แคโรไลน์ น็อกซ์
แคโรไลน์ น็อกซ์ Caroline Knox | |
---|---|
เกิด | แคโรไลน์ อีซาเบล น็อกซ์ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2400 จังหวัดพระนคร อาณาจักรสยาม |
เสียชีวิต | 17 มิถุนายน พ.ศ. 2436 (35 ปี) จังหวัดพระนคร อาณาจักรสยาม |
สุสาน | สุสานโปรเตสแตนต์ กรุงเทพมหานคร |
สัญชาติ | สหราชอาณาจักร |
ชื่ออื่น | ดวงแข |
คู่สมรส | หลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ (พ.ศ. 2427–2436) |
บุตร | ทอมัส น็อกซ์ ลีโอโนเวนส์ แอนนา แฮร์เรียต โมนาแฮน |
บิดามารดา |
|
แคโรไลน์ อีซาเบล ลีโอโนเวนส์ (อังกฤษ: Caroline Isabell Leonowens) สกุลเดิม น็อกซ์ (Knox, 26 มิถุนายน พ.ศ. 2400 – 17 มิถุนายน พ.ศ. 2436) มีชื่อไทยว่า ดวงแข เป็นบุตรคนที่สองของโทมัส ยอร์ช น็อกซ์ กงสุลใหญ่ชาวสหราชอาณาจักรประจำกรุงเทพฯ กับปราง ภรรยา เธอสมรสกับหลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ บุตรชายของแอนนา ลีโอโนเวนส์ สตรีชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเข้ามาถวายงานเป็นพระอาจารย์ในราชสำนักสยาม ระหว่างปี พ.ศ. 2405–2410
ประวัติ
[แก้]ชีวิตช่วงต้น
[แก้]แคโรไลน์เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2400 เป็นบุตรคนที่สองของโทมัส ยอร์ช น็อกซ์ (Thomas George Knox) กงสุลใหญ่ชาวสหราชอาณาจักรประจำกรุงสยาม กับปราง[1] ภรรยาเชื้อสายทวายที่ได้รับพระราชทานจากวังหน้า[2] แม้จะสมรสชาวตะวันตกไปแล้วแต่ปรางยังคงนับถือศาสนาพุทธ[3] แคโรไลน์มีพี่สาวคือ แฟนนี น็อกซ์ (ต่อมาเป็นภรรยาพระปรีชากลการ) และน้องชายชื่อ ทอมัส น็อกซ์
บิดา-มารดาให้บุตรสาวคนโตคือแฟนนี ซึ่งมีผิวขาวผ่อง อุปนิสัยร่าเริง มีรูปพรรณสวยงามอย่างฝรั่ง ใช้ชีวิตอย่างชาวตะวันตก ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ เมื่อกลับแผ่นดินสยามก็เป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว[4] ขณะที่แคโรไลน์ผู้น้องให้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เธอมีดวงหน้าคมคายอย่างชาวสยาม คือมีคิ้วหนา ผมดำ จมูกโด่ง มีผิวกายขาว และมีอุปนิสัยเงียบ ๆ ไม่ค่อยออกงานกับผู้ชายอย่างออกหน้า หรือมีชีวิตโลดโผนเท่า[5] แคโรไลน์มีนามในภาษาสยามว่า ดวงแข[6] ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระบุว่า "...แต่คนเล็กนั้นอยู่ที่กรุงนี้ เป็นฝรั่งครึ่งหนึ่งไทยครึ่งหนึ่ง รูปพรรณสัณฐานเป็นไทยมาก..."[7]
ทอมัส ยอร์ช น็อกซ์ ซึ่งเคยรับราชการเป็นนายทหารรับราชการอยู่ในพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกงสุลใหญ่สหราชอาณาจักรประจำกรุงเทพฯ ครอบครัวของท่านรวมทั้งภรรยาและบุตรีล้วนสนิทสมาคมกันกับกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งน็อกซ์เต็มใจที่จะยกแคโรไลน์ขึ้นถวายเป็นบาทบริจาริกาแก่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ[7] บางแห่งก็ว่าบิดาเคยถวายตัวให้เป็นหม่อมในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญไปแล้ว[8] เพราะมีพฤติกรรมที่ปรากฏในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ระบุว่า "...ไปมานอนค้างอยู่ในวัง จนคนว่ากงสุลถวายวังหน้าก็มีมาแต่ก่อน แต่พูดกันแต่ไทย ๆ คนฝรั่งไม่พูด..."[7] ซึ่งเล่ากันว่าคุณปราง ผู้มารดา เคยวาดฝันไว้ว่า "...ถ้าวังหน้าเป็นเจ้าแล้ว ลูกสาวจะเป็นสมเด็จพระนาง ผัวจะเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถ้ามีหลานจะให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อไปด้วย..."[9] แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ทรงรับสั่งว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เท็จจริงอย่างไรไม่เป็นที่แจ้งชัด[10]
สมรส
[แก้]แคโรไลน์สมรสกับหลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ (หรือ มิตซ่าหลุย) บุตรชายของแอนนา ลีโอโนเวนส์ สตรีชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเข้ามาถวายงานเป็นพระอาจารย์ในราชสำนักสยาม ระหว่างปี พ.ศ. 2405–2410 ซึ่งหลุยส์เดินทางกลับเข้ากรุงสยามเพื่อทำการค้าไม้สักทางภาคเหนือของสยาม พิธีสมรสถูกจัดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2427[11] ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสองคน คือ[12]
- ทอมัส "จอร์จ" น็อกซ์ ลีโอโนเวนส์ (พ.ศ. 2431–2496) เขามีบุตรสองคน คือ หลุยส์ ลีโอโนเวนส์ อาศัยอยู่ที่ประเทศกัวเตมาลา กับเคนเนท ลีโอโนเวนส์ อาศัยอยู่ที่ประเทศแคนาดา
