ข้ามไปเนื้อหา

กองทัพปลดปล่อยประชาชนในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กองทัพปลดปล่อยประชาชนในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989
ส่วนหนึ่งของ การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989
Chinese tanks in Beijing, July 1989
รถถังในกรุงปักกิ่ง มิถุนายน ค.ศ. 1989
วันที่21 พฤษภาคม – 9 มิถุนายน ค.ศ. 1989
(20 วัน)
สถานที่
ผล การเดินขบวนนำโดยนักศึกษาสิ้นสุดลง กองทัพปลดปล่อยประชาชนยึดจัตุรัสเทียนอันเหมินและถนนในปักกิ่งคืนมาได้ 
คู่สงคราม

พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ผู้ประท้วง

ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ

ผู้นำนักศึกษา:

แรงงาน:

ปัญญาชน:

กำลัง
ทหาร 150,000–350,000 นาย[1] ผู้ประท้วง 50,000–100,000 คน[2]
ความสูญเสีย

ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย[a]


เสียชีวิต 23 ราย (กองทัพปลดปล่อยประชาชน 10 ราย และตำรวจติดอาวุธประชาชน 13 ราย)[b]
บาดเจ็บ ~5000 ราย[b]
รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ 60+ คัน
รถตำรวจ 30+ คัน
รถบรรทุกทหาร 1,000+ คัน
พาหนะอื่น 120+ คัน[6]
เสียชีวิต 218 ราย[c]
เสียชีวิตหลายร้อยถึง ~2,600 ราย[d]
บาดเจ็บ 7,000+ ราย

ระหว่างการประท้วงและการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 ในกรุงปักกิ่ง กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (กปช.) มีส่วนสำคัญในการบังคับใช้กฎอัยการศึกโดยใช้กำลังเข้าปราบปรามการชุมนุมในเมือง[13] การสังหารผู้ประท้วงยังคงเป็นรอยแปดเปื้อนมรดกของผู้อาวุโสพรรคที่นำโดยเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุด และส่งผลเสียต่อผู้นำรุ่นใหม่ที่ก้าวหน้าในอาชีพการงานในฐานะเพื่อนร่วมงานที่มีแนวคิดสายกลางมากขึ้นแต่กลับถูกกวาดล้างหรือถูกละเลยในขณะนั้น[13] ในประเทศจีน บทบาทของกองทัพใน ค.ศ. 1989 ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในวงแคบของผู้นำพรรคและกองทัพปลดปล่อยประชาชน[13]

การวางกำลังในช่วงเริ่มต้นการประท้วง

[แก้]
แม้เจ้าหน้าที่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนและตำรวจติดอาวุธประชาชนจะถูกส่งไปประจำที่ใจกลางกรุงปักกิ่งบ่อยครั้งเพื่อทำหน้าที่กองเกียรติยศหรือดูแลความปลอดภัย แต่การระดมกำลังทหารกว่า 200,000 นายเพื่อบังคับใช้กฎอัยการศึกในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1989 ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของเมืองหลวง

ขบวนการนักศึกษาในกรุงปักกิ่งในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1989 เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตของหู เย่าปัง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันที่ 15 เมษายน ก่อนจะมีการประกาศกฎอัยการศึกในวันที่ 19 พฤษภาคม รัฐบาลได้เรียกทหารเข้ามาในเมืองเพื่อช่วยตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อย วันที่ 22 เมษายน กองทหารรักษาการณ์ที่ 13 กองพันทหารรักษาการณ์ปักกิ่ง (กองพลรักษาการณ์ที่ 3) และทหารเกือบ 9,000 นายจากกองทัพที่ 38 (กองพลที่ 112, กองพลยานเกราะที่ 6, กองทหารช่างและสื่อสาร) ถูกส่งไปประจำการรอบมหาศาลาประชาชนในระหว่างพิธีศพของหู[14] นอกมหาศาลาในจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีนักศึกษาเกือบ 100,000 คนรวมตัวกันในคืนวันที่ 21 เมษายน เพื่อไว้อาลัยหู[15]

