ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach
ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach | |
---|---|
ผู้พัฒนา | Steel Wool Studios ScottGames |
กำกับ | Jason Topolski |
อำนวยการผลิต | Scott Cawthon |
ออกแบบ | Brian Freyermuth |
ศิลปิน | Laura Rogers |
เขียนบท | Jason Topolski Scott Cawthon |
แต่งเพลง | Allen Simpson |
ชุด | ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์ |
เอนจิน | |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย |
|
แนว | สยองขวัญเอาชีวิตรอด |
รูปแบบ | ผู้เล่นคนเดียว |
ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นวิดีโอเกม เอาชีวิตรอดสยองขวัญ ในปี 2021 พัฒนาโดย Steel Wool Studios และ ScottGames เป็นภาคหลักที่เก้าใน ซีรีส์ ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์ และเป็นเกมที่สิบเอ็ดในซีรีส์ถ้านับจากทั้งหมด สถานที่ในตัวเกมเป็นพื้นที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ที่ต้องหลบเลี่ยงเหล่าแอนิมาทรอนิกส์ที่ดุร้ายและน่ากลัวรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้างอยู่ในตอนดึก เพื่อที่จะมีชีวิตรอดจนถึงตอนเช้า
เกมดังกล่าวได้รับการประกาศครั้งแรกในปี 2020 ในงาน PlayStation 5 Showcase และวางจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2021 สำหรับ Microsoft Windows, PlayStation 4 และ PlayStation 5 สำหรับ Google Stadia, Nintendo Switch, Xbox One และ Xbox Series X/S ได้ถูกวางจำหน่ายในเวลาต่อมา และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2023 ได้มีการเผยแพร่เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้หรือ DLC ใหม่เข้ามาในเกมในชื่อ ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach Ruin
ภายในเกม
[แก้]ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นเกม สยองขวัญเอาชีวิตรอด ในเกมนี้ ผู้เล่นจะควบคุมเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ซึ่งถูกขังอยู่ใน "เฟรดดี้ ฟาซแบร์ส เมกะพิซซาเพล็กซ์ " ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อย่างอิสระ ในขณะที่ถูกขังอยู่ข้างใน ผู้เล่นจะต้องเอาชีวิตรอดตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้า ในขณะที่ต้องต่อสู้กับมาสคอตและเหล่าหุ่นยนต์แอนิมาทรอนิกส์หลายตัวที่พยายามจะเข้ามาทำร้าย [1] [2] ตัวโมเดลของห้างสรรพสินค้าและเหล่าแอนิมาทรอนิกส์ได้ถูกออกแบบในสไตล์ แกลมร็อค ยุค1980 [3] นอกจากนั้น Gregory ยังจะได้พบกับศัตรูประเภทอื่นหลายแบบ เช่น วาเนสซ่า ที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยของห้าง [3]
ต่างจากเกมอื่นๆในไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์ ที่เฟรดดี้เป็นศัตรูต่อผู้เล่น แต่ใน Security Breach เฟรดดี้เป็นคนที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถหลบหนีแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นๆที่เป็นอันตราย และยังมีช่องท้องที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปซ่อนข้างในได้ แต่อย่างไรก็ตาม จากข้อผิดพลาดบางอย่างกับระบบของเฟรดดี้ ส่งผลให้พลังงานของ เฟรดดี้หมดลงและต้องชาร์จพลังงานใหม่ ทำให้ผู้เล่นต้องดูแลตัวเองเพียงลำพัง [1] [3] ผู้เล่นจะมีเครื่องมือต่างๆ มากมายให้เลือกใช้ นอกเหนือจากเฟรดดี้ เช่น เครือข่ายกล้องรักษาความปลอดภัยที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านนาฬิกาของผู้เล่น, อาวุธ เช่น "Fazblaster" ซึ่งเป็นปืนเลเซอร์ที่มีกระสุนไม่จำกัด— เช่นเดียวกับวิธีการยับยั้งแอนิมาทรอนิกส์ เช่น การกระแทกวัตถุเพื่อสร้างเสียงดังหลอกล่อแอนิมาทรอนิกส์ให้เดินไปยังทิศทางนั้นๆ [1] เมื่อถึงเวลา 6.00 น. ผู้เล่นจะสามารถออกจากพิซซาเพล็กซ์ และจบเกมได้ โดยตอนจบที่ผู้เล่นจะได้รับจะขึ้นอยู่กับจำนวนสถานที่ของพิซซาเพล็กซ์ที่ผู้เล่นสำรวจ [1] [2]
โครงเรื่อง
[แก้]ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อ เฟรดดี้ ฟาซแบร์ส เมกะพิซซาเพล็กซ์ ซึ่งภายในนั้นมีมาสคอตเป็นหุ่น แอนิมาทรอนิก อยู่ได้แก่ Glamrock Freddy, Glamrock Chica, Montgomery "Monty" Gator และ Roxanne "Roxy" Wolf ขณะที่เหล่าแอนิมาทรอนิกส์กำลังแสดงโชว์ให้ผู้ชมในห้าง จู่ๆ เฟรดดี้ก็เกิดอาการขัดข้องและล้มลงไปกับพื้น ทำให้ต้องจบการแสดงลง หลังจากนั้น เฟรดดี้ถูกพาตัวไปที่ Rockstar Row และพบว่าเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ได้แอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในช่องท้องของเขา หลังจากนั้น วาเนสซา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงและเป็นพนักงานเพียงคนเดียวในตอนกลางคืน จึงสั่งให้แอนิมาทรอนิกส์และหุ่นยนต์พนักงานทั้งหมด ค้นหาตัว Gregory
ผลจากความผิดปกติทางระบบของเฟรดดี้และความกลัววาเนสซา จึงทำให้เฟรดดี้ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอและพา Gregory ไปที่ล็อบบี้แทนเพื่อช่วยเขาหลบหนี มีเสียงประกาศว่าห้างเมกะพิซซาเพล็กซ์แห่งนี้กำลังจะปิดประตูลง Gregory รีบวิ่งไปถึงที่ทางออกห้างแต่เขากลับออกไปไม่ทันเวลาทำให้เขาถูกขังไว้ในห้างทั้งคืนจนกว่าห้างจะเปิดอีกครั้งในตอนเช้า ในช่วงที่ถูกขังอยู่ในห้าง เฟรดดี้ช่วย Gregory เอาชีวิตรอดและนำทางเขาผ่านพิซซาเพล็กซ์ หลังจากที่ทั้งสองหลบหนีจากวาเนสซ่าและแอนิมาทรอนิกส์ พวกเขาเข้าไปหลบภัยในสำนักงานรักษาความปลอดภัย Gregory จึงสามารถเข้าถึงระบบเฝ้าระวังของห้างสรรพสินค้าได้ เพื่อเข้าถึงบางส่วนของห้างสรรพสินค้า Gregory พยายามได้รับป้ายรักษาความปลอดภัยระดับสูงจากสถานรับเลี้ยงเด็กของห้างสรรพสินค้า โดยเผชิญหน้าหุ่น "พระอาทิตย์" มีชื่อว่า Sun ขณะอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ไฟฟ้าเกิดดับทำให้ Gregory ต้องเผชิญหน้ากับหุ่นอีกตัวที่ดูเหมือนพระจันทร์ชื่อว่า "Moon" ซึ่งเป็นร่างอีกร่างของ Sun ที่ดุร้ายขึ้น Gregory จึงต้องย่องไปเปิดเครื่องปั่นไฟทั้งหมดที่อยู่รอบๆสนามเด็กเล่นโดยไม่ให้ถูกจับได้ หลังจากเปิดไฟได้สำเร็จ Sun ตัดสินใจที่จะนำ Gregory ออกไปจากสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพราะเขาไปปิดไฟโดยไม่ได้รับอนุญาตถึงแม้ Gregory จะไม่ได้เป็นคนทำก็ตาม จากนั้นมันจึงแจ้งเตือนแอนิมาทรอนิกส์เกี่ยวกับตำแหน่งของ Gregory แล้วเฟรดดี้ก็ไปช่วยเขาไว้ได้ทัน
