ข้ามไปเนื้อหา

โอบีวัน เคโนบี (ละครโทรทัศน์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Obi-Wan Kenobi (TV series))
โอบีวัน เคโนบี
ประเภท
เค้าโครงจากสตาร์ วอร์ส
โดย จอร์จ ลูคัส
กำกับโดยเดโบราห์ ชาว
แสดงนำยวน แม็คเกรเกอร์
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง
ผู้ประพันธ์เพลงนาตาลี โฮลต์
ประเทศแหล่งกำเนิดสหรัฐ
ภาษาต้นฉบับอังกฤษ
จำนวนตอน6
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
ผู้อำนวยการสร้าง
  • โธมัส เฮย์สลิป
  • แคทเทอร์ลี ฟรอนเฟลเดอร์
สถานที่ถ่ายทำลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย
ผู้กำกับภาพชังฮุน ชัง
ผู้ลำดับภาพ
  • นิโคลัส ดี ทอธ
  • เคลลีย์ ดิกซัน
  • จอช เอิร์ล
ความยาวตอน36–53 นาที
บริษัทผู้ผลิตลูคัสฟิล์ม
ออกอากาศ
เครือข่ายดิสนีย์+
ออกอากาศ27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (2022-05-27) –
22 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (2022-06-22)

โอบีวัน เคโนบี (อังกฤษ: Obi-Wan Kenobi) เป็นละครชุดโทรทัศน์บันเทิงคดีอวกาศสัญชาติอเมริกา ผลิตโดยลูคัสฟิล์มสำหรับบริการสตรีมมิงดิสนีย์+ ละครชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส โดยดำเนินเรื่องสิบปีหลังจากการกวาดล้างนิกายเจไดระหว่างเหตุการณ์ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) ละครชุดเรื่องนี้ติดตามอาจารย์เจไดที่ยังมีชีวิตอยู่ชื่อ โอบีวัน เคโนบี ผู้โผล่ออกมาจากการซ่อนตัวเพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงเลอาที่ถูกลักพาตัวไปโดยเหล่าอินควิซิเตอร์ของจักรวรรดิกาแลกติก สิ่งนี้ทำให้เคโนบีต้องต่อสู้กับอดีตลูกศิษย์ของเขา ดาร์ธ เวเดอร์

ยวน แม็คเกรเกอร์ รับบทเป็นตัวละครนำ โดยกลับมารับบทเดิมจาก สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้น นอกจากนี้ยังมีนักแสดงนำร่วมคนอื่น ๆ ที่กลับมารับบทบาทจากไตรภาคต้น เช่น โจล เอ็ดเกอร์ทอน, บอนนี พีส, จิมมี สมิตส์, เฮย์เดน คริสเตนเซน (เวเดอร์) และเอียน แม็คเดียร์มิด โปรเจ็กต์นี้มีต้นกำเนิดจากการเป็นภาพยนตร์แยกที่เขียนโดยฮอสเซน อามีนี และกำกับโดยสตีเฟน ดาลดรี แต่ได้รับการปรับแก้ใหม่ให้เป็นละครชุดจำกัดหลังจากการล้มเหลวในเรื่องรายได้ของภาพยนตร์เรื่อง ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2018) แม็คเกรเกอร์ได้รับการยืนยันว่าเขาจะแสดงในละครชุดนี้ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 และเดโบราห์ ชาวได้รับตำแหน่งให้กำกับตอนทั้งหมดในเดือนต่อมา การผลิตมีกำหนดการเริ่มในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 แต่ละครชุดนี้ถูกสั่งให้หยุดในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 เนื่องจากลูคัสฟิล์มไม่พอใจกับบท โจบี แฮโรลด์ได้รับตำแหนงให้เขียนบทละครชุดนี้ใหม่และทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิตในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 โดยเป็นผู้อำนวยการผลิตร่วมกับชาว, แม็คเกรเกอร์, เคธลีน เคนเนดี และมิเชลล์ เรจวาน การคัดเลือกนักแสดงเพิ่มเติมนั้นเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันในลอสแองเจลิส โดยใช้เทคโนโลยีกำแพงวิดีโอของสเตจคราฟต์และเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน นาตาลี โฮลต์แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ในขณะที่จอห์น วิลเลียมส์ ผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ได้เขียนธีมหลักใหม่สำหรับเคโนบีที่วิลเลียม รอสดัดแปลงมาใช้ในหลาย ๆ ฉาก

โอบีวัน เคโนบี ฉายรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 โดยมีสองตอนแรก อีกสี่ตอนออกฉายทุกสัปดาห์จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน โดยทั่วไปละครชุดนี้ได้รับการวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ โดยได้รับคำชมจากการแสดงของแม็คเกรเกอร์, ฉากโลดโผน, ธีมหลักใหม่ของจอห์น วิลเลียมส์, การเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร และน้ำหนักทางอารมณ์ของละครชุด แม้ว่างานเขียนจะได้รับการวิจารณ์ในเชิงลบบ้างก็ตาม นอกจากนี้ละครชุดนี้ยังได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการได้รับรางวัลละครชุดจำกัดยอดเยี่ยมสำหรับสตรีมมิง และนักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยมบนโทรทัศน์ (สำหรับคริสเทนเซน) ในงานแซทเทิร์นอวอร์ดสครั้งที่ 47 รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลละครชุดจำกัดหรือละครชุดรวมเรื่องยอดเยี่ยม ในงานไพรม์ไทม์เอมมีอวอร์ดสครั้งที่ 75

เรื่องย่อ

[แก้]

ละครชุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ.2005) ซึ่งนิกายเจไดนั้นถูกกวาดล้างด้วยคำสั่งที่ 66 และลูกศิษย์ของปรมาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี ชื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ กลายเป็นซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ หลังจากที่ซ่อนตัวอยู่บนดาวทาทูอีนต่อไปอีกเป็นระยะเวลาสิบปีและเฝ้าดูลุค ลูกชายของอนาคิน เคโนบีถูกเรียกให้ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือเลอา ลูกสาวของอนาคิน เมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยอินควิซิเตอร์ที่ตามล่าเจไดของจักรวรรดิกาแลกติก โดยเป็นแผนเพื่อล่อเคโนบีออกมา[1][2][3] สิ่งนี้ทำให้เคโนบีต้องต่อสู้กับเวเดอร์[2] ซึ่งเขาคิดว่าตายไปแล้ว ทำให้ให้เคโนบีต้องเผชิญกับอดีตที่แสนเจ็บปวดของเขาและความรู้สึกผิด[4][5]