กองทัพที่ 38 ถูกเรียกตัวมาปักกิ่งเป็นครั้งที่สองหลังมีการเผยแพร่บทบรรณาธิการ 26 เมษายน เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังรักษาการณ์ปักกิ่งในการปกป้องจัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อต่อต้านนักศึกษาที่ออกมาประท้วง[14] นักศึกษาหลายแสนคนเดินขบวนจากวิทยาเขตไปยังใจกลางเมืองในวันที่ 27 เมษายน แต่ไม่ได้เข้าสู่จัตุรัส[15] มีทหารประมาณ 5,100 นายเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งที่สองนี้[15] ไม่มีการปะทะกับพลเรือนและทหารถอนกำลังออกในวันที่ 5 พฤษภาคม[15] กองกำลังรักษาการณ์ปักกิ่งถูกเรียกตัวให้เฝ้ามหาศาลาในวันที่ 4 พฤษภาคม สำหรับการประชุมคณะกรรมการธนาคารพัฒนาเอเชีย และระหว่างวันที่ 13–17 พฤษภาคม

การประกาศกฎอัยการศึก

[แก้]
เติ้ง เสี่ยวผิง กับประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด แห่งสหรัฐ ณ มหาศาลาประชาชนใน ค.ศ. 1975 แม้เขาจะไม่ใช่ประธานหรือเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 1989 แต่เขาควบคุมกองทัพปลดปล่อยประชาชนโดยตรงผ่านการเป็นประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง (คทก.) และใช้อิทธิพลผ่านการอุปถัมภ์ผู้นำพรรคและกองทัพ

วันที่ 11 พฤษภาคม ประธานาธิบดีหยาง ช่างคุนได้พบเติ้งเป็นการส่วนตัวเพื่อหารือเกี่ยวกับสาเหตุของการเคลื่อนไหวของนักศึกษา การสนับสนุนจากประชาชนที่ได้รับ และเหตุใดจึงยากที่จะหยุดยั้ง[16] เติ้งอธิบายว่าข้อเรียกร้องของประชาชนต่อการทุจริตของทางการนั้นเป็นที่ยอมรับได้ แต่แรงจูงใจของคนบางกลุ่มที่ใช้ข้อเรียกร้องนี้เป็นข้ออ้างในการโค่นล้มพรรคคอมมิวนิสต์นั้นไม่เป็นที่ยอมรับ[16] เขากล่าวเสริมว่าพรรคต้องใช้สันติวิธีแก้ไขปัญหาการเคลื่อนไหวของนักศึกษา แต่กรมการเมืองจะต้องพร้อมดำเนินการอย่างเด็ดขาด[16] วันที่ 13 พฤษภาคม ขณะที่นักศึกษาเริ่มอดอาหารประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน หยางและจ้าว จื่อหยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้ข้อสรุปแก่เติ้งเป็นการส่วนตัว[17] เติ้ง ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง แสดงความไม่พอใจของผู้อาวุโสพรรคต่อการที่รัฐบาลไม่สามารถยุติขบวนการนักศึกษาที่เคลื่อนไหวมานานเกือบเดือนได้[17] เขาได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด[17]

การปลดจ้าว จื่อหยาง

[แก้]
นายกรัฐมนตรีจ้าว จื่อหยาง กับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน แห่งสหรัฐใน ค.ศ. 1984 ใน ค.ศ.1989 จ้าวเป็นเลขาธิการพรรคและรองประธานคนที่หนึ่งของคณะกรรมการการหารส่วนกลาง แต่ท่าทีผ่อนปรนของเขาต่อผู้ประท้วงที่เป็นนักศึกษาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มหัวรุนแรงของพรรคและสูญเสียการสนับสนุนจากเติ้ง เสี่ยวผิง จ้าวคัดค้านการประกาศกฎอัยการศึก สูญเสียอำนาจ และต้องใช้ชีวิตที่เหลือภายใต้การกักบริเวณในบ้าน

