪念碑 - 北京市东城区图书馆". www.bjdclib.com. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ 15.0 15.1 Cai, Xiang; 蔡翔 (2016). Revolution and its narratives : China's socialist literary and cultural imaginaries (1949-1966). Rebecca E. Karl, Xueping Zhong, 钟雪萍. Durham: Duke University Press. pp. 235. ISBN 978-0-8223-7461-9. OCLC 932368688.
- ↑ "King Mohammed VI of Morocco lays wreath to Monument to People's Heroes (3) - People's Daily Online". en.people.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "Barbados PM lays wreath at Monument to the People's Heroes on Tian'anmen Square-Xinhua". english.news.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "Sierra Leonean president lays wreath at Monument to People's Heroes in Beijing-Xinhua". english.news.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "Xi pays tribute to national heroes on Martyrs' Day". english.www.gov.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "英雄烈士保护法(yīngxióng lièshì bǎohùfǎ): Law on the protection of heroes and martyrs". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "中华人民共和国英雄烈士保护法--中国人大新闻--人民网". npc.people.com.cn. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.
- ↑ "China mulls law on protecting reputation of heroes, martyrs - Xinhua | English.news.cn". www.xinhuanet.com. สืบค้นเมื่อ 28 April 2024.