พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
คริสเตียนที่ 1 | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก, สวีเดนและนอร์เวย์ | |||||
พระบรมสาทิสลักษณ์คริสเตียนที่ 1 พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก, สวีเดนและนอร์เวย์ ที่ปราสาทเฟรเดอริกบอร์ก วาดราวศตวรรษที่ 15 | |||||
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก | |||||
ครองราชย์ | 1 กันยายน ค.ศ. 1448 - 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 (32 ปี 262 วัน) | ||||
ราชาภิเษก | 28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 โบสถ์พระนางมารี, โคเปนเฮเกน | ||||
ก่อนหน้า | คริสตอฟเฟอร์ที่ 3 | ||||
ถัดไป | ฮันส์ | ||||
พระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ | |||||
ครองราชย์ | 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1450 - 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 (31 ปี 8 วัน) | ||||
ราชาภิเษก | 2 สิงหาคม ค.ศ. 1450 ทร็อนไฮม์ | ||||
ก่อนหน้า | คาร์ลที่ 1 | ||||
ถัดไป | ฮันส์ | ||||
พระมหากษัตริย์แห่งสวีเดน | |||||
ครองราชย์ | 2 สิงหาคม ค.ศ. 1457 - 29 มิถุนายน ค.ศ. 1464 (6 ปี 332 วัน) | ||||
ราชาภิเษก | 29 มิถุนายน ค.ศ. 1457 อุปซอลา | ||||
ก่อนหน้า | คาร์ลที่ 8 | ||||
ถัดไป | คาร์ลที่ 8 | ||||
พระราชสมภพ | กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1426 อ็อลเดินบวร์ค | ||||
สวรรคต | 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 (55 ปี) ปราสาทโคเปนเฮเกน | ||||
ฝังพระศพ | มหาวิหารรอสกิลด์ รอสกิลด์ | ||||
ชายา | โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค | ||||
พระราชบุตร | |||||
| |||||
ราชวงศ์ | อ็อลเดินบวร์ค | ||||
พระราชบิดา | ดีทริช เคานท์แห่งอ็อลเดินบวร์ค | ||||
พระราชมารดา | เฮลวิกแห่งเชาม์บวร์ค | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก (กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1426 - 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์คาบสมุทรสแกนดิเนเวียภายใต้สหภาพคาลมาร์ พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก (ค.ศ. 1448-1481) นอร์เวย์ (ค.ศ. 1450-1481) และสวีเดน (ค.ศ. 1457-1464) ตั้งแต่ค.ศ. 1460 ถึง 1481 พระองค์ยังทรงเป็นดยุคแห่งชเลสวิช (ภายใต้เดนมาร์ก) และเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ (หลังค.ศ. 1474) (ภายใต้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์อ็อลเดินบวร์ค[1]
ในช่วงช่องว่างแห่งอำนาจที่เกิดขึ้นหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก หรือ คริสตอฟแห่งบาวาเรีย (ค.ศ. 1416-1448) โดยปราศจากรัชทายาทสายตรง สวีเดนได้เลือกพระเจ้าคาร์ลที่ 8 แห่งสวีเดน (ค.ศ. 1408-1470) เป็นกษัตริย์ด้วยความพยายามที่จะสร้างสหภาพขึ้นมาใหม่ภายใต้กษัตริย์ชาวสวีเดน กษัตริย์คาร์ลได้รับเลือกเป็นพระมหากษัตริย์นอร์เวย์ในปีถัดมา อย่างไรก็ตามเหล่าเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์จากตระกูลเชาม์บวร์คได้ทำให้สภาขุนนางเดนมาร์กเลือกคริสเตียนเป็นพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก ต่อมาทรงได้สืบราชบัลลังก์นอร์เวย์ในค.ศ. 1450 และสวีเดนในค.ศ. 1457 ทรงสามารถฟื้นฟูเอกภาพของสหภาพคาลมาร์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ในค.ศ. 1463 สวีเดนถอนตัวออกจากสหภาพ และกษัตริย์คริสเตียนทรงพยายามทำสงครามเพื่อยึดสวีเดนคืนแต่ก็พ่ายแพ้ต่อผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งสวีเดน คือ สเตียน สตูเร ผู้อาวุโส ในยุทธการที่บรุนเคแบร์ ค.ศ. 1471[2]
