การศึกษาในประเทศอินเดีย
กระทรวงศึกษาธิการ | |
---|---|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | Dharmendra Pradhan |
งบประมาณทางการศึกษา (2005–2013) | |
งบประมาณ | ₹99,100ข้อผิดพลาดนิพจน์: "c" เป็นคำที่ไม่รู้จัก |
ข้อมูลทั่วไป | |
ภาษาที่ใช้ | ภาษาของอินเดีย, ภาษาอังกฤษ |
จัดตั้ง ภารศึกษาภาคบังคับ | 1 เมษายน 2010 |
การรู้หนังสือ (2011[2]) | |
ทั้งหมด | 74%[1] |
ผู้ชาย | 82.2% |
ผู้หญิง | 69.5% |
การลงทะเบียนเรียน | |
ทั้งหมด | (ไม่มีข้อมูล) |
ประถมศึกษา | 95% [ต้องการอ้างอิง] |
มัธยมศึกษา | 69%[ต้องการอ้างอิง] |
อุดมศึกษา | 25%[ต้องการอ้างอิง] |
การศึกษาในประเทศอินเดียนั้นดำเนินการผ่านทางโรงเรียนรัฐ (ซึ่งบริหารจัดการในสามระดับ: รัฐบาลกลาง, รัฐ และ ท้องถิ่น) และโรงเรียนเอกชน ภายใต้หลายยทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอินเดีย การศึกษาภาคบังคับโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเยาวชนอายุ 6 ถึง 14 ปี อัตราส่วนของโรงเรียนรัฐบาลต่อโรงเรียนเอกชนในประเทศอินเดียอยู่ที่ 7:5
ประเทศอินเดียได้ดำเนินการเพิ่มอัตราการเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษามาตลอด ในปี 2011 พบว่าราว 75% ของประชากรอินเดียที่อายุ 7 ถึง 10 ปีสามารถอ่านออกเขียนได้ (literate)[3] การพัฒนาระบบการศึกษาในประเทศอินเดียถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ[4] ถึงแม้สัดส่วนการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประชากรอินเดียนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทศวรรษที่ผ่านมา มีสัดส่วนผู้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งประเทศอยู๋ที่ 24% ในปี 2013[5] แต่อินเดียก็ยังไม่ได้เข้าใกล้อัตราส่วนการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่น ๆ เลย[6]
ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีระบบโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ พบว่านักเรียน 29% ที่อายุ 6 ถึง 14 ปี ศึกษาระดับประถมศึกษาในโรงเรียนเอกชน[7] ในขณะที่โรงเรียนเทคนิกจำนวนมากก็เป็นโรงเรียนเอกชนเช่นกัน ตลาดการศึกษาเอกชนในประเทศอินเดียมีรายได้อยู่ที่ 450 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2008[8]
ข้อมูลจากรายงานสถานะการศึกษาประจำปี (Annual Status of Education Report: ASER) ปี 2012 ระบุว่าเยาวชนอายุ 6-14 ปีในพื้นที่ชนบท 96.5% ได้เข้าสมัครเรียนระบบการศึกษา นับเป็นปีที่สี่ที่สัดส่วนนี้สูงเกิน 96% ประเทศอินเดียสามารถคงสัดส่วนการเข้าสู่ระบบการศึกษาของนักเรียนอายุ 6-14 ไว้ที่ประมาณ 95% ตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2014 ข้อมูลจาก ASER เมื่อปี 2018 พบว่ามีเยาวชนเพียง 2.8% เท่านั้นที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา[9] อีกรายงานหนึ่งจากปี 2013 ระบุว่ามีนักเรียนจำนวน 229 ล้านคนเข้าศึกษาในโรงเรียนที่ได้รับการรับรองทั่วประเทศ ในระดบัประถมหนึ่งถึงเจ็ด (Class I - XII) นับว่าเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านคนจากปี 2002 และพบว่าในเด็กผู้หญิงนั้นเพิ่มขึ้นถึง 19%[10] ในขณะที่ในเชิงปริมาณ ประเทศอินเดียกำลังเข้าใกล้การครอบคลุมการศึกษาได้ทั่วถึงทั้งประชากรของประเทศ (universal education) แต่คุณภาพของการศึกษาในประเทศอินเดียนั้นเป็นที่ตั้งคำถามอย่างมาก โดยเฉพาะในโรงเรียนของรัฐบาล ถึงแม้นักเรียนมากกว่า 95% จะเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา แต่พบว่าในระดับมัธยมศึกษา มีเยาวชนอินเดียเพียง 40% เท่านั้นที่เข้าศึกษาต่อในเกรด 9-12 (Grades 9-12) หรือเทียบเท่ากับ ม.3-6 ในระบบการศึกษาไทย นับตั้งแต่ปี 2000 ธนาคารโลกได้อุดหนุนทุน 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐให้กับการศึกษาในประเทศอินเดีย เหตุผลบางประการที่ส่งผลให้คุณภาพการศึกษาในประเทศอินเดียมีระดับที่ต่ำอาจมาในหนึ่งวันคุณครูทั่วประเทศประมาณ 25% ไม่ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ครู[11]
ถึงแม้ในประเทศอินเดียจะมีโรงเรียนเอกชนอยู่ แต่รัฐบาลก็ได้กำหนดและควบคุมการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชนอย่างเคร่งครัด มีการกำหนดหลักสูตรที่สามารถเปิดสอนได้ ควบคุมเนื้อหาการเรียนการสอน ต้องดำเนินงานแบบไม่แสดงผลกำไร (non-profit) และมิติอื่น ๆ ของการดำเนินการเรียนการสอน ดังนั้นอาจพูดได้ว่าทั้งโรเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนในประเทศอินเดียอาจไม่ได้ต่างกันมากนัก[12]
ข้อมูลจากเดือนมกราคม ปี 2019 ระบุว่าประเทศอินเดียมีมหาวิทยาลัยทั้งหมดมากกว่า 900 สถาบัน และวิทยาลัยมากกว่า 40,000 สถาบันทั่วประเทศ[13]
คุณภาพ
[แก้]การรู้หนังสือ
[แก้]ข้อมูลจากสำมะโนครัวปี 2011 บัญญัติการรู้หนังสือไว้ว่า คือผู้ที่..."อายุมากกว่า 7 ปี สามารถอ่านและเขียนในภาษาใดก็ตาม" ("every person above the age of 7 years who can read and write with understanding in any language is said to be literate".) ภายใต้การบัญญัติดังนี้ อัตราการรู้หนังสือ (literacy rate) ของประเทศอินเดียอยู่ที่ 74.04%[14] อัตราการรู้หนังสือในเยาวชน (youth literacy rate) วัดในผู้ที่อายุ 15-24 ปี อยู่ที่ 81.1% (คิดเป็น 84.4% ในผู้ชายและ 74.4% ในผู้หญิง)[15] ส่วนอัตราการรู้หนังสือในประชากรกลุ่มอายุ 10-19 ปีอยู่ที่เด็กผู้ชาย 86% และในเด็กผู้หญิง 72%[16]
ในบรรดาเขตการปกครองทั้งหมดของประเทศ รัฐเกรละมีอัตราการรู้หนังสือสูงที่สุดในประเทศอยู่ที่ 93.91% ส่วนรัฐพิหารอยู่ที่ 61.8%[14] ในสถิติปี 2001 ระบุจำนวนทั้งหมดของประชากรที่ 'ไม่รู้หนังสือเลย' ('absolute non-literates') ในประเทศอินเดียอยู่ที่ 304 ล้านคน[14] ช่องว่างระหว่างเพศ (Gender gap) ในอัตราการรู้หนังสือยังคงมีอยู๋ในประเทศอินเดีย เช่นในรัฐราชสถาน ซึ่งมีอัตราการรู้หนังสือในผู้หญิงต่ำที่สุดในประเทศ[17] นั้นมีอัตราการรู็หนังสือเฉลี่ยในผู้หญิงอยู่ที่ 52.66% ในขณะที่สำหรับผู้ชายอยู่ที่ 80.51% คิดเป็นช่องว่างสูงถึง 27.85% ระหว่างสองเพศ[18]
การเข้าศึกษา
[แก้]ข้อมูลเมื่อ 2011[update] อัตราการสมัครเข้าศึกษา (enrolment rates) อยู่ที่ 58% ในระดับเตรียมประถมศึกษา, 93% ในระดับประถมศึกษา, 69% ในระดับมัธยมศึกษา และ 25% ในระดับอุดมศึกษา[19]
ถึงแม้อัตราส่วนการเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษาจะสูง แต่พบว่าในบรรดาเด็กอายุ 10 ปีในพื้นที่ชนบทของประเทศอินเดียครึ่งหนึ่งไม่สามารถอ่านในระดับพื้นฐานได้, มากกว่า 60% ไม่สามารถหารเลขได้ และครึ่งหนึ่งลาออกจากโรงเรียน (dropout) ภายในอายุ 14 ปี[20]
ในปี 2009 สองรัฐในประเทศอินเดีย คือรัฐทมิฬนาฑู และรัฐหิมาจัลประเทศ ได้เข้าร่วมการสอบโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล PISA ที่จัดขึ้นทุก ๆ สามปีในเด็กอายุ 15 ปี ทั้งสองรัฐอย่อันดับท้ายของตาราง คะแนนสูงกว่าเพียงประเทศคีร์กีซสถานเท่านั้น และคะแนนรวมต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศกลุ่มโออีซีดีอยู่ 200 คะแนน (หรือสองค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน)[21] ในท้ายที่สุดประเทศอินเดียจึงตัดสินใจไม่เข้าร่วมการประเมินของ PISA ในปี 2012[22] และปี 2015[23]
ในขณะที่คุณภาพของโรงเรียนรัฐในชนบทกำลังเข้าขั้นวิกฤต คนยากจนในเขตเมืองส่วนมากได้เลือกหันเข้าสู่โรงเรียนเอกชน ในเมืองระดับนคร (urban city) บางเมือง มีการประมาณการไว้ว่านักเรียนทั้งหมด มากถึง 2 ใน 3 เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน[24] ส่วนมากมีค่าการศึกษาอยู่ที่สองดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน
ดูเพิ่ม
[แก้]- การรู้หนังสือในประเทศอินเดีย
- ความไม่เท่าเทียมทางเพศในประเทศอินเดีย (Gender inequality in India)
- คุรุกุลา (Gurukula)
- ลัทธิมาเกาเลย์ (Macaulayism)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "India Literacy Rate". UNICEF. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 10 October 2013.
- ↑ Estimate for India, from India, The Hindu
- ↑ "Education in India". World Bank. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 April 2012. สืบค้นเมื่อ 8 January 2009.
- ↑ India achieves 27% decline in poverty, Press Trust of India via Sify.com, 12 September 2008
- ↑ "Gross enrollment ratio by level of education". UNESCO Institute for Statistics. สืบค้นเมื่อ 10 December 2015.
- ↑ "Global Education". University Analytics. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 10 December 2015.
- ↑ "Over a quarter of enrollments in rural India are in private schools". The Hindu. สืบค้นเมื่อ 21 August 2014.
- ↑ "Indian education: Sector outlook" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 24 September 2015. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
- ↑ ASER-2018 RURAL, Annual Status of Education Report (Rural) (PDF). India: ASER Centre. 2019. p. 47. ISBN 9789385203015.
- ↑ Enrollment in schools rises 14% to 23 crore The Times of India (22 January 2013)
- ↑ Sharath Jeevan & James Townsend, Teachers: A Solution to Education Reform in India เก็บถาวร 2015-07-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Stanford Social Innovation Review (17 July 2013)
- ↑ Ramanuj Mukherjee. "Indian Education System: What needs to change?". Unlawyered.
- ↑ HRD to increase nearly 25 pc seats in varsities to implement 10 pc quota for poor in gen category, Economic Times, 16 January 2019.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อI09RA-225
- ↑ "Country Profiles - India". UNESCO. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-18. สืบค้นเมื่อ 22 August 2014.
- ↑ . National Family Health Survey (NFHS-2). International Institute for Population Sciences & ORC Macro. 2000.
{{cite news}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ Khushboo Balani (11 January 2017). "Rajasthan: India's seventh largest state, lowest in female literacy". IndiaSpend.com. Business Standard. สืบค้นเมื่อ 1 April 2017.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Census 2011, Chapter 6 (State of Literacy)" (PDF). Government of India. สืบค้นเมื่อ 1 April 2017.
- ↑ "World Development Indicators: Participation in education". World Bank. สืบค้นเมื่อ 21 August 2014.
- ↑ "A special report on India: Creaking, groaning: Infrastructure is India's biggest handicap". The Economist. 11 December 2008.
- ↑ "Indian schools dwarfed in global ratings programme". Indian Express. สืบค้นเมื่อ 15 August 2014.
- ↑ "India backs out of global education test for 15-year-olds". Times of India. สืบค้นเมื่อ 14 August 2014.
- ↑ "India chickens out of international students assessment programme again". Times of India. สืบค้นเมื่อ 14 August 2014.
- ↑ "Many of India's Poor Turn to Private Schools". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 15 August 2014.
บรรณานุกรม
[แก้]- Blackwell, Fritz (2004), India: A Global Studies Handbook, United States of America: ABC-CLIO, Inc., ISBN 1-57607-348-3.
- Elder, Joseph W. (2006), "Caste System", Encyclopedia of India (vol. 1) edited by Stanley Wolpert, 223–229, Thomson Gale: ISBN 0-684-31350-2.
- Ellis, Catriona. "Education for All: Reassessing the Historiography of Education in Colonial India." History Compass (2009) 7#2 pp 363–375
- Dharampal, . (2000). The beautiful tree: Indigenous Indian education in the eighteenth century. Biblia Impex Private Limited, New Delhi 1983; reprinted by Keerthi Publishing House Pvt Ltd., Coimbatore 1995.
- Suri, R.K. and Kalapana Rajaram, eds. "Infrastructure: S&T Education", Science and Technology in India (2008), New Delhi: Spectrum, ISBN 81-7930-294-6.
- India 2009: A Reference Annual (53rd edition), New Delhi: Additional Director General (ADG), Publications Division, Ministry of Information and Broadcasting, Government of India, ISBN 978-81-230-1557-6.
- Prabhu, Joseph (2006), "Educational Institutions and Philosophies, Traditional and Modern", Encyclopedia of India (vol. 2) edited by Stanley Wolpert, 23–28, Thomson Gale: ISBN 0-684-31351-0.
- Raman, S.A. (2006). "Women's Education", Encyclopedia of India (vol. 4), edited by Stanley Wolpert, 235–239, Thomson Gale: ISBN 0-684-31353-7.
- Rosser, Yvette Claire (2003). Curriculum as Destiny: Forging National Identity in India, Pakistan, and Bangladesh (PDF) (Dissertation). University of Texas at Austin. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 September 2008. สืบค้นเมื่อ 11 September 2008.
- Setty, E.D. and Ross, E.L. (1987), "A Case Study in Applied Education in Rural India", Community Development Journal, 22 (2): 120–129, Oxford University Press.
- Sripati, V. and Thiruvengadam, A.K. (2004), "India: Constitutional Amendment Making The Right to Education a Fundamental Right", International Journal of Constitutional Law, 2 (1): 148–158, Oxford University Press.
- Vrat, Prem (2006), "Indian Institutes of Technology", Encyclopedia of India (vol. 2) edited by Stanley Wolpert, 229–231, Thomson Gale: ISBN 0-684-31351-0.
- Desai, Sonalde, Amaresh Dubey, B.L. Joshi, Mitali Sen, Abusaleh Shariff and Reeve Vanneman. 2010. India Human Development in India: Challenges for a Society in Transition. New Delhi: Oxford University Press.