ศาสนาพุทธในเอเชียกลาง
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
เอเชียกลาง เป็นสถานที่อันเป็นที่ตั้งของประเทศคีร์กีซสถาน ประเทศทาจิกิสถาน ประเทศอุซเบกิสถาน ประเทศเติร์กเมนิสถาน และทางตอนใต้ของประเทศคาซัคสถาน[1][2] นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเขตปกครองตนเองทิเบต เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน บางส่วนของประเทศมองโกเลีย และไซบีเรียตอนใต้ด้วย
ในดินแดนเอเชียกลางนี้เองที่เป็นแหล่งชุมนุมศิลปกรรมวัตถุที่เคารพบูชาในพุทธศาสนา โดยในอดีตได้เคยเป็นศูนย์กลาง และเส้นทางเผยแผ่พุทธศาสนามาหลายศตวรรษ โดยประเทศจีนเองก็ได้รับพุทธศาสนาจากอินเดียโดยผ่านมาจากเส้นทางนี้ นอกจากนี้เอเชียกลางยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญระหว่างจีน อินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในแถบยุโรป จนเกิดตำนานเส้นทางสายไหม ฉะนั้นเอเชียกลางจึงเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมอันหลากหลาย โดยมีพุทธสถาน และปูชนียสถานมากมายในอดีต เช่น วัดวาอาราม ถ้ำ สถูป ภาพจิตรกรรม ประติมากรรม คัมภีร์ และเอกสารจดหมายเหตุต่าง ๆ ที่เป็นภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาขโรษฐี และภาษาจีน เป็นต้น
ประวัติ
[แก้]พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่เอเชียกลางในพุทธศตวรรษที่ 2 โดยพระธรรมทูตสายพระมัชฌันติกเถระ และสายพระธรรมรักขิตเถระ ได้มาเผยแพร่ที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจน ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในเอเชียกลาง คือ เมืองกุชา หรือ กุฉิ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 7 พุทธศาสนาก็ได้ตั้งมั่นในเอเชียกลางบนทางสายไหม ทำให้เมือง เช่น โขตาน (ปัจจุบันคือ โฮตาน) กุชา และตูร์ฟาน (บ้างว่า เตอร์ฟาน) เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรือง
จดหมายเหตุหลวงจีนฟาเหียน
[แก้]หลวงจีนฟาเหียน ได้จาริกผ่านมาในพุทธศตวรรษที่ 9 กล่าวว่า "ยุติน เป็นเมืองที่มีความสงบ และมั่งคั่ง ชาวเมืองสดชื่น แจ่มใสกันถ้วนหน้า เนื่องจากนับถือพระพุทธศาสนา มีการเล่นดนตรีอย่างสนุกสนาน มีพระสงฆ์มหายานหลายหมื่นรูปรับภัตตาหารจากโรงทาน อาคารบ้านเรือนของชาวบ้านหนาแน่นเหมือนดาวในท้องฟ้า หน้าประตูมีจะมีพระสถูปองค์เล็ก ภายในวัดจะมีที่พักสำหรับพระอาคันตุกะ" นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์นิกายสรวาทสติวาทินเจริญรุ่งเรืองเคียงคู่มหายาน เพราะมีการค้นพบโบราณวัตถุหาค่ามิได้[3] เช่น คัมภีร์หาค่ามิได้จำนวนมาก คัมภีร์วิชาการอินเดีย และเป็นภาษาท้องถิ่นแล้ว พร้อมกันนั้นก็พบพระพุทธรูป ศิลปะกรีก-โรมัน และจีนผสมกัน
พระกุมารชีวะ
[แก้]ในพุทธศตวรรษที่ 9 นี้ ก็มีพระภิกษุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ พระกุมารชีวะ[4] (หรือ กุมารชีพ) ท่านได้ศึกษาวรรณคดีพุทธศาสนาในกัศมีร์เป็นเวลาหลายปี จากนั้นก็กลับมาเป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองกุชา ในยุคนั้นก็เกิดสงครามระหว่างเมืองกุชา และจีน ทางจีนได้จับพระกุมารชีพเป็นเชลย ท่านได้ปฏิบัติศาสนกิจในจีนจนมรณภาพที่นั่น เป็นเวลา 15 ปี ท่านได้สั่งสอนพุทธปรัชญา และแปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนเป็นอันมาก จนเป็นบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในประเทศจีน
ยุคราชวงศ์ถัง
[แก้]ในพุทธศตวรรษที่ 11 สมัยราชวงศ์ถัง เอเชียกลางได้กลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อกันระหว่างจีน กับอินเดียอีกครั้ง เนื่องจากยุคนี้เอเชียกลางเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่บางช่วงทิเบต ก็มีอำนาจไปปกครองบ้าง เนื่องจากมีการค้นพบเอกสารมีค่า ในถ้ำตุนหวง เป็นจำนวนมากมีอายุในช่วงนี้ ในยุคนี้ชาวอุยกูร์ยังนับถือศาสนามาณีกีอยู่ และเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาในพุทธศตวรรษที่ 14 จากนั้นก็มีการแปลคัมภีร์พุทธศาสนา จากภาษาสันสกฤต และจีน ใหเป็นภาษาอุยกูร์
ยุคพุทธศาสนาเสื่อม และในปัจจุบัน
[แก้]จากนั้นมาในศตวรรษที่ 15 ชาวมุสลิมเติร์กก็ได้มีอิทธิพลเหนือชนกลุ่มเดิม ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเรื่อยมา แต่ในปัจจุบันยังมีผู้นับถือพระพุทธศาสนาอยู่ในกลุ่มชาวมองโกล ชาวจีน และชาวทิเบต อย่างมั่นคง
ธงชาติ | ประเทศ | ประชากร(2007E) | เปอร์เซนต์ | ชาวพุทธ |
---|---|---|---|---|
อัฟกานิสถาน | 31,889,923 | 0.3% (approx) | 95,670 | |
คาซัคสถาน | 15,422,000 | 0.53% [5] | 81,843 | |
คีร์กีซสถาน | 5,317,000 | 0.35% [6] | 18,610 | |
ประเทศมองโกเลีย | 2,874,127 | 94% [7] [8] | 2,701,679 | |
ทาจิกิสถาน | 7,076,598 | 0.1% [9] | 7,076 | |
เติร์กเมนิสถาน | 5,097,028 | 0.1% [10] | 5,097 | |
ประเทศอุซเบกิสถาน | 27,780,059 | 0.2% [11] [12] | 55,560 | |
รวม | 95,456,735 | 3.106% | 2,965,535 |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Encyclopedia Americana (1986),p 441
- ↑ Hambly G., Central Asia, (New York :-1969),p 2
- ↑ Conze Edward, Buddhism : A Short History,pp 64-65
- ↑ G.H.Sasaki, 2500 Years of Buddhism (P.V.Bapat Edit).,pp 210-212
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2007-10-06.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-06. สืบค้นเมื่อ 2007-10-06.
- ↑ http://www.state.gov/g/drl/rls/irf/2006/71350.htm
- ↑ http://www.state.gov/r/pa/ei/bgn/2779.htm
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-08-29. สืบค้นเมื่อ 2007-10-06.
- ↑ http://www.state.gov/g/drl/rls/irf/2006/72290.htm
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-05. สืบค้นเมื่อ 2007-10-06.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ 2007-10-06.