คืนวันที่ 16 พฤษภาคม สมาชิกคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้ง 5 คน ได้แก่ จ้าว จื่อหยาง, หลี่ เผิง, เฉียว ฉือ, หู ฉีลี่ และเหยา อี้หลิน พร้อมด้วยประธานาธิบดีหยาง ช่างคุน, ปั๋ว อีปัว รองผู้อำนวยการคณะกรรมการที่ปรึกษาส่วนกลาง ได้จัดการประชุมฉุกเฉินและตกลงที่จะ (1) ขอความเห็นจากเติ้ง เสี่ยวผิง และ (2) ให้จ้าว จื่อหยางเจรจากับนักศึกษาที่อดอาหาร[18] วันที่ 17 พฤษภาคม สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 5 คนได้ไปยังบ้านพักของเติ้ง ซึ่งเติ้งได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการผ่อนปรนใด ๆ กับนักศึกษาอีกต่อไปและถึงเวลาที่ต้องเรียกร้องให้กองทัพบังคับใช้กฎอัยการศึก[19] สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญเห็นชอบที่จะประชุมในช่วงเย็นเพื่อหารือถึงวิธีการบังคับใช้กฎอัยการศึก[18] คืนนั้น สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 5 คนไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะใช้กฎอัยการศึกหรือไม่ โดยมีหลี่ เผิงและเหยา อี้หลินสนับสนุน จ้าว จื่อหยางและหู ฉีลี่คัดค้าน และเฉียว ฉืองดออกเสียง[20] จ้าวเสนอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่หยางห้ามไว้และขอลาป่วยสามวัน[20] ต่อมาจ้าว จื่อหยางก็หมดอิทธิพลทางการเมือง[20]

สมาชิกคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง หลิว หฺวาชิง (ซ้าย) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังกฎอัยการศึก และฉือ เฮ่าเถียน รองผู้บัญชาการฯ พร้อมด้วยโจว อี้ปิง (ไม่ปรากฏในภาพ)

เช้าวันที่ 18 พฤษภาคม คณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมือง (ขาดจ้าว) พร้อมด้วยเฉิน ยฺหวิน, หลี่ เซียนเนี่ยน, เผิง เจิน, เติ้ง อิ่งเชา, ปั๋ว อีปัว และหวัง เจิ้น ผู้อาวุโสพรรค รวมถึงฉิน จีเหว่ย์, หง สฺเวจื้อ และหลิว หฺวาชิง สมาชิกคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง รวมตัวกันที่บ้านพักของเติ้ง[20] ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำได้มีมติว่า (1) จะประกาศกฎอัยการศึกในเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม (2) จะจัดการประชุมเพิ่มเติมร่วมกับทหารและเจ้าหน้าที่รัฐบาลปักกิ่งในวันที่ 19 พฤษภาคม (3) ให้หยาง ช่างคุนเตรียมการกับกองทัพเพื่อตั้งกองบัญชาการกฎอัยการศึก (4) อธิบายการตัดสินใจดังกล่าวให้จอมพลสองคนที่เหลือ คือ เนี่ย หรงเจิน และสฺวี เซี่ยงเฉียน ทราบ และ (5) แจ้งการตัดสินใจของศูนย์พรรคฯ ให้คณะกรรมาธิการพรรคฯ ระดับมณฑลทราบ[20] บ่ายของวันที่ 18 พฤษภาคม คณะกรรมการการการทหารส่วนกลางได้แต่งตั้งหลิว หฺวาชิง เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของปฏิบัติการกฎอัยการศึก โดยมีฉือ เฮ่าเทียน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพปลดปล่อยประชาชน และโจว อี้ปิง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารปักกิ่ง เป็นรองผู้บัญชาการ[21] กำลังทหารที่บังคับใช้กฎอัยการศึกส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคทหารปักกิ่ง จี่หนาน และเฉิ่นหยาง[21] จากนั้นหลิว ฉือ และหยาง ช่างคุน ได้รายงานแก่เติ้งว่ากองกำลังกฎอัยการศึกจะระดมกำลังทหารกองทัพปลดปล่อยประชาชนและตำรวจติดอาวุธของประชาชนจำนวน 180,000 นาย[21]