ในค.ศ. 1460 หลังการถึงแก่กรรมของอดอล์ฟที่ 8 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ ดยุคแห่งชเลสวิช น้าของกษัตริย์คริสเตียน กษัตริย์คริสเตียนจึงสืบตำแหน่งดยุคแห่งชเลสวิชและเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์
พระราชประวัติ
[แก้]ช่วงต้นพระชนม์ชีพ
[แก้]คริสเตียนแห่งอ็อลเดินบวร์ค เสด็จพระราชสมภพเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1426 ในอ็อลเดินบวร์ค แถบเยอรมนีเหนือ โดยเป็นบุตรชายองค์ใหญ่ในดีทริช เคานท์แห่งอ็อลเดินบวร์คที่ประสูติแต่เฮลวิกแห่งเชาม์บวร์ค ชายาคนที่สอง (ตาย ค.ศ. 1436) กษัตริย์คริสเตียนมีอนุชาสององค์ คือ มอริซ (ค.ศ. 1428-1464) และเกอร์ฮาร์ด (ค.ศ. 1430-1500) และขนิษฐา 1 องค์ คือ อาเดิลไฮท์
พระองค์เป็นสมาชิกตระกูลอ็อลเดินบวร์ค ผ่านทางบิดา โดยเป็นครอบครัวตระกูลเคานท์ที่ปกครองแถบตะวันตกของแม่น้ำเวเซอร์ ในตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยมีฐานที่มั่นในอ็อลเดินบวร์คและเดลเมนโฮร์ส ตระกูลค่อยๆ ขยายอำนาจครอบคลุมพื้นที่อิทธิพลของชาติพันธ์ุชาวฟรีเชีย บิดาของคริสเตียนได้รับสมญานามว่า ผู้โชคดี (the Fortunate) เนื่องจากพระองค์สามารถรวบรวมแผ่นดินของครอบครัวและขยายอำนาจออกไปได้ มารดาของคริสเตียน คือ เฮลวิก เป็นธิดาในเกอร์ฮาร์ดที่ 6 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-เรนส์บวร์ค และเป็นพี่สาวใน อดอล์ฟ ดยุคแห่งชเลสวิช โดยสายตระกูลทางมารดา คริสเตียนสืบราชสันตติวงศ์มาจากพระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ผ่านทางพระราชธิดาองค์ใหญ่คือ เจ้าหญิงรีเชซาแห่งเดนมาร์ก (สิ้นพระชนม์ ค.ศ. 1308) และยังทรงสืบราชสันตติวงศ์มาจากพระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์กผ่านทางพระราชธิดาคือ เจ้าหญิงโซฟีแห่งเดนมาร์ก ต่อมาเชื้อสายทางบิดาของคริสเตียน สืบราชสันตติวงศ์มาจากพระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์ก ผ่านทางพระราชธิดาคือ เจ้าหญิงโซเฟียแห่งเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ดังนั้นคริสเตียนจึงสืบราชสันตติวงศ์มาจากพระราชโอรสทั้งสามของพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์กที่ประสูติแต่พระมเหสีองค์ที่สอง เจ้าหญิงบึเร็งการียาแห่งโปรตุเกส สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
หลังการทิวงคตของบิดาในค.ศ. 1440 คริสเตียนและเหล่าอนุชาร่วมกันสืบตำแหน่งของบิดาในฐานะเคานท์แห่งอ็อลเดินบวร์คและเดลเมนโฮร์ส คริสเตียนได้รับการเลี้ยงดูโดยอดอล์ฟ ดยุคแห่งชเลสวิช (ค.ศ. 1401-1459) ผู้เป็นน้า ซึ่งเป็นดยุคที่ไร้ทายาท เขาหวังว่าหลานชายจะได้สืบตำแหน่งดยุค และยังทำให้คริสเตียนได้รับเลือกเป็นผู้สืบตำแหน่งดัชชีชเลสวิชต่อจากเขา[3]
พระมหากษัตริย์เดนมาร์ก
