ข้ามไปเนื้อหา

สนมเอกสี่ทิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ท้าวศรีสุดาจันทร์ในภาพยนตร์เรื่อง สุริโยทัย (พ.ศ. 2544) รับบทโดยใหม่ เจริญปุระ

สนมเอกสี่ทิศ เป็นข้อสันนิษฐาน[1] ของนักประวัติศาสตร์ไทยว่า พระสนมเอกสี่ตำแหน่งของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาน่าจะเป็นสตรีที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ทั้งสี่ที่อยู่รายรอบกรุงศรีอยุธยา[2]

ภูมิหลัง

[แก้]

กฎหมายของกรุงศรีอยุธยา คือ พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน ซึ่งตราขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1998 ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ[1] กำหนดว่า พระมหากษัตริย์มีพระสนมเอกสี่ตำแหน่ง คือ ท้าวอินทรสุเรนทร์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ทั้งสี่นี้ถือศักดินาคนละ 1,000[3]

ชื่อ "อินทรสุเรนทร์", "ศรีสุดาจันทร์", "อินทรเทวี", และ "ศรีจุฬาลักษณ์" นี้เป็นชื่อตำแหน่ง มิใช่ชื่อตัว สตรีผู้เป็นพระสนมเอกจะมีชื่อตัวอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อได้เป็นพระสนมเอกแล้ว ก็จะต้องได้ชื่อตำแหน่งชื่อใดชื่อหนึ่งในสี่ชื่อนี้[2] ชื่อเหล่านี้นักประวัติศาสตร์เห็นว่า เป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงการสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ทั้งสี่ที่อยู่รายรอบกรุงศรีอยุธยา[2] ไม่ใช่สามัญชน และเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาที่ปกแผ่ออกไปทั้ง 4 ทิศ[4]

ข้อสันนิษฐาน

[แก้]

สุจิตต์ วงษ์เทศ สันนิษฐานว่า พระสนมเอกทั้งสี่ตำแหน่งต้องเป็นผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์ดังต่อไปนี้ คือ ท้าวอินทรสุเรนทร์จากราชวงศ์สุพรรณภูมิทางทิศตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา, ท้าวศรีจุฬาลักษณ์จากราชวงศ์พระร่วงทางทิศเหนือของกรุงศรีอยุธยา, ท้าวอินทรเทวีจากราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราชทางทิศใต้ของกรุงศรีอยุธยา, และท้าวศรีสุดาจันทร์จากราชวงศ์ละโว้-อโยธยาทางทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา[5] โดยเห็นว่า สตรีที่จะเข้าดำรงตำแหน่งพระสนมเอกต้องไม่ใช่สามัญชน แต่ต้องสืบเชื้อสายจากเจ้านายที่ปกครองแว่นแคว้นรอบกรุงศรีอยุธยาซึ่งถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยาแล้ว และเจ้าผู้ครองแว่นแคว้นเหล่านั้นต้องถวายเชื้อสายของตนเข้ามาเป็นพระสนมเอก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาแผ่ไปยังทิศทั้งสี่[6] และพระสนมองค์ใดประสูติพระราชโอรสได้ ก็จะได้รับยกย่องเป็น "แม่หยัวเมือง" ซึ่งมีฐานะรองจากพระอัครมเหสี[7]

สุจิตต์ วงษ์เทศ เชื่อว่า ท้าวอินสุเรนทร์ มาจากราชวงศ์สุพรรณภูมิทางทิศตะวันตกนั้น เพราะเห็นว่า แถบนี้มักปรากฏคำว่า "อินทร์" ในชื่อบุคคล เช่น เจ้านครอินทร์ พระมหากษัตริย์ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ตลอดจนออกพระศรีสุรินทรฤๅไชย ชื่อตำแหน่งเจ้าเมืองเพชรบุรี และออกพระสุรบดินสุรินทฤๅไชย ชื่อตำแหน่งเจ้าเมืองชัยนาท ซึ่งทั้งสองอยู่ในเขตแคว้นสุพรรณภูมิ ก็มาจากคำว่า "สุร+อินทร"[8] แต่พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ เห็นว่า ท้าวอินสุเรนทร์น่าจะเป็นตำแหน่งสำหรับสตรีจากสุโขทัยมากกว่า[9]

สำหรับท้าวอินทรเทวี สุจิตต์ วงษ์เทศ เชื่อว่า มาจากราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราชทางทิศใต้ เพราะว่า ขุนอินทรเทพในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้เป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช แสดงว่า ชื่อ "อินทรเทพ" หรือ "อินทรเทวี" น่าจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราชทางทิศใต้[10] พิเศษ เจียจันทร์พงศ์ เห็นเช่นกันว่า ท้าวอินทรเทวีน่าจะมาจากทางใต้มากกว่า[9]

