ข้ามไปเนื้อหา

พระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระราชวัชรธรรมโสภณ

(ศิลา สิริจนฺโท)
ชื่ออื่นหลวงปู่มหาศิลา,ท่านเจ้าคุณมหาศิลา
ส่วนบุคคล
เกิด14 ตุลาคม พ.ศ. 2488 (79 ปี)
นิกายมหานิกาย (พ.ศ. 2500,2539–2564)
ธรรมยุติกนิกาย (พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน)
การศึกษานักธรรมชั้นเอก
เปรียญธรรม 6 ประโยค
ปร.ด.(กิตติมศักดิ์) สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค
พธ.ด.(กิตติมศักดิ์) สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ป. ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
อุปสมบท22 ธันวาคม พ.ศ. 2539
พรรษา28 พรรษา
ตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต
เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน ตำบลกุดปลาเค้า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
•ประธานคณะสงฆ์ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ป. ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
•ประธานที่ปรึกษาคณะทำงานกู้ภัยหมื่นหิน กู้ภัยหมื่นหิน (ฮง เต็ก เสี่ยงตึ๊ง) อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์

พระราชวัชรธรรมโสภณ นามเดิม ศิลา นิลจันทร์ ฉายา สิริจนฺโท ป.ธ.6 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายธรรมยุต ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต[1] เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน (ธรรมยุต) ตำบลกุดปลาค้าว อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ประธานคณะสงฆ์ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ป. อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และประธานที่ปรึกษาคณะทำงานกู้ภัยหมื่นหิน กู้ภัยหมื่นหิน (ฮง เต็ก เสี่ยงตึ๊ง) อำเภอเขาวง

ประวัติ

ชาติภูมิ

พระราชวัชรธรรมโสภณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2488 นามเดิมว่า ศิลา นิลจันทร์ (บิน) บิดานามว่า แก่น นิลจันทร์ และมารดานามว่า น้อย นิลจันทร์ เกิดที่บ้านเบิด ตำบลเบิด อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ในช่วงนั้น ครอบครัวอพยพจากภาวะทุพภิกขภัยมาพำนักที่บ้านส้อง ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ จากนั้น ในปี พ.ศ. 2494 เมื่ออายุได้ 6 ปี ได้ย้ายภูมิลำเนามาอยู่อาศัย ณ บ้านเกิดของมารดา ที่บ้านธาตุประทับ (ในปัจจุบัน คือ บ้านยางกระธาตุ) อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด[2]

ภาพที่ระลึกหลวงปู่มหาศิลากับพระพรหมวชิรโสภณ (ศรีจันทร์ ปุญฺญรโต) พระอุปัชฌาย์
เหรียญที่ระลึกหลวงปู่มหาศิลา เมื่อครั้งเป็นฐานานุกรมที่พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ
ภาพที่ระลึกหลวงปู่มหาศิลา เมื่อครั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระครูปลัดวชิรโสภณญาณและพัดยศ ป.ธ.6

บรรพชาและอุปสมบท

พระราชวัชรธรรมโสภณ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2500 ขณะอายุ 12 ปี ที่วัดธาตุประทับ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย บ้านธาตุประทับ อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด มีหลวงพ่อพิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ติดตามพระอาจารย์ออกร่วมคณะธุดงค์ไปนมัสการพระธาตุพนม ระหว่างเดินธุดงค์ มีโอกาสอุปัฏฐากพระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสี คือ พระครูสีลขันธ์สังวรณ์ (อ่อนสี สุเมโธ) ที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และได้รับคำสอนผญาธรรม (หรือ คำสอนอีสาน) จากพระธรรมราชานุวัตร (แก้ว กันโตภาโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม

อุปสมบทครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2509 เมื่ออายุย่าง 21 ปี ที่วัดบูรพาภิราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระสิริวุฒิเมธี (พุทธา สิริวุฑฺโฒ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานามว่า "สิริจนฺโท" และได้ลาสิกขาเมื่อปี พ.ศ. 2521 ด้วยเหตุได้รับการวิงวอนจากญาติให้ลาสิกขาออกมาเป็นครูผู้ช่วยสอน ที่โรงเรียนธาตุประทับ และดูแลมารดารวมถึงญาติผู้ใหญ่ป่วยหนักเป็นเวลา 1 ปี

ต่อมา ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 อุปสมบทครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 34 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดมาลุวาคณาราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย บ้านเกษมสุข ตำบลพลับพลา อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด มีพระสมุห์เป ปุญฺโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระน้อย สีลวณฺโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดสมาน ธมฺมรกฺขิโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า "สุริยจิตฺโต"[3] หลังอุปสมบทช่วงปี พ.ศ. 2522–2539 ย้ายไปพำนักที่วัดโนนเดื่อ ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สลับกับวัดธาตุประทับ และได้ลาสิกขา เมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยเหตุเกิดเหตุการณ์ทางครอบครัว ญาติเพียงคนเดียวป่วยจากโรค จนถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา เมื่อหมดภาระหน้าที่ในครอบครัว กับการลาสิกขาออกมาอยู่ 8 เดือน แล้วกลับเข้าอุปสมบทใหม่

และในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2539 อุปสมบท ครั้งที่ 3 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดแสงประทีป สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตำบลหมูม้น อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระครูวิธานสมณกิจ (อำนวย จนฺทสาโร) เจ้าอาวาสวัดแสงประทีป และเจ้าคณะตำบลหมูม้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานามว่า "สิริจนฺโท" และได้พำนัก ที่วัดธาตุประทับ สลับกับการออกจาริกธุดงค์ ที่บ้านพรานเหมือน ตำบลบ้านขาว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

ในปี พ.ศ. 2565 มีการญัตติ ทัฬหีกรรมนับอายุกาลพรรษาต่อเนื่อง เป็นพระภิกษุสังกัดธรรมยุติกนิกาย ที่วัดบึงพระลานชัย โดยมีพระพรหมวชิรโสภณ (ศรีจันทร์ ปุญฺญรโต) เจ้าอาวาสวัดบึงพระลานชัย เป็นพระอุปัชฌาย์

จำพรรษา

ในปี พ.ศ. 2559 พระราชวัชรธรรมโสภณออกจาริกไปบ้านหนองแซง ตำบลแจ้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และได้ออกจาริกในปี พ.ศ. 2565 เกิดอาการอาพาธด้วยโรคหัวใจขาดเลือด และพักรักษาตัว ที่กุฎีอโรคยาปรมาลาภา เสนาสนะสงฆ์ พระธาตุจอมศรีสัมมาสัมพุทธเจดีย์ จังหวัดมหาสารคาม และในปัจจุบัน พระราชวัชรธรรมโสภณพำนักอยู่ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ป. ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

การศึกษา

พระราชวัชรธรรมโสภณเริ่มเรียนนักธรรม ในปี พ.ศ. 2500 ขณะอายุ 12 ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี ที่สำนักศาสนศึกษาวัดธาตุประทับ จังหวัดร้อยเอ็ด และนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501–2503 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก และนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506–2515 สอบไล่ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ถึงเปรียญธรรม 6 ประโยค เมื่ออายุ 26 ปี ที่สำนักศาสนศึกษาวัดบูรพาภิราม อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด

ศาสนกิจ

ด้านปกครองคณะสงฆ์

ในปี พ.ศ. 2565 เป็นประธานสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท ป. ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางพระสังฆาธิการเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน ประเภทวัดราษฎร์ ตำบลกุดปลาค้าว อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์[4]พ.ศ. 2567 มหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบยกย่องพระสังฆาธิการผู้อาวุโสด้วยภูมิธรรมความรู้วัยวุฒิขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต)

ด้านการศึกษา

ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกนักธรรม-บาลี สำนักศาสนศึกษาวัดบูรพาภิราม อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักเรียนคณะจังหวัดร้อยเอ็ด และในปี พ.ศ. 2521 เป็นครูผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนธาตุประทับ อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด ขณะลาสิกขาบทเป็นคฤหัสถ์

ด้านสาธารณสงเคราะห์

พระราชวัชรธรรมโสภณได้สงเคราะห์อุปกรณ์และสถานที่ทางการแพทย์หลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, โรงพยาบาลกาฬสินธุ์, โรงพยาบาลร้อยเอ็ด, และโรงพยาบาลธวัชบุรี การมอบรถกู้ชีพ และรถกู้ภัยให้มูลนิธิหลายแห่ง เป็นต้น

และสงเคราะห์สบทบทุนทางศาสนา เช่น สร้างสะพานเข้าหอเจ้าเฮือน 3 พระองค์ ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร สร้างพระอุโบสถวัดโพนโป่งให้แล้วเสร็จ ตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย และบูรณะหลังคาพระอุโบสถวัดป่าศรีโพนทอง ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดมอบเงินสมทบวิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และวิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นต้น

รางวัลเชิดชูเกียรติคุณที่ได้รับ

สมณศักดิ์

อ้างอิง

  1. chanhena, Bandit. "มส.เห็นชอบแต่งตั้ง 'หลวงปู่ศิลา' เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต". เดลินิวส์.
  2. https://kalasin.prd.go.th/th/content/category/detail/id/33/iid/48887
  3. https://board.postjung.com/1121320
  4. "ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการขออนุญาตสร้างวัด ณ ที่พักสงฆ์พระธาตุหมื่นหินวชิรโสภณ". ksn.onab.go.th.
  5. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-08-12. สืบค้นเมื่อ 2022-08-12.
  6. https://www.matichon.co.th/education/news_4777065
  7. "สภา มจร เห็นชอบมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ -เข็มเกียรติคุณ "พระมหาเถระ-นักการเมือง-นักธุรกิจ-ศิลปิน" คนมีชื่อเสียงติดโผเพียบ!!". TheBuddh.com. 2024-08-28.
  8. BETTER, THE. "มจร. ถวายปฏิญญาดุษฎีบัณฑิกิตติมศักดิ์แด่หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท พระเกจิดัง | The Better". LINE TODAY.
  9. "มข. นิมนต์ 'หลวงปู่ศิลา สิริจันโท' รับพระราชทานรางวัลพระธาตุพนมทองคำ 2567". bangkokbiznews. 2024-10-24.
  10. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 140, ตอนที่ 28 ข, 30 มิถุนายน 2566, หน้า 1