ภายในวันที่ 18 พฤษภาคม การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินมีผู้สนับสนุนถึงหนึ่งล้านคน[22] การประท้วงดังกล่าวส่งผลให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในกลุ่มผู้นำระดับสูงของพรรครวมถึงกองทัพปลดปล่อยประชาชน วันที่ 17 พฤษภาคม ชายกว่า 1,000 คนจากกรมส่งกำลังบำรุงกองทัพปลดปล่อยประชาชนแสดงการสนับสนุนการเคลื่อนไหวโดยการเดินขบวนไปยังจัตุรัสเทียนอันเหมิน และได้รับเสียงปรบมือชื่นชมอย่างกึกก้องจากผู้พบเห็น[23]

การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกถูกต่อต้านโดยฉิน จีเหว่ย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในตอนแรก[13] หลังเข้าร่วมประชุมที่บ้านพักของเติ้ง ฉินปฏิเสธการส่งคำสั่งกฎอัยการศึกไปยังกองทัพทันที โดยอ้างว่าต้องได้รับการอนุมัติจากพรรคก่อน (จ้าว จื่อหยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ) ฉินโทรศัพท์ไปยังสำนักงานของจ้าวและหวังว่าเขาจะยกเลิกคำสั่งกฎอัยการศึก[13] เขาคอยคำตอบจากจ้าวนานถึงสี่ชั่วโมง แต่ก็ไม่เคยได้รับเลย[13] โดยที่ฉินไม่ทราบว่าจ้าวแพ้การชิงอำนาจและถูกขับออกจากตำแหน่งผู้นำแล้ว ต่อมาฉินสนับสนุนการปราบปรามทางทหารอย่างเปิดเผย แต่หลังจากนั้นอำนาจของเขาก็ลดลง[13]

ประกาศกฎอัยการศึก – 20 พฤษภาคม

[แก้]

แม้กฎอัยการศึกจะมีกำหนดประกาศในวันที่ 21 พฤษภาคม แต่ข่าวการประกาศได้รั่วไหลออกสู่สาธารณชน ทำให้ต้องเร่งกำหนดการขึ้นมา[24] นายกรัฐมนตรีหลี่ เผิงประกาศกฎอัยการศึกอย่างเร่งด่วนในเช้าตรู่ของวันที่ 20 พฤษภาคม[24] คำสั่งที่ประกาศใช้ตามมาตรา 89 หมวด 16 ของรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 10.00 น. ใน 8 เขตเมืองของปักกิ่ง[24]

วันที่ 20 พฤษภาคม นายพลเกษียณอายุจำนวน 8 นายรวมถึงจาง อ้ายผิง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามในจดหมายประโยคเดียวเพื่อคัดค้านการใช้กำลัง:

เราขอความร่วมมือไม่ให้ทหารเข้ามาในเมืองและห้ามใช้กฎอัยการศึกในปักกิ่ง

— เย่ เฟย์, จาง อ้ายผิง, เซียว เค่อ, หยาง เต๋อจื้อ, เฉิน ไจ้เต้า, ซ่ง ฉือหลุน, หวัง ผิง และหลี่ จฺวี้ขุย, 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 จดหมายถึงคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง[25]

การระดมพล

[แก้]

วันที่ 19 พฤษภาคม คณะกรรมการการทหารส่วนกลางเริ่มระดมหน่วยกองทัพปลดปล่อยประชาชนเพื่อเตรียมการสำหรับการประกาศกฎอัยการศึก นอกจากกองทหารรักษาการณ์ปักกิ่งและเทียนจินแล้ว ยังมีทหารอย่างน้อย 30 กองพลจาก 5 ใน 7 ภูมิภาคทหารของประเทศที่ถูกส่งมายังปักกิ่ง[ต้องการอ้างอิง] อย่างน้อย 14 ใน 24 กองทัพน้อยของกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้ส่งทหารเข้ามา การประมาณการที่เชื่อถือได้ระบุว่าจำนวนทหารที่ระดมอยู่ที่ประมาณ 180,000 ถึง 250,000 นาย[26]