ส่วนท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สุจิตต์ วงษ์เทศ เชื่อว่า มาจากราชวงศ์พระร่วงทางทิศเหนือ เพราะจารึกสุโขทัยระบุว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์เดิมเป็นตำแหน่งพระมเหสีของพระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัย ดังปรากฏท้าวศรีจุฬาลักษณ์พระองค์หนึ่งในจารึกวัดบูรพาราม มีพระนามว่า "สมเด็จพระราชเทวี สรีจุฬาลักษณ์ อัครราชมหิศิเทพ ธรณีดิลกรัตนบพิตรเป็นเจ้า ผู้เป็นบาทบริจาริการัตนชายาแด่สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช" จนเมื่อกรุงสุโขทัยถูกผนวกรวมเข้ากับกรุงศรีอยุธยาแล้ว เชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยจึงถูกลดฐานะ และชื่อ "ท้าวศรีจุฬาลักษณ์" ก็ถูกริบเป็นชื่อตำแหน่งพระสนมของพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาแทน[11] แต่พิเศษ เจียจันทร์พงศ์ เห็นแย้งว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์น่าจะเป็นเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิมากกว่า เพราะปรากฏว่า พระมหาธรรมราชาสุโขทัย พระโอรสองค์หนึ่งของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไทย) ได้อภิเษกสมรสกับพระมหาเทวีศรีจุฬาลักษณ์ซึ่งมีพระชาติกำเนิดเป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์สุพรรณภูมิ[12] และมีพระโอรสด้วยกันสองพระองค์ คือ รามราชา กับอโสก[13] นอกจากนี้ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็ยังมีพื้นเพมาจากสุพรรณภูมิ[9]

ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ซึ่งที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) ซึ่งถูกประหารเพราะลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้าน้อย พระราชอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช[14]

เหลืออีกตำแหน่ง คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน สุจิตต์ วงษ์เทศ จึงโยงเข้ากับทิศที่เหลือ คือ ทิศตะวันออก อันเป็นทิศของราชวงศ์ละโว้-อโยธยา[5] และพิเศษ เจียจันทร์พงศ์ ก็เห็นด้วยว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์มาจากราชวงศ์ดังกล่าว[15]

ท้าวศรีสุดาจันทร์ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ในรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราชและขุนวรวงศาธิราช

ในวรรณกรรม

[แก้]

มีการกล่าวถึงท้าวศรีจุฬาลักษณ์โดยยกย่องสูงสูงใน โคลงกำสรวลสมุทร และ โคลงทวาทศมาส ซึ่งสุจิตต์ วงษ์เทศ สันนิษฐานว่า เป็นพระราชนิพนธ์กษัตริย์อยุธยาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง[8] ส่วนเพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ ว่า น่าจะเป็นของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3[16] เนื้อความที่กล่าวถึงมีว่า

๏ หน้าเจ้าชู้ช้อยฉาบ แรมรัก
สาวสื่อมาพลางลืม แล่นไห้
บาศรีจุฬาลักษณ์ เสาวภาคย์ กูเอย
เรียมเรียกฝูงเข้าใกล้ สั่งเทา ฯ
๏ เดชานุภาพเรื้อง อารักษ์ ท่านฮา
รักเทพจำสารโดย บอกบ้าง
บาศรีจุฬาลักษณ์ ยศยิ่ง พู้นแม่
ไปย่อมโหยไห้อ้าง โอ่สาร ฯ
กำสรวลสมุทร
๏ อาณาอาณาศเพี้ยง เพ็ญพักตร์
อกก่ำกรมทรวงถอน ถอดไส้
ดวงศรีจุฬาลักษณ์ เฉลิมโลก กูเอย
เดือนใหม่มามาได้ โสกสมร ฯ
ทวาทศมาส


และยังปรากฏบทโต้ตอบระหว่างท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) พระสนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับศรีปราชญ์ กวีเอกในรัชกาล ที่นางมองเขาอย่างเหยียดหยาม ความว่า[16]

๏ หะหายกระต่ายเต้น ชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมัน ต่ำต้อย
นกยูงหากกระสัน ถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อย ต่ำต้อยเดียรฉาน ฯ
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม)
๏ หะหายกระต่ายเต้น ชมแข
สูงส่งสุดตาแล สุดฟ้า
ระดูฤดูแด สัตว์สู่ กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน ฯ
ศรีปราชญ์

นอกจากนี้ นางนพมาศที่ปรากฏใน เรื่องนางนพมาศ หรือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ก็ว่า มียศเป็นท้าวศรีจุฬาลักษณ์ในพระร่วงเจ้าพระองค์หนึ่ง แต่เอกสารนี้แต่งขึ้นช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ราวรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว[17][18][19] โดยมีเนื้อหาเป็นการที่นางนพมาศบอกเล่าความเป็นไปภายในรัฐสุโขทัยว่า มีความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุขนานัปการ ในรัฐมีคนต่างชาติต่างภาษาและศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน และเรื่องที่เด่นที่สุด คือ การที่นางประดิษฐ์กระทงขึ้นมา[17]