[แก้]ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1448 พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์แห่งเดนมาร์ก, สวีเดนและนอร์เวย์ เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันโดยปราศจากรัชทายาท การสวรรคตของพระองค์ทำให้สหภาพของทั้งสามราชอาณาจักรต้องล่มสลาย เนื่องจากเดนมาร์กและนอร์เวย์แยกตัวจากกัน และสถานภาพของนอร์เวย์ก็ไม่ชัดเจน ราชบัลลังก์ที่ว่างลงได้ถูกพิจารณาโดยสภาราชอาณาจักรซึ่งมีมติให้ถวายราชบัลลังก์แก่อดอล์ฟ ดยุคแห่งชเลสวิช ซึ่งเป็นขุนนางที่โดดเด่นที่สุดในเครือศักดินาราชอาณาจักรเดนมาร์ก ดยุคปฏิเสธและเขาได้แนะนำให้มอบราชบัลลังก์แก่คริสเตียนแห่งอ็อลเดินบวร์ค หลานชายของเขาแทน โดยก่อนที่จะได้รับเลือก คริสเตียนสาบานว่าจะปฏิบัติตาม คอนสติตูชิโอ วัลเดมาเรียนา อันกำหนดมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเป็นการสัญญาว่าในอนาคต คนๆ เดียวจะไม่สามารถปกครองทั้งชเลสวิชและเดนมาร์กพร้อมกันได้ ทางสภายังแนะนำให้คริสเตียนต้องอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค พระราชินีม่ายในกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1448 หลังทรงลงพระปรมาภิไธยในสัญญาการขึ้นครองราชย์ เคานท์คริสเตียนจึงได้รับเลือกตั้งให้สืบราชบัลลังก์เดนมาร์กในฐานะ กษัตริย์คริสเตียนที่ 1 ในการประชุมสภาที่เมืองวีบอร์ก พระราชพิธีราชาภิเษกจัดขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 ณ โบสถ์พระนางมารี เมืองโคเปนเฮเกน และมีการจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระราชินีโดโรเธียในคราวเดียวกันด้วย[4]
พระมหากษัตริย์แห่งสวีเดนและนอร์เวย์
[แก้]ในขณะเดียวกัน วันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1448 สวีเดนได้เลือกเจ้ากรมวัง คาร์ล คนุตสัน บอนเดอ ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าคาร์ลที่ 8 แห่งสวีเดน ส่วนนอร์เวย์ต้องเผชิญปัญหาในการเลือกระหว่างจะเป็นสหภาพร่วมกับเดนมาร์กหรือสวีเดน หรือจะสถาปนาพระมหากษัตริย์ของตนเอง ตัวเลือกหลังสุดถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างผู้สนับสนุนคริสเตียนแห่งเดนมาร์ก กับผู้สนับสนุนคาร์ลแห่งสวีเดน สภาราชอาณาจักรริคสรัดแห่งนอร์เวย์แตกแยกกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1449 สมาชิกสภาส่วนหนึ่งได้ประกาศให้คาร์ลเป็นกษัตริย์ แต่ในวันที่ 15 มิถุนายน ปีเดียวกัน สมาชิกสภาส่วนหนึ่งได้เดินทางไปสวามิภักดิ์ต่อคริสเตียน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน กษัตริย์คาร์ลแห่งสวีเดนได้รับการประกาศเป็นกษัตริย์แห่งนอร์เวย์ที่ทร็อนไฮม์
อย่างไรก็ตาม สวีเดนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะก่อสงครามกับเดนมาร์ก ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1450 สภาราชอาณาจักรสวีเดนได้บังคับให้กษัตริย์คาร์ลสละสิทธิในราชบัลลังก์นอร์เวย์แก่กษัตริย์คริสเตียน ในฤดูร้อน ค.