รายชื่อแหล่งมรดกโลกในประเทศปากีสถาน
หน้าตา
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศปากีสถานทั้งสิ้น 6 แหล่ง[1]
ที่ตั้ง
[แก้]สถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
[แก้]- *หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
สถานที่ | ภาพ | ที่ตั้ง | ประเภท | พื้นที่ ha (acre) |
ปี (พ.ศ./ค.ศ.) | หมายเหตุ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ซากโบราณคดีที่โมเฮนโจ-ดาโร | แคว้นสินธ์ ปากีสถาน 27°19′45″N 68°8′20″E / 27.32917°N 68.13889°E |
วัฒนธรรม: (ii) (iii) |
240 (590) | 2523/1980 | โมเฮนโจ-ดาโรเป็นอดีตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ และถือเป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองและระบบประปาแห่งแรกในอนุทวีปอินเดียเมื่อ 2,500-1,500 ปีก่อนคริสตกาล ภายในเขตขุดค้นพบว่ามีการสร้างป้อมปราการรอบเมือง โรงอาบน้ำ สถูปเจดีย์พระพุทธศาสนา รวมไปถึงการขุดค้นพบเครื่องปั้นดินเผาและรูปปั้นแกะสลักงดงาม นักโบราณคดีคาดการณ์ว่าอดีตเมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างในศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสตกาลจากเหตุน้ำท่วม | [2] | |
ซากพุทธสถานแห่งตัขต์ภาอีและซากนครใกล้เคียงที่ซาห์รีบาห์ลอล | แคว้นแคบาร์ปัคตูนควา ปากีสถาน 34°19′15″N 71°56′45″E / 34.32083°N 71.94583°E |
วัฒนธรรม: (iv) |
2523/1980 | ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1-7 มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภูมิภาคคันธาระ พุทธสถานแห่งนี้อันประกอบด้วยลานสถูป อาราม และอุโบสถ รวมไปถึงซากเมืองที่มีการขุดพบพระพุทธรูปแกะสลักหินรูปแบบศิลปะคันธาระจึงเป็นหลักฐานชัดเจนว่ามีผู้คนนับถือพระพุทธศาสนาในช่วงที่จักรวรรดิกุษาณะเรืองอำนาจในเขตหุบเขาเปศวาร์ | [3] | ||
ตักศิลา | แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน 33°46′45″N 72°53′15″E / 33.77917°N 72.88750°E |
วัฒนธรรม: (iii) (vi) |
2523/1980 | อดีตเมืองนครที่มีผู้คนตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยยุคหินใหม่เมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ยาวนานมาจนถึงยุคแคว้นคันธาระ จักรวรรดิอะคีเมนิด อาณาจักรอินโด-กรีก จักรวรรดิกุษาณะ จักรวรรดิคุปตะ ก่อนจะล่มสลายจากการการบุกรุกของชนชาติเฮฟทาไลต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 เมืองตักศิลาถือได้ว่าเป็นนครที่มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการศึกษาและศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงเป็นแหล่งทำนุบำรุงของพระพุทธศาสนาในอนุทวีปอินเดียอีกด้วย | [4] | ||
ป้อมและสวนชาลามาร์ในลาฮอร์ | แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน 31°35′25″N 74°18′35″E / 31.59028°N 74.30972°E |
วัฒนธรรม: (i) (ii) (iii) |
2524/1981 | ผลงานสถาปัตยกรรมโมกุลที่ยังพบเห็นได้ทั่วไปในนครลาฮอร์ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงจักรวรรดิโมกุลในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีความโดดเด่นในด้านศิลปะที่มีการผสมผสานทั้งศิลปะอิสลามและศิลปะเปอร์เซีย ตัวป้อมประกอบด้วยตำหนักของราชาและเหล่าขุนนาง ศาสนสถาน และประตูที่ตกแต่งอย่างงดงาม ส่วนเขตสวนชาลามาร์มีการจัดสวนที่ได้อิทธิพลมาจากสวนเปอร์เซีย ประกอบด้วยน้ำพุกว่า 400 แห่งและพื้นที่ใช้สอยอย่างอื่น เช่น ศาลา บ่อน้ำ หอสูงหลุมฝังศพ | [5] | ||
โบราณสถานที่มกลี ฐัฏฏา | แคว้นสินธ์ ปากีสถาน 24°46′0″N 67°54′0″E / 24.76667°N 67.90000°E |
วัฒนธรรม: (i) (ii) (iii) |
2524/1981 | มกลีเป็นเมืองที่ตั้งของสุสานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีหลุมฝังศพราว 500,000-1,000,000 หลุม โดยมีการขุดค้นพบว่าสุสานแห่งนี้ถูกใช้ฝังศพมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 โดยเหล่าสาวกลัทธิศูฟีในจักรวรรดิซัมมา สุสานแห่งนี้มีความสำคัญต่อราชวงศ์ในอดีตอันเป็นที่ฝังพระบรมศพของจักรพรรดิและบุคคลสำคัญอีกมากมาย โดยมีการสร้างอาคารอนุสรณ์และรูปเคารพที่มีการผสมผสานศิลปะหลากหลายวัฒนธรรม | [6] | ||
ป้อมโรห์ตาส | แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน 32°57′45″N 73°35′20″E / 32.96250°N 73.58889°E |
วัฒนธรรม: (ii) (iv) |
2540/1997 | ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นของจักรวรรดิซูร์ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยสุลต่านเชอร์ชาห์สุรี โดยอิงสถาปัตยกรรมตะวันออกกลางผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น นับเป็นผลงานสถาปัตยกรรมอิสลามที่สำคัญในการถูกสร้างเพื่อเป็นแนวป้องกันการถูกรุกราน ตัวป้อมประกอบด้วยประตูหินแกะจำนวน 14 ประตู มัสยิด วังที่ถูกสร้างขึ้นในยุคโมกุล และบ่อน้ำขั้นบันได | [7] |
สถานที่ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น
[แก้]ประเทศปากีสถานมีสถานที่ที่ได้รับขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อพิจารณาเป็นมรดกโลกในอนาคตทั้งสิ้น 26 แห่ง[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "World Heritage Properties in Pakistanl". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Archaeological Ruins at Moenjodaro". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Buddhist Ruins of Takht-i-Bahi and Neighbouring City Remains at Sahr-i-Bahlol". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Taxila". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Fort and Shalamar Gardens in Lahore". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Historical Monuments at Makli, Thatta". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.
- ↑ "Rohtas Fort". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2015.