ธรรมธาตุ 7
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
ธรรมธาตุ 7 หมายถึง ระบบการทำงานของนามธาตุ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มโน จิต และ ภวังค์
จิต
[แก้]จิต พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นอัสนีธาตุ จิตเกิดจากกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบของนามธาตุ มีลักษณะเป็นตัวเชื่อมต่อกระบวนการทำงานต่าง ๆ เช่น เชื่อมรูปธาตุและนามธาตุให้สัมพันธ์กันได้ คำว่า "จิต" มาจากการที่เป็นสิ่งที่ถูกปรุงแต่งได้ เช่นคำว่าวิจิตร หมายเอาสภาวะของจิตที่แปรปรวนตามเจตสิกที่เข้ามาประกอบปรุงแต่งเป็นอารมณ์ 121 อาการ จิตในความหมายของธรรมธาตุหมายถึง กิจแห่งจิต 14 อย่าง คือ
- ปฏิสนธิกิจ ทำหน้าที่เกิดขึ้นแห่งจิตดวงใหม่
- ภวังคกิจ รักษาดำรงภพ
- อาวัชชนกิจ เริ่มพิจารณาในอารมณ์ทั้ง 5
- ทัสสนกิจ ทำหน้าที่เห็น
- สวนกิจ ทำหน้าที่ได้ยิน
- ฆายนกิจ ทำหน้าที่ได้กลิ่น
- สายนกิจ ทำหน้าที่ลิ้มรส
- ผุสสนกิจ ทำหน้าที่กระทบสัมผัส
- สัมปฏิจฉันนกิจ รับอารมณ์
- สันตีรณกิจ ไต่สวนอารมณ์
- โวฏฐัพพนกิจ ตัดสินอารมณ์
- ชวนกิจ เสพอารมณ์
- ตฑาลัมพนกิจ รับอารมณ์ต่อจากชวนะ
- จุติกิจ ทำหน้าที่เคลื่อนไปจากภพ
จิตท่านจึงว่าเป็นสิ่งประภัสสร คือ สะอาดบริสุทธิ์ เพราะจิตทำหน้าที่แค่รู้ในอารมณ์ทั้งหลายเท่านั้น ดีชั่วนั้นจึงขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่จิตนั้นเข้าไปรู้
มโน
[แก้]มโน หมายถึง สิ่งที่ใจน้อมไป มาจากคำว่า นะมะ (ความนอบน้อม) มาเป็นมโนความน้อมรู้ หมายเอากิริยาที่จิตให้ความสนใจต่อสิ่งใด ใหรือมุ่งหวังส่ใจสิ่งใดเป็นสำคัญ เช่น มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ เช่นเราเพ่งความสนใจไปที่ใดอาการที่ใจเราไปสนใจนั้นคือมโน มีลักษณะน้อมไป ยึดไว้ เคลื่อนย้าย เกิดจากการที่นามธาตุมีความสัมพันธ์ต่อรูปธาตุและเกิดจากกระบวนการภายในของนามธาตุเอง คือการให้ความสนใจไปในสิ่งใดสิ่งสิ่งหนึ่งที่จิตเหนี่ยวรั้งมาพิจารณา และจิตเกิดการสนใจหรือย้ายความสนใจในสิ่งที่พิจารณาอยู่
ภวังค์
[แก้]ภวังค์ หมายถึง จิตใต้สำนึก ภวังค์ มาจากคำว่าองค์แห่งการเกิดภพ หรือตัวเกิดหมายเอากระบวนการของจิต ที่มีการเกิดหรือปฏิสนธิจิต ชวนะจิตต่าง ๆ ก็จะมาจบที่ภวังคจิตอันเป็นข้อมูลทั้งปวงของจิตหรือจิตใต้สำนึก ที่จะส่งต่อข้อมูลไปยังจิตดวงใหม่ก่อนที่จิตดวงเก่าจะดับ จึงมักใช้ในความหมายของจิตใต้สำนึกของจิต เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน มีแต่สภาวะเกิดขึ้นจากกฎแห่งเหตุและผลของธรรมชาติอย่างละเอียด (หรือเรียกว่ากฎแห่งกรรม) อธิบายเช่นต้นไม้แต่ก่อนมีเพียงเมล็ดกิ่ง ก้าน ราก ดอก ผล ใบย่อมมีมาแต่ไหน เพราะในเมล็ดย่อมมีเพียงข้อมูล แล้วอาศัยอาศัยปัจจัยเพิ่มปริมาณสสารขึ้น อาศัยข้อมูลในเมล็ดทำให้มีลักษณะต่าง ๆ ถ้าเป็นสัตว์ก็คือ DNA ภวังค์ก็มีลักษณะเช่นนั้น คือเป็นข้อมูลของจิต ทำให้สัตว์มีลักษณะนิสัย สันดานแตกต่างกัน เมื่อจิตออกจากร่างภวังคะจะจดจำข้อมูลสร้างร่างจากจิตตะอันเป็นอัสนีธาตุหรือธาตุพลังงานทำให้มีรูปร่างตามแต่ปัจจัยกำหนด ทำให้เกิดวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดขึ้น
เวทนา
[แก้]เวทนา หมายถึง ธรรมชาติรับรู้อารมณ์ ทางกายคือ 1. สุขํ สุข 2. ทุกขํ ทุกข์ 3. อทุกขมสุขํ ไม่สุขไม่ทุกข์ ทางใจ 3 คือ 1. โสมนัส สุขใจ 2. โทมนัส ทุกข์ใจ 3. อุเบกขา วางเฉย