ศ. 1450 กษัตริย์คริสเตียนเสด็จเยือนนอร์เวย์ด้วยเรือพระที่นั่งขนาดใหญ่ และในวันที่ 2 สิงหาคม พระองค์ได้ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกที่เมืองทร็อนไฮม์ ในวันที่ 29 สิงหาคม สนธิสัญญาสหภาพระหว่างเดนมาร์กและนอร์เวย์ได้มีการลงนามที่เมืองบาร์เกิน นอร์เวย์แต่เดิมเป็นราชาธิปไตยแบบสืบราชสันตติวงศ์ แต่การสืบราชสันตติวงศ์นี้ถูกมองข้ามตลอดยุคสมัย ในการสืบราชสันตติวงศ์ครั้งสุดท้าย การอ้างสิทธิ์ผ่านสายเลือดได้ถูกมองข้ามด้วยเหตุผลทางการเมือง ในตอนนี้มีการระบุอย่างชัดเจนว่าเดนมาร์ก-นอร์เวย์เป็นระบอบราชาธอิปไตยแบบเลือกตั้ง สนธิสัญญากำหนดว่าเดนมาร์กและนอร์เวย์ควรมีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกันตลอดกาล และกษัตริย์เหล่านั้นจะถูกเลือกจากเหล่าพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนหน้าถ้ากษัตริย์นั้นยังมีทายาท
กษัตริย์คาร์ลที่ 8 คนุตสันเริ่มไม่เป็นที่นิยมมากขึ้นในสวีเดน และถูกขับออกจากราชบัลลังก์ในค.ศ. 1457 กษัตริย์คริสเตียนทรงมุ่งหมายให้พระองค์ได้รับเลือกเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน ดังนั้นจึงเป็นการสถาปนาสหภาพคาลมาร์ขึ้นมาใหม่ พระองค์ได้รับอำนาจชั่วคราวจากผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน อาร์คบิชอปจอน เบ็งก์สัน อ็อกเซนสแทร์นาและขุนนางอีริค อักเซลสัน ท็อท อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางการเมืองในสวีเดนมีความผันผวนและเกิดการแตกแยกของกลุ่มการเมืองต่างๆ (ระหว่างฝ่ายสหภาพกับฝ่ายชาตินิยม) รัชกาลของพระองค์จึงสิ้นสุดในค.ศ. 1464 เมื่อเค็ททิล คาร์ลสัน (วาซา) บิชอปแห่งลินเชอปิง ได้รับการสถาปนาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คนถัดไป คาร์ล คนุตสันทรงถูกเรียกกลับมาเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน แม้ว่าในภายหลังพระองค์ต้องลี้ภัยอีกเป็นครั้งที่สอง และต่อมาทรงถูกเรียกพระองค์กลับมาเป็นพระมหากษัตริย์อีก และเสด็จสวรรคตในการเป็นพระมหากษัตริย์ครั้งที่สาม กษัตริย์คริสเตียนทรงพยายามครั้งสุดท้ายในการครองราชบัลลังก์สวีเดน แต่ก็สิ้นสุดลงด้วยการศึกที่ล้มเหลวในยุทธการที่บรุนเคแบร์ (นอกสต็อกโฮล์ม) เดือนตุลาคม ค.ศ. 1471 พระองค์พ่ายแพ้ต่อกองทัพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สเตียน สตูเร ผู้อาวุโส กษัตริย์คริสเตียนยังคงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์สวีเดนตราบจนสวรรคตในค.ศ. 1481[5][6][7][8]
ดยุคและเคานท์
[แก้]ในค.ศ. 1460 กษัตริย์คริสเตียนทรงได้รับตำแหน่งดยุคแห่งดัชชีชเลสวิช อันเป็นที่ดินศักดินาของเดนมาร์ก และตำแหน่งเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-เรนส์บวร์ค ที่ดินศักดินาซัคเซิน-เลาเอินบวร์คภายในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ กษัตริย์คริสเตียนสืบตำแหน่งซัคเซิน-เลาเอินบวร์คและชเลสวิช หลังจากเกิดช่วงว่างระหว่างรัชกาลในระยะสั้นๆ ด้วยพระองค์เป็นโอรสองค์ใหญ่ในพี่สาวของอดอล์ฟ ดยุคแห่งชเลสวิชและเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ เฟือสท์ของตระกูลเชาม์บวร์ค ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1459 โดยไร้ทายาท การสืบตำแหน่งของกษัตริย์คริสเตียนได้รับการยอมรับจากสภาฐานันดรแห่งราชอาณาจักร (ขุนนางและผู้แทน) ของปฐมดัชชีเหล่านี้ ที่เมืองรีเบ ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1460 (สนธิสัญญารีเบ) ในค.ศ. 1474 เจ้าศักดินาของตระกูลเชาม์บวร์ค คือ จักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้เลื่อนอิสริยยศของกษัตริย์คริสเตียนจากเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์เป็น ดยุคแห่งดัชชีฮ็อลชไตน์ ดังนั้นจึงทำให้กลายเป็นข้าราชบริพารของจักรวรรดิไปโดยปริยาย (ไรชส์อุนมิทเทิลบาร์ไคท์ หรือ อำนาจอธิปไตยซึ่งประมุขขึ้นโดยตรงต่อจักรพรรดิ)
