ข้ามไปเนื้อหา

ซีเมนส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Siemens)
Siemens AG
ประเภทบริษัทมหาชน
การซื้อขาย
FWB: SIE
DAX component
อุตสาหกรรมกลุ่มบริษัท
ก่อนหน้าA. Reyrolle & Company
Siemens-Schuckert
Siemens-Reiniger-Werke
ก่อตั้ง1 ตุลาคม 1847; 177 ปีก่อน (1847-10-01)
เบอร์ลิน ราชอาณาจักรปรัสเซีย
ผู้ก่อตั้งแวร์เนอร์ ฟอน ซีเมนส์
สำนักงานใหญ่มิวนิกและเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี[1]
พื้นที่ให้บริการทั่วโลก
บุคลากรหลักJim Hagemann Snabe
(ประธาน)
Roland Busch
(ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีการผลิตกระแสไฟฟ้า, ระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมและอาคาร, เทคโนโลยีทางการแพทย์, ยานยนต์สำหรับรถไฟ, ระบบบำบัดน้ำ, สัญญาณเตือนไฟไหม้, ซอฟต์แวร์ PLM, เครื่องจักรอุตสาหกรรม
บริการธุรกิจบริการ, การเงิน, วิศวกรรมโครงการและการก่อสร้าง
รายได้เพิ่มขึ้น 62.265 พันล้านยูโร (2021)[2]
รายได้จากการดำเนินงาน
เพิ่มขึ้น 7.496 พันล้านยูโร (2021)[2]
รายได้สุทธิ
เพิ่มขึ้น 6.697 พันล้านยูโร (2021)[2]
สินทรัพย์เพิ่มขึ้น 139.608 พันล้านยูโร (2021)[2]
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 49.274 พันล้านยูโร (2021)[2]
เจ้าของตระกูลซีเมนส์ (6.9%)
พนักงาน
303,000 (2021)[2]
แผนก
เว็บไซต์www.siemens.com

ซีเมนส์ (อังกฤษ: Siemens AG) เป็นกลุ่มบริษัท พลังงาน, และสุขภาพ โดยมีแผนกรวมทั้งหมด 15 แผนก ซีเมนส์และบริษัทในเครือจ้างงานทั่วโลกประมาณ 400,000 ตำแหน่ง[3] ในเกือบ 190 ประเทศ และแจ้งรายได้ทั่วโลก 72,448 ล้านยูโร ในปีงบประมาณ 2550[3] บริษัทซีเมนส์อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตั้งแต่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2544

ซีเมนส์ก่อตั้งโดย แวร์เนอร์ ฟอน ซีเมนส์ เมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2390 (ค.ศ. 1847) โดยเริ่มจากการคิดค้นระบบโทรเลขที่ให้ผลลัพธ์เป็นตัวอักษรแทนที่จะเป็นรหัสมอร์ส

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 ซีเมนส์ได้ประกาศการควบรวมกิจการเฉพาะหน่วยธุรกิจระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณ (ซีเมนส์ โมบิลิที) เข้ากับอัลสตอม (Alstom) ของประเทศฝรั่งเศส เพื่อร่วมกันสร้างบริษัทระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ห้ามการควบรวมกิจการดังกล่าว

ซีเมนส์กับเครื่องใช้ไฟฟ้า

[แก้]

ซีเมนส์กับประเทศไทย

[แก้]

ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งสามระบบของประเทศไทยในปัจจุบันอันได้แก่ รถไฟฟ้าบีทีเอส, รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล, แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ได้ใช้ขบวนรถของซีเมนส์ โดยแบ่งตามรุ่นของรถไฟฟ้า ดังนี้