การท้าทายของสฺวี ฉินเซียน

[แก้]

ขนาดที่พิเศษของการระดมพลอาจได้รับแรงกระตุ้นจากความกังวลเรื่องการไม่เชื่อฟังคำสั่ง สฺวี ฉินเซียน ผู้บัญชาการกองทัพที่ 38 ซึ่งเป็นกองทัพที่มีอุปกรณ์ครบครันที่สุดของภูมิภาคทหารปักกิ่ง ปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎอัยการศึก สฺวีกล่าวว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งระดมพลด้วยวาจาได้และเรียกร้องให้ทำคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อได้รับแจ้งจากกองบัญชาการภูมิภาคทหารภาคปักกิ่งว่า "เป็นภาวะสงคราม" และจะมีการออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรภายหลัง สฺวีซึ่งเคยไปปักกิ่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิกล่าวว่าไม่มีสงครามและย้ำการปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว[27] ประธานาธิบดีหยาง ช่างคุนส่งโจว อี้ปิง ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคไปยังเป่าติ้งเพื่อเกลี้ยกล่อมสฺวี[25] สฺวีถามโจวว่าผู้อำนวยการทั้งสามของคณะกรรมการการทหารส่วนกลางได้อนุมัติคำสั่งกฎอัยการศึกหรือไม่ โจวตอบว่าแม้เติ้ง เสี่ยวผิง ประธาน และหยาง ช่างคุน เลขาธิการจะอนุมัติ แต่จ้าว จื่อหยาง รองประธานคนที่หนึ่งกลับไม่อนุมัติ หากจ้าวไม่อนุมัติ สฺวีก็ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งและขอลาป่วย เขาถูกศาลทหารตัดสินและกองทัพที่ 38 ภายใต้การนำของเขาถูกระดมพลเพื่อบังคับใช้กฎอัยการศึก

ภายหลังความไม่เชื่อฟังของสฺวี กองทัพที่ 12 ซึ่งเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นผู้นำด้วยตนเองในช่วงสงครามกลางเมืองจีนก็ถูกขนส่งทางอากาศจากหนานจิง[28] กองทัพที่ 12 เป็นหน่วยเดียวที่ถูกการระดมมาจากภูมิภาคทหารหนานจิง

หน่วยระดมพล

[แก้]
5 จาก 7 ภูมิภาคทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนส่งทหารมายังปักกิ่งเพื่อบังคับใช้กฎอัยการศึกใน ค.ศ. 1989
อนุสาวรีย์ที่มีรถถังไทป์ 59 อยู่ในฐานทัพทหารในเขตเฟิงไถ ชานกรุงปักกิ่ง

การศึกษาของอู๋ เหรินหฺวาได้ระบุถึงการมีส่วนร่วมของหน่วยต่อไปนี้ในปฏิบัติการกฎอัยการศึก[ต้องการอ้างอิง]

ภูมิภาคทหารปักกิ่ง

ภูมิภาคทหารจี่หนาน

ภูมิภาคทหารเฉิ่นหยาง

ภูมิภาคทหารหนานจิง

ภูมิภาคทหารกว่างโจว

ทหารส่วนใหญ่มาจากครอบครัวชาวนาที่ไม่เคยไปปักกิ่งและไม่เข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องเผชิญ หลายคนตั้งตารอการเดินทางเยือนเมืองหลวงเป็นครั้งแรกเป็นการส่วนตัวและคาดหวังว่าจะได้รับการต้อนรับจากคนในพื้นที่ หน่วยทหารจากภูมิภาคอื่นพูดภาษาเหนือต่างจากพลเมืองปักกิ่งทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น[29] ทหารถูกห้ามสื่อสารกับประชาชนโดยเด็ดขาด อุปสรรคด้านภาษาทำให้ทหารที่อยากรู้อยากเห็นไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการนักศึกษาได้นอกจากข้อมูลที่ได้จากสายการบังคับบัญชาของตน

