สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ
สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ | |
---|---|
ประเภท | |
สร้างโดย | เดฟ ฟิโลนี |
เค้าโครงจาก | สตาร์ วอร์ส โดย จอร์จ ลูคัส |
พัฒนาโดย |
|
กำกับโดย | แบรด ราว (กำกับดูแล) |
เสียงของ | |
ผู้ประพันธ์เพลง | |
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหรัฐ |
ภาษาต้นฉบับ | อังกฤษ |
จำนวนฤดูกาล | 3 |
จำนวนตอน | 47 |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต |
|
ผู้อำนวยการสร้าง | จอช ไรม์ส |
ความยาวตอน | 23–75 นาที |
บริษัทผู้ผลิต | |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ดิสนีย์+ |
ออกอากาศ | 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 – 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 |
การแสดงที่เกี่ยวข้อง | |
สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส |
สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ (อังกฤษ: Star Wars: The Bad Batch) เป็นแอนิเมชันชุดอเมริกัน สร้างโดยเดฟ ฟิโลนี ออกอากาศบนบริการสตรีมมิงดิสนีย์+ แอนิเมชันชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส เป็นทั้งภาคต่อและภาคแยกของแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส โดยต่อเนื่องจากตอนจบของแอนิเมชันชุดนั้นที่บรรยายเหตุการณ์ต่อเนื่องหลังคำสั่งที่ 66 และจุดจบของสงครามโคลน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ติดตามหน่วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์และต้านทานต่อคำสั่งที่ 66 และต้องหลบหนีไปในช่วงเริ่มต้นของจักรวรรดิกาแลกติก พวกเขาถูกร่วมโดยโอเมก้าซึ่งเป็นโคลนเด็กหญิง
ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ ให้เสียงเป็น แบดแบทช์ กลุ่มทหารโคลนที่มีความสามารถพิเศษจากการกลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังให้เสียงทหารโคลนคนอื่น ๆ ในเรื่อง ซึ่งเป็นการกลับมารับบทเดิมของเขาจาก เดอะ โคลน วอร์ส มิเชลล์ แอง ให้เสียงเป็นโอเมก้า โคลนเด็กหญิงที่เข้าร่วมกับกลุ่มนี้ แอนิเมชันชุดนี้ได้รับคำสั่งให้สร้างอย่างเป็นทางการหลังจากที่ซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส แนะนำกลุ่มแบดแบทช์จากแนวคิดของผู้สร้าง สตาร์ วอร์ส จอร์จ ลูคัส ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นผลิตโดยลูคัสฟิล์มแอนิเมชัน โดยมี เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ เป็น หัวหน้าผู้เขียนบท และแบรด ราว เป็น ผู้กำกับดูแล; ฟิโลนี, คอร์เบตต์และราว ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างพร้อมกันกับอะทีนา อีเวตต์ พอร์ทิลโอ
สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม จนถึง 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 มีจำนวน 16 ตอน[1] แอนิเมชันชุดได้รับการสร้างต่อในซีซันสอง ออกอากาศวันที่ 4 มกราคม จนถึง 29 มีนาคม ค.ศ. 2023 และซีซันสามซึ่งเป็นซีซันสุดท้าย มีจำนวนตอน 15 ตอน ออกอากาศวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึง 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 แอนิเมชันชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์โดยเฉพาะในเรื่องแอนิเมชันและการพากย์เสียง
เรื่องย่อ
[แก้]ในจักรวาล สตาร์ วอร์ส สงครามโคลนเป็นชุดของข้อพิพาทระหว่างสาธารณรัฐกาแลกติกและขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยได้ชื่อมาจากกองทัพของสาธารณรัฐซึ่งประกอบไปด้วยโคลนทรูปเปอร์ที่สร้างจากชิ้นส่วนพันธุกรรมของนักล่าเงินรางวัล แจงโก้ เฟทท์ หน่วยโคลน 99 หรือที่รู้จักในชื่อ แบดแบทช์ เป็นกลุ่มทหารโคลนที่มีความสามารถพิเศษจากการกลายพันธุ์ที่ปรากฏตัวครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส[2][3] การกลายพันธุ์นี้ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ของแบดแบทช์ต้านคำสั่งที่ 66 ซึ่งเป็นคำสั่งที่จบสงครามโคลน โดยการกระตุ้นโปรแกรมลับในโคลนทรูปเปอร์ที่ทำให้โคลนทรูปเปอร์เหล่านั้นสำเร็จโทษเจไดและเชื่อฟังคำสั่งจากจักรพรรดิพัลพาทีนและจักรวรรดิกาแลกติก สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับทีมโคลนที่มีชื่อเสียงนี้ โดยรับภารกิจเป็นทหารรับจ้างที่กล้าหาญหลังพลพวงของสงครามโคลนในช่วงเริ่มต้นของจักรวรรดิ โดยมีโอเมก้าซึ่งเป็นโคลนเด็กหญิงของแจงโก้ เฟทท์เข้าร่วมกลุ่มนี้ด้วย[2][4]
นอกจากนี้ แอนิเมชันชุดนี้ยังเล่าถึงเรื่องราวของโคลนทรูปเปอร์นายอื่น ๆ หลังการสิ้นสุดสงครามโคลน ประกอบด้วย บางส่วนนั้นตั้งคำถามต่อคำสั่งที่ 66 ได้อย่างไร, จักรวรรดิปลดระวางกองทัพโคลน และแทนที่ด้วยทหารเกณฑ์สตอร์มทรูปเปอร์ได้อย่างไร, และทรัพยาการเกี่ยวกับการโคลนของจักรวรรดิถูกนำไปใช้ใน "โปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์" —โปรเจ็กต์ลับเพื่อสร้างโคลนของพัลพาทีนซึ่งสามารถอธิบายการกลับมาจากความตายของพัลพาทีนในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (ค.ศ. 2019)[5][6][7]
ตอน
[แก้]ปี | จำนวนตอน | วันที่เผยแพร่ | |||
---|---|---|---|---|---|
วันแรก | วันสุดท้าย | ||||
1 | 16 | 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 | ||
2 | 16 | 4 มกราคม ค.ศ. 2023 | 29 มีนาคม ค.ศ. 2023 | ||
3 | 15 | 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 | 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 |
ซีซัน 1 (ค.ศ. 2021)
[แก้]ตอน ทั้งหมด | ตอน | ชื่อ | กำกับโดย | เขียนโดย | วันเผยแพร่เดิม | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 1 | "Aftermath" | สตวร์ด ลี, ซอล รูอิส และ นาธาเนียล วิลลานูเอวา | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ เดฟ ฟิโลนี | 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | |
หน่วยโคลน 99 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แบดแบทช์” ประกอบไปด้วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์ ฮันเตอร์, เทค, ครอสแฮร์ และ เร็กเกอร์ รวมถึงโคลนไซบอร์ก เอคโค่ ในช่วงสงครามโคลน แบดแบทช์เข้าช่วยเหลือปรมาจารย์เจได เดปา บิลลาบา และเจไดพาดาวันของเธอ เคเลป ดูม บนดาวคัลเลอร์ ในระหว่างนั้นคำสั่งที่ 66 ถูกสั่งการทำให้มีการกระตุ้นโปรแกรมในโคลนทรูปเปอร์ปกติ ทำให้โคลนทรูปเปอร์เหล่านั้นฆ่าบิลลาบา แบดแบทช์ก็ได้รับคำสั่งนั้น แต่มีเพียงครอสแฮร์ที่รู้สึกอยากทำตามคำสั่งและฮันเตอร์ปล่อยให้ดูมหลบหนีไป หลังจากกลับไปที่ศูนย์สำหรับโคลนบนดาวคามิโน่ แบดแบทช์ได้รับรู้ว่าสงครามโคลนนั้นสิ้นสุดแล้วและจักรวรรดิกาแลกติกนั้นได้แทนที่สาธารณรัฐกาแลกติก พวกเขาได้พบกับเด็กผู้หญิงชื่อว่าโอเมก้า ซึ่งเธอก็เป็นโคลนกลายพันธ์เช่นกัน แกรนด์มอฟฟ์ทาร์คินได้มาเพื่อตรวจโคลนและได้ส่งแบดแบทช์ไปปราบผู้ก่อความไม่สงบบนดาวออนเดรอน พวกเขาค้นพบว่า “ผู้ก่อความไม่สงบ" นี้คือกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ภายใต้ซอว์ เกอร์เรร่าผู้ปฏิเสธการเข้าร่วมจักรวรรดิใหม่ที่เกิดขึ้น แบดแบทช์ได้ละทิ้งปฏิบัติการนี้และกลับไปรับโอเมก้า แต่ถูกจับโทษฐานคิดก่อกบฏและครอสแฮร์ถูกจับไปกระตุ้นโปรแกรม ทำให้เขาต่อต้านหน่วยของเขาเอง แบดแบทช์ที่เหลือจึงหนีออกไปพร้อมกับโอเมก้า | ||||||
2 | 2 | "Cut and Run" | สตวร์ด ลี | กูร์ซิมราน สันธู | 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | |
แบดแบทช์และโอเมก้าลี้ภัยไปดาวซาลีวคามีไปหาโคลนทรูปเปอร์ คัท ลอว์เควน ผู้เล่าให้พวกฟังถึงเรื่องของชิพยับยั้งซึ่งถูกโปรแกรมบนโคลนปกติและครอสแฮร์ เพื่อให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อจักรวรรดิหลังคำสั่งที่ 66 ด้วยการมีอยู่ที่มากขึ้นของกองทัพบนดาวนี้ คัทจึงมีแผนที่จะหนีพร้อมครอบครัวของเขา พวกเขาต้องการเชนโค้ดเพื่อจองขนส่งสาธารณะแต่คัทอาจจะโดนจับได้หากเขาพยายามที่จะขโมยเชนโค้ด เทคและเอคโค่จึงไปขโมยมาและโอเมก้าช่วยในการส่งเชนโค้ดนั้นให้คัทและครอบครัวของเขาทันเวลาในการขึ้นยาน ฮันเตอร์อยากให้โอเมก้าไปกับคัท เธอจะได้มีครอบครัว แต่เธอตัดสินในที่จะอยู่กับแบดแบทช์ | ||||||
3 | 3 | "Replacements" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | |
ยานของแบดแบทช์ “มารอเดอร์” เสียอยู่บนดาวซาลีวคามี พวกเขาติดอยู่บนดวงจันทร์และมังกรบนดวงจันทร์ออร์โดได้ขโมยชิ้นส่วนที่พวกเขาต้องใช้ในการซ่อมยานไป ฮันเตอร์และโอเมก้าจึงออกไปเอาชิ้นส่วนนั้นคืนมา ในระหว่างที่ฮันเตอร์หมดสติไป โอเมก้าเดินทางต่อด้วยตนเองและไปเอาชิ้นส่วนนั้นมาโดยปราศจากการต่อสู้ บนดาวคามิโน่นั้น ทาร์คินและพลเรือโทแรมพาร์ทแต่งตั้งให้ครอสแฮร์เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารเกณฑ์ใหม่ พวกเขาถูกส่งไปยังดาวออนเดรอนเพื่อกวาดล้างค่ายของเกอร์เรร่าแต่เกอร์เรร่านั้นได้หนีไปก่อนแล้ว ครอสแฮร์ได้ฆ่าทหารที่ไม่ภักดีต่อเขา ทำให้คนที่เหลือนั้นเชื่อฟัง ภารกิจจึงประสบความสำเร็จ ทาร์คินเห็นความเป็นไปได้ของทหารเกณฑ์ทำให้นายกรัฐมนตรีของคามิโน่ ลามา ซูนั้นเป็นห่วง | ||||||
4 | 4 | "Cornered" | ซอล รูอิส | คริสเตียน เทเลอร์ | 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | |
ระหว่างทางไปยังที่ซ่อนบนดาวอิดาฟลอร์ แบดแบทช์มีความจำเป็นต้องหยุดจอดบนดาวที่ใกล้ที่สุดชื่อว่าแพนทอร่า เพื่อให้พวกเขามีเสบียงและเพื่อให้เทคสามารถดัดแปลงลายเซ็นของยานเพราะยานนี้อยู่รายชื่อหมายหัวของจักรวรรดิ เจ้าหน้าที่ที่ท่าจอดยานจดจำแบดแบทช์ได้และแจ้งเฟนเนค แชนด์ ทหารรับจ้างผู้ถูกว่าจ้างให้ไปรับตัวโอเมก้ามา ฮันเตอร์, เอคโค่ และโอเมก้าค้นห้าเสบียงในระหว่างที่เทคและเร็กเกอร์ซ่อมยาน เฟนเนค แชนด์คุมตัวโอเมก้า ทำให้ฮันเตอร์ต้องไล่ตามแชนด์ทั่วเมือง ฮันเตอร์และโอเมก้าหนีจากแชนด์ได้ และหลังจากการปรับปรุงยานเสร็จสิ้น แบดแบทช์ก็ได้ออกจากดาวแพนทอร่า | ||||||
5 | 5 | "Rampage" | สจวร์ต ลี | ทามารา เบเชอร์-วิลคินสัน | 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 | |
ด้วยความหวังว่าจะพบตัวผู้ว่าจ้างแชนด์ แบดแบทช์ได้ไปยังดาวออร์ดแมนเทลล์ ซึ่งเอคโค่รู้จักผู้ส่งข่าวชื่อว่าซิด เธอได้ให้ข้อเสนอว่าเธอจะหาข้อมูลเกี่ยวกับแชนด์ให้ แลกกับความช่วยเหลือของพวกเขา: นักค้าทาสได้จับตัวเด็กชื่อมูชิไป และซิดจะได้รับเงินรางวัลจากแจบบา เดอะ ฮัทท์หากแบดแบทช์สามารถนำตัวเด็กคนนี้กลับมาได้ แบดแบทช์สามารถที่จะหาตัวและสู้กับพวกค้าทาสได้ และนำตัวมูชิซึ่งเป็นแรนคอร์เด็ก หลังจากนำตัวเอไปให้ซิดแล้ว มูชิถูกมอบให้มือขวาของแจบบา บิบ ฟอร์ทูนา เพื่อแลกกับเงินรางวัล ซิดได้ให้เงินรางวัลบางส่วนให้กับฮันเตอร์แต่ไม่สามารถหาได้ว่าใครจ้างแชนด์ เธอเสนอที่จะให้งานทหารรับจ้างกับแบดแบทช์อีกในอนาคต | ||||||
6 | 6 | "Decommissioned" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | อามานดา โรส มูโน | 4 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | |
ซิดว่าจ้างแบดแบทช์ให้ไปรับดรอยด์ยุทธวิธีของฝ่ายแบ่งแยกซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับการรบก่อนที่จะถูกทำลายที่จุดปลดระวางบนดาวคอเรลเลีย พวกเขาพบกับสองพี่น้องผู้ลักลอบของเถื่อน เทรซและราฟา มาร์เทซ ผู้กำลังตามหาดรอยด์เช่นกัน ชิพยับยั้งของเร็กเกอร์นั้นเริ่มที่จะทำงานหลังจากเขาเกิดอุบัติเหตุหัวชน เทคได้คัดลอกข้อมูลของดรอยด์วางแผนก่อนที่จะถูกทำลาย ในขณะที่เขาและสองพี่น้องตั้งโปรแกรมให้มันหักหลังดรอยด์ผู้คุมซึ่งกำลังเฝ้าเวรโรงงานนี้ ทำให้พวกเขาหนีมาได้ สองพี่น้องอธิบายให้ฟังว่าพวกเขาจะรับดรอยด์ไปให้ลุกค้าที่กำลังสู้กับจักรวรรดิ และฮันเตอร์ตัดสินใจที่จะให้ข้อมูลแก่พวกเธอ หลังจากนั้นสองพี่น้องเล่าให้ลูกค้าของพวกเธอฟังว่าจะหาแบดแบทช์ได้อย่างไร | ||||||
7 | 7 | "Battle Scars" | ซอล รูอิส | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 11 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | |
หลังจากที่พวกเขาล้มเหลวจากการไปรับข้อมูลของดรอยด์วางแผนมา ซิดบอกแบดแบทช์ว่าพวกเขาต้องทำงานใหญ่เพื่อล้างหนี้ที่มีต่อเธอ พวกเขาถูกขัดขวางโดยลูกค้าของสองพี่น้องมาร์เทซ อดีตกัปตันโคลนเร็กซ์ผู้ตกใจเมื่อได้รู้ว่าแบดแบทช์ยังไม่ได้นำชิพยับยั้งออก พวกเขาจึงไปยังดาวแบรคคาซึ่งเป็นดาวสุสานยานอวกาศซึ่งคุมโดยสแครปเปอร์กิลด์ และแอบเข้าไปบนยานลาดตระเวนเก่าของเจไดเพื่อใช้หน่วยแพทย์ของยานนั้น ชิพยับยั้งของเร็กเกอร์ทำให้เขาทำร้ายเพื่อนร่วมหน่วยโคลนของเขาแต่เขาถูกทำให้สลบไปและนำชิพออกจากตัวเขา เร็กซ์ได้จากไปหลังจากที่เอาชิพออกสำเร็จ ในระหว่างที่พวกเขาบอกลากัน ฮันเตอร์ได้ถูกพบโดยสมาขิกของสแครปเปอร์กิลด์ | ||||||
8 | 8 | "Reunion" | สตวร์ด ลี | คริสเตียน เทเลอร์ | 18 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | |
สแครปเปอร์กิลด์ได้แจ้งให้จักรวรรดิทราบถึงตำแหน่งของแบดแบทช์และครอสแฮร์ถูกส่งไปฆ่าพวกเขา ด้วยความที่ลามา ซูเป็นห่วงว่าโอเมก้าไม่น่าจะรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาจึงจ้างนักล่าเงินรางวัลอีกรายหนึ่งเพื่อมารับเธอกลับไป แบดแบทช์พยายามที่จะเข้าถึงยาน “มารอเดอร์” ผ่านเครื่องยนต์ไอออนของยานลาดตระเวนเจได ครอสแฮร์สามารถดักพวกเขาไว้ข้างในได้และสั่งให้เปิดเครื่องยนต์ แต่พวกเขาใช้ระเบิดที่หามาได้จากคลังแสงของยานลาดตระเวนในการหลบหนี และครอสแฮร์ได้รับบาดเจ็บจากการจุดติดเครื่องยนต์ ฮันเตอร์และโอเมก้าเผชิญหน้ากับนักล่าเงินรางวัลแคด เบนผู้ยิงฮันเตอร์และลักพาตัวโอเมก้าไป คนอื่น ๆ ในหน่วยตามมาช่วยและแบกฮันเตอร์ที่บาดเจ็บไปยังยาน “มารอเดอร์” และหลบหนีไป | ||||||
9 | 9 | "Bounty Lost" | แบรด ราว และ นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | |
ในระหว่างที่พวกเขาไล่ตามเบน แบดแบทช์ได้รู้ว่าโอเมก้าเป็นโคลนของแจงโก้ เฟทท์ที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง จึงเป็นเพียงแหล่งสำหรับเก็บชิ้นส่วนพันธุกรรมสำหรับการโคลนที่สดใหม่แหล่งเดียวเท่านั้น ระหว่างทางไปศูนย์โคลนเก่าของคามิโน่บนดาวโบราวิโอเพื่อส่งตัวเธอ โอเมกาหลอกโบโดซึ่งเป็นดรอยด์ผู้ช่วยของเบนให้ปล่อยตัวเธอ ทำให้เธอสามารถส่งสัญญาณหาแบดแบทช์ได้ ลามา ซูส่งทอน วีมารับตัวโอเมก้าและสั่งให้นาลา เซกำจัดเธอ หลังการดึงชิ้นส่วนพันธุกรรมออกมาจากเธอเสร็จสิ้น นาลา เซห่วงใยโอเมก้าและต้องการให้เธอปลอดภัย เธอจึงส่งแชนด์มาช่วยโอเมก้า แชนด์ต้องการฆ่าทอน วีและสู้กับเบน ทำให้โอเมก้าสามารถหลบหนีไปได้และถูกรับตัวไปโดยแบดแบทช์ | ||||||
10 | 10 | "Common Ground" | ซอล รูอิส | กูร์ซิมราน สันธู | 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 | |
บนดาวแรซัสซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสมัยสงครามโคลน จักรวรรดิได้ประกาศกฎอัยการศึกด้วยความช่วยเหลือจากสมาชิกวุฒิสภาท้องถิ่น อาวี ซิงห์ แต่กระนั้น ซิงห์ได้พูดต่อต้านจักรวรรดิในระหว่างการกล่าวต่อประชาชนและถูกจับตัวไป หุ่นยนต์พิธีการของเขา จีเอส-8 ได้ว่าจ้างซิดให้ช่วยซิงห์ เธอจึงส่งแบดแบทช์มา; พวกเขารู้สึกอึดอัดใจที่จะให้ความช่วยเหลือหลังจากสู้กับฝ่ายแบ่งแยกมาในช่วงสงครามโคลน โอเมก้าถูกทิ้งไว้เพราะมีนักล่าค่าหัวหมายหัวเธอไว้และเธอก็เล่นดีจาริกชนะจนมีเงินมาล้างหนี้ซิด ด้วยความช่วยเหลือของจีเอส-8 แบดแบทช์ได้ช่วยซิงห์และพาเขาไปยังซิดเพื่อรับเงินตอบแทน | ||||||
11 | 11 | "Devil's Deal" | สตวร์ด ลี | ทามาลา เบเชอร์-วิลคินสัน | 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 | |
ในระหว่างที่สมาชิกวุฒิสภาออร์น ฟรี ทาประกาศตั้งแท่นขุดเจาะใหม่ของจักรวรรดิบนดาวไรลอธและสนับสนุนให้นักสู้เพื่ออิสรภาพทวิเล็กปลดอาวุธ หัวหน้าฝ่ายต่อต้านชาม ซินดูลลาประกาศสนับสนุนจักรวรรดิต่อสาธารณะ ร้อยโทโกบิ กลีซึ่งเป็นลูกน้องของชามพาเฮราซึ่งเป็นลูกสาวของชามทำภารกิจลับในการไปรับอาวุธจากแบดแบทช์ ทำให้เฮราได้สนิทกับโอเมก้า ครอสแฮร์ตามพวกเขามาและจักรวรรดิจับกุมตัวกลีและเฮราในโทษฐานทรยศ ชามโจมตีขบวนรถของจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลือภรรยาของเขา, เอเลนี และนักสู้เพื่ออิสรภาพคนอื่น ๆ ครอสแฮร์ยิง ออร์น ฟรี ทา ทำให้แรมพาร์ทสามารถจัดฉากให้ชามผิดในฐานพยายามสังหารทา หลังจากนั้นชาม, เอเลนี และกลีถูกจับกุมตัวแต่เฮราหลบหนีออกมาได้ | ||||||
12 | 12 | "Rescue on Ryloth" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | เจนนิเฟอร์ คอรเบตต์ | 16 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 | |
เฮราติดต่อโอเมก้าและขอให้แบดแบทช์ช่วยเหลือพ่อแม่ของเธอ ฮันเตอร์ไม่คิดว่าการช่วยเหลือนี้จะคุ้มกับความเสี่ยงแต่โอเมก้าโน้มน้าวเขา เฮรา โอเมก้า เทค และเร็กเกอร์ได้โจมตีแท่นขุดเจาะใหม่ของจักรวรรดิบนดาวไรลอธเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในระหว่างที่เอคโค่และฮันเตอร์ปล่อยตัวชาม เอเลนี และนักสู้เพื่ออิสรภาพคนอื่น ๆ ครอสแฮร์ค้นพบถึงแผนนี้แล้ววางกับดักไว้แต่กัปตันฮาวเซอร์—ผู้ภักดีต่อชาม—เตือนพวกเขาเรื่องกับดักและเผชิญหน้ากับเพื่อนทหารของเขา ฮาวเซอร์ถูกจับกุมตัวในขณะที่แบดแบทช์และนักสู้เพื่ออิสรภาพทั้งหลายหลบหนีไปได้ แรมพาร์ทตระหนักว่าเขาประเมินแบดแบทช์ต่ำไปและออกคำสั่งอนุญาตให้ครอสแฮร์ตามล่าพวกเขา | ||||||
13 | 13 | "Infested" | ซอล รูอิส | อามานดา โรส มูโน | 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 | |
แบดแบทช์กลับมาจากภารกิจและพบว่าบาร์ของซิดนั้นอยู่ภายใต้การครอบครองของเจ้าพ่อมาเฟีย โรแลนด์ ดูแรนด์ พวกเขาพบว่าซิดอยู่ข้างนอก แล้วเธอก็เปิดเผยแผนในการเอาบาร์คืนโดยการขโมยรายการส่งสไปซ์ของโรแลนด์ที่มีไว้สำหรับกลุ่มอาชญากรไพค์ แบดแบทช์และซิดเข้าไปในออฟฟิศของซิดผ่านอุโมงค์ใต้ดินที่เต็มไปด้วยฝูงเออร์ลิงก์ พวกเขาสามารถขโมยสไปซ์มาได้แต่ถูกตามโดยผู้ดูแลของโรแลนด์ซึ่งทำให้ฝูงเออร์ลิงก์ตื่นจากความหลับใหล พวกเขาหลบหนีมาจากอุโมงค์ได้แต่สูญเสียสไปซ์ไป พวกไพค์จับโอเมก้าเป็นตัวประกันไป ในขณะที่แบดแบทช์และซิดได้สไปซ์คืนมา หลังจากนั้นพวกไพค์จึงปล่อยให้ซิดครอบครองบาร์ของเธออีกครั้ง | ||||||
14 | 14 | "War-Mantle" | สตวร์ด ลี | ดามานี จอห์นสัน | 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 | |
เร็กซ์ติดต่อแบดแบทช์และขอให้พวกเขาตอบสัญญาณแจ้งเหตุร้ายจากผู้บัญชาการโคลนเกรเกอร์บนดาวดาโร ณ แหล่งที่มาของสัญญาณ พวกเขาค้นพบกันฐานทัพจักรวรรดิซึ่งมีทหารเกณฑ์กำลังถูกฝึกฝนโดยโคลนคอมมานโด เพื่อทดแทนกองทัพโคลนทรูปเปอร์ ฮันเตอร์ เทค และเอคโค่แทรกซึมเข้าไปในฐานทัพ ในขณะที่โอเมก้าและเวร็กเกอร์อยู่เป็นทีมสำรองที่ยาน แบดแบทช์ช่วยเหลือเกรเกอร์ได้แต่ฮันเตอร์ถูกจัมกุมตัวไประหว่างการหลบหนี บนดาวคามิโน่ ลามา ซู และนาลา เซวางแผนในการหลบหนีจากจักรวรรดิ หลังจากที่จักรวรรดิยกเลิกสัญญากองทัพโคลนของพวกเขา แต่พวกเขาถูกจับโดยแรมพาร์ท เขาบอกว่าจักรวรรดิมีแผนจะให้นาลา เซเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ไม่มีแผนนั้นสำหรับลามา ซู | ||||||
15 | 15 | "Return to Kamino" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 6 สิงหาคม ค.ศ. 2021 | |
ฮันเตอร์ถูกพาตัวไปยังเมืองทิโพก้าบนดาคามิโน่ ที่ซึ่งจักรวรรดิได้อพยพบุคลากรที่สำคัญและกำจัดที่เหลือไปหมดแล้ว ครอสแฮร์เปิดเครื่องติดต่อของฮันเตอร์เพื่อล่อคนที่เหลือของแบดแบทช์ไปยังที่นั่น โอเมก้าบอกให้คนอื่น ๆ รู้ถึงทางเข้าลับไปยังแล็บลับของ นาลา เซ ที่ซึ่งพวกเขาทั้งหมดถูกสร้าง และที่ซึ่งพวกเขาพบกับดรอยด์เอซี-3 พวกเขาค้นหาฮันเตอร์ผู้ที่พยายามที่จะโน้มน้าวครอสแฮร์ให้นำชิพยับยั้งของเขาออก แต่ครอสแฮร์กลับเปิดเผยว่าชิพนั้นได้ถูกนำออกไปแล้วและเขาก็ยินดีที่จะทำงานให้กับจักรวรรดิ ฮันเตอร์ทำให้ครอสแฮร์สลบไป ในขณะที่แรมพาร์ทเริ่มที่จะทำลายเมืองทิโพก้าภายใต้คำสั่งของทาร์คิน โดยยังมีแบดแบทช์และครอสแฮร์อยาในนั้น | ||||||
16 | 16 | "Kamino Lost" | ซอล รูอิส | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 | |
แรมพาร์ทและจักรวรรดิจากไปในขณะที่ซากของเมืองทิโพก้านั้นจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทร โอเมก้าและเอซี-3 ช่วยครอสแฮร์ในระหว่างที่พวกเขาติดอยู่ในห้องที่น้ำกำลังท่วม หลังจากที่ซากของเมืองจมลงก้นมหาสมุทนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสามารถหาทางไปยังท่อที่เชื่อมต่อไปยังยาน “มารอเดอร์” แต่พบว่าท่อนั้นเสียหาย ครอสแฮร์แนะนำให้เอซี-3 นำทางพวกเขาไปยังผิวน้ำโดยให้พวกเขาอยู่ในแคปซูล แต่ดรอยด์นี้กลับแบตหมดในระหว่างขึ้นไป โอเมก้าพยายามช่วยเอซี-3 จนเกือบจมน้ำแต่ได้ครอสแฮร์มาช่วยไว้ก่อน เมื่อพวกเขาถึงยาน “มารอเดอร์” ครอสแฮร์เลือกที่จะแยกทางกับแบดแบทช์ นาลา เซถูกนำตัวไปยังศูนย์ลับของจักรวรรดิที่เขาแทนทิส |
ซีซัน 2 (ค.ศ. 2023)
[แก้]ตอน ทั้งหมด | ตอน | ชื่อ | กำกับโดย | เขียนโดย | วันเผยแพร่เดิม | |
---|---|---|---|---|---|---|
17 | 1 | "Spoils of War" | สตวร์ด ลี | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 4 มกราคม ค.ศ. 2023 | |
หลังจากการเตือนของเพื่อนโจรสลัดของเธอ ฟี เจโน ซิดส่งแบดแบทช์ไปยังดาวเซเรนโนเพื่อขโมยหีบสงครามบางส่วนของเคานต์ดูกู หลังจากที่ลังเล ฮันเตอร์ตกลงและแบดแบทช์ไปยังดาวที่พวกเขาพบว่าจักรวรรดิได้ขนทรัพย์สินของเคานต์ดูกูออกไปจากดาวเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พยายามขโมยตู้สินค้าบางส่วน แบดแบทช์ถูกพบเจอและเกิดการต่อสู้ขึ้น ซึ่งโอเมก้า, เทค และเอคโค่ถูกขังอยู่ในตู้สินค้าที่กำลังจะขึ้นบิน พวกเขาพยาบาลหาทางไปยังตู้สินค้าหนึ่งบนยานขนส่งและหลบหนีมาได้ในตู้นั้น โดยพยายามใช้ไอพ่นของตู้นั้นในการลงจอดอย่างปลอดภัย ระหว่างนั้นฮันเตอร์และเวร็กเกอร์ถูกไล่ตามท่ามกลางซากปรักหักพังของเมืองใกล้เคียง | ||||||
18 | 2 | "Ruins of War" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | จีนา ลูซิตา มอนเรียล | 4 มกราคม ค.ศ. 2023 | |
ตู้สินค้าตกลงบนดาวเซเรโน ในระหว่างที่พยายามกลับไปยังยานของพวกเขา “มารอเดอร์” โอเมก้า, เทค และเอคโค่พบกับคนท้องถิ่นชื่อ โรมาร์ อาเดลล์ผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่า หลังจากคุยกับเขา พวกเขามีความรู้สึกแรกว่าชีวิตที่อิสระเป็นอย่างไร โอเมก้าแอบไปกู้สินค้าบางส่วนที่อยู่ในตู้ เอคโค่และเทคตามหาเธอ ทำให้มีการกระทบกระทั่งกันกับกลุ่มค้นหาของจักรวรรดิ โรมาร์ช่วยให้พวกเขาหลบหนีมาได้ ฮันเตอร์และเร็กเกอร์พยายามหาทางออกจากเมืองและกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ หลังจากรู้ว่าแบดแบทช์รอดจากการทำลายเมืองทิโพก้า แรมพาร์มกลัวการลงโทษสำหรับความผิดพลาดของเขาในการกำจัดแบดแบทช์และตัดสินใจที่จะไม่แจ้งทาร์คินเรื่องนี้ | ||||||
19 | 3 | "The Solitary Clone" | ซอล รูอิส | อามานดา โรส มูโน | 11 มกราคม ค.ศ. 2023 | |
ครอสแฮร์ได้รับมอบหมายให้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการโคดีในภารกิจการไปยังดาวเดสิกซ์ของอดีตฝ่ายแบ่งแยก เพื่อช่วยเหลือกรอตทอนซึ่งเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ของจักรวรรดิที่ถูกจับกุมตัวเป็นตัวประกันโดยกลุ่มต่อต้านท้องถิ่น ผู้ว่าราชการคนเก่าของเดสิกซ์ ทอว์นี เอมส์ต้องการให้ดาวของเธอเป็นเอกราชจากอำนาจศาลของจักรวรรดิและอ้างถึงการปฏิเสธของสาธารณรัฐในการเจรจายุติสงครามกับฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสงครามโคลน โคดีต่อรองขอให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่ครอสแฮร์ฆ่าเอมส์ภายใต้คำสั่งของกรอตทอน ทำให้เดสิกซ์ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของจักรวรรดิ หลังจากกลับสู่เมืองหลังของจักรวรรดิคอรัสซัง โคดีตั้งคำถามว่าจักรวรรดิกำลังทำสิ่งที่ดีหรือไม่ ในขณะที่ครอสแฮร์ยังคงภักดี โคดีได้หลบหนีไปหลังจากนั้นไม่นาน | ||||||
20 | 4 | "Faster" | สตวร์ด ลี | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 18 มกราคม ค.ศ. 2023 | |
ในระหว่างที่ฮันเตอร์และเอคโค่กำลังไปทำภารกิจ ซิดพาโอเมก้า เทค และเร็กเกอร์ไปชมการแข่งขันบนดาวซาฟา โทมา ซิดถูกท้าทายโดนมิลเลกีซึ่งเป็นคู่ปรับทางธุรกิจของเธอ และนักแข่งของเขา เจ็ท เวนิม ในระหว่างการแข่งขันครั้งต่อมา มิลเลกีสั่งให้เวนิมโกงและทำให้ดรอยด์นักแข่งของซิดชื่อเทย์-โอพ่ายแพ้ ในขณะที่มิลเลไกมารับเงินพนัน โอเมก้าท้าทายให้เขาแข่งอีกครั้งเพื่ออิสรภาพของซิด ก่อนการแข่งขันครั้งถัดไป เทย์-โอประสบอุบัติเหตุ ทำให้เทคเข้าแข่งขันแทนเทย์-โอและใช้ความสามารถและความฉลาดในการคำนวณของเขาในการทดแทนการที่เขาขาดประสบการณ์ ทำให้เขาชนะการแข่ง มิลเลกีเชิดชูที่เขาสามารถปิดการต่อรองกับซิดได้แต่ได้เตือนเหล่าโคลนว่าซิดอาจทรยศพวกเขาในวันหนึ่ง | ||||||
21 | 5 | "Entombed" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | คริสโตเฟอร์ ยอร์สต์ | 25 มกราคม ค.ศ. 2023 | |
ในระหว่างค้นหาของที่มีประโยชน์ในลานขยะ โอเมก้าและเร็กเกอร์พบกับเข็มทิศโบราณพร้อมกับชุดของพิกัดไปยังระบบดาวแคลดาร์ทรินารี ด้วยความเชื่อว่าเข็มทิศนี้จะนำไปยังสมบัติที่ซ่อนอยู่ ฟีและโอเมก้าโน้มน้าวให้แบดแบทช์ไปยังระบบดาวนั้น เข็มทิศนำพวกเขาไปยังดาวสคารา นาลซึ่งเป็นที่ประทับของคริสตัสในตำนานชื่อ “หัวใจแห่งภูเขา“ พวกเขาพบกับคริสตัลและฟีก็เอามันไป ทำให้หุ่นยนต์ยักษ์ทำงานและเริ่มทำลายแวดล้อมรอบข้าง ด้วยความกลัวที่ว่า “มารอเดอร์” จะถูกทำลายและทำให้พวกเขาติดอยู่บนดาว คนอื่น ๆ จึงโน้มน้าวให้ฟีกลับไปคืนคริสตัล ทำให้หุ่นยนต์นี้ถูกทำลาย | ||||||
22 | 6 | "Tribe" | สตวร์ด ลี | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 | |
แบดแบทช์ไปยังดาวแวนการ์ด เอ็กซิส ซึ่งเป็นดาวของกลุ่มอาชญากร เพื่อขายเชนโค้ดที่เทคทำขึ้นมา ในระหว่างอยู่ที่นั่น โอเมก้าช่วยกันจีซึ่งเป็นเจไดเด็กชาววูกีที่ถูกจับขังไว้ให้หนีออกมาจากกลุ่มอาชญากรได้ ในระหว่างพากันจีกลับไปยางดาวคาชีคซึ่งเป็นดาวบ้านเกิดของเขา แบดแบทช์พบว่าดาวนี้กำลังถูกทำลายด้วยน้ำมือของกลุ่มของทหารรับจ้างชาวแทรนโดเชนผู้ทำงานให้กับจักรวรรดิ หลังจากชนะใจชนเผ่าวูกีพื้นเมืองได้ แบดแบทช์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเคารพที่วูกีมีให้ต่อต้นไม้ยักษ์ วรอเชียร์ พวกเขาร่วมกับชาววูกีและสัตว์ป่าพื้นเมืองในการวางแผนที่วูกีอ้างว่าได้มาจากต้นไม้ พวกเขาช่วยกันโค่นล้มกองกำลังของจักรวรรดิสำเร็จและกันจีได้กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนพ้องเขาอีกครั้ง | ||||||
23 | 7 | "The Clone Conspiracy" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | เอซรา นัชแมน | 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 | |
แรมพาร์ทขอคะแนนเสียงจากวุฒิสภาจักรวรรดิในการทดแทนกองทัพโคลนด้วยทหารเกณฑ์สตอร์มทรูปเปอร์ พวกเขาปิดบังการทำลายเมืองโทปิกาที่ทำโดยตั้งใจไว้โดยโทษลมพายุแทน สมาชิกวุฒิสภา ไรโย ชูชีตั้งคำถามสำหรับสิทธิของโคลน และได้พบกับโคลนทรูปเปอร์สลิปผู้ซึ่งเพื่อนของเขาถูกกำจัดหลังตั้งคำถามถึงเรื่องพายุของแรมพาร์ท แรมพาร์มส่งนักฆ่ามาเพื่อฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเปิดเผยความจริงออกไป ในขณะที่ชูชีขอให้สลิปเป็นพยานต่อหน้าวุฒิสภา นักฆ่าได้ฆ่าสลิปและโจมตีชูชี เธอถูกกัปตันเร็กซ์ผู้ได้รับการขอความช่วยเหลือจากสลิปช่วยไว้ เร็กซ์สามารถจับตัวนักฆ่าซึ่งเป็นโคลนได้แต่นักฆ่าได้ฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกสอบสวน | ||||||
24 | 8 | "Truth and Consequences" | สตวร์ด ลี | ดามานี จอห์นสัน | 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 | |
เร็กซ์ขอให้แบดแบทช์ช่วยและพวกเขาเดินทางไปยังคอรัสซัง โอเมก้าและชูชีไปขอความช่วยเหลือจากสมาชิกวุฒิสภาท่านอื่น ๆ ในระหว่างที่เร็กซ์และแบดแบทช์แอบขึ้นไปบนยานพิฆาตดาราของแรมพาร์ทซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง เพื่อพิสูจน์ถึงการปิดบังเรื่องเมืองทิโพก้า ในวุฒิสภา ชูชีเปิดโปงเรื่องโกหกของแรมพาร์ทและเขาถูกจับกุม แต่ถึงกระนั้น จักรพรรดิพัลพาทีนได้โต้แย้งว่าการโมตีของแรมพาร์ทนั้นถูกดำเนินการโดยโคลน ดังนั้นการเปิดโปงครั้งนี้จึงเป็นการสนับสนุนการจัดตั้งกองทัพทหารเกณฑ์ใหม่ วุฒิสภาเห็นชอบในพระราชบัญญัติงบประมาณ ก่อนที่แบดแบทช์จะออกจากคอรัสซัง เอคโค่ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยเร็กซ์ในการต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของโคลน | ||||||
25 | 9 | "The Crossing" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | บรูค โรเบิร์ทส์ | 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 | |
ซิดส่งแบดแบทช์ให้ไปเก็บแร่อิปเซียมมาจากเหมืองที่เธอเคยซื้อ ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในเหมือง “มารอเดอร์” ถูกขโมยไปและพวกเขาก็ถูกทิ้งอยู่บนดาว ในระหว่างที่กำลังปีนไปทางท่าจอดยานที่ใกล้ที่สุด แบดแบทช์ถูกขังอยู่ในเหมืองอีกแห่งหนึ่งในขณะที่แร่อิปเซียมของพวกเขาถูกจุดระเบิดโดยฟ้าผ่า ภายในเหมืองใหม่ โอเมก้าได้พบกับสายของแร่อิปเซียมและพยายามที่จะเก็บแร่นั้นกับเทค พวกเขาถูกแยกออกจากคนอื่น ๆ และก่อนที่หาทางออก พวกเขาได้พูดคุยกันถึงเรื่องการปรับตัวในชีวิต เช่น การจากไปของเอคโค่ พวกเขาหาทางไปยังท่าจอดยานร้างแต่สามารถที่จะติดต่อซิดได้ โดยซิดบอกว่าจะมารับในอีกไม่กี่วัน | ||||||
26 | 10 | "Retrieval" | สตวร์ด ลี | มอยเซส ซามอรา | 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 | |
ยาน “มารอเดอร์” ถูกโขมยโดยเด็กหนุ่มชื่อเบ็นนี บาโร ไปที่ศูนย์เหมืองแร่อิปเซียมใกล้เคียง เพื่อให้หัวหน้าแก๊งชื่อมอกโก มอกโกเตรียมที่จะชำแหละยานและนำชิ้นส่วนไปขาย ที่ท่าจอดยาน โอเมก้าพบกับวิธีที่จะติดตามยาน “มารอเดอร์” และแบดแบทช์ก็เจอกับศูนย์นี้ หลังจากแทรกซึมเข้าไปแล้ว พวกเขาพบกันเบ็นนีและบังคับให้เขาพาพวกเขาไปยังยาน ด้วยหวังไว้ว่าจะได้ใจมอกโก เบ็นนีหักหลังแบดแบทช์โดยการเปิดเผยว่ามีผู้แทรกซึม ก่อนที่พวกเขาจะถูกจับตัว โอเมก้าพบว่ามอกโกได้เอารัดเอาเปรียบคนงานของเขาเพื่อกำไรของเขาเองมาโดยตลอด ด้วยการเปิดเผยนี้ เบ็นนีและเพื่อนร่วมงานของเขาย้ายข้างและสู้กับมอกโกซึ่งตกลงสู่ความตาย แบดแบทช์ซ่อมยาน “มารอเดอร์” และออกจากดาว | ||||||
27 | 11 | "Metamorphosis" | ซอล รูอิส | ซาเบียร์ เพอร์ซาดา | 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
ดร. รอยซ์ เฮมล็อกเข้าควบคุมศูนย์การโคลนของจักรวรรดิที่เขาแทนทิส ที่ซึ่งนาลา เซปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือในโครงการโคลนของจักรพรรดิ ยานขนส่งลับที่กำลังมุ่งหน้าไปศูนย์นี้ได้ถูกทิ้งไว้และซิดสั่งให้แบดแบทช์ไปนำสินค้ากลับมา ในระหว่างที่ค้นซาก พวกเขาพบว่าสินค้าที่ว่าคือปีศาจซิลโล่ที่ยังไม่โตเต็มวัยซึ่งถูกสร้างโดยจักรวรรดิผ่านการโคลน กองกำลังจู่โจมของจักรวรรดิถูกส่งมาเก็บกู้ปีศาจตัวนี้และจับกุมผู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้แบดแบทช์ต้องถอนกำลัง เพื่อแลกกับอิสรภาพนั้น ลามา ซูถูกพาตัวมายังศูนย์แทนทิสเพื่อโน้มน้าวให้นาลา เซร่วมมือกับเฮมล็อก ลามา ซูบอกเฮมล็อกว่านาลา เซเป็นห่วงเป็นใยโอเมก้า | ||||||
28 | 12 | "The Outpost" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 8 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
ครอสแฮร์ถูกสั่งให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยโทโนแลนผู้ไม่ชอบโคลน ณ ค่ายทหารบนดาวบาร์ทอน โฟ ลังสินค้าลับสองลังถูกขโมยไป โนแลนสั่งให้ครอสแฮร์และผู้บัญชาการโคลนเมย์เดย์ไปเก็บกู้สินค้า ทั้งคู่สามารถกำจัดขโมยและหาสินค้าเจอซึ่งเป็นเพียงชุดเกราะของสตรอมทรูปเปอร์ หิมะเกิดถล่มขึ้นและฝังสินค้าไป และทำให้เมย์เดย์บาดเจ็บ ที่ค่ายทหาร โนแลนลงโทษพวกเขาในความล้มเหลวและปฏิเสธที่จะให้การรักษาเมย์เดย์ เมย์เดย์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วสิ้นใจไป ด้วยความที่ครอสแฮร์ทนไม่ไหวกับความเย่อหยิ่งและความไม่เคารพต่อโคลนของโนแลน ครอสแฮร์ฆ่าเขาและหลังจากหมดสติไป ครอสแฮร์ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นนักโทษในศูนย์แทนทิสและพบกับดร. เอเมอรี คาร์ | ||||||
29 | 13 | "Pabu" | สตวร์ด ลี | อามานดา โรส มูโน | 15 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
หลังจากที่ซิดไม่ได้มาช่วยพวกเขาให้ออกจากดาวเหมืองนี้ แบดแบทช์และโอเมก้ายกเลิกข้อตกลงของซิดอย่างไม่เป็นทางการ พวกเขาช่วยฟีเก็บกู้วัตถุที่หายไปและเธอโน้มน้าวให้พวกเขาตามเธอไปยังเกาะที่แสนสงบชื่อว่าพาบู ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นที่ปลอดภัยสำหรับให้พวกเขาอยู่ห่างไกลจากจักรวรรดิ พวกเขาได้รับการต้อนรับโดยนายกเทศมนตรี เชป แฮซาร์ด และลูกสาวของเขา ไลอานา ผู้ได้สนิทสนมกับโอเมก้า เมื่อสึนามิซัดเมืองชั้นล่าง ฮันเตอร์ได้ช่วยโอเมก้าและไลอานาที่อยู่บนเรือในขณะที่เทคและเร็กเกอร์ช่วยเชปและฟีอพยพประชาชนที่อยู่ชั้นล่าง หลังจากสึนามิหมดไป แบดแบทช์ตอบตกลงที่จะอยู่ที่พาบูและช่วยสร้างเมืองใหม่ | ||||||
30 | 14 | "Tipping Point" | ซอล รูอิส | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 22 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
ฮาวเซอร์และโคลนนายอื่น ๆ ที่ถูกขังเพราะไม่เชื่อฟังคำสั่งของจักรวรรดิถูกช่วยเหลือในระหว่างกำลังไปแทนทิสโดยเอคโค่, เกรเกอร์ และโคลนที่แปรพักตร์นายอื่น ๆ ที่แทนทิสนั้นเฮมล็อกสอบสวนครอสแฮร์เกี่ยวกับที่อยู่ของโอเมก้าและแบดแบทช์ ครอสแฮร์ถูกปล่อยไว้ให้อยู่ตัวคนเดียวชั่วขณะหนึ่งและสามารถหนีมาได้นานพอที่จะส่งข้อความหาแบดแบทช์ได้ โดยเตