รามเกียรติ์
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาดแหล่งที่มา หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{ละเมิดลิขสิทธิ์}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐานในหน้าอภิปราย โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
รามเกียรติ์ เป็นวรรณกรรมที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องรามายณะซึ่งเป็นนิทานที่แพร่หลายอยู่ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียใต้ ต่อมาอารยธรรมอินเดียได้แพร่สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ่อค้าชาวอินเดียได้นำวัฒนธรรมและศาสนามาด้วย ทำให้รามายณะแพร่หลายไปทั่วภูมิภาค กลายเป็นนิทานที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นจนกลายเป็นวรรณคดีประจำชาติไป ดังปรากฏในหลายชาติ เช่น ไทย ลาว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ล้วนมีวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เป็นวรรณคดีประจำชาติทั้งสิ้น
“รามเกียรติ์” มีเค้าโครงจากวรรณคดีอินเดียคือมหากาพย์รามายณะที่ ฤๅษีวาลมีกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ เชื่อว่าน่าจะเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ฮินดู
ศัพทมูลวิทยา
[แก้]รามเกียรติ์ แปลว่า เกียรติของพระราม[1] เป็นคำสมาสมาจากคำสันสกฤตว่า รามะ + กีรฺตี[2] โดยคำว่า รามะ (สันสกฤต: रमा, อักษรโรมัน: rāma) หมายถึง พระราม และคำว่า กีรฺตี (สันสกฤต: कीर्ति, อักษรโรมัน: kīrti) หมายถึง เกียรติ ชื่อเสียง[3]
คำ รามเกียรติ์ เกิดขึ้นจากอิทธิพลเรื่องรามายณะเข้ามาสู่ในดินแดนประเทศไทยผ่านอินโดนีเซีย[4] มายังอาณาจักรเจนละจนกระทั่งมาสู่เมืองโบราณศรีเทพ พบในจารึกเวียลกันเตล (K.359)[5] อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต อายุ พ.ศ. 1141 สมัยพระเจ้าภววรมันที่ 1 และจารึกที่เมืองโบราณศรีเทพ[5] อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต อายุพุทธศตวรรษที่ 12
รามเกียรติ์ในประเทศไทย
[แก้]สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ของไทยนั้น มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1 ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
รามเกียรติ์ไทย มีต้นตอจากรามเกียรติ์เขมร[6] (รามเกียรติ์เป็นคำที่ไทยยืมจากเขมรซึ่งเขียนว่ารามเกรฺติ์ (อ่าน เรียม-เกร์) ส่วนรามเกียรติ์เขมรรับมาอีกทอดหนึ่งจากรามายณะฉบับทมิฬของอินเดียใต้ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังของชาวบ้าน แต่ไม่ใช่รามายณะฉบับที่นับถือเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ [จากหนังสืออุปกรณ์รามเกียรติ์ ของ เสฐียรโกเศศ (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2495) สำนักพิมพ์ศยาม พิมพ์ครั้งที่สาม พ.ศ.2550 หน้า 85-89]
โดยสรุปแล้ว รามเกียรติ์ไทยไม่ได้รับโดยตรงจากรามายณะฉบับวาลมิกิจากอินเดียเหนือ ตามข้อมูลกระแสหลักของทางการไทยใช้ในการเรียนการสอนทั่วประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้
แต่หลักฐานหลายด้านจากอินเดียบ่งชัดว่ารามเกียรติ์ไทยมีต้นตอจากรามายณะฉบับ “ทมิฬ” อินเดียใต้ แต่ผ่านกัมพูชา เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ในหมู่นักค้นคว้าสมัยก่อน และนักวิชาการบางคนสมัยปัจจุบันซึ่งรวมแล้วมีไม่มากนัก นอกจากนั้นทางการในระบบการศึกษาไทยยังใช้ข้อมูลชุดเดิมและกีดกันข้อมูลใหม่
1. มหากาพย์รามายณะของฤๅษีวาลมิกิ ซึ่งอยู่อินเดียเหนือ เป็นรากเหง้าดั้งเดิมที่รับรู้แพร่หลายทั่วโลก
2. “ทมิฬ” อินเดียใต้ รับมหากาพย์รามายณะของวาลมิกิไปแต่งเติมตามความเชื่อของคนอินเดียใต้ (ซึ่งต่างจากอินเดียเหนือ) โดยกวีชาวทมิฬด้วยการเพิ่มประเพณีสีสันสนุกสนานโลดโผนตามคติทมิฬ
3. บ้านเมืองในอุษาคเนย์โบราณใกล้ชิดวัฒนธรรม “ทมิฬ” อินเดียใต้ ผ่านการค้าระยะไกลทางทะเลสมุทรกับสุวรรณภูมิ จึงรับรามายณะฉบับ “ทมิฬ” อินเดียใต้คล้ายคลึงกัน แล้วต่างดัดแปลงแต่งเติมตัดต่อตามต้องการของท้องถิ่นตน พร้อมกันนั้นมีการแลกเปลี่ยนกันเองด้วย รามเกียรติ์ไทยก็มีที่มาอย่างเดียวกับบ้านเมืองอุษาคเนย์อื่นๆ คือ มีต้นตอจาก “ทมิฬ” อินเดียใต้ โดยเข้าถึงกัมพูชาก่อน แล้วตกทอดถึงไทยในสมัยหลัง