- แอนนา แฮร์เรียต โมนาแฮน (เกิด พ.ศ. 2433) สมรสกับริชาร์ด โมนาแฮน อาศัยอยู่ที่ประเทศแคนาดา[13]
ในจดหมายของเอวิส ฟิช พี่สาวของหลุยส์ที่เขียนถึงเพื่อนคนหนึ่ง มีเนื้อหากล่าวถึงแคโรไลน์ น้องสะใภ้ของตนไว้ ความว่า "...เรามีภาพประทับใจจากจดหมายของแคโรลีนว่า เธอคงเป็นสตรีที่อ่อนโยนน่าค้นหา ภาษาอังกฤษของเธอก็ไม่มีที่ติทั้ง ๆ ที่เกิดและโตในสยาม แม่รู้สึกสบายใจที่หลุยส์ทำท่าจะปักหลักอยู่บริษัทบอร์เนียว โดยที่ไม่คิดจะร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ แบบแต่ก่อน..."[3] และในระหว่างที่หลุยส์ทำงานอยู่ในภาคเหนือและใช้ชีวิตกับบรรดาอนุภรรยาหลายต่อหลายคนร่วมกันในบ้านของนายแพทย์แมเรียน อาลอนโซ ชีก (หรือ หมอชิต) มิชชันนารีชาวอเมริกัน ย่านหลังวัดมหาวัน ขณะที่แคโรไลน์ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับลูก ๆ ในกรุงเทพฯ ต่อไป ด้วยยังยึดมั่นในรักของสามี[14]
เสียชีวิต
[แก้]แคโรไลน์พาลูก ๆ มาเยี่ยมหลุยส์ที่เชียงใหม่ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2434 ซึ่งหลุยส์ก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี จนเป็นที่กล่าวถึงในหมู่ชาวบ้านเรื่องความโรแมนติก ทว่าแคโรไลน์เริ่มสำแดงอาการป่วยกระเสาะกระแสะให้เห็นอยู่เนือง ๆ นายแพทย์แมเรียน อาลอนโซ ชีก วิเคราะห์อาการป่วยจึงพบว่าเธอป่วยเป็นโรคไตและส่งเธอกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ อย่างเหมาะสมต่อไป[15] หลังแคโรไลน์เดินทางกลับจากภาคเหนือ เข้าพักที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเพียงไม่กี่วันก็มีอาการปวดท้อง หลุยส์ให้ให้แพทย์ชาวอังกฤษทำการรักษาหลายคนแต่อาการไม่ดีขึ้น[12] หลังจากนั้นมีจดหมายถึงหลุยส์ ระบุว่า "...เหลือเวลาอีกเพียงสองสามสัปดาห์เท่านั้น สำหรับชีวิตอันงดงามของเธอ"[16] หลุยส์รีบเดินทางออกจากเชียงใหม่ล่องไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 โดยใช้เวลาเพียงสิบกว่าวัน ขณะนั้นมีการผ่าตัดแคโรไลน์ที่หน้าท้อง ทว่าหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น แคโรไลน์ก็มีอาการปอดบวมและถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2436 เมื่ออายุได้ 35 ปี[12] เขาไปทันดูใจภรรยาก่อนจากกันชั่วนิรันดร์ ร่างของเธอถูกฝังที่สุสานโปรเตสแตนต์ หรือป่าช้าฝรั่ง กรุงเทพมหานคร[17]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Alec Waugh, Bangkok: Story of a City (W. H. Allen, 1970), pages 84-85
- ↑ พิมาน แจ่มจรัส. รักในราชสำนัก. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2554, หน้า 293
- ↑ 3.0 3.1 จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 123
- ↑ วิบูล วิจิตรวาทการ. สตรีสยามในอดีต. กรุงเทพ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2542, หน้า 335
- ↑ วิบูล วิจิตรวาทการ. สตรีสยามในอดีต. กรุงเทพ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2542, หน้า 323
- ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 120
- ↑ 7.0 7.1 7.2 วิบูล วิจิตรวาทการ. สตรีสยามในอดีต. กรุงเทพ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2542, หน้า 326
- ↑ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. วาทะเจ้านาย เล่าประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558, หน้า 21
- ↑ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. วาทะเจ้านาย เล่าประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558, หน้า 22
- ↑ วิบูล วิจิตรวาทการ. สตรีสยามในอดีต. กรุงเทพ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2542, หน้า 331
- ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 82
- ↑ 12.0 12.1 12.2 วิบูล วิจิตรวาทการ. สตรีสยามในอดีต. กรุงเทพ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2542, หน้า 332
- ↑ The Wheaton College Archives & Special Collections: Margaret and Kenneth Landon Papers, 1824–2000, "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-06. สืบค้นเมื่อ 2010-01-31.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 139
- ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 144
- ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 150
- ↑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สยามบันทึก, 2552, หน้า 151