หลังจากนั้นไม่นาน Gregory ก็ถูกจับโดย Vanessa และต่อมาจึงถูกนำไปขังอยู่ในห้องปาร์ตี้ ทันใดนั้น แวนนี่ หญิงสาวในชุดกระต่ายก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาเขาอย่างน่าขนลุก แต่เขาก็หลบหนีไปได้และกลับมารวมตัวกับเฟรดดี้อีกครั้ง ทั้งสองเข้าไปในห้องใต้ดิน แต่ได้พบกับ Moon ซึ่งตั้งใจมาโจมตีพวกเขา Moon ได้จับเฟรดดี้ไป Gregory จึงต้องเดินทางเพียงลำพังไปทั่วทั้งห้องใต้ดินและยังต้องหลบเลี่ยง เอ็นโดสเกเลตัน ที่เคลื่อนไหวได้ ก่อนที่จะพบว่า เฟรดดี้กำลังถูกสอบปากคำโดยวาเนสซา โดยถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ Gregory หลังจากที่วาเนสซาออกไปจากห้อง Gregory ได้ซ่อมแซมเฟรดดี้ และเริ่มทำลายและต่อสู้ๆกับแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นๆ เพื่อนำชิ้นส่วนมาใช้ในการอัพเกรดเฟรดดี้
ไม่นานหลังจากการอัพเกรดเฟรดดี้เสร็จสมบูรณ์ เวลาก็ถึงหกโมงพอดี และประตูห้างสรรพสินค้าก็เปิด แต่วาเนสซาขอให้ Gregory มาพบเธอเพื่อมอบรางวัล ซึ่งเป็นบันทึกต่างๆ ของวาเนสซาและบุคคลที่ไม่รู้จักที่กำลังเข้ารับการบำบัด จากนั้น Gregory ก็เหลือทางเลือกว่าจะออกจากห้างสรรพสินค้าเลย หรือว่าจะอยู่ต่อเพื่อสำรวจความลับของห้างสรรพสินค้าต่อไปและพยายามไขปริศนาที่เหลืออยู่ หรือว่าจะเผชิญหน้ากับ แวนนี่ ซึ่งเป็นสาเหตุต่อคดีเด็กหายหลายคดีภายในห้างสรรพสินค้า
เกมนี้มีตอนจบที่แตกต่างกัน 6 แบบ ซึ่งแต่ละตอนจบจะขึ้นอยู่กับการกระทำของ Gregory ตลอดทั้งเกม และวิธีการที่เขาออกจากห้างสรรพสินค้า ตอนจบโดยเฉพาะอย่างหนึ่ง - รู้จักกันในชื่อตอนจบ "Burntrap" - เป็นการต่อสู้กับบอสแอนิมาทรอนิกที่รู้จักกันในชื่อ Burntrap ก่อนที่ Gregory จะพ่ายแพ้ในที่สุด นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นซากของร้านพิซซา Freddy Fazbear's ในอดีตที่ถูกฝังอยู่ใต้ห้างสรรพสินค้าเมื่อหลายปีก่อน ตอนจบอีกแบบหนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อตอนจบของ "Princess Quest" ทำให้ Gregory ได้เรียนรู้ว่า วาเนสซา และ แวนนี่ เป็นคนคนเดียวกัน หลังจากการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายใน Fazerblast Gregory สามารถช่วย วาเนสซา ได้ และทั้งสามคนได้ออกจากห้างสรรพสินค้าด้วยกัน
Ruin
[แก้]ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหลักจบลง Gregory ก็ได้ไปติดอยู่ภายในห้างพิซซาเพล็กซ์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้างแล้ว เพื่อช่วย Gregory ออกจากห้างนั่น แคสซี่เพื่อนของเขาจึงตัดสินใจปีนแอบเข้ามาในห้างสรรพสินค้าและรวบรวมสิ่งของต่างๆ ทั่วห้าง เช่น หน้ากากรักษาความปลอดภัย ที่ทำให้เธอสามารถเข้าถึงระบบ Virtual Augmented Neural Network Integration ("V.A.N.N.I") ในห้างสรรพสินค้านี้ได้ โดย Gregory เป็นคนนำทางแคสซี่เดินทางไปรอบห้างพิซซาเพล็กซ์และสั่งให้เธอปิดการใช้งานโหนดความปลอดภัยหลายจุดในห้างเพื่อเข้าถึงหลุมใต้ดินของห้างนี้ โดยโหนดอันสุดท้ายคือ Roxy หนึ่งในหุ่นแอนิมาทรอนิกส์ ตอนนี้เธอตาบอดและไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจาก Gregory ในเนื้อเรื่องหลักที่ได้ขโมยชิ้นส่วนตาของ Roxy ไป ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน Roxy กับ แคสซี่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ทำให้ทั้งสองรักกันดี ต่างจากหุ่นแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นในห้างตอนนี้ที่คลุ้มคลั่งและจ้องจะจัดการแคสซี่ Roxy กลับคุยกับแคสซี่เหมือนเพื่อนสนิทกันและไม่ทำร้ายแคสซี่เลย แต่แคสซี่ก็ต้องไปช่วย Gregory อยู่ดี