หน่วยระดมพลบางหน่วยเผชิญกับผู้ประท้วงซึ่งเป็นพลเรือนก่อนถึงปักกิ่ง บ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม ชาวเป่าติ้งได้ปิดกั้นกองพันทั้ง 4 ของกองทัพที่ 38 ไม่ให้ออกจากเมือง[30] กองทัพที่ 38 ถูกบังคับให้ใช้เส้นทางอื่นออกจากเป่าติ้งก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้งบนทางหลวงสู่ปักกิ่ง[30] กองทัพที่ 27 ยังถูกปิดกั้นในเป่าติ้งในวันที่ 19 พฤษภาคมโดยฝูงชนที่ตะโกนคำขวัญต่อต้านการทุจริตและถ่มน้ำลายใส่ทหาร และถูกบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่ปักกิ่งผ่านจัวโจว[31] กำลังของกองทัพที่ 64 ซึ่งเดินทางโดยรถไฟถูกปิดกั้นเป็นเวลา 2 วันโดยนักศึกษาและประชาชนจากถังชานซึ่งนอนบนทางรถไฟที่เฉียนอาน มณฑลเหอเป่ย์ ระหว่างวันที่ 21–23 พฤษภาคม[32]

ความพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึก

[แก้]
เฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา SA 342L Gazelle อย่างน้อย 5 ลำที่นำเข้าจากฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1988 ถูกส่งไปเหนือน่านฟ้าจัตุรัสเทียนอันเหมินในวันที่ 20 พฤษภาคม เพื่อทิ้งใบปลิวให้กับผู้ประท้วง[33][34][35] คำสั่งห้ามค้าอาวุธของสหภาพยุโรปเพื่อตอบสนองต่อการปราบปรามทางทหารส่งผลให้การขายเฮลิคอปเตอร์ของยุโรปแก่จีนสิ้นสุดลง[36] (ในภาพ: SA-342L1 ของเซอร์เบีย)

คืนวันที่ 19 พฤษภาคม หน่วยขั้นสูงจากกองทัพที่ 27, 38 และ 63 เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งก่อนที่กฎอัยการศึกจะถูกประกาศต่อสาธารณะ แต่เมื่อข่าวกฎอัยการศึกรั่วไหลออกไป นักศึกษาและชาวเมืองก็จัดขบวนเพื่อปิดกั้นกองกำลังในเขตชานเมือง[37] วันที่ 20 พฤษภาคม หน่วยทหารจากกองบัญชาการรักษาการณ์ปักกิ่งที่ 24, 27, 28, 38, 63, 65, กองทัพที่ 39, 40, 54 และ 67 ได้รุกคืบเข้าเมืองจากทุกทิศทาง[38] พวกเขาถูกหยุดและถูกล้อมโดยพลเรือนนับหมื่นคนที่ตั้งด่านตรวจและแออัดอยู่รอบขบวนรถที่เฟิงไถ ลิ่วหลี่เฉียว ชาจื้อโข่ว หูเจียโหลว กู่เฉิง ชิงเหอ อู่เคอซง ถนนฟู่ซิงและจุดอื่น ๆ นอกถนนวงแหวนที่สาม[39] เหล่าส่งอากาศที่ 15 ลงจอดที่ท่าอากาศยานหนานยฺเวี่ยนทางตอนใต้ของเมือง[39] การขนส่งทางอากาศยังคงดำเนินต่อไปสู่หนานยฺเวี่ยนอีกเป็นเวลาสามวัน เฮลิคอปเตอร์ 5 ลำของกองทัพที่ 38 ปรากฏเหนือจัตุรัสเทียนอันเหมินและทิ้งใบปลิวเรียกร้องให้ผู้ประท้วงออกจากจัตุรัส[33][40] กองทัพที่ 65 พยายามหลายครั้งที่จะรุกคืบไปยังจัตุรัสเทียนอันเหมินจากทางตะวันตกแต่ก็ถูกบังคับให้ถอยกลับเข้าสู่เขตฉือจิ่งชานและไห่เตี้ยน[39] หน่วยเดียวที่เคลื่อนพลเข้าเมืองคือกองพลปืนทหารใหญ่ที่ 14 ซึ่งเดินทางโดยรถไฟจากชาเหอ แต่หน่วยนี้ถูกล้อมโดยพลเรือนเมื่อถึงสถานีรถไฟปักกิ่ง[39]