ตอน

[แก้]
ตอนชื่อกำกับโดยเขียนโดยวันเผยแพร่เดิม
1"Part I"เดโบราห์ ชาวบทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ ฮอสเซน อามีนี
บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์ และ ฮอสเซน อามีนี และ สตวร์ต บีตที
27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (2022-05-27)
สิบปีหลังจากคำสั่งที่ 66 ซึ่งส่วนใหญ่ของนิกายเจไดนั้นถูกฆ่าไป อดีตปรมาจารย์เจไดผู้สันโดษ โอบีวัน เคโนบี ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนดาวทาทูอีนโดยใช้นามแฝงว่า "เบน" เขาคอยดูแลลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตลูกศิษย์ของเขาที่กลายเป็นคนชั่ว อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ โดยในตอนนี้นั้น ลุคอาศัยอยู่กับลุงและป้าของเขา โอเวนและเบรู ลาร์ส และโอเวนนั้นไม่ชอบเคโนบี โคโนบีได้สูญเสียการสัมผัสถึงพลังของเขาไป และไม่สามารถติดต่อกับวิญญาณของอดีตอาจารย์ของเขา ไควกอน จินน์ ได้ และต้องพบเจอกับฝันร้ายจากเรื่องในอดีตของเขา อินควิซิเตอร์ซึ่งนำโดยแกรนอินควิซิเตอร์ได้ออกตามหาเจไดชื่อนารีบนดาวทาทูอีน นอกจากนี้ รีวา เซแวนเดอร์ ซึ่งเป็นภคินีที่ 3 นั้นยังคลั่งไคล้ในการตามหาเคโนบี ผู้ถูกเชื่อว่าตายแล้ว เพื่อล่อเขา เธอจึงจ้างนักล่าเงินรางวัลให้ลักพาตัวเจ้าหญิงเลอา ออร์กานาจากดาวอัลเดอราน นารีพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากเคโนบีแต่ถูกปฏิเสธไปและต่อมาเธอก็ถูกจับแขวนคอในเมือง เคโนบีตกลงที่จะออกช่วยเลอาหลังจากที่เบล ออร์กานาซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของเธอมาเยี่ยมเข้าที่ถ้ำ
2"Part II"เดโบราห์ ชาวบทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ ฮอสเซน อามีนี
บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์
27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (2022-05-27)
หลังจากที่ติดตามผู้ลักพาตัวเลอาไปยังดาวไดยู เคโนบีพบกับนักต้มตุ๋นชื่อฮาจา เอสทรีผู้พยายามปลอมแปลงเป็นเจได ฮาจาพาเคโนบีไปยังตำแหน่งของเลอาและเคโนบีก็เอาชนะผู้ลักพาตัวและช่วยเธอไว้ได้ แกรนด์อินควิซิเตอร์รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั้นจึงสั่งปิดเมือง รีวาไม่เชื่อฟังคำสั่งและวางเงินรางวัลไว้ที่เคโนบี ทำให้ทหารรับจ้างรอบ ๆ เมืองนั้นพุ่งเป้าไปที่เขาและเลอา ในตอนที่เลาตระหนักว่าพวกนั้นตามเคโนบี เธอเสียความเชื่อใจที่มีให้เขาและวิ่งหนีไป หลังจากที่เลอาวิ่งหนีจากทหารรับจ้างที่พยายามฆ่าเธอบนหลังคา เลอากระโดดและเคโนบีช่วยเธอไว้ด้วยพลัง ทำให้ได้รับความเชื่อใจจากเธออีกครั้ง ฮาจาพาพวกเขาไปยังท่าขนสินค้าที่ไม่มีใครเฝ้าซึ่งพวกเขาสามารถหนีได้ แต่เขาไม่สามารถหยุดรีวาให้เลิกตามได้ แกรนด์อินควิซิเตอร์มาถึงเพื่อจับเคโนบีด้วยตนเองแต่รีวากลับแทงเขาด้วยกระบี่แสงของเธอ ในตอนที่เคโนบีและเลอาหนี รีวาเปิดเผยว่าอนาคิน ซึ่งเคโนบีคิดว่าตายไปแล้ว นั้นยังมีชีวิตอยู่ในฐานะดาร์ธ เวเดอร์ ในที่ ๆ อื่น เวเดอร์ตื่นขึ้นมาในถังแบกตา
3"Part III"เดโบราห์ ชาวโจบี แฮโรลด์ กับ แฮนนาห์ ฟรายด์แมน และ ฮอสเซน อามีนี และ สตวร์ต บีตที1 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (2022-06-01)
ภายในปราการของเวเดอร์บนดาวมุสตาฟาร์นั้น เวเดอร์ได้สั่งให้รีวาหาตัวเคโนบี โดยสัญญาว่าจะเลื่อนขั้นให้เธอเป็นแกรนด์อินควิซิเตอร์หากเธอทำสำเร็จ ยานขนส่งของเคโนบีและเลอาลงจดบนดาวเหมือง ชื่อ มาปูโซ และพวกเขาเดินทางไปยังจุดนัดพบที่นัดไว้กับฮาจา เมื่อพวกเขาไปถึงแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่จึงขึ้นไปนั่งบนยานขนส่งของจักรวรรดิ พวกเขาถูกพบตัวและทหารของจักรวรรดิถูกส่งตัวมาเพื่อจับตัวพวกเขา แต่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิ ทาลา ซึ่งเป็นสมาชิกของ เดอะพาธ เครือข่ายใต้ดินที่ซ่อนตัวผู้ที่หลบหนีจากจักรวรรดิ เธอพาพวกเขาไปยังทางเดินลับใต้ดิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกมาได้นั้น เวเดอร์และอินควิซิเตอร์มาถึงและเริ่มที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์รอบ ๆ เพื่อล่อให้เคโนบีเผยตัวออกมา เคโนบีส่งเลอาและทาลาไปในขณะที่เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เขาเผชิญหน้ากับเวเดอร์ซึ่งทรงพลังมากกว่าเคโนบีและเขาก็ถูกเวเดอร์เผา ทาลาสร้างจุดสนใจเพื่อช่วยเหลือเคโนบี แต่เลอานั้นถูกจัขตัวไปโดยรีวา
4"Part IV"เดโบราห์ ชาวโจบี แฮโรลด์ กับ แฮนนาห์ ฟรายด์แมน8 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (2022-06-08)
หลังจากที่เคโนบีและทาลาหนีจากเวเดอร์บนดาวมาปูโซได้ พวกเขาไปถึงศูนย์ของเดอะพาธบนดาวจาบีม ในขณะเดียวกัน เลอาถูกจับตัวไว้ในฟอร์เทรสอินควิซิทอเรียสซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการขอบเหล่าอินควิซิเตอร์บนดาวเนอร์ เธอถูกรีวาสอบสวนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเดอะพาธ เคโนบีและทาลาวางแผนเพื่อแทรกซึมเข้าไปในปราการนี้เพื่อช่วยเลอา เมื่อได้เข้าไปข้างในแล้ว เคโนบีพบกับห้องเก็บรางวัลซึ่งเต็มไปด้วยศพของเจไดที่ถูกจับตัว ถูกฆ่า และรักษาสภาพศพไว้ นอกจากนี้ยังรวมถึงเจไดเด็กด้วย พวกเขาช่วยเหลือเลอาออกมาได้ แต่การแฝงตัวของทาลานั้นถูกเปิดโปงและพวกเขาก็ถูกพบ ในท้ายที่สุดพวกเขาหลบหนีมาได้ด้วยความช่วยเหลือของผู้บัญชาการโรเคนของเดอะพาธและทหารของเขา ด้วยความโมโห เวเดอร์จึงไปฆ่ารีวาแต่ก็ไว้ชีวิตเธอเมื่อเธอเปิดเผยว่าได้ติดเครื่องติดตามไว้บนดรอยด์เพื่อนของเลอา โลลา เผื่อไว้รอการช่วยเหลือ
5"Part V"เดโบราห์ ชาวโจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน15 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (2022-06-15)
เวเดอร์นึกถึงการฝึกกระบี่แสงที่เขาได้ฝึกกับเคโนบีก่อนสงครามโคลน ในขณะที่เขาตามเครือข่ายเดอะพาธไปยังจาบีม เวเดอร์เลื่อนขั้นให้รีวาเป็นแกรนอินควิซิเตอร์ เธอนำกำลังไปล้อมศูนย์ของเดอะพาธและปิดประตูหลบหนี เพื่อยื้อเวลา เคโนบีจึงพูดคุยกับรีวาและสามารถอนุมานได้ว่ารีวารู้ตัวตนที่แท้จริงของเวเดอร์ เพราะเธอเห็นเหตุการณ์สังหารหมู่ของเขาที่วิหารเจไดบนดาวคอรัสซังในตอนที่เธอเป็นเจไดเด็ก เธอเปิดเผยว่าเธอต้องการเอาใจเวเดอร์เพื่อแก้แค้นและฆ่าเขา หลังจากที่ศูนย์นั้นถูกเจาะเข้ามาได้ ทาลาได้เสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเคโนบี เคโนบีรู้ว่าเขาไม่สามารถชนะได้ จึงยอมแพ้และถูกนำตัวไปหารีวา เขาโน้มน้าวรีวาให้ฆ่าเวเดอร์ในตอนที่เธอส่งตัวเคโนบี ในขณะเดียวกัน เลอาเปิดประตูศูนย์หลังจากที่เธอเอ่าองติดตามออกจากโลลาได้ ทำให้เดอะพาธนั้นสามารถหลบหนีได้ในตอนที่เวเดอร์มาถึงที่ท่าเทียบยาน รีวาใช้โอกาสนี้ในการพยายามฆ่าเวเดอร์ แต่เธอก็ไม่สามารถเอาชนะเวเดอร์ได้และถูกแทง เธอถูกปล่อยให้ตายในขณะที่แกรนอินควิซิเตอร์คนเดิมนั้นกลับมาเพื่อยึดตำแหน่งคืน ในตอนที่เครือข่ายเดอะพาธหลบหนีมาได้ รีวาค้นพบข้อความของเบลบนเครื่องส่งสัญญาณของเคโนบีและตำแหน่งของลุคบนดาวทาทูอีนก็ถูกเปิดเผย
6"Part VI"เดโบราห์ ชาวบทประพันธ์โดย: สตวร์ต บีตที และ โจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน
บทละครโทรทัศน์โดย: โจบี แฮโรลด์ กับ แอนดรูว์ สแตนตัน และ ฮอสเซน อามีนี
22 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (2022-06-22)
รีวามาถึงดาวทาทูอีนเพื่อตามหาลุค ในขณะที่ดาร์ธ เวเดอร์และจักรวรรดิไล่ตามเครือข่ายเดอะพาธ เคโนบีตัดสินที่จะล่อเวเดอร์ไปและเผชิญหน้าเขาตัวต่อตัวบนดาวที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เดอะพาธสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ได้รับการสัมผัสถึงพลังอีกครั้ง เคโนบีเอาชนะเวเดอร์ได้ หลับจากที่รู้ว่าเวเดอร์นั้นได้น้อมรับตัวตนการเป็นดาร์ธ เวเดอร์อย่างเต็มตัวแล้ว เคโนบีจึงจากไปด้วยความเสียใจ เมื่อรีวาไปถึงบ้านของลุคนั้น รีวาถูกเผชิญหน้าโดยโอเวนและเบรู เธอปราบพวกเขาและตามลุคเข้าไปในทะเลทราย หลังจากที่นึกถึงการสังหารหมู่ที่วิหารเจไดของอนาคิน เธอตัดสินใจที่จะคืนลุคให้กับครอบครัวของเขา เคโนบีแสดงความดีใจที่เธอสามารถเอาชนะบาดแผลภายในใจของเธอและเป็นอิสระจากด้านมืด บนดาวมุสตาฟาร์ เวเดอร์ที่รักษาตัวแล้วนั้นเลิกตามหาเคโนบีหลังจากที่อาจารย์ของเขา จักรพรรดิพัลพาทีน ตั้งคำถามถึงเป้าหมายและความภักดีของเขา บนดาวอัลเดอราน เลอาตั้งปนิธานใหม่ในการเป็นเจ้าหญิง เคโนบีมาเยี่ยมครอบครัวออร์กานาและยืนยันว่าเขาจะช่วยเมื่อมีการขอความช่วยเหลือ หลังจากที่เขากลับมายังดาวทาทูอีน เขาเจรจากับโอเวนโดยตกลงที่จะปล่อยให้ลุคมีชีวิตปกติและเขาก็พบกับลุคเป็นครั้งแรก หลังจากที่พบความสงบภายในใจแล้ว เคโนบีก็สามารถที่จะติดต่อกับวิญญาณของไควกอน จินน์ได้สำเร็จ

นักแสดงและตัวละคร

[แก้]

นำแสดงโดย

[แก้]
  • ยวน แม็คเกรเกอร์ รับบทเป็น โอบีวัน เคโนบี:
    ปรมาจารย์เจไดผู้รอดชีวิตจากคำสั่งที่ 66 และตอนนี้ลี้ภัยภายใต้ชื่อ "เบน" บนดาวทาทูอีน โดยเฝ้าดูลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์[2][7] แม็คเกรเกอร์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เล่นตัวละครในเวอร์ชันที่มีการแสดงใกล้เคียงกับของการแสดงของอเล็ก กินเนสส์ จากไตรภาคเดิมของ สตาร์ วอร์ส มากกว่าเวอร์ชันที่เด็กกว่าของเขาเองจากไตรภาคต้น[8] โดยในจุดเริ่มต้นของละครชุดนั้น เคโนบีเป็นผู้ที่ "แตกสลาย ไร้ศรัทธา และพ่ายแพ้ แลดูจะยอมแพ้แล้ว"[9] ผู้อำนวยการสร้าง มิเชลล์ เรจวานบรรยายว่าเคโนบีอยู่ใน "ช่วงเวลาที่ค่อนข้างบอบช้ำทางจิตใจ" หลังจากการพ่ายแพ้ของเขาใน ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) รวมถึงการที่ลูกศิษย์ของเขา อนาคิน ตกสู่ด้านมืดของพลังด้วย เคโนบีปล่อยให้อนาคินตายบนดาวมุสตาฟาร์ในตอนจบของภาพยนตร์และรู้สึกผิดที่ทำเช่นนั้นไป[4] โดยผู้กำกับ เดโบราห์ ชาวรู้สึกทึ่งกับความคิดที่ว่าเคโนบีอาจยังคงห่วงใยอนาคินอย่างลึกซึ้ง[10] หัวหน้านักเขียนบท โจบี แฮโรลด์กล่าวว่าละครชุดนี้จะเชื่อมโยงเคโนบีรูปแบบที่ "อ่อนไหวทางอารมณ์มาก" ในไตรภาคก่อน เข้ากับรูปแบบของอเล็ก กินเนสส์ที่เป็น "ผู้บรรลุ" ใน ความหวังใหม่ (ค.ศ. 1977)[6] แม็คเกรเกอร์เข้าร่วมการสนทนาเกี่ยวกับการสร้างลักษณะตัวละครของเคโนบีในละครชุดนี้[4] และชมภาพยนตร์ในมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์อีกครั้งเพื่อเตรียมความพร้อม นอกจากนี้เขายังอ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์ รวมถึงนวนิยายที่เขียนโดย เอียน เอ็ม. แบงกส์ สำหรับบทบาทนี้ด้วย[11]