เขาปิดการใช้งานของ Roxy ทั้งน้ำตาเพื่อที่จะไปช่วย Gregory ขณะที่เธอเดินทางวกวนอยู่ในห้างสรรพสินค้า แคสซี่ได้พบกับแอนิมาทรอนิกส์ในห้างสรรพสินค้าที่เสียหายและพังยับเยิน เธอได้ทำลายมอนตี้และเธอยังได้ไปหลอมรวม Sun กับ Moon เข้าด้วยกันจนกลายเป็นตัวละครตัวใหม่ชื่อ "Eclipse" หรือแปลตรงตัวว่า อุปราคา ในขณะที่แคสซี่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ทุกครั้งที่เธอใส่หน้ากากรักษาความปลอดภัยเธอจะถูกตามล่าโดยหน่วยงานดิจิทัลในรูปของกระต่ายทุกครั้งซึ่งหลอกหลอนเธอไม่น้อย
หลังจากปิดการใช้งาน Roxy แคสซี่ผู้ทุกข์ใจก็เดินเข้าไปในหลุมใต้ดินของห้างที่มีเศษซากของร้านพิซซา เฟรดดี้ ฟาซแบร์ อยู๋ในนั้น เธอปิดการใช้งานโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยของห้าง และปิดโปรแกรมชื่อ M.X.E.S. ซึ่งเป็นเซิร์ฟเฟอร์ของเจ้ากระต่ายตัวนั้น เมื่อเธอเข้าไปในห้องที่ Gregory บอกว่าเขาถูกขังอยู่ เธอได้ค้นพบแอนิมาทรอนิกโครงกระดูกที่ชื่อว่า "Mimic" แทน มันใช้รูปแบบเสียงร้องของ Gregory เพื่อหลอกให้แคสซี่เข้าไปปล่อยตัวเขา Mimic ไล่ตามแคสซี่ไปตามทางเดินใต้ดินขณะที่ Gregory ตัวจริงได้ติดต่อหาเธอและนำทางเธอหลบหนีไปที่ลิฟต์ใกล้ๆ Roxy เห็นแคสซี่กำลังเป็นอันตรายจึงรีบเข้ามาช่วยไว้แต่เจ้า Mimic ก็ได้เอาชนะ Roxy จนเธอดูไม่เป็นท่า
ขณะที่ลิฟต์กำลังขึ้น Gregory ตัวจริงเผยให้เห็นว่าเจ้า Mimic ตัวนี้ติดอยู่ในห้องใต้ดินมาระยะหนึ่งแล้ว และ M.X.E.S. ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งการหลบหนีของ Mimic แต่แคสซี่ดันไปปิด โหนดความปลอดภัย และ M.X.E.S. ทำให้ตอนนี้ Mimic เป็นอิสระแล้ว แม้ว่าเกรกอรีจะซาบซึ้งที่แคสซี่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา แต่เขาบอกเธอว่าเขาปล่อยให้ Mimic เป็นอิสระไม่ได้ Gregory ขอโทษแคสซี่แล้วปิดระบบการทำงานของลิฟต์ทำให้ลิฟต์ตกลงไปกระแทกพื้นโดยที่เธอยังอยู่ข้างใน นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถรับฉากจบแบบอื่นได้อีก เช่น ฉากจบลับ โดยตอนที่ผู้เล่นวิ่งหนี Mimic ผู้เล่นไม่ต้องทำตามคำแนะนำของ Gregory แล้วใช้หน้ากากรักษาความปลอดภัยทะลุมิติเข้าไปในรูปภาพซึ่งบางคนบอกว่าอาจเป็นภาพหลอนของแคสซี่ ฉากจบดี โดยผู้เล่นจะต้องวิ่งหนีเข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งในโพรงใต้ดินแล้วไปกดปุ่มตรงหน้าทำให้ Mimic ในชุดสิงโตถูกทำลายในที่สุด
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 McCaffrey, Ray (October 27, 2021). "New Five Nights at Freddy's: Security Breach gameplay revealed". PlayStation Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2021. สืบค้นเมื่อ November 18, 2021.
- ↑ 2.0 2.1 Croshaw, Yahtzee (February 2, 2022). "Five Nights at Freddy's: Security Breach - Zero Punctuation". The Escapist. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 2, 2022. สืบค้นเมื่อ February 2, 2022.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Fahey, Mike (December 18, 2021). "A Couple Of Hours With The First Big Five Nights At Freddy's Since Scott Cawthon's Retirement". Kotaku. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2021. สืบค้นเมื่อ December 26, 2021.