ปลายรัชกาล
[แก้]อาณาเขตส่วนพระองค์ของกษัตริย์คริสเตียนมีขนาดใหญ่ที่สุดในช่วงค.ศ. 1460-1464 ก่อนที่จะสูญเสียสวีเดนไป แต่หลายดินแดนในราชอาณาจักรของพระองค์ต้องการการปกครองตนเอง และมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เดนมาร์กจึงเป็นดินแดนศูนย์กลางพระราชอำนาจที่สำคัญที่สุดของพระองค์
ในค.ศ. 1474 กษัตริย์คริสเตียนเสด็จประพาสต่างอาณาจักรสองครั้ง ในเดือนเมษายน พระองค์เสด็จเยือนมิลาน (พระองค์ประทับที่ลอมบาร์ดี มีการเฉลิมฉลองด้วยการวาดภาพเฟรสโกโดยโรมานิโนที่ปราสาทมัลปากา) และเสด็จเยือนโรม ในอิตาลี พระองค์ทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตะปาปาซิกซ์ตุสที่ 4 ในฤดูใบไม้ผลิปีเดียวกัน พระองค์ได้เข้าพบชาร์ลแห่งบูร์กอญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างพระองค์กับอนาคตจักรพรรดิมัคซีมีลีอานที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ประทับในดัชชีบูร์กอญเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนเสด็จไปยังเนเธอร์แลนด์ในต้นค.ศ. 1475
พระองค์ทรงได้รับการอนุญาตจากสมเด็จพระสันตะปาปาซิกซ์ตุสที่ 4 ในค.ศ. 1475 ที่ทรงโปรดให้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยในเดนมาร์ก มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนจึงได้รับการก่อตั้งจากกษัตริย์คริสเตียนที่ 1 ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1479
สวรรคตและพิธีพระบรมศพ
[แก้]กษัตริย์คริสเตียนเสด็จสวรรคตที่ปราสาทโคเปนเฮเกน ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 สิริพระชนมายุ 55 พรรษา พระบรมศพได้ถูกฝังที่หอสวดมนต์แห่งปราชญ์ในมหาวิหารรอสกิลด์ เมืองรอสกิลด์ เป็นหอสวดมนต์ที่มีการตกแต่งอย่างหรูหราซึ่งพระองค์และสมเด็จพระราชินีโดโรเธียสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโบสถ์เล็กในการฝังพระศพสมาชิกในพระราชวงศ์อ็อลเดินบวร์ค การฝังพระบรมศพกษัตริย์คริสเตียนที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโดโรเธียถูกทำเครื่องหมายด้วยหินธรรมดาคู่หนึ่งในฐานะอนุสาวรีย์ที่ฝังศพ
พระราชมรดก
[แก้]ราชวงศ์อ็อลเดินบวร์คได้รับการสถาปนาครองราชบัลลังก์เดนมาร์ก และราชบัลลังก์นอร์เวย์จนถึงค.ศ. 1818 และกลับมาครองราชย์อีกครั้งในค.ศ. 1905 และยังคงได้ครองราชบัลลังก์สวีเดนในช่วงรัชกาลของกษัตริย์คริสเตียน และพระราชโอรสของพระองค์ พระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก จนถึงพระราชนัดดา พระเจ้าคริสเตียนที่ 2 แห่งเดนมาร์ก และยังรวมถึงช่วงค.ศ. 1751-1818 ด้วย[9]
ตราอาร์ม
[แก้]ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 | |
---|---|
ตราประจำพระอิสริยยศ | |
การทูล | Hans Majestæt (ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท) |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | Deres Majestæt (พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ) |
-