นักแสดงนำสมทบ

[แก้]
  • รูเพิร์ต เฟรนด์ เป็น แกรนด์อินควิซิเตอร์:
    สมาชิกของเผ่าพันธ์เปาอันจากดาวยูทาเปา ซึ่งเป็นอินควิซิเตอร์ที่ดำรงตำแหน่งสูงที่สุดในจักรวรรดิกาแลกติก[9] เขาเคยเป็นสมาชิกนิกายเจได โดยเป็นผู้พิทักษ์วิหารเจได เฟรนด์กล่าวว่าตัวละครของเขานั้นชอบเสียงของตนเองและเชื่อว่าเขานั้น "อยู่ระดับเดียว" กับดาร์ธ เวเดอร์ โดยหวังจะแทนที่เขาในฐานะศิษย์ของจักรพรรดิพัลพาทีน เฟรนด์ตื่นเต้นที่จะนำแกรนด์อินควิซิเตอร์สู่รูปแบบคนแสดงและต้องการให้ความเคารพตัวละครของเขาในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ แต่กระนั้น ชาว, และเดฟ ฟิโลนี ซึ่งเป็นผู้ร่วมให้กำเนิด เรเบลส์ นั้น ไม่ต้องการให้เขาเลียนแบบการแสดงของเจสัน ไอแซกส์ ซึ่งเป็นนักแสดงเดิม[12]
  • ซุง กัง เป็น ฟิฟบราเธอร์ (ภราดรที่ 5): อินควิซิเตอร์ผู้เป็นคู่ปรับของรีวาและทำตามคำสั่งจากทั้งแกรนด์อินควิซิเตอร์ และดาร์ธ เวเดอร์อย่างเคร่งครัด ฟิฟบราเธอร์นั้นเคยได้รับการพากย์เสียงโดยฟิลิป แอนโธนี-โรดรีเกส ใน เรเบลส์[13]
  • โมเสส อินแกรม เป็น รีวา เซวานเดอร์ / เธิร์ดซิสเตอร์ (ภคินีที่ 3):
    อินควิซิเตอร์ผู้โหดร้ายและทะเยอทะยาน และรู้สึกว่าเธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้แกรนด์อินควิซิเตอร์และดาร์ธ เวเดอร์เห็น[9][13] ด้วยความที่เธอเป็นอดีตเจไดเด็ก เธอแอบวางแผนที่จะล้างแค้นเวเดอร์ที่ฆ่าเพื่อน ๆ ของเธอในคำสั่งที่ 66[14] รีวามีเป้าหมายร่วมกับคนอื่น ๆ ในการตามหาเคโนบี แต่เธอเปิดใจในการใช้กลยุทธ์ที่หุนหันขึ้น[9][13] แฮโรลด์เชื่อว่ารีวานั้นจะ "เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งสืบทอดจากตัวร้าย สตาร์ วอร์ส ในรูปแบบที่น่าสนใจ" ในขณะที่อินแกรมอธิบายตัวละครเธอว่า "นักกีฬาเต็มตัว" และเท่[6] อินแกรมรู้สึกว่าการรู้สึกถึงการให้อภัยนั้นเป็นธีมหลักของตัวละครเธอ และว่ารีวานั้นมีความทะเยอทะยานจากความชอกช้ำจากความเจ็บปวดในอดีตของเธอ และเพิ่มเติมว่า "ถ้าเธอสามารถปล่อยมันไปได้ หรือว่าอย่างน้อย หากเธอสามารถจัดการกับมันได้ดีกว่านี้ เธอคงจะไม่ต้องทำในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่"[15] นอกจากนี้ เธอยังมีอิทธิพลต่อลักษณะของรีวา โดยยืนกรานให้ตัวละครของเธอใช้ผมหยิกธรรมชาติของเธอแทนวิก เพื่อให้เด็กชาวแอฟริกัน-อเมริกันสามารถเลียนแบบตัวละครได้ในฮาโลวีน[16] อายามี เสดจ์แสดงเป็นรีวาในวัยเด็ก[17]
  • วิเวียน ไลรา แบลร์ เป็น เลอา ออร์กานา: ลูกสาวของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์, แฝดหญิงของลุค และเจ้าหญิงแห่งอัลเดอรานที่ถูกจับตัวไปโดยนักล่าเงินรางวัล[18]
  • คูเมล นานเจียนี เป็น ฮาจา เอสทรี: นักต้มตุ๋นข้างถนนที่ทำงานตามถนนของดาวไดยู โดยปลอมแปลงเป็นเจได นานเจียนีได้ศึกษาเรื่องนักต้มตุ๋นและนักมายากลในชีวิตจริงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับบทนี้[19][20]
  • เฮย์เดน คริสเตนเซน เป็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ / ดาร์ธ เวเดอร์:
    อดีตลูกศิษย์ของเคโนบี ผู้ตกเข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นซิธลอร์ด เขาเป็นพ่อของลุค สกายวอล์คเกอร์ และเลอา ออร์กานา[1][2][21] ด้วยความที่เขาไม่ได้แสดงเป็นตัวละครนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 2005 เฮย์เดน คริสเตนเซนได้ดูภาพยนตร์ของมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์อีกครั้ง รวมถึงแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับบทนี้ เขาชื่นชอบเมื่อได้เห็นว่าแอนิเมชันชุดนี้นั้นได้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างอนาคินและเคโนบีมากขึ้น[11] คริสเตนเซนตื่นเต้นที่จะได้แสดงเป็นดาร์ธ เวเดอร์ เนื่องด้วยเขาเคยเล่นเป็นอนาคิน สกายวอล์คเกอร์เป็นหลัก และพูดคุยกับชาวเรื่องว่าเขาจะแสดงความทรงพลังอย่างต่อเนื่องและพันธนาการของเวเดอร์ได้อย่างไร[10] เขาบอกว่าเวเดอร์ในละครชุดนี้นั้น "ทรงพลังมาก"[6] ถึงแม้ว่าคริสเตนเซนแสดงเป็นเวเดอร์ แต่ดิมิเทรียส บิสเทรฟสกีนั้นแสดงเป็นนักแสดงภายในชุดของเวเดอร์ และทอม โอ'คอนเนลล์แสดงเป็นสตันท์[22] เสียงของเจมส์ เอิร์ล โจนส์นั้นถูกนำมาใช้สำหรับดาร์ธ เวเดอร์ ดังเช่นสื่อก่อนหน้าของ สตาร์ วอร์ส แต่เสียงของเขาในละครชุดนี้นั้นถูกสร้างโดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ชื่อ รีสปีเชอร์ (ซึ่งก็ถูกสำหรับลุคใน คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์) โดยยึดจากเสียงอัดของโจนส์จากภาพยนตร์ต่าง ๆ[23]
  • อินดิรา วาร์มา เป็น ทาลา ดูริธ: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่ตาสว่าง บนดาวมาปูโซ ผู้ช่วยให้เจไดหลบหนีจากจักรวรรดิด้วยความช่วยเหลือจาก เดอะพาธ[20]
  • โอ'เชีย แจ็กสัน จูเนียร์ เป็น คาวลาน โรเคน: หัวหน้าเครือข่ายเดอะพาธ ผู้ช่วยให้เจไดหลบหนีจากจักรวรรดิ[20]

นักแสดงร่วมคนอื่น ๆ

[แก้]

นอกจากนี้แล้ว หมิง ชิว ซึ่งเป็นสตันท์จากละครชุดของ สตาร์ วอร์ส เรื่อง เดอะแมนดาลอเรียน และ คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์ แสดงเป็นปรมาจารย์เจได มีนาส เวลตี ในช่วงฉากย้อนหลังของคำสั่งที่ 66[18] แกรนต์ ฟีลี แสดงเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นลูกชายของอนาคิน[29] และแอนโธนี แดเนียลส์ กลับมารับบทเป็นซีทรีพีโอ ในขณะที่เทมูเอรา มอร์ริสันแสดงเป็นโคลนทรูปเปอร์หลังจากที่แสดงเป็นโคลนในสื่อก่อน ๆ ของ สตาร์ วอร์ส[18] ลูกสาวของยวน แม็คเกรเกอร์ เอสเธอร์-โรส แม็คเกรเกอร์ แสดงเป็น เทธา กริก นักค้าสไปซ์ที่เคโนบีพบเจอบนท้องถนนของดาวไดยู[30] ดัสติน ซีทเฮเมอร์ แสดงเป็นดรอยด์ เน็ด-บี[31] เลียม นีสันกลับมารับบทเป็นไควกอน จินน์ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ของโอบีวันที่ตายไปแล้ว โดยเขาเป็นนักแสดงรับเชิญที่ปรากฏตัวแบบสั้น ๆ และไม่ได้รับเครดิต[28]

การผลิต

[แก้]

ภูมิหลัง

[แก้]

บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์ ได้ประกาศการพัฒนาภาพยนตร์ภาคแยกต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013[32] โอบีวัน เคโนบีนั้นเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้นจากการสำรวจความคิดเห็นของ เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เทอร์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 ซึ่งถามว่าตัวละคร สตาร์ วอร์ส คนใดสมควรได้รับภาพยนตร์แยก[33] ยวน แม็คเกรเกอร์ผู้แสดงเป็นเคโนบีในไตรภาคภาคก่อนของ สตาร์ วอร์ส ได้แสดงความตั้งใจอย่างที่จะกลับมารับบทบาทนี้อีกครั้งไม่เป็นทางการ ซึ่งนำไปสู่การพบกับลูคัสฟิล์มอย่างเป็นทางการ เพื่อที่บริษัทจะได้วัดความสนใจของเขาในการกลับมารับบทนี้ในภาพยนตร์ภาคแยก[6] การพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มขึ้นในไม่ช้า โดยสตีเฟน ดาลดรีเข้าได้พูดคุยเพื่อกำกับโปรเจ็กต์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2017[34] แม็คเกรเกอร์ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการผลิตโปรเจ็กต์นี้[10] ดาลดรีถูกคาดหวังให้ดูแลการพัฒนาและการเขียนร่วมกับลูคัสฟิล์ม[34] และติดต่อโฮสเซน อามีนีเกี่ยวกับการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ อามีนีเข้าร่วมโครงการในช่วงปลายปี ค.ศ. 2017[35]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 มีรายงานว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า โอบีวัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส โดยมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเคโนบีในการปกป้องลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์บนดาวทาทูอีน ในช่วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างเกษตรกรท้องถิ่นและทัสเคนเรดเดอร์[36] การผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในไอร์แลนด์เหนือ ภายใต้ชื่อระหว่างการถ่ายทำ โจชัว ทรี[36][37] โดยจะเริ่มในปี ค.ศ. 2019 ที่เพนท์ฮอลล์สตูดิโอส์ในเบลฟัสต์ เมื่อการผลิตซีซันสุดท้าย มหาศึกชิงบัลลังก์ สิ้นสุดลงในปลายปี ค.ศ. 2018[38] อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์ยกเลิกภาพยนตร์ภาคแยกของ สตาร์ วอร์ส ที่วางแผนไว้ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ของเคโนบีด้วย หลังจากที่ ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2018) ประสบความล้มเหลวด้านการเงิน จุดมุ่งหมายของลูคัสฟิล์มจึงเปลี่ยนไปสู่การสร้างละครชุดสำหรับบริการสตรีมมิง ดิสนีย์+ เช่น เดอะแมนดาลอเรียน[39][6] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าเขาถูกถามเกี่ยวกับภาคแยกของเคโนบี "มาเป็นเวลาหลายปีมาก" และยินดีที่จะมีส่วนร่วม แต่บอกว่าในขณะนั้นยังไม่มีแผนสำหรับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เขาสนใจที่จะสำรวจตัวละครในช่วงเวลาระหว่างการแสดงของเขาในภาพยนตร์ไตรภาคต้นกับของการแสดงของอเล็ก กินเนสส์ ในไตรภาคเดิม[40] และอยากเห็นเรื่องราวของ "ชายผู้สูญเสียศรัทธา" ที่สามารถแสดงให้เห็นว่ารูปแบบของเขาที่ "มีคำพูดตลก ๆ อยู่เสมอ หรือดูเหมือนจะใจเย็นและเป็นนักรบที่ดีอยู่เสมอ" นั้นกลายเป็น "คนที่แตกหัก" และต้อง "กลับมารวมกันอีกครั้ง" เพื่อให้เข้ากับการแสดงของกินเนสส์[10]

การพัฒนา

[แก้]

แม็คเกรเกอร์เข้าสู่การเจรจาเพื่อแสดงละครชุดโทรทัศน์สำหรับ ดิสนีย์+ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่โอบีวัน เคโนบี ภายในกลางเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019[39] ต่อมาในเดือนเดียวกันนั้นที่งาน D23 ของดิสนีย์ เคธลีน เคนเนดีซึ่งเป็นประธานของลูคัสฟิล์มและแม็คเกรเกอร์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าแม้คเกรเกอร์จะกลับมารับบทเป็นเคโนบีอีกครั้งในละครชุดใหม่สำหรับดิสนีย์+ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแปดปีหลังจากเหตุการณ์ใน สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005)[7] มีกำหนดเริ่มการถ่ายทำในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020[35][41] และบทสำหรับละครชุดจำกัดที่มีหกตอนนี้นั้นได้รับการเขียนโดยอามีนีเรียบร้อยแล้ว ณ เวลาที่ประกาศ[35] แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าการประกาศดังกล่าวทำให้รู้สึกโล่งใจ โดยอธิบายว่าเขาได้โกหกเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการแยกตัวของเคโนบีมาเป็นเวลาสี่ปี[42] หนึ่งเดือนต่อมา เคนเนดีประกาศว่าเดโบราห์ ชาวจะกำกับละครชุดของเคโนบีหลังจากที่ทำให้เคนเนดีประทับใจ ด้วยผลงานการกำกับตอนต่าง ๆ ของ เดอะแมนดาลอเรียน[43]