ทหารจำนวนมากยังคงถูกล้อมเป็นเวลาหลายวัน ระหว่างนี้ การเผชิญหน้าระหว่างทหารและนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ นักศึกษาบางส่วนได้รับการฝึกอบรมกับกองทัพที่ 38 ในช่วงฤดูร้อนในฐานะสมาชิกกองหนุน[41] บางสถานที่ ทหารและผู้ประท้วงร่วมกันร้องเพลงลัทธิเหมา และชาวบ้านนำอาหารและน้ำมาให้ทหารที่ติดอยู่[42]

อุบัติการณ์ต้าจิ่ง

[แก้]

ที่ต้าจิ่งในเขตเฟิงไถ เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและทหาร[43] คืนวันที่ 19 พฤษภาคม ขณะกรมทหารปืนใหญ่และยานเกราะที่ 337 และ 338 ของกองพลที่ 113 ของกองทัพที่ 38 กำลังเคลื่อนพลไปยังสะพานต้าจิ่ง นักศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่งที่ขวางทางอยู่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่พยายามเคลียร์ทาง[43] ฝูงชนสามารถกันหน่วยไว้บนสะพานและหมู่บ้านชาวัวที่อยู่ใกล้เคียงได้[44] แม้หน่วยบางส่วนจะถอยไปยังโรงเรียนมัธยมใกล้เคียง แต่หน่วยอื่น ๆ ก็ต้องติดอยู่เป็นเวลาสามวันสี่คืน[45] วันที่ 22 พฤษภาคม ผู้บังคับการกรมทหารได้เจรจากับแกนนำนักศึกษาในจัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่ออนุญาตให้หน่วยต่าง ๆ ล่าถอยได้[46] การเจรจาล้มเหลวเมื่อนักศึกษาพยายามกดดันให้ทหารทิ้งพาหนะและอาวุธไว้[46] เวลา 20:00 น. ทหารจับมือกันและผลักดันไปทางโกดังเฟิงไถตะวันตก และถูกฝูงชนโจมตี ส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก[43][47] นักศึกษาหลายคนที่พยายามปกป้องทหารยังถูกหินกระแทก[47][43] ต่อมาได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 10 รายซึ่งไม่ใช่นักศึกษาแต่อย่างใด[43]

ถอยกลับ

[แก้]

วันที่ 24 พฤษภาคม ทหารกองทัพปลดปล่อยประชาชนถอนกำลังออกจากเขตเมืองปักกิ่ง[48] ความพยายามที่ล้มเหลวในการควบคุมผู้ประท้วงที่มากขึ้นในกรุงปักกิ่งทำให้ผู้นำพรรคต้องเรียกหน่วยกองทัพปลดปล่อยประชาชนเพิ่มเติม ทหารกองทัพปลดปล่อยประชาชนถูกขังเดี่ยวและเข้ารับการปรับทัศนคติเพื่อปลูกฝังและสร้างความเชื่อว่าความวุ่นวายในเมืองหลวงจำเป็นต้องถูกปราบปราม[49]