สัญญา
[แก้]สัญญา หมายถึง ความทรงจำมี 6 คือ จักขุสัญญา สิ่งที่ทรงจำทางตา (ภาพ) โสตสัญญา (เสียง) สิ่งที่ทรงจำทางหู ฆานะสัญญา สิ่งที่ทรงจำทางจมูก (กลิ่น) ชิวหาสัญญา สิ่งที่ทรงจำทางลิ้น (รสชาติ) กายสัญญา สิ่งที่ทรงจำทางกาย (ประสาทสัมผัส) มนสัญญา สิ่งที่ทรงจำทางใจ
สังขาร
[แก้]สังขาร หมายถึง สิ่งที่ปรุงแต่ง มี 3 คือ กายสังขาร (การบังคับร่างกาย) วจีสังขาร (ความคิดตรึก ตรอง) จิตตะสังขาร (อารมณ์ที่จรเข้ามาในใจ)
- กายสังขาร (สิ่งที่ปรุงแต่งกายอัสสาสะ ลมหายใจเข้า ปัสสาสะ ลมหายใจออก)อัสนีธาตุของจิตตะ จะเชื่อมกับ อัสนีธาตุของกายสังขาร ที่เกิดขึ้นจากลมหายใจเข้าออกอันเป็นเหตุให้หทยวัตถุ (หัวใจ) เต้น เหมือนเขื่อนเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้จิตสามรถสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้
- วจีสังขาร (สิ่งที่ปรุงแต่งวาจาหรือภาษานั้นคือ วิตก (ตรึก) วิจาร (ตรอง) อันเรียกว่าความคิด)
- จิตตสังขาร (สิ่งที่ปรุงแต่งจิต มี 2 คือเวทนา สัญญา) จิตตะเป็นปภัสสร คือ บริสุทธิ์ว่างเปล่าราวกับอากาศไม่สว่างหรือมืด แต่เพราะ เวทนาและสัญญา ที่จรเข้ามาทำให้จิตมีอารมณ์เป็นไปตามเวทนาและสัญญานั้น เช่น เวลาหลับเราเมื่อย เวทนาก็เป็นอิริยาบถให้เราหายเมื่อย เราเดินเองโดยอัตตโนมัติเพราะร่างกายเราจดจำสัญญาในการเดินไว้ทำให้บางที่เดินไปในที่เคยชิน และสัญญาที่เกิดจากวิตก (ตรึก) วิจาร (ตรอง) การตรึก คือการน้อมไปในการใช้สัญญา เช่น สิ่งนี้คือต้นไม้ ต้นไม้นี้ชื่อต้นไผ่ วิจารทำให้เกิดการเปรียบเทียบ เช่น คนนี้สวยกว่าคนนี้ ชีวิตเราสำคัญน้อยกว่าความรัก เงินสำคัญที่สุดเป็นต้น ทำให้เกิดจิตสังชารที่ทำให้ยึดมั่นและเกิดอารมณ์ต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น รัก โลภ โกรธตระหนี่ ริษยา อิจฉา อันเป็นเจตสิกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต
สังขาร ได้แก่นามธาตุชนิดต่าง ๆ ทั้ง 50 ชนิด (เจตสิก) ที่ทำมีหน้าที่ต่อกัน ทำงานเป็นกระบวนการ
วิญญาณ
[แก้]วิญญาณ มาจากคำว่ารู้แจ้ง หมายเอา จิตที่ทำหน้ารับรู้ทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หมายถึงการรับรู้ หรือ วิญญาณทั้ง 6 คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ มโนสิ่งที่รับรู้ทางใจ มี 3 คือ รับรู้เวทนา รับรู้สัญญา รับรู้สังขาร
อ้างอิง
[แก้]หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ชื่อเรื่อง ธมฺมธาตุ (พระธัมมธาตุ) เลขหมู่ นม.บ.229/1 หมวดหมู่ ปกิณณกะ (ธรรมคดี) ภาษาบาลี-ไทย ประเภทวัสดุ/มีเดียเอกสารโบราณ-คัมภีร์ใบลาน คัมภีร์ใบลาน จำนวน 1 ผูก: เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มี บทคัดย่อ/บันทึก ได้มาจากวัดเหมสูง ต.ทองหลาง อ.จักราช จ.นครราชสีมา รายละเอียดดังนี้: กล่าวถึงธรรมธาตุ 7 คือ ภวังค์ 1 มโน 1 จิตตัง 1 วิญญาณัง 1 สังขาร 1 เวทนัง 1 สัญญา 1 ท่านได้อธิบายธรรมธาตุ 7 หัวข้อนี้ออกไปโดยพิศดาร โดยวิธีถาม – ตอบ ในช่วงต้น ๆ จะอธิบายในแนวของพระอภิธรรมปิฎก คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ในตอนกลางจะอธิบายในแนวของพระสูตร และในตอนท้ายจะอธิบายในแนวของพระวินัย คือว่าด้วยเรื่องศีลค่อนข้างละเอียด.