ตราอาร์มในฐานะเคานท์แห่งอ็อลเดินบวร์ค
-
ตราอาร์มในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก, ชาวก็อธและชาวเวนด์
-
ตราอาร์มในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก, สวีเดน, นอร์เวย์และชาวเวนด์
-
ตราอาร์มในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก, สวีเดน, นอร์เวย์และชาวเวนด์ และดยุคแห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์
-
ตราอาร์มบนภาพเฟรสโกในมหาวิหารรอสคิลด์ เคียงคู่ตราอาร์มของสมเด็จพระราชินีโดโรเธีย (ขวา)
พระโอรส-ธิดา
[แก้]พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 กับพระราชินีโดโรเธียทรงมีพระโอรส-ธิดาทั้งหมด 5 พระองค์ ได้แก่
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ราชสันตติวงศ์เดนมาร์ก
[แก้]เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ Burke's Royal families of the World, I Europe & Latin America ISBN 0 85011 023 8 p. 68
- ↑ "Battle of Brunkeberg 1471". tripod.com. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ "Adolf VIII". Allgemeine Deutsche Biographie. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ "Dorothea, 1430-95, Dronning". Dansk biografisk Lexikon. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ "Erik Axelsson Tott". Biografiskt lexikon för Finland 1. Svenska tiden. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ Christer Engstrand. "Kettil Vasa (Karlsson)". historiska-personer.nu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-09. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ "Jöns Bengtsson (Oxenstierna)". Svenskt biografiskt lexikon. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ Örjan Martinsson. "Sten Sture den äldre". Tacitus.nu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-22. สืบค้นเมื่อ 1 June 2018.
- ↑ Burke's Royal Families of the World ISBN 0-85011-023-8 p 60
บรรณานุกรม
[แก้]- Arup, Erik (1902–1904). "Den finansielle side af erhvervelsen af hertugdømmerne 1460–1487" [The financial side of the acquisition of the duchies 1460–1487]. Historisk Tidsskrift (ภาษาเดนมาร์ก). Copenhagen: Den danske historiske Forening. 4 (7): 317–388, 399–489.
- Carstens, W. (1931). "Die Wahl König Christian I. von Dänemark zum Herzog von Schleswig und Graf von Holstein im Jahre 1460" [The election of King Christian I of Denmark as Duke of Schleswig and Count of Holstein in 1460]. Zeitschrift der Gesellschaft für Schleswig-Holsteinische Geschichte (ภาษาเยอรมัน). Kiel: Gesellschaft für Schleswig-Holsteinische Geschichte. 60.
- Dahlerup, Troels (1989). De fire stænder. 1400-1500 [The four estates. 1400-1500.]. Gyldendal og Politikens Danmarkshistorie (ภาษาเดนมาร์ก). Vol. 6. Copenhagen: Gyldendal & Politikens Forlag. ISBN 87-89068-08-4.
- Hermansen, Victor (1950). Christiern den Førstes højde [The height of Christiern the First] (ภาษาเดนมาร์ก). Copenhagen: Nationalmuseet.