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 อามีนีกล่าวว่าช่วงเวลาของละครชุดนี้น่าสนใจมากเนื่องจากเคโนบีกำลังรับมือกับการสูญเสียเพื่อนของเขาและนิกายเจได ทำให้อามีนีสามารถสำรวจแง่มุมต่าง ๆ ของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส นอกเหนือจากฉากโลดโผน เช่น ด้านจิตวิญญาณ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากแหล่งที่มาที่จอร์จ ลูคัส ผู้สร้าง สตาร์ วอร์ส ได้รับแรงบันดาลใจตั้งแต่แรก รวมถึงเรื่อง วีรบุรุษหนึ่งพันหน้า ของโจเซฟ แคมป์เบลล์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซามูไร และพระพุทธศาสนา เมื่อเปรียบเทียบบทของละครชุดนี้กับแผนภาพยนตร์ต้นฉบับของเขา อามีนีกล่าวว่าเขาสามารถสำรวจตัวละคร การเมือง และประวัติศาสตร์ในละครชุดนี้ได้มากกว่าในภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมงซึ่ง "ดูจะบังคับให้เกิดเหตุการณ์และโครงเรื่องเสมอ เพื่อให้สามารถดำเนินเรื่องได้อย่างรวดเร็ว"[35] ชาวรู้สึกว่างานของเธอใน เดอะแมนดาลอเรียน เป็นการฝึกฝที่ดีที่สุดสำหรับละครชุดของเคโนบี โดยเรียนรู้จากผู้อำนวยการสร้างละครชุดนั้น จอน แฟฟโรว์ และเดฟ ฟิโลนี[44]

ละครชุดนี้อยู่ระหว่างพรีโปรดักชันที่ไพน์วูดสตูดิโอส์ในลอนดอนภายในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020[45] และมีการคัดเลือกนักแสดงที่มีศักยภาพในการแสดงร่วมกับแม็คเกรเกอร์[46] ภายในสิ้นเดือนนั้น มีข่าวลือว่าละครชุดนี้ถูกยกเลิกเนื่องจากปัญหาในการผลิต ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นเช่นดังนั้น ละครชุดนี้ก็ถูกระงับไว้อย่างไม่มีกำหนด และทีมงานที่รวมตัวกันแล้วก็ถูกส่งกลับบ้าน[45][46] ว่ากันว่าเคนเนดีนั้นไม่พอใจกับบทของละครชุดนี้[46] โดยมีรายงานว่ามีโครงเรื่องที่คล้ายกับเรื่องราวของ เดอะแมนดาลอเรียน ซึ่งเดอะแมนดาลอเรียนปกป้อง "เด็กทารก" โดยมีเคโนบีปกป้องสกายวอล์คเกอร์เด็กจากภัยคุกคามต่าง ๆ[29][46] ชาวได้แสดงบทเหล่านี้แก่แฟฟโรว์และฟิโลนี ซึ่งก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความคล้ายคลึงกับ เดอะแมนดาลอเรียน และสนับสนุนให้ชาวและละครชุดนี้ "เล่นใหญ่ขึ้น"[29] ลูคัสฟิล์มเริ่มมองหานักเขียนบทใหม่สำหรับละครชุดนี้เพื่อเริ่มต้นเขียนบทใหม่ทั้งหมด โดยที่ชาวยังคงถูกคาดหวังว่าจะกำกับ[46] เคนเนดีอธิบายว่าพวกเขาหวังว่าจะมี "เรื่องราวที่มีความหวังและยกระดับจิตใจ" และกล่าวว่าทำให้เป็นอย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากหากพิจารณาจากสถานะที่เคโนบีอยู่หลังจาก ซิธชำระแค้น เธอยังเสริมอีกว่า "คุณไม่สามารถโบกไม้กายสิทธิ์ใส่นักเขียนคนใดก็ตามและได้เรื่องราวที่สะท้อนถึงสิ่งที่คุณต้องการรู้สึกได้เลยในทันที"[6] เป้าหมายนั้นคือการเริ่มพรีโปรดักชันอีกครั้งในช่วงกลางปี ค.ศ. 2020 เมื่อเขียนบทใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว[45] มีรายงานว่าละครชุดนี้กำลังถูกทำใหม่จากหกตอนเป็นสี่ตอน[46] แต่แม็คเกรเกอร์บอกว่าเขาไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เขาเสริมว่าลูคัสฟิล์มได้ตัดสินใจที่จะใช้เวลามากขึ้นในการทำงานกับบทหลังจากการเปิดตัวของ สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (ค.ศ. 2019) และการถ่ายทำถูกเลื่อนออกไปไปจนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 แต่เขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อกำหนดการเปิดตัวที่วางไว้ของละครชุดนี้[47]

โจบี แฮโรลด์ได้รับการว่าจ้างให้รับหน้าที่นักเขียนแทนอามีนีในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020[48] และทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างรายการ[49] ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน การถ่ายทำถูกเลื่อนไปจนถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19[50] ในงานดิสนีย์อินเวสเตอร์เดย์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เคนเนดีได้ประกาศว่าละครชุดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการ ว่า โอบีวัน เคโนบี และยืนยันว่าชาวเป็นผู้กำกับ[1] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 แม็คเกรเกอร์เปิดเผยว่าการถ่ายทำละครชุดนี้จะเกิดขึ้นในลอสแองเจลิสแทนที่จะเป็นลอนดอนและบอสตัน, ลินคอล์นเชียร์, ประเทศอังกฤษ ตามที่เคยรายงานไว้[51][52] ละครชุดนี้อำนวยการสร้างโดยเคนเนดี, มิเชลล์ เรจวาน, ชาว, แม็คเกรเกอร์ และแฮโรลด์[53] และประกอบไปด้วยตอนทั้งหมดหกตอน[54]

โอบีวัน ถูกมองว่าเป็นละครชุดจำกัด โดยชาวอธิบายว่าเป็น "เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เรื่องเดียวที่มีจุดเริ่มต้น ตรงกลาง และจุดสิ้นสุด" อย่างไรก็ตาม เคนเนดีกล่าวว่ามีโอกาสที่จะสร้างละครชุดเรื่องนี้เพิ่มอีกเนื่องจากช่วงเวลาที่สนุกสนานในระหว่างที่นักแสดงและทีมงานสร้างมันขึ้นมา ตราบใดที่มีเหตุผลของเรื่องราวที่น่าสนใจพอในการกลับไปสำรวจตัวละครนี้[6] โดยทั้งแม็คเกรเกอร์และคริสเตนเซนแสดงความสนใจที่จะสร้างซีซันใหม่[55][56] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 เคนเนดีตั้งข้อสังเกตว่าซีซันที่สองไม่ถือเป็น "การพัฒนาที่กระตือรือร้น" สำหรับลูคัสฟิล์ม โดยย้ำถึงความสนใจของชาวและ แม็คเกรเกอร์มากขึ้น และระบุว่าบริษัทอาจกลับมาที่ตัวละครและโครงเรื่อง "ในภายหลัง"[57]

การเขียนบท

[แก้]

ชาวกล่าวว่าเรื่องราวดังกล่าวนั้นผ่าน "การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ" หลังจากการจ้างแฮโรลด์[6] แม้ว่าองค์ประกอบเรื่องราวบางอย่างที่อามีนีคิดไว้จะถูกรวมอยู่ในสามตอนแรกและตอนสุดท้ายโดยที่อามินีและสตวร์ต บีตทีจะได้รับเครดิตสำหรับบทส่วนดังกล่าว แฮนนาห์ ฟรายด์แมน และแอนดรูว์ สแตนตันเป็นผู้เขียนบทเพิ่มเติมในละครชุดนี้[58][59] แฮโรลด์ต้องการสำรวจว่าอะไรเกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาการแสดงเป็นเคโนบีโดยเคโนบีของแม็คเกรเกอร์ กับของอเล็ก กินเนสส์ในไตรภาคเดิม และตั้งข้อสังเกตว่าละครชุดนี้เกิดขึ้นเมื่อจักรวรรดิ "ขึ้นมามีอำนาจ" และเจไดถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว โดยผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดนั้นอยู่ระหว่างการหลบหนีหรือซ่อนตัว[6] เขากล่าวว่าอดีตของเคโนบี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอนาคินนั้น ทำให้เขาเป็น "ชายผู้ได้รับการนิยามโดยประวัติศาสตร์นั้น แม้ว่าเขาอยากจะเป็นหรือไม่ก็ตาม" เขายังเพิ่มเติมว่าส่วนสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเคโนบีนั้นเกี่ยวกับ "การคืนดีกับอดีตนั้นและเข้าใจมันและเข้าใจบทบาทของเขาในช่วงเวลานั้น" และยังเกี่ยวกับ "สถานที่ต่าง ๆ ที่เขาต้องไป ทั้งด้วยอารมณ์ความรู้สึก และด้วยกายหยาบของตัวเอง และยังมีศึกต่าง ๆ ที่เขาต้องต่อสู้" ซึ่งสุดท้ายแล้วจะ "ต้องเผชิญหน้ากับอดีตของเขา และเข้าใจว่าเขาเป็นใคร บทบาทของเขาในประวัติศาสตร์ของเขา และในประวัติศาสตร์ของผู้อื่น"[5]

แฮโรลด์ยังเลือกที่จะใส่เลอาไว้ในละครชุดนี้เพราะเขารู้สึกว่าเคโนบีก็คงจะจะดูแลเลอาด้วย ในการเขียนบทพูดของเขา เขาต้องการให้เธอนั้น "มีจิตวิญญาณและไม่ใช่แค่บทที่ผู้ใหญ่เขียนให้เด็ก" และใช้ภาพยนตร์ พระจันทร์กระดาษ (ค.ศ. 1973) และ 2 กวนได้ 3 กำ (ค.ศ. 1988) เป็นแรงบันดาลใจสำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเคโนบี นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่าละครชุดนี้นั้นอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องในอนาคตด้วยบริบทใหม่ เช่น การให้บริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อความของเลอาถึงเคโนบีใร ความหวังใหม่ (ค.ศ. 1977) และด้วยเหตุนี้เขาจึง "มุ่งเน้นไปที่ [โอบี-วัน เคโนบี] อย่างเต็มที่ โดยให้เป็นเอพพิโซด 3.5 ระหว่างไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น เนื่องจากต้องผสมผสานตัวเลือกในการเล่าเรื่องระหว่างไตรภาคทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน และอยากให้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็น "ความเชื่อมโยงอย่างเป็นธรรมธรรมชาติ" ระหว่างไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น[60] แฮโรลด์ยังชี้แจงด้วยว่าละครชุดนี้จะไม่ทำลายเส้นเวลาหลักหลังจากมีการคาดเดากันว่าละครชุดนี้จะเบี่ยงเบนไปเส้นเวลาหลักเนื่องจากรีวาแทงแกรนด์อินควิซิเตอร์ใน "Part II" โดยมีแฟน ๆ หลายคนสันนิษฐานว่าเขาตายแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับเหตุการณ์ของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์[61][62]

เคนเนดีและชาวเตือนผู้เขียนบทไม่ให้สร้างการเชื่อมโยงอย่างเปิดเผยกับ เดอะแมนดาลอเรียน และละครชุดภาคแยกต่าง ๆ โดยชาวระบุว่าความเชื่อมโยงที่เหนียวแน่นที่สุดระหว่าง โอบีวัน เคโนบี กับแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส ที่เหลือคือต้องเป็นกับภาพยนตร์ไตรภาคต้น[6] ชาวต้องการที่เคารพวิสัยทัศน์เดิมของจอร์จ ลูคัสสำหรับแฟรนไชส์นี้ และทำงานเพื่อเชื่อมโยงองค์ประกอบจากไตรภาคเดิมและไตรภาคต้น[63] เธอค้นคว้าจักรวาลขยายเพื่อเตรียมความพร้อมในละครชุดนี้ โดยอ้างถึงนวนิยายเรื่อง สตาร์ วอร์ส: เคโนบี (ค.ศ. 2013) ของจอห์น แจ็กสัน มิลเลอร์ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง "โทน" แต่เนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีอิทธิพลต่อเขา และยังมีรูปปั้นเคโนบีของไซด์โชว์ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาพอ้างอิงสำหรับชาว[64][65] เธอยังทำงานเพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร โดยเปรียบเทียบเรื่องนี้กับภาพยนตร์อย่างโลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (ค.ศ. 2017) และ โจ๊กเกอร์ (ค.ศ. 2019) โดยบอกว่าการทำแบบนี้คือ "การที่คุณดึงตัวละครตัวหนึ่งออกมาจากแฟรนไชส์ใหญ่ แล้วคุณจะมีเวลาจริง ๆ และคุณเจาะลึกตัวละครตัวนี้ลงไปมาก"[66] แรงบันดาลใจเพิ่มเติม ได้แก่ "ภาพยนตร์ตะวันตกที่งดงามและกล้าหาญ" เช่น แผนสังหารตำนานจอมโจร เจสซี่ เจมส์ (ค.ศ. 2007) และ เดนเมืองดิบ (ค.ศ. 2005) รวมถึง ผลงานของอากิระ คูโรซาวะ เธอรู้สึกว่ามี "ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น" ระหว่างเจไดและโรนิงซึ่งมี "หลักจริยธรรมที่สอดคล้องกับมัน ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก"[67] ดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ได้รับการแนะนำในละครชุดนี้คือดาวไดยู ซึ่ง แฮโรลด์เปรียบเทียบกับฮ่องกงที่มี "ชีวิตยามค่ำคืนที่ขับเคลื่อนด้วยรอยขูดขีดเขียน" ซึ่งทำหน้าที่เป็นสิ่งตรงข้ามกับดาวทะเลทรายทาทูอีนที่เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ในละครชุดนี้[6]

มีการพูดคุยกันเป็นเวลานานก่อนที่จะมีการตัดสินใจที่จะรวมดาร์ธ เวเดอร์ไว้ในละครชุดนี้[6] และ ชาวกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ... อนาคินและเวเดอร์เป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งมากในชีวิต[ของเคโนบี] ในท้ายที่สุดแล้ว เรารู้สึกว่าการมีเขานั้นสมเหตุสมผลในการเล่าเรื่องนี้”[68] ชาวสนับสนุนแนวคิดที่จะรวมเวเดอร์ในละครชุดนี้เมื่อผู้บริหารของลูคัสฟิล์มไม่แน่ใจว่าควรทำเช่นนี้หรือไม่[10] ชาวกล่าวว่าตัวละครของเวเดอร์คล้ายกับตัวละครของเคโนบีในละครชุดนี้โดยตัวละครเหล่านี้นั้น "ไม่ได้พัฒนาจนสมบูรณ์แบบที่เห็นใน ความหวังใหม่ "[69] และเธอเสริมว่าการปรากฏตัวของเวเดอร์ในละครชุดนี้นั้นอธิบายฉากของตัวละครนี้กับเคโนบีใน ความหวังใหม่ ในบริบทใหม่[10] ละครชุดนี้ยังเปิดตัวเหล่าอินควิซิเตอร์ของเวเดอร์ในรูปแบบคนแสดงซึ่งได้รับมอบหมายให้ตามล่าเจไดที่หลงเหลืออยู่ หลังจากที่เคยปรากฏตัวในสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ[6] รูปแบบการปรากฏตัวของเวเดอร์ในละครชุดนี้และแนวคิดในการแนะนำเหล่าอินควิซิเตอร์ต่างก็ถูกเสนอโดยฟิโลนี[29] บทเดิมนั้นมีตัวร้ายที่ต่าง ๆ รวมถึงดาร์ธ มอล[29] แต่ชาวตัดสินใจที่จะไม่ใช้เขาเพราะเธอรู้สึกว่าการมีทั้งมอลและเวเดอร์จะ "มากไปหน่อย" เนื่องด้วยผลกระทบที่เวเดอร์นั้นส่งต่อเรื่องราวนี้นั้นมากอยู่แล้ว เธอยังทราบว่าฟิโลนีได้เล่าเรื่องราวของเคโนบีและมอลในช่วงเวลานี้ไว้อยู่แล้วในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์[68]

การคัดเลือกนักแสดง

[แก้]

นอกจากการประกาศละครชุดนี้ที่ D23 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 ยังมีการยืนยันว่าแม็คเกรเกอร์จะแสดงในละครชุดนี้ โดยรับบทเป็นเคโนบีจากไตรภาคต้น[7] ในตอนที่การสร้างนั้นถูกหยุดชะงักในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 นั้น เรย์ พาร์คกำลังเตรียมที่จะกลับมารับบทบาทของเขาในฐานะดาร์ธ มอล และยังมีการคัดเลือกนักแสดงให้รับบทเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ออกจากละครชุดนี้หลังจากการที่มอลนั้นถูกตัดออกจากบทใหม่และการที่การสร้างนั้นล่าช้า[29]

เคนเนดีประกาศในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 ว่า เฮย์เดน คริสเตนเซนจะกลับมารับบทของเขาจากไตรภาคต้นเพื่อเป็นอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ / ดาร์ธ เวเดอร์ ในละครชุดนี้[1][21] ชาวได้พบกับคริสเตนเซนที่ฟาร์มของเขาในประเทศแคนาดาเมื่อปลายปี ค.ศ. 2019 เพื่อเสนอละครชุดนี้ให้เขาฟังด้วยตัวเอง[6][10] แม็คเกรเกอร์กล่าวว่าการกลับมารวมตัวกับคริสเตนเซนในละครชุดนี้เป็น "สิ่งที่สวยงามที่สุด" ในขณะที่เคนเนดีอธิบายว่าเป็น "การพบกันอีกครั้งแห่งศตวรรษ"[2] เจมส์ เอิร์ล โจนส์ได้รับการประกาศว่าเขาจะกลับมารับบทของเขาในแฟรนไชส์ ในฐานะเสียงของดาร์ธ เวเดอร์[70] แม้ว่าเสียงของเขาจะถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า รีสปีเชอร์ โดยใช้บันทึกเสียงก่อน ๆ ของโจนส์นี้ก็ตาม[23] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 โมเสส อินแรม, คูเมล นานเจียนี, อินดีรา วาร์มา, รูเพิร์ท เฟรนด์, โอ'เชียร์ แจ็คสัน จูเนียร์, ซุง กัง, ซิโมน เคสเซลล์ และเบบนี แซฟได เข้าร่วมทีมนักแสดง[53] และมีโจล เอ็ดเกอร์ทอน และบอนนี พีส กลับมารับบทเป็นโอเวน ลาร์ส และเบรู ไวท์ซัน ลาร์สจากภาพยนตร์ไตรภาคต้น ตามลำดับ มีรายงานว่าอินแกรมจะมาเล่น "บทบาทที่สำคัญ" สำหรับละครชุดนี้[24] หนึ่งเดือนต่อมา มายา เออร์สกินได้รับบทเป็นตัวประกอบโดยมีรายงานว่าจะปรากฏตัวอย่างน้อยสามตอน[71] ในขณะที่ โรรี รอสส์ เปิดเผยว่าเขามีส่วนร่วมในละครชุดนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022[72]

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 อินแกรม เฟรนด์ และกังนั้นได้รับการเปิดเผยว่าจะมารับบทเป็น อินควิซิเตอร์ รีวา / เธิร์ดวิสเตอร์, แกรนด์อินควิซิเตอร์ และฟิฟบราเธอร์ ตามลำดับ[9][13] แกรนด์อินควิซิเตอร์และภราดรที่ 5 นั้นเคยปรากฏตัวใน สตาร์ วอร์ส และพากย์เสียงโดยเจสัน ไอแซก และฟิลิป แอนโธนี-โรดรีเกสตามลำดับ[73] ก่อนหน้านี้ไอแซกเคยแสดงความสนใจที่จะรับบทบาทของเขาในรุปแบบคนแสดงอีกครั้ง[74] วาร์มาได้รับการยืนยันว่าจะมารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิ[9] และแกรนต์ ฟีลีนั้นถูกเปิดเผยว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงคนใหม่ของลุค สกายวอล์คเกอร์ในวัยเยาว์[29] การฉายรอบปฐมทัศน์ของละครชุดนี้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 เปิดเผยว่าจิมมี สมิตส์กลับมารับบทของเขาจากภาพยนตร์ไตรภาคต้นในฐานะวุฒิสมาชิก เบลล์ ออร์กานา เคสเซลล์รับบทเป็นราชินีเบรฮา ภรรยาของเขา โดยแทนที่รีเบกกา แจ็คสัน เมนโดซาซึ่งแสดงเป็นตัวละครเป็นช่วงสั้น ๆ ใน ซิธชำระแค้น วิเวียน ไลรา แบลร์ได้รับการเปิดเผยว่าจะรับบทเป็นเลอา ออร์กานาในวัยเยาว์[18]

เอียน แม็คเดียร์มิด และเลียม นีสัน กลับมารับบทเป็นพัลพาทีนและไควกอน จินน์ในตอนจบของละครชุดนี้อีกด้วย โดยเขาเป็นนักแสดงรับเชิญที่ปรากฏตัวแบบสั้น ๆ แม้ว่านีสันเคยแสดงความลังเลที่จะแสดงบทบาทในละครโทรทัศน์อีกครั้งเพราะเขาชอบภาพยนตร์มากกว่า[28] แต่เขาก็ตกลงที่จะปรากฏตัวเพื่อแสดงความเคารพต่อลูคัส และเพราะเขาไม่ต้องการให้ตัวละครไควกอนนั้นถูกแสดงโดยคนอื่น[75]

งานออกแบบ

[แก้]

ดัก เชียง และทอดด์ เชอร์เนียฟสกี เป็นนักออกแบบงานสร้างในละครชุดนี้[76][77] โดยมีสุทธิรัตน์ แอนน์ ลาลาภเป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย[78] เชียงซึ่งเป็นรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของลูคัสฟิล์มที่ดูแลการออกแบบโปรเจ็กต์ทั้งหมด กล่าวว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของละครชุดนี้คือการเชื่อมโยงการออกแบบของไตรภาคต้นและไตรภาคเดิมเข้าด้วยกัน และยังคงเคารพภาพยนตร์เหล่านั้นในขณะที่เพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น การออกแบบของดาวทาทูอีนยังคงสอดคล้องกับภาพยนตร์ แต่พวกเขาสามารถนำองค์ประกอบใหม่ ๆ มาสู่ละครชุดนี้สำหรับเมืองแองเคอร์เฮด ซึ่งได้รับการกล่่วถึงเป็นครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 1977) แต่ยังไม่เคยแสดงบนหน้าจอมาก่อน[77] เชียงและเชอร์เนียฟสกีร่วมมือกันสร้างงานออกแบบและบรรลุ "ความสมดุล" ตามที่ชาวต้องการ [15]

ผู้อำนวยการอุปกรณ์ประกอบฉาก แบรด เอลเลียต ได้ชมภาพยนตร์ทั้งหมดในไตรภาคต้นอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานของเขาในละครชุดนี้ เขาได้รับอิทธิพลจากสิ่งของต่าง ๆ ที่พาโบล ฮีดาลโกนำมาให้ทีมสร้างสรรค์ ซึ่งคืองานของราล์ฟ แม็คควอรีในไตรภาคเดิม และเทคนิคที่ผู้สร้างอุปกรณ์ประกอบฉากใช้ในไตรภาคเดิม[79] เขาเลือกที่จะเก็บของบางส่วนของเคโนบี เช่น กล้องส่องทางไกล โฮโลโปรเจ็กเตอร์ และดาต้าแพดจากไตรภาคต้น เขารู้สึกว่า "มันสมเหตุสมผลแล้วที่เคโนบีจะนำสิ่งของสองสามชิ้นติดตัวไปด้วยเพื่อดูแลลุค" และอธิบายว่าเขาเก็บโฮโลโปรเจ็กเตอร์ไว้เผื่อในกรณีที่เบล ออร์กานาติดต่อเขา การสร้างกระบี่แสงของเคโนบีถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้สร้างอุปกรณ์ประกอบฉาก เนื่องจากผู้ออกแบบอุปกรณ์ประกอบฉากจากไตรภาคต้นและไตรภาคเดิมไม่ได้ใช้การออกแบบด้ามดาบแบบเดียวกัน ทำให้ทีมงานอุปกรณ์ประกอบฉากในละครชุดนี้ต้องผสานสองรูปแบบนี้เข้าด้วยกัน "ให้กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนจริง" เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าภาพรวมที่สวยงามของด้ามดาบนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไตรภาคต้นเป็นหลัก แต่ทีมงานได้อัพเกรดตัวปล่อยแสงให้เเหมือนกระบี่แสงของกินเนสส์ใน สตาร์ วอร์ส[80] เมื่อถึงคราวสร้างกระบี่แสงให้กับอินควิซิเตอร์ ฟิโลนีแนะนำให้พวกเขาจินตนาการว่ารูปแบบแอนิเมชันนั้นเป็น "รูปแบบเกินจริง" ของรูปแบบคนแสดง เอลเลียตกล่าวว่าสิ่งนี้ช่วยให้ทีมสามารถรักษารูปร่างโดยรวมของกระบี่แสงจาก เรเบลส์ ซึ่งเหล่าอินควิซเตอร์นั้นปรากฏตัวเป็นครั้งแรก แต่สามารถเปลี่ยนสัดส่วนสำหรับให้มนุษย์สัมผัสได้ ทีมงานปรับแต่งเส้นผ่านศูนย์กลางของกระบี่แสงเพื่อรองรับนักแสดง[79]

การถ่ายทำ

[แก้]

การถ่ายทำนั้นถูกกำหนดให้เริ่มในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021[53] ในลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย[51] โดยมีเดโบราห์ ชาวเป็นกำกับ[1] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[81] ชังฮุน ชังทำหน้าที่เป็นช่างถ่ายภาพยนตร์สำหรับละครชุดนี้[82] และละครชุดนี้ใช้เทคโนโลยีกำแพงวิดีโอของสเตจคราฟต์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้สำหรับ เดอะแมนดาลอเรียน และ คัมภีร์แห่งโบบ้า เฟตต์[83][84] ละครชุดนี้ยังถ่ายทำในฉาก วอลูม ซึ่งเป็นเวทีที่ใช้สเตจคราฟต์ ที่แมนฮัตตันบีชสตูดิโอ ในลอสแอนเจลิส[85] ชาวเลือกชุงเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์เพราะเธอชอบรุปแบบภาพของเขาและรู้สึกว่า "เขาได้ทำสิ่งที่เล็กกว่านี้และมีความเข้มข้นทางอารมณ์พร้อมมีเอกลักษณ์ทางภาพที่ชัดเจน แต่เขาก็ยังได้ทำโปรเจ็กต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่อีกด้วย"[15]

แม็คเกรเกอร์ลองเครื่องแต่งกายสำหรับ โอบีวัน เคโนบี ในกองถ่าย เดอะแมนดาลอเรียน[86] และกล่าวว่าเทคโนโลยีสเตจคราฟต์ทำให้เขาสนุกกับการทำงานในละครชุดนี้มากกว่าที่เขาเคยทำในภาพยนตร์ไตรภาคต้นเนื่องมาจากการที่ภาพยนตร์ไตรภาคต้นนั้นใช้จอน้ำเงินและจอเขียวเป็นจำนวนมาก[83][87] ชาวยังระบุด้วยว่าประสบการณ์ของเธอในการกำกับตอนต่าง ๆ ของ เดอะแมนดาลอเรียน ช่วยให้ทีมผู้ผลิตใช้เทคโนโลยีนี้ได้ดีขึ้น[15] นักแสดง รูเพิร์ต เฟรนด์ถ่ายทำฉากของเขาเสร็จภายในเดือนสิงหาคมปีนั้น[88] การถ่ายทำทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในวันที่ 19 กันยายน[87] นิโคลัส ดี ทอธ และเคลลีย์ ดิกซัน เป็นผู้ตัดต่อภาพ[89][60]

ดนตรี

[แก้]

นาตาลี โฮลต์ได้รับการว่าจ้างให้แต่งเพลงประกอบละครชุดนี้ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่แต่งเพลงให้กับโปรเจ็กต์ สตาร์ วอร์ส ฉบับคนแสดง[90] มีการรายงานในตอนที่จอห์น วิลเลียมส์บันทึกเพลงหลักของละครชุดร่วมกับวงออเคสตราในลอสแองเจลิส[91] ตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ว่าการบันทึกเพลงของเธอกินระยะเวลาหลายเดือน โฮลต์บอกกับ สตาร์ วอร์ส อินไซเดอร์ ในภายหลังว่าเธอได้รับการว่าจ้างให้เป็นนักแต่งเพลงใน "ปลายเดือนธันวาคม" และ "ต้องบันทึกเสียงในต้นเดือนมีนาคม"[92] ก่อนหน้านี้วิลเลียมส์เคยแต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เรื่องหลัก และเดิมนั้นเคยเขียนธีมให้กับโอบีวัน เคโนบีใน สตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 1977) ซึ่งต่อมากลายเป็นว่ามีความเชื่อมโยงกับพลังแทน[93] วิลเลียมส์ติดต่อเคนเนดีเกี่ยวกับการเขียนธีมใหม่สำหรับละครชุดนี้ เนื่องจากเคโนบีเป็นตัวละครหลักเพียงตัวเดียวจากภาพยนตร์ต้นฉบับที่เขาไม่ได้เขียนธีมเดี่ยวให้ และโฮลต์กล่าวว่าธีมใหม่นี้นั้นสะท้อนความรู้สึก ดูโหยหา และมี "องค์ประกอบแห่งความหวัง" ซึ่ง "รวบรวมจิตวิญญาณของละครชุดนี้ไว้อย่างสมบูรณ์"[90] ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองที่วิลเลียมส์เขียนธีมสำหรับโปรเจ็กต์ สตาร์ วอร์ส โดยที่เขาไม่ใช่ผู้แต่งเพลงหลัก ต่อจาก ฮานโซโล และเป็นละครชุดโทรทัศน์รายสัปดาห์เรื่องแรกที่เขาแต่งธีมนี้นับตั้งแต่ อเมซิงสตอรีส์ ในปี ค.ศ. 1985[93]

ชาวบินไปยังลอนดอนเพื่อพบกับโอลต์และทำ "การดื่มด่ำอย่างเข้มข้นสองวัน" ในฟุตเทจที่ยังไม่เสร็จสำหรับละครชุดนี้ จากนั้นโฮลต์ก็ได้พัฒนาธีมสำหรับตัวละครใหม่และเขียนเพลงประกอบที่เธอกล่าวว่ามี "รากฐานมาจากธรรมเนียมของ สตาร์ วอร์ส" มากกว่าเพลง เดอะแมนดาลอเรียน ของลุดวิก เยอรันซอน ดังเช่นกับเพลงประกอบของ สตาร์ วอร์ส เรื่องก่อน ๆ โฮลต์ได้รับอิทธิพลจากดนตรีวัฒนธรรมในโลกแห่งความจริงเพื่อเป็นตัวแทนของดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในละครชุดนี้ รวมถึงการใช้ ดนตรีลาตินสำหรับดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง และเสียง "ที่ดูจะมาจากทางตะวันออก" จากประเทศไทยและฮ่องกง สำหรับอีกดวงหนึ่ง โฮลต์ใช้แตรสัญญานสำหรับล่าสัตว์ และเครื่องเพอร์คัชชันแปลก ๆ ที่เล่นโดยไบรอัน กิลกอร์ เพื่อสร้างเสียงของเหล่าอินควิซิเตอร์ซึ่งเธอกล่าวว่า "มันทำให้ท้องคุณปั่นป่วน มันหลอกหลอนคุณ...มันมีเสียงสัมผัสที่สั่นสะเทือนและเป็นจังหวะ" คริส โฟเกลซึ่งเป็นวิศวกรเสียงของเยอรันซอนทำงานร่วมกับโฮลต์ในการออกแบบเพลงประกอบให้กับ โอบีวัน เคโนบี ที่สตูดิโอของเยอรันซอน โฮลต์ทำเพลงให้กับละครชุดนี้เสร็จภายในปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 2022[90] เพลงของวิลเลียมส์ "ดิอิมพีเรียลมาร์ช", "ธีมแห่งพลัง" และ "ธีมของเจ้าหญิงเลอา" รวมอยู่ในเพลงประกอบของ "Part VI"[94]

ในการให้สัมภาษณ์กับ สตาร์ วอร์ส อินไซเดอร์ โฮลต์กล่าวในภายหลังว่า "เราไม่มีเวลามากนักกับ โอบีวัน เคโนบี " โดยระบุว่าเป็นเพราะว่า "กระบวนการที่รวบรัดมาก" ทำให้การสร้างเพลงประกอบ "ท้าทาย" สำหรับเธอและเชา[92]

การตลาด

[แก้]

วิดีโอเพื่อการโปรโมตขนาดสั้นนั้นเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวันดิสนีย์+ และยังรวมถึงคอนเซ็ปต์อาร์ตอีกด้วย และมีแม็คเกรเกอร์และเชานั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับละครชุดนี้[95] ตัวอย่างแรกของละครชุดนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2022 ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของดิสนีย์[96] การใช้เพลงของวิลเลียมส์ในตัวอย่างเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจ[97][13][98] โดยแซ็ก ชาร์ฟจาก วาไรตี กล่าวว่า "ช่วงเวลาที่น่าเกรงขามที่สุด" ของตัวอย่างคือการใช้ "ดูเอิลออฟเดอะเฟตส์" เพราะว่ามันคือ "หนึ่งในเพลงของวิลเลียมส์ที่สนุกสนานที่สุด" และการที่ได้อยู่ในตัวอย่างนั้น "ชี้ถึงการกลับมารวมตัวกันของเพื่อน[เคโนบี] และศัตรู[อนาคิน สกายวอล์คเกอร์] ในละครชุดใหม่"[9] ดาเนียล ชินจาก เดอะริงเกอร์ ยังกล่าวชมตัวอย่างนี้โดยระบุว่าตัวอย่างนี้นั้น "นำเสนอความคิดถึงไตรภาคต้นของ สตาร์ วอร์ส อย่างเร่งรีบ" และยังกล่าวถึงการใช้ "ดูเอิลออฟเดอะเฟตส์" ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นตัวกำหนดโทนและการเดิมพันของละครชุดนี้[99] ตัวอย่างที่สองเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมเพื่อรำลึกถึงวัน สตาร์ วอร์ส โดยไรอัน พาร์เกอร์จาก เดอะฮอลลีวูดรีพอร์ตเตอร์ อธิบายว่า "เข้มข้น"[100][101] นักวิจารณ์หลายคนเน้นย้ำถึงการปรากฏตัวของดาร์ธ เวเดอร์ในตัวอย่าง[101][102][103][104] ไมเคิล แม็คเวอร์เทอร์จาก โพลีกอน รู้สึกว่าตัวอย่างนี้ทำให้ "ได้มองเห็นภาพถึงความเข้มข้มของจักรวรรดิในการตามล่าหนึ่งในผู้ใช้พลังไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่"[102] ในขณะเดียวกัน จอสส์ ไวส์จาก Syfy เขียนว่าตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าเคโนบีจัดการกับ "ความผิดพลาดอันน่าละอายในอดีตของเขา"[103] อย่างไรก็ตาม แองเจลิกา วอเทอร์คัตเตอร์จาก Wired แสดงข้อกังขาในตัวอย่างดังกล่าวและให้ความเห็นว่า "ทุกสิ่งใน สตาร์ วอร์ส ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในระบบนำร่องอัตโนมัติ"[105]

ละครชุดนี้ได้รับการโปรโมตในงาน Star Wars Celebration เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งรวมถึงการฉายสองตอนแรกล่วงหน้าและการแสดงสดของธีมหลักโดยวงออเคสตรา แปซิฟิกซิมโฟนี ซึ่งมีวิลเลียมส์เป็นวาทยากร[106][107] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 ฟ็อลคส์วาเกินได้เปิดตัวโฆษณาที่โปรโมตละครชุดนี้และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ไอดี. บัซ โดยมี อาร์ทูดีทู, ซีทรีพีโอ และแม็คเกรเกอร์ รถยนต์สองรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก สตาร์ วอร์ส และถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างนักออกแบบจากฟ็อลคส์วาเกินและลูคัสฟิล์ม และต่อมาได้นำไปแสดงในงาน Star Wars Celebration ปี ค.ศ. 2022[108] โปรแกรมผลิตภัณฑ์ "โอบีวัน เวนซ์เดส์" ซึ่งเผยให้เห็นของเล่น เครื่องแต่งกาย แอ็คชันฟิกเกอร์ เครื่องประดับ หนังสือ และหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับละครชุดนี้หลังจากการฉายใตแต่ละตอน โดยเริ่มวันที่ 25 พฤษภาคมและสิ้นสุดในวันที่ 29 มิถุนายน[109]