อ้างอิง

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. จากข้อมูลของอู่ เหรินหฺวา:[3]
  2. 2.0 2.1 จากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ:[4][5]
  3. จากข้อมูลของรัฐบาลจีน:[4][5]
  4. จากประมาณการภายนอก:[7][8][9][10][11][12]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Scobell, "Why the People's Army Fired," 201.
  2. Zhao, D. p. 171
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ WRH-PLA casualty tabulation
  4. 4.0 4.1 L. Zhang 2001, p. 436.
  5. 5.0 5.1 Frontline: Memory of Tiananmen 2006.
  6. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Xinhua-June-4-1989
  7. How Many Died 1990.
  8. U.S. G.P.O., p. 445.
  9. Brook 1998, p. 154.
  10. Kristof:Reassessing Casualties.
  11. Secretary of State's.
  12. Brook 1998, p. 161.
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 13.5 13.6 John Garnaut, "How top generals refused to march on Tiananmen Square" Sydney Morning Herald 2010-06-04
  14. 14.0 14.1 Wu 2009, p. 86, 432.
  15. 15.0 15.1 15.2 15.3 Wu 2009, p. 86.
  16. 16.0 16.1 16.2 Wu 2009, p. 14.
  17. 17.0 17.1 17.2 Wu 2009, p. 15.
  18. 18.0 18.1 Wu 2009, p. 10.
  19. Wu 2009, p. 11.
  20. 20.0 20.1 20.2 20.3 20.4 Wu 2009, p. 12.
  21. 21.0 21.1 21.2 Wu 2009, p. 17.
  22. Benedict Stavis. "China Explodes at Tiananmen" Asian Affairs, 17; 2. 51–61. Taylor & Francis, Ltd. 1990 (accessed February 17, 2011).
  23. "PLA Personnel Join Demonstration" Daily Report. Hong Kong HSIN WAN PO in Chinese 17 May 1989.
  24. 24.0 24.1 24.2 Wu 2009, p. 21.
  25. 25.0 25.1 Zhang 2001, p. 265.
  26. Media reports initially estimated troop deployments in the range 100,000 to 150,000. Bernard E. Trainor. "Turmoil in China; Legions of Soldiers Encircling Beijing: Loyalty to Whom?" The New York Times, June 07, 1989 (accessed February 17, 2011).
  27. (Chinese) "六四抗命将军22年首现身—宁杀头,不作历史罪人" Deutsche Welle 2011-02-16
  28. (Chinese) "十大王牌军第6位:第12集团军" เก็บถาวร พฤศจิกายน 5, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 2007-07-31
  29. Melissa Roberts. "The Choice: Duty to People or Party" Christian Science Monitor, May 23, 1989 (accessed November 21, 2010).
  30. 30.0 30.1 Wu 2009, p. 95.
  31. Wu 2009, p. 172-73.
  32. Wu 2009, p. 530-31.
  33. 33.0 33.1 James C. Mulvenon and Richard Yang eds. The People's Liberation Army in the Information Age Rand Corporation, 1999, p. 52
  34. Image of helicopter dropping leaflets over Tiananmen Square
  35. "Image of helicopter over Tiananmen Square on May 20, 1989
  36. "SA 342L Gazelle Attack Helicopter" Sinodefence.com เก็บถาวร 2012-08-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 2007-06-11
  37. (Chinese) Wu Renhua, "89天安门事件大事记:5月19日 星期五" Accessed 2013-07-10
  38. Larry Wortzel, "The Tiananmen Massacre Reappraised: Public Protest, Urban Warfare, and the People's Liberation Army" in Andrew Scobell, Larry M. Wortzel, eds. Chinese National Security Decisionmaking Under Stress pp. 72, 77–78 Diane Publishing, 2005
  39. 39.0 39.1 39.2 39.3 (Chinese) "89天安门事件大事记:5月20日 星期六" Accessed 2013-07-10
  40. (Chinese) Gallery: "64 存照:八九年六四图片回顾 (中)" 2007-06-03
  41. Trainor, Bernard E.; Times, Special To the New York (1989-06-06). "Crackdown in Beijin – Civil War For Army?". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2023-03-03.
  42. Geremie Barmé & John Crowley. Gate of heavenly Peace. DVD. Directed by Richard Gordon and Carma Hinton. San Francisco, CA : Distributed by NAATA/CrossCurrent Media, 1997.
  43. 43.0 43.1 43.2 43.3 43.4 "記憶"標準化"的一個實例──解讀"戒嚴一日"的篩選". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-02-10.
  44. Wu 2009, p. 98.
  45. Wu 2009, p. 99.
  46. 46.0 46.1 Wu 2009, pp. 100–101.
  47. 47.0 47.1 Wu 2009, p. 102.
  48. "Secretary of State's Morning Summary for 3 June 1989". George Washington University (accessed November 19, 2010).
  49. Zhang 2001, p. 349-353.

บรรณานุกรม

[แก้]

แม่แบบ:1989 Tiananmen protests