มีสิ่งบ่งชี้ว่ารามเกียรติ์ของไทยเกี่ยวข้องกับรามายณะฉบับอินเดียใต้ ดังเห็นจากชื่อตัวละคร, ชื่อสถานที่ และเรื่องราวเฉพาะบางตอนในรามเกียรติ์ของไทย ที่ต่างไปจากรามายณะฉบับวาลมิกิ (จากบทความเรื่อง Thai Rãmakien : Its Close Link with South India by Chirapat Prapandvidya พิมพ์ในหนังสือ 65 ปีโบราณคดี โดยสมาคมนักศึกษาเก่าคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2564 หน้า 31-74 แปลเก็บความและอธิบายความเพิ่มเติมโดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ พิมพ์ในมติชน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2564 หน้า 13)
1. รามเกียรติ์ของไทย พระราชนิพนธ์ในแผ่นดิน ร.1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คงโครงเรื่องเดิมของรามายณะฉบับวาลมิกิเอาไว้ แต่มีรายละเอียดแตกต่างออกไปมากมาย
2. ยกย่องพระศิวะเป็นเทพสูงสุด แสดงให้เห็นว่ารามเกียรติ์ของไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอินเดียใต้ที่นับถือพระศิวะในฐานะเดียวกันนี้มาอย่างยาวนานจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
3. หนุมานในรามเกียรติ์ของไทยเกิดจากน้ำกามของพระศิวะที่ฤๅษี 7 ตนรวบรวมจากยอดใบไม้, การมีตรีเป็นอาวุธ, มีขนสีขาว แสดงให้เห็นถึงความเอนเอียงไปทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แบบไศวนิกาย ในอินเดียใต้
4. ชื่อตัวละครและสถานที่ในรามเกียรติ์ของไทย มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาทมิฬ ในอินเดียใต้
5. รายละเอียดต่างๆ ในรามเกียรติ์ของไทย แสดงให้เห็นว่าถูกสร้างขึ้นจากคำถ่ายทอดของผู้มีถิ่นกำเนิดหรือสืบทอดเชื้อสายมาจากอินเดียใต้ สอดคล้องกับกลุ่มพราหมณ์ในไทยที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของอินเดีย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อให้ละครหลวงเล่น โดยได้ทรงเลือกมาเป็นตอนๆ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ โดยใช้ฉบับของอินเดีย (รามายณะ) มาพระราชนิพนธ์ ใช้ชื่อว่า "บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์"
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ บุญเตือน ศรีวรพจน์, กรมศิลปากร. (2552). โขน: อัจฉริยลักษณ์แห่งนาฎศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ: กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการ กรมศิลปากร. หน้า 91. ISBN 978-974-4-17109-2
- ↑ University of Yangon, Universities Historical Research Centre (URC). (2003). Texts and Contexts in Southeast Asia: Proceedings of the Texts and Contexts in Southeast Asia Conference, 12-14 December 2001, Partie 2. Yangon: Universities Historical Research Centre. p. 79. "Rama story is known in Cambodia as Reamker, the form derived from Sanskrit word Rama Kerti , denoting the Glory of Rama, like that of Thai Ramakien."
- ↑ 'रम', 'कीर्ति'. LearnSanskrit.cc Dictionary. Retrieved on 25 October 2024.
- ↑ Satya Vrata Shastri, Moolamall Sachdev Foundation, Amarnath Sachdev Foundation, Bangkok. (1998). "SRINAMAKIRTIMAHAKAVYAM," Prācī-Jyoti: Digest of Indological Studies, Institute of Sanskrit and Indological Studies, Kurukshetra University, Volume 28-29 (1998): 258. ISSN 0551-7587
- ↑ 5.0 5.1 จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา. "อุดมคติที่ปรากฏในตัวพระรามซึ่งสะท้อนให้เห็นในวาลมีกิรามายณะ," วรรณวิทัศน์ 22(1)(มกราคม-มิถุนายน 2565): 21-23.
- ↑ รามเกียรติ์ไทย เพื่อความจงรักภักดี | สุจิตต์ วงษ์เทศ
หนังสืออ่านเพิ่ม
[แก้]- Thai Ramayana (abridged) as written by King Rama I, ISBN 974-7390-18-3
- The story of Ramakian - From the Mural Paintings along the Galleries of the Temple of the Emerald Buddha, ISBN 974-7588-35-8
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เนื้อเรื่องตอน หนุมานเข้ากรุงลงกา เก็บถาวร 2009-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Dr. Theodora H. Bofman (อังกฤษ)
- ดู รายชื่อตัวละครในรามเกียรติ์ หากท่านต้องการทราบถึงตัวละครในรามเกียรติ์