พระเศวตคชเดชน์ดิลก
สปีชีส์ | ช้าง |
---|---|
สายพันธุ์ | ช้างอินเดีย |
เพศ | ผู้ |
เกิด | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 ป่าแม่ยางมิ้ม จังหวัดเชียงใหม่ มณฑลพายัพ ประเทศสยาม |
ตาย | 19 มกราคม พ.ศ. 2487 (17 ปี) โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ประเทศไทย |
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2470–2478 |
เป็นที่รู้จักสำหรับ | ช้างเผือกประจำรัชกาลที่ 7 |
ยศ | พระ |
เจ้าของ | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2470–2484) |
พ่อแม่ | พังหล้า |
พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ เป็นช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตกที่ป่าแม่ยางมิ้ม อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ [1] เมื่อวันศุกร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2469[2] เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 และนาย ดี.เอฟ. แมคฟี ผู้จัดการป่าไม้บริษัทบอร์เนียว ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย ในคราวเสด็จพระราชดำเนินมณฑลพายัพ[3] พร้อมกับพระราชพิธีทูลพระขวัญ และพระราชทานพระแสงราชศัสตรานครเชียงใหม่ และพระราชพิธีพระราชทานธงประจำกองลูกเสือของมณฑลพายัพ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2469 ณ บริเวณสนามหน้าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย[4] ซึ่งมีเจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) เป็นแม่กองสร้างโรงช้าง และขนย้ายมาที่กรุงเทพมหานครพร้อมกับแม่ช้างชื่อ "พังหล้า" สูง 7 ฟุต 4 นิ้ว ทางรถไฟเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 [5]
พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ มีลักษณะสำคัญดังนี้ [2]
- หนังสีบัวโรย
- ขนตามตัวแลศีรษะต้นแดงปลายขาว เมื่ออยู่กับตัวสีบัวโรย
- ตาสีฟ้าอ่อน
- เพดานขาว
- ขนที่หูขาว
- เล็บขาว
- อัณฑโกสขาว (อัณฑโกส = เปลือกไข่)
- ขนที่หางต้นแดงปลายขาว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ประกอบพระราชพิธีสมโภช และขึ้นระวางเป็นช้างสำคัญ เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 พระราชนามว่า [6]
พระเศวตคชเดชน์ดิลก ประชาธิปกปทุมรัตนดำริ
เทวอัคนีนิรุฒชุบเชิด กำเนิดนภีสีฉวนเฉลียง
ฉวีเยี่ยงบุษกรโกมล นขาขนขาวผ่องแผ้ว
แก้วเนตรน้ำเงินงามลึก วันวณึกบรรณาการ
คชเชนทรยานยวดยิ่ง มิ่งมงคลฉนำเฉลิมฉัตร
สัตตมกษัตรทรงศร อมรรัตนโกสินทร์
รบือรบินบารมีทศ ยืนพระยศธรรมราชัย
นิรามัยมนุญคุณ บุณยโศลกเลิศฟ้า ๚
มีเรื่องเล่ากันว่า ในคืนวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คืนก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ ซึ่งยืนโรงอยู่ ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต ได้ส่งเสียงร้องประหลาดตลอดทั้งคืน เมื่อถึงเวลารุ่งสาง คณะราษฎรก็ก่อการ ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ใกล้กับโรงช้างต้นนั้น [2][7]
เมื่อพระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ โตขึ้น มีลักษณะแปลก คือมีงางอกออกมาไขว้กัน มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2484 พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ ได้ยกงวงขึ้นไปติดบนงา แล้วเอาลงไม่ได้ เจ็บปวดร้องครวญครางอยู่หลายวัน เจ้าหน้าที่แก้ไขอย่างไรก็ไม่หาย จึงจำเป็นต้องเลื่อยงาทั้งสองออก ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้เคียงกับวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็ตสวรรคต เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 [7][2]
พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ ยืนโรงอยู่ ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต (ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ช้างต้น) คู่กับ พระเศวตวชิรพาหฯ เป็นเวลา 16 ปี จึงล้มลงเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2486
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ศรัณย์ ทองปาน. ช ช้าง กับ ฅ ฅน. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์สารคดี, พ.ศ. 2550. หน้า หน้าที่. ISBN 974-484-215-6
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. ย้อนหลังบางแง่มุม ในพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : กุลการพิมพ์, 2543. 120 หน้า. ISBN 974-87790-7-6
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-09. สืบค้นเมื่อ 2008-01-19.
- ↑ พระราชพิธีสมโภชช้างเมืองเชียงใหม่[ลิงก์เสีย]
- ↑ จดหมายเหตุ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช
- ↑ นราธิปประพันธ์พงศ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ, คำฉันท์ดุษฎีสังเวย กล่อมแลกาพย์ขับไม้บำเรอพระเศวตคชเดชน์ดิลกฯ, พ.ศ. 2470
- ↑ 7.0 7.1 พูนพิศมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้า. สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕. กรุงเทพฯ : มติชน, พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2542, พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2551. 183 หน้า. ISBN 978-974-322-121-2 ข้อผิดพลาดพารามิเตอร์ใน {{ISBN}}: checksum