การเผยแพร่

[แก้]

สตรีมมิง

[แก้]

โอบีวัน เคโนบี เผยแพร่รอบปฐมทัศน์สองตอนแรกบนดิสนีย์+ ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 ตอนเหล่านี้นั้นถูกเผยแพร่ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เวลา 21:00 น. PDT แทนที่จะเป็น 24:00 น. PDT ของวันที่ 27 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าจากที่คาดการณ์ไว้เป็นเวลาสามชั่วโมง[110][54][111] มีการเตือนเรื่องเนื้อหาในตอนที่ 1, 5 และ 6 เนื่องด้วยตอนเหล่านี้เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็กในคำสั่งที่ 66 ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมรอบบ์ในวันที่ 24 พฤษภาคม[112][14] อีกสี่ตอนของละครชุดนี้นั้นถูกเผยแพร่ทุกวันพุธตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จนถึง 22 มิถุนายน[110][54] แต่เดิมนั้นละครชุดนี้ถูกกำหนดในเผยแพร่รอบปฐมทัศน์ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 45 ปีของภาพยนตร์เรื่องแรกของ สตาร์ วอร์ส ในปี ค.ศ. 1977[113]

โอมมีเดีย

[แก้]

โอบีวัน เคโนบี เผยแพร่ทาง อัลตร้าเอชดี บลูเรย์ และบลูเรย์ โดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2024 โดยมีบรรจุภัณฑ์แบบสตีลบุ๊กและมีการ์ดคอนเซ็ปอาร์ต ส่วนเสริมนั้นประกอบไปด้วยสารคดีและความเห็นโดยชาว[114]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Future Lucasfilm Projects Revealed". StarWars.com. December 10, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2020. สืบค้นเมื่อ December 16, 2020.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Bonomolo, Cameron (December 11, 2020). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi Footage Description from Disney Investor Day 2020". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  3. Britt, Ryan (May 27, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' just fixed a 45-year-old Star Wars plot hole". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  4. 4.0 4.1 4.2 Edwards, Richard (April 20, 2022). "The Obi-Wan Kenobi series starts with the Jedi at a "traumatic moment", reveals producer". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2022. สืบค้นเมื่อ April 21, 2022.
  5. 5.0 5.1 Ross, Dalton (April 12, 2022). "Obi-Wan Kenobi will focus on 'a time of darkness in the galaxy'". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2022. สืบค้นเมื่อ May 1, 2022.
  6. 6.00 6.01 6.02 6.03 6.04 6.05 6.06 6.07 6.08 6.09 6.10 6.11 6.12 6.13 6.14 Ross, Dalton (March 10, 2022). "Inside the 17-year journey to reunite Ewan McGregor and Hayden Christensen for Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 13, 2022. สืบค้นเมื่อ March 14, 2022.
  7. 7.0 7.1 7.2 "The Galaxy Far, Far Away Just Got A Little Bigger…". StarWars.com. August 23, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 24, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
  8. Davis, Brandon (October 28, 2019). "Ewan McGregor on Playing Obi-Wan More Like Star Wars' Alec Guinness". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 29, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 Sharf, Zack (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Trailer Breakdown: Young Luke, Grand Inquisitor, a New Planet and More". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 Breznican, Anthony (May 17, 2022). "Star Wars: The Rebellion Will Be Televised". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2022. สืบค้นเมื่อ May 17, 2022.
  11. 11.0 11.1 Ross, Dalton (April 19, 2022). "Hayden Christensen binged Star Wars animated shows to prepare for Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 20, 2022. สืบค้นเมื่อ April 19, 2022.
  12. Ross, Dalton (May 19, 2022). "Obi-Wan Kenobi[[:แม่แบบ:'s]] Grand Inquisitor speaks!". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2022. สืบค้นเมื่อ May 19, 2022. {{cite magazine}}: URL–wikilink ขัดแย้งกัน (help)
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 Saavedra, John (March 9, 2022). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi Trailer Breakdown: Luke Skywalker, Inquisitors, and Prequel Easter Eggs". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  14. 14.0 14.1 Parker, Ryan (June 15, 2022). "The Latest 'Obi-Wan Kenobi' Episode Comes With a Warning — for Good Reason". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 15, 2022. สืบค้นเมื่อ June 15, 2022.
  15. 15.0 15.1 15.2 15.3 "Obi-Wan Kenobi Production Brief" (PDF). Disney Media and Entertainment Distribution. May 25, 2022. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2022. สืบค้นเมื่อ June 6, 2022.
  16. Ross, Dalton (April 6, 2022). "How Moses Ingram made a Star Wars Halloween character for Black girls on Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2022. สืบค้นเมื่อ June 16, 2022.
  17. Mohan, Monita (June 18, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Who is Reva and How Did She Become the Third Sister". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 22, 2022.
  18. 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 18.5 18.6 18.7 18.8 Saveedra, John (May 27, 2022). "Star Wars Obi-Wan Kenobi Cast: Meet the New Characters". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  19. Ross, Dalton (May 20, 2022). "Kumail Nanjiani shares first details of Obi-Wan Kenobi con-man character Haja". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 20, 2022. สืบค้นเมื่อ May 20, 2022.
  20. 20.0 20.1 20.2 20.3 20.4 Mathai, Jeremy; Shaw-Williams, Hannah (May 27, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Complete Cast & Character Guide For The Disney+ Series". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  21. 21.0 21.1 Mathai, Jeremy (February 9, 2022). "Ewan McGregor Promises That The Obi-Wan Series Will Satisfy Fans, So Take That, Boba Fett". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2022. สืบค้นเมื่อ February 9, 2022.
  22. Yehl, Joshua (June 15, 2022). "Obi-Wan Kenobi Finally Justifies Bringing Back Hayden Christensen". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2022. สืบค้นเมื่อ June 19, 2022.
  23. 23.0 23.1 Breznican, Anthony (September 23, 2022). "Darth Vader's Voice Emanated From War-Torn Ukraine". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 23, 2022. สืบค้นเมื่อ September 26, 2022.
  24. 24.0 24.1 24.2 Romano, Nick (March 29, 2021). "Obi-Wan Kenobi series reveals main cast, set 10 years after Revenge of the Sith". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2021.
  25. Harrison, Alexander (May 21, 2022). "Uncle Owen Only Calls Obi-Wan "Ben" In New Kenobi Show Clip". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ May 21, 2022.
  26. Saavedra, John (May 27, 2022). "Star Wars Obi-Wan Kenobi Cast: Meet the New Characters". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ October 30, 2022.
  27. Langmann, Brady (June 1, 2022). "Dear Obi-Wan Kenobi, Give Us More of Zach Braff's Freck". Esquire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 2, 2022. สืบค้นเมื่อ June 2, 2022.
  28. 28.0 28.1 28.2 Outlaw, Kofi (June 22, 2022). "Obi-Wan Kenobi Finale Features Some Major Star Wars Character Cameos". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 22, 2022.
  29. 29.0 29.1 29.2 29.3 29.4 29.5 29.6 Kit, Borys; Couch, Aaron (March 14, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Darth Maul Scenes Cut, Luke Skywalker Replaced During Creative Overhaul". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2022. สืบค้นเมื่อ March 14, 2022.
  30. Ewing, Jeff (May 27, 2022). "Ewan McGregor's Daughter Has A Cameo In Obi-Wan Kenobi Episode 2". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  31. Jirak, Jamie (June 17, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Tala and NED-B Actors Pay Tribute to Their Characters After Episode 5". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 18, 2022. สืบค้นเมื่อ June 18, 2022.
  32. Breznican, Anthony (February 6, 2013). "'Star Wars' spin-offs: A young Han Solo movie, and a Boba Fett film". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 15, 2020. สืบค้นเมื่อ December 19, 2020.
  33. Couch, Aaron; McMillan, Graeme (August 26, 2016). "Darth Vader Deserves a 'Star Wars' Spinoff (But Not Everyone Agrees)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2018. สืบค้นเมื่อ November 10, 2017.
  34. 34.0 34.1 Kit, Borys (August 17, 2017). "'Star Wars' Obi-Wan Kenobi Film in the Works (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2017. สืบค้นเมื่อ August 18, 2017.
  35. 35.0 35.1 35.2 35.3 Slavin, Michael (November 7, 2019). "Hossein Amini Talks The Success Of 'The Alienist', Approaching The Screenplay For 'Drive' & His Upcoming Disney+ 'Obi-Wan' Series (Exclusive Interview)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2019. สืบค้นเมื่อ November 8, 2019.
  36. 36.0 36.1 "Obi-Wan Kenobi 'Star Wars Story' Movie Has Its Plot and Director". TMZ. May 17, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ January 1, 2019.
  37. Jirak, Jamie (November 24, 2018). "Former UK Foreign Secretary Claims George Lucas Plans to Shoot Star Wars Spinoff Obi-Wan Kenobi Movie". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2018. สืบค้นเมื่อ November 25, 2018.
  38. "Belfast to join Star Wars universe as spin-off movie comes to town". Belfast Telegraph. February 12, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 12, 2018. สืบค้นเมื่อ February 13, 2018.
  39. 39.0 39.1 Kit, Borys (August 15, 2019). "'Star Wars': Ewan McGregor in Talks for an Obi-Wan Kenobi Series for Disney+". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 6, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
  40. Kitchener, Shaun (August 3, 2018). "Star Wars: Obi-Wan Kenobi's Ewan McGregor finally gives update on solo movie". Daily Express. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 17, 2018. สืบค้นเมื่อ August 24, 2018.
  41. Thorne, Will (August 23, 2019). "Ewan McGregor Confirms Obi-Wan Kenobi Disney Plus Series to Shoot Next Year". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2019. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
  42. Rapkin, Mickey (October 24, 2019). "Ewan McGregor Is Back on Top—Again". Men's Journal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 9, 2020. สืบค้นเมื่อ October 24, 2019.
  43. "Deborah Chow to Direct Obi-Wan Kenobi Series Exclusively on Disney+". StarWars.com. September 27, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2019. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  44. Itzkoff, Dave (November 22, 2019). "'The Mandalorian' Director: Baby Yoda 'Steals the Show'". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 23, 2019. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  45. 45.0 45.1 45.2 Chitwood, Adam (January 23, 2020). "Exclusive: 'Obi-Wan' Disney+ Series on Hold as Crew Sent Home". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 23, 2020.
  46. 46.0 46.1 46.2 46.3 46.4 46.5 Kit, Borys (January 23, 2020). "Obi-Wan Kenobi Series on Hold as Calls Go Out for New Scripts". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 23, 2020.
  47. Bankhurst, Adam (January 24, 2020). "Obi-Wan Kenobi Series Delay Won't Change Release Date, Says Ewan McGregor". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  48. Otterson, Joe (April 2, 2020). "Obi-Wan Kenobi Disney Plus Series Enlists Joby Harold as New Writer (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 2, 2020. สืบค้นเมื่อ April 2, 2020.
  49. Davis, Clayton (May 9, 2022). "Why 'Obi-Wan Kenobi' Won't Be in the Emmy Race for 2022 (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2022. สืบค้นเมื่อ May 9, 2022.
  50. Haring, Bruce (October 10, 2020). "Ewan McGregor Says Disney+ Obi-Wan Kenobi Series Will Start Shooting In March". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 11, 2020. สืบค้นเมื่อ October 11, 2020.
  51. 51.0 51.1 Pearson, Ben (February 2, 2021). "'Obi-Wan Kenobi' Updates: Ewan McGregor Confirms Where and When the Disney+ Show Will Film". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 3, 2021. สืบค้นเมื่อ February 3, 2021.
  52. Film & Television Industry Alliance (December 5, 2020). "Star Wars: Kenobi". ProductionList. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2021. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  53. 53.0 53.1 53.2 Otterson, Joe (March 29, 2021). "'Obi-Wan Kenobi' Disney Plus Series Adds 10 to Cast, Including O'Shea Jackson Jr, Joel Edgerton, Kumail Nanjiani". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2021.
  54. 54.0 54.1 54.2 Abramovitch, Seth (April 28, 2021). ""I Have the Career I Started Out Wanting": Ewan McGregor on Reviving Obi-Wan and "Going to the Extremes" to Play Halston". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2021. สืบค้นเมื่อ April 28, 2021.
  55. Ross, Dalton (May 23, 2022). "Ewan McGregor wants to make another season of Obi-Wan Kenobi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2022. สืบค้นเมื่อ May 25, 2022.
  56. Tassi, Paul (June 17, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Was Supposed To Be A Miniseries, Now All Cast And Crew Want Season 2". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 9, 2022. สืบค้นเมื่อ June 20, 2022.
  57. Warmann, Amon; Earl, William (April 8, 2023). "Lucasfilm President Kathleen Kennedy on Daisy Ridley's New Rey Film, 'Obi-Wan Kenobi' Season 2 and Rian Johnson's 'Star Wars' Future". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 9, 2023.
  58. "Obi-Wan Kenobi (2021–2022)". Writers Guild of America West. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2022. สืบค้นเมื่อ April 1, 2022.
  59. Romanchick, Shane (March 31, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Series Writers Include 'Toy Story' and 'Finding Nemo's Andrew Stanton". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2022. สืบค้นเมื่อ April 1, 2022.
  60. 60.0 60.1 Davids, Brian (June 7, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Writer Joby Harold Relieved Leia Was Kept Secret". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 8, 2022. สืบค้นเมื่อ June 8, 2022.
  61. Zalben, Alex (May 27, 2022). "Did the Grand Inquisitor Die in 'Kenobi'?". Decider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
  62. Breznican, Anthony (June 3, 2022). "Obi-Wan Kenobi: Darth Vader Was Originally Even More Terrifying". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
  63. Ross, Dalton (April 26, 2022). "How Obi-Wan Kenobi changes the meaning behind a classic Star Wars line". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 26, 2022. สืบค้นเมื่อ April 26, 2022.
  64. Taylor, Chris (May 25, 2022). "Whatever 'Obi-Wan Kenobi' is, we know it isn't 'Kenobi'". Mashable. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2022. สืบค้นเมื่อ June 10, 2022.
  65. Weintraub, Steve (May 26, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Director Deborah Chow on Crafting the Lightsaber Fights & Why the Final Episode is Her Favorite". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ June 10, 2022.
  66. Edwards, Molly (May 20, 2022). "Obi-Wan Kenobi director compares the new series to Joker and Logan". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 20, 2022. สืบค้นเมื่อ May 20, 2022.
  67. Shepherd, Jack (April 28, 2022). "Obi-Wan Kenobi director reveals the surprise Westerns the series is inspired by". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 30, 2022. สืบค้นเมื่อ April 30, 2022.
  68. 68.0 68.1 Shepherd, Jack (April 25, 2022). "Darth Maul was never in the Obi-Wan Kenobi series, reveals director Deborah Chow". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2022. สืบค้นเมื่อ April 25, 2022.
  69. Ross, Dalton (March 24, 2022). "Obi-Wan Kenobi director explains the return of Darth Vader". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 24, 2022. สืบค้นเมื่อ May 1, 2022.
  70. Mishra, Shrishty (June 1, 2022). "James Earl Jones Reprises His Role as the Voice of Darth Vader on 'Obi-Wan Kenobi'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2022.
  71. Wiseman, Andrea (April 22, 2021). "'Obi-Wan Kenobi': Disney+ Star Wars Series Adds 'PEN 15' Star Maya Erskine". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2021. สืบค้นเมื่อ April 22, 2021.
  72. Mathai, Jeremy (January 26, 2022). "Obi-Wan Kenobi Actor Rory Ross Says All The Right Things Star Wars Fans Want To Hear [Exclusive]". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 26, 2022. สืบค้นเมื่อ January 26, 2022.
  73. Gaughan, Liam (March 11, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Who is the Grand Inquisitor?". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  74. Nemiroff, Perri (January 19, 2021). "'Star Wars': Jason Isaacs on the Possibility of Playing a Live-Action Inquisitor: "It Could Happen"". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  75. Parker, Ryan (June 23, 2022). "'Star Wars' Favorite Discusses Surprise Return for 'Obi-Wan Kenobi'". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2022. สืบค้นเมื่อ July 1, 2022.
  76. Fisher, Jacob (March 16, 2021). "Todd Cherniawsky Joins 'Obi-Wan Kenobi' Series For Disney+ (Exclusive)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2021. สืบค้นเมื่อ August 3, 2021.
  77. 77.0 77.1 Aguilera, Leanne; Trainor, Daniel (May 27, 2022). "Star Wars Creative Director Doug Chiang Answers All Our Obi-Wan Kenobi Questions". E! Online. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  78. Fisher, Jacob (January 18, 2020). "Suttirat Anne Larlarb Joins Disney+ 'Obi-Wan Kenobi' Series (Exclusive)". DiscussingFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2020. สืบค้นเมื่อ August 5, 2021.
  79. 79.0 79.1 Baver, Kristin (July 14, 2022). "Inside the Lucasfilm Archive: Weapons of the Inquisitorius From The Obi-Wan Kenobi Limited Series". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 14, 2022. สืบค้นเมื่อ August 12, 2022.
  80. Baver, Kristin (July 12, 2022). "Inside the Lucasfilm Archive: An Elegant Weapon And Other Jedi Artifacts From The Obi-Wan Kenobi Limited Series". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 12, 2022. สืบค้นเมื่อ August 12, 2022.
  81. Baumgartner, Drew (May 11, 2021). "Watch Ewan McGregor Confirm Production Has Started on 'Star Wars: Obi-Wan Kenobi'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 12, 2021. สืบค้นเมื่อ September 20, 2021.
  82. ""There is a Strength in Asian Culture": A Conversation with Lucasfilm Legend Doug Chiang". StarWars.com. May 19, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2021. สืบค้นเมื่อ June 3, 2021.
  83. 83.0 83.1 Bui, Hoai-Tran (June 17, 2020). "The Obi-Wan Kenobi Disney+ Series Will Use the Same Technology as 'The Mandalorian'". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 18, 2020. สืบค้นเมื่อ June 18, 2020.
  84. Lane, Carly (June 9, 2021). "Exclusive: Here's When 'The Mandalorian' Season 3 Is Filming; New Details on 'Book of Boba Fett' Connection". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2021. สืบค้นเมื่อ June 9, 2021.
  85. Ehrenhofler, Courtney (June 11, 2022). "The Volume: How the Inventive Star Wars Tech Is Changing the Future of Film". ComingSoon.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2022. สืบค้นเมื่อ June 20, 2022.
  86. Cavanaugh, Patrick (October 21, 2020). "Star Wars: Ewan McGregor Recalls Doing Obi-Wan Costume Tests on The Mandalorian Set". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  87. 87.0 87.1 Grobar, Matt (September 20, 2021). "Ewan McGregor Teases 'Obi-Wan Kenobi' Series Following Emmy Win For 'Halston': "It Will Not Disappoint"". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2021. สืบค้นเมื่อ September 20, 2021.
  88. Kit, Borys (August 13, 2021). "Rupert Friend, Jason Schwartzman Join Wes Anderson's Next Film (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 13, 2021. สืบค้นเมื่อ July 25, 2023.
  89. "Nicolas De Toth Cuts Obi-Wan Kenobi Series". LUX. March 22, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 27, 2022.
  90. 90.0 90.1 90.2 Breznican, Anthony (April 22, 2022). "Obi-Wan Kenobi Composer Natalie Holt Reveals "Haunting" Approach". Vanity Fair. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2022. สืบค้นเมื่อ April 22, 2022.
  91. "Disney+'s 'Obi-Wan Kenobi' TV Series to Feature Theme by John Williams". Film Music Reporter. February 17, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 18, 2022. สืบค้นเมื่อ February 18, 2022.
  92. 92.0 92.1 Brandon Wainerdi (December 6, 2022). "Parallel Lines". Star Wars Insider. No. 215. Titan Publishing Group.
  93. 93.0 93.1 Burlingame, Jon (February 17, 2022). "John Williams Returns to 'Star Wars' Universe with 'Obi-Wan Kenobi' Theme (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 17, 2022. สืบค้นเมื่อ February 18, 2022.
  94. Erdmann, Kevin (June 24, 2022). "Darth Vader's Imperial March Gains A Whole New Meaning After Obi-Wan". Screen Rant. สืบค้นเมื่อ March 19, 2023.
  95. D'Alessandro, Anthony (November 12, 2021). "'Obi-Wan Kenobi': Ewan McGregor & EP Deborah Chow Tease New 'Star Wars' Series On Disney+ Day". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 29, 2021. สืบค้นเมื่อ January 24, 2022.
  96. Pallotta, Frank (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' trailer brings Star Wars' iconic Jedi to Disney+". CNN Business. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  97. Hibberd, James (March 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Teaser Trailer: First Look at Disney+ 'Star Wars' Series". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  98. Colangelo, BJ (March 9, 2022). "The Obi-Wan Kenobi Trailer Reminds Us That Duel Of The Fates Is One Of The Greatest Pieces Of Star Wars Music". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2022. สืบค้นเมื่อ March 12, 2022.
  99. Chin, Daniel (March 9, 2022). "The 'Obi-Wan Kenobi' Trailer Transports a 'Star Wars' Icon into a New Era". The Ringer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2022. สืบค้นเมื่อ April 27, 2022.
  100. Tapp, Tom (May 4, 2022). "New 'Obi-Wan Kenobi' Trailer Arrives On Star Wars Day, Key Art For Disney+ Series Also Released – Update". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  101. 101.0 101.1 Parker, Ryan (May 4, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Drops Intense New Trailer Featuring Darth Vader for Star Wars Day". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  102. 102.0 102.1 McWhertor, Michael (May 4, 2022). "Darth Vader is really coming together in the new Obi-Wan trailer". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  103. 103.0 103.1 Weiss, Josh (May 4, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Teases Arrival Of Darth Vader In Latest Trailer For New Disney+ 'Star Wars' Series". Syfy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  104. Moreau, Jordan (May 4, 2022). "Darth Vader Finally Appears in 'Obi-Wan Kenobi' Trailer for Star Wars Day". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  105. Watercutter, Angela (May 4, 2022). "Star Wars Ain't What It Used to Be". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  106. Odman, Sydney (May 27, 2022). "'Obi-Wan Kenobi': Inside the Rip-Roaring Fan Screening at Star Wars Celebration". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  107. Burton, Carson; Jackson, Angelique (May 26, 2022). "Star Wars Celebration: Harrison Ford Makes Surprise Appearance for John Williams Birthday Tribute, Gives 'Indiana Jones 5' Update". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 26, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  108. "Volkswagen joins forces with "Obi-Wan Kenobi" for the launch of the new all-electric ID. Buzz". Volkswagen Newsroom. May 20, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
  109. ""Obi-Wan Wednesdays" Product Program To Kick Off May 25". StarWars.com. May 4, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2022. สืบค้นเมื่อ June 5, 2022.
  110. 110.0 110.1 Goslin, Austen (March 31, 2022). "Obi-Wan Kenobi TV series delayed slightly, but will premiere first 2 episodes together". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 31, 2022. สืบค้นเมื่อ March 31, 2022.
  111. Vary, Adam B.; Shafer, Ellise (May 26, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' to Premiere Early on Disney+". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ May 28, 2022.
  112. Hipes, Patrick; Patten, Dominic (May 27, 2022). "Disney "Working" On Adding Violence Advisory To 'Obi-Wan Kenobi' Series Due To Similarities To Texas School Shooting; 'Star Wars' Show Currently Has "Upsetting" Warning On Streamer Landing Page – Update". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 28, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  113. Maas, Jennifer (February 9, 2022). "'Obi-Wan Kenobi' Gets May Premiere Date at Disney Plus". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2022. สืบค้นเมื่อ February 9, 2022.
  114. Gilchrist, Todd (March 5, 2024). "'Andor,' 'Moon Knight,' 'Obi-Wan Kenobi' and 'The Falcon and The Winter Soldier' to Bow on Blu-ray With Deleted Scenes, Featurettes". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2024. สืบค้นเมื่อ March 5, 2024.

ดูเพิ่ม

[แก้]