- แม่แบบ:Cite ADB
- Jahnke, Carsten (2014). "Two Journeys and One University: King Christian I and Queen Dorothea's Journeys to Rome and the Foundation of the University of Copenhagen". Denmark and Europe in the Middle Ages, C. 1000-1525: Essays in Honour of Professor Michael H. Gelting (ภาษาอังกฤษ). pp. 139–153.
- แม่แบบ:Runeberg
- Odd Johnsen, Arne (1947–1949). "Kong Christian I.s forbundspakt med Karl den Dristige av Burgund og hans allierte (1467)" [King Christian I's Covenant Pact with Charles the Bold of Burgundy and his Allies (1467)]. Historisk Tidsskrift (ภาษานอร์เวย์). Copenhagen: Den danske historiske Forening. 11 (2): 111–131.
- Poulsen, Bjørn (1988). Land – by – marked: to økonomiske landskaber i 1400-tallets Slesvig (PDF) (ภาษาเดนมาร์ก). Flensburg. ISBN 87-89178-00-9.[ลิงก์เสีย]
- Platte, Hartmut (2006). Das Haus Oldenburg (ภาษาเยอรมัน). Werl: Börde. ISBN 3-9810315-4-7.
- Scocozza, Benito (1997). "Christian 1.". Politikens bog om danske monarker [Politiken's book about Danish monarchs] (ภาษาเดนมาร์ก). Copenhagen: Politikens Forlag. pp. 94–98. ISBN 87-567-5772-7.
- Suhr, Wilhelm (1957), "Christian I.", Neue Deutsche Biographie (ภาษาเยอรมัน), vol. 3, Berlin: Duncker & Humblot, pp. 232–233; (full text online)
- Tjällén, Biörn (2020). "King Bottomless Empty Purse': Taxes, Avarice and Pastoral Care in the Swedish Reign of Christian I (1457–64)". Scandinavian Journal of History. doi:10.1080/03468755.2020.1785932.
เว็บไซต์อ้างอิง
[แก้]- The Royal Lineage เก็บถาวร 2015-03-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at the website of the Danish Monarchy
ก่อนหน้า | พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
คริสตอฟเฟอร์ที่ 3 | พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก (ค.ศ. 1448 - ค.ศ. 1481) |
ฮันส์ | ||
คาร์ล | พระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ (ค.ศ. 1450 - ค.ศ. 1481) |
ว่าง ผู้สำเร็จราชการยอน สวาลสัน สเมอร์ ลำดับถัดไป ฮันส์ | ||
ว่าง ผู้สำเร็จราชการจอน เบ็งก์สัน อ็อกเซนสแทร์นาและอีริค อักเซลสัน ท็อท ลำดับก่อนหน้า คาร์ลที่ 8 |
พระมหากษัตริย์แห่งสวีเดน (ค.ศ. 1457 - ค.ศ. 1464) |
ว่าง ผู้สำเร็จราชการเค็ททิล คาร์ลสัน (วาซา) ลำดับถัดไป คาร์ลที่ 8 | ||
ดีทริช | เคานท์แห่งอ็อลเดินบวร์ค ในฐานะเคานท์คริสเตียนที่ 7 (ค.ศ. 1440 - ค.ศ. 1450) |
เกอร์ฮาร์ดที่ 6 | ||
อดอล์ฟที่ 8 | เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-เรนส์บวร์ค (ค.ศ. 1460 - ค.ศ. 1474) |
เปลี่ยนตำแหน่งเป็นดยุค | ||
อดอล์ฟที่ 8 | ดยุคแห่งชเลสวิช (ค.ศ. 1460 - ค.ศ. 1481) |
โยฮันที่ 1และฟรีดริชที่ 1 | ||
เปลี่ยนตำแหน่งเป็นดยุค | ดยุคแห่งฮ็อลชไตน์ (ค.ศ. 1474 - ค.ศ. 1481) |
โยฮันที่ 1และฟรีดริชที่ 1 |