ในวัฒนธรรมประชานิยม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "ตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ของนางนพมาศ ไม่ใช่ตำแหน่งของราชสำนักสุโขทัย". มติชนสุดสัปดาห์. กรุงเทพฯ: มติชน. 2559, 17 พฤศจิกายน. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  2. 2.0 2.1 2.2 สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 61. ISBN 974-7311-70-4. ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัว ใครจะมีชื่อตัวอย่างไรก็ได้...แต่เมื่อได้เป็นที่สนมเอก ก็จะต้องได้ชื่อตำแหน่งชื่อใดชื่อหนึ่งตามบทพระไอยการฯ ที่มีร่องรอยว่า แต่ละตำแหน่งล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งที่อยู่โดยรอบกรุงศรีอยุธยา
  3. "พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน". กฎหมายตรา 3 ดวง ฉบับพิมพ์มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เล่ม 1. กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ. 2548. p. 119. ISBN 974-409-652-7. แลนางท้าวพระสนมเอกทัง 4 คือ ท้าวอินสุเรนทร 1 ท้าวศรีสุดาจัน 1 ท้าวอินทรเทวี 1 ท้าวศรีจุลาลักษ 1 นาคละ 1000
  4. ล้อม เพ็งแก้ว, สุจิตต์ วงษ์เทศ (บก.), และคณะ. กำสรวลสมุทรเป็นพระราชนิพนธ์ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา หรือกำสรวลศรีปราชญ์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549. 189 หน้า. หน้า 24–27. ISBN 978-974-3236-08-2
  5. 5.0 5.1 สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 64. ISBN 974-7311-70-4. ศรีจุฬาลักษณ์เป็นชื่อตำแหน่งเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยทางทิศเหนือ อินทรสุเรนทร์เป็นชื่อตำแหน่งเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี) ทางทิศตะวันตก อินทรเทวีเป็นชื่อตำแหน่งเชื้อสายราชวงศ์นครศรีธรรมราชทางทิศใตั เหลืออีกทิศเดียว คือ ตะวันออก เพราะฉะนั้น น่าเชื่อว่า ศรีสุดาจันทร์เป็นชื่อตำแหน่งเชื้อสายราชวงศ์ละโว้-อโยธยาทางทิศตะวันออก
  6. สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 66. ISBN 974-7311-70-4.
  7. สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 69. ISBN 974-7311-70-4.
  8. 8.0 8.1 สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 63. ISBN 974-7311-70-4.
  9. 9.0 9.1 9.2 พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ (ม.ป.ป.). "ความหมายของพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองที่พบในสุโขทัย" (PDF). ดำรงวิชาการ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร: 64. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |year= (help)
  10. สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. p. 64. ISBN 974-7311-70-4.
  11. สุจิตต์ วงษ์เทศ (2540). ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว?. กรุงเทพฯ: มติชน. pp. 62–63. ISBN 974-7311-70-4.
  12. พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553, หน้า 57
  13. พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553, หน้า 83
  14. ฟรังซัวส์ อังรี ตุรแปง เขียน, สมศรี เอี่ยมธรรม แปล. ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุทธยา. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. 2522, หน้า 76-77
  15. พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. สุริโยไท ประวัติศาสตร์จากภาพยนตร์. กรุงเทพฯ : รีดเดอร์ พับลิชชิ่ง, 2543, หน้า 40
  16. 16.0 16.1 เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ (24 กุมภาพันธ์ 2555). "ชู้รัก "ศรีจุฬาลักษณ์" ไม่ใช่ "ศรีปราชญ์"". มติชนสุดสัปดาห์. 32:1645, หน้า 76
  17. 17.0 17.1 "นางนพมาศ ตัวตนจริงหรือตัวละคร". สำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
  18. ทองเนื้อเก้า ประกายแสง (31 ตุลาคม 2556). "ลอยกระทง มรดกทางวัฒนธรรม ที่ถูกทำให้เกิดความเสื่อมเสีย?". สุวรรณภูมิ. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  19. สุจิตต์ วงษ์เทศ. (29 ตุลาคม 2552). "ลอยกระทง-นางนพมาศ มีครั้งแรกในรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมีครั้งกรุงสุโขทัย". มติชนรายวัน, หน้า 20
  20. วิวัฒน์ พันธวุฒิยานนท์ (สิงหาคม 2544). "ประวัติศาสตร์ สุริโยไท บทสนทนาอันไม่รู้จบระหว่างปัจจุบันกับอดีต". สารคดี. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  21. "กบฏท้าวศรีสุดาจัน". สยามโซน. สิงหาคม 2544. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]