  • โมดูลาร์ เมโทร : ใช้ในรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล เป็นขบวนรถที่ออกแบบโดย ปอร์เช่ ดีไซน์ โดย
    • รถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด 140 ตู้ 35 ขบวน แบ่งการผลิตออกเป็นสองรอบ รอบแรก 105 ตู้ เพื่อประกอบเป็น 3 ตู้/ขบวน ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในประเทศออสเตรีย นำเข้าครั้งแรกใน พ.ศ. 2540 แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2542 จากนั้นใน พ.ศ. 2553 ได้มีการจัดซื้อตู้โดยสารเพิ่ม 35 ตู้ (รหัส 32xx) เพื่อนำมาประกอบใหม่เป็น 4 ตู้/ขบวน ทั้งหมดผลิตขึ้นที่โรงงานในประเทศเยอรมนี นำเข้าครั้งแรกใน พ.ศ. 2555 แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2556
    • รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล มีทั้งหมด 57 ตู้ 19 ขบวน ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในประเทศออสเตรีย โดยปรับรายละเอียดบางอย่างให้ต่างจากล็อตที่ผลิตส่งมอบให้บีทีเอสซี นำเข้าครั้งแรกใน พ.ศ. 2545 แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2547
  • อินสไปโร : ใช้ในรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม เป็นขบวนรถที่ออกแบบโดย ปอร์เช่ ดีไซน์ โดยใช้ต้นแบบของขบวนรถรุ่น Modular Metro เป็นต้นแบบ โดย
    • รถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด 88 ตู้ 22 ขบวน ขบวนรถชุดนี้ผลิตโดยโรงงานโบซันคายา ประเทศตุรกี โดยซีเมนส์ผลิตระบบขับเคลื่อนจากโรงงานที่ออสเตรียส่งประกอบสุดท้ายที่ตุรกีก่อนส่งมายังประเทศไทย
    • รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน มีทั้งหมด 105 ตู้ 35 ขบวน ขบวนรถชุดนี้ผลิตตัวถังโดยโรงงานโบซันคายาเช่นเดียวกัน แต่ส่งกลับมาประกอบสุดท้ายที่ออสเตรียมก่อนส่งมายังประเทศไทย ปัจจุบัน ช. การช่าง เตรียมจัดหาเพิ่มอีก 63 ตู้ 21 ขบวน ซึ่งชุดนี้จะย้ายฐานการผลิตไปที่โรงงานโบซันคายา ประเทศตุรกี โดยซีเมนส์ผลิตระบบขับเคลื่อนจากโรงงานที่ออสเตรียส่งประกอบสุดท้ายที่ตุรกีก่อนส่งมายังประเทศไทย กำหนดนำเข้าใน พ.ศ. 2569
    • รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม จัดหาทั้งหมด 96 ตู้ 32 ขบวน ขบวนรถชุดนี้จะถูกผลิตโดยโรงงานโบซันคายา ประเทศตุรกี โดยซีเมนส์จะผลิตระบบขับเคลื่อนและอะไหล่บางส่วนจากโรงงานที่ออสเตรียส่งประกอบสุดท้ายที่ตุรกีก่อนส่งมายังประเทศไทย ทั้งนี้จะนำเข้าสองรอบ รอบที่หนึ่งนำเข้าใน พ.ศ. 2570 จำนวน 48 ตู้ 16 ขบวน เพื่อให้บริการในส่วนตะวันออก และรอบที่สองนำเข้าภายใน พ.ศ. 2573 อีก 48 ตู้ 16 ขบวน เพื่อให้บริการในส่วนตะวันตก ขบวนรถชุดนี้จะใช้สเปคเดียวกันกับรถ EMU-BLE ของสายสีน้ำเงินทั้งหมด
  • เดซิโร : ใช้ในรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยลักษณะตัวรถเป็นรถรุ่น British Class "360/2" ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน Heathrow Connect หรือรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ของสหราชอาณาจักร โดยมีทั้งหมด 31 ตู้ 9 ขบวน แบ่งประกอบเป็น 3 ตู้/ขบวน สำหรับขบวนรถซิตีไลน์ (คาดน้ำเงิน) และ 4 ตู้/ขบวน โดยมีหนึ่งตู้ติดตั้งได้ระบบลำเลียงสัมภาระพร้อมหน้าต่างชนิดปกปิดภายใน สำหรับขบวนรถเอ็กซ์เพรสไลน์ (คาดแดง) ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในประเทศเยอรมนี ส่งมอบครั้งแรกใน พ.ศ. 2552 แล้วเสร็จในปีเดียวกัน
  • แอร์วาล : มีทั้งหมด 6 ตู้ 3 ขบวน ใช้ในอาคารเทียบอากาศยาน 1 (SAT-1) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำเข้าครั้งแรกใน พ.ศ. 2566[4][5][6] [7][8]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Corporate Information", Siemens Aktiengesellschaft.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "Siemens Report for Fiscal 2021" (PDF). Siemens. สืบค้นเมื่อ 30 January 2022.
  3. 3.0 3.1 Siemens AG – Annual Report เก็บถาวร 2008-05-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, www.siemens.com, January 2008
  4. “ยานลูกSAT1สุวรรณภูมิ”..พร้อม!! ปล่อยรถไฟฟ้าAPMส่งขึ้นเครื่อง
  5. เม.ย.ปีหน้า “สุวรรณภูมิ” เปิดยานลูกSAT1 นั่งรถไฟฟ้าขึ้นเครื่องเสริมทัพไต่อันดับ
  6. ส่องความคืบหน้า “สุวรรณภูมิเฟส 2” ปีหน้าได้นั่งรถไฟฟ้า
  7. เผยโฉมรถไฟฟ้าวิ่งในสนามบินสุวรรณภูมิรับผู้โดยสาร 3.5 พันคนต่อชั่วโมง
  8. Siemens builds fully Automated People Mover at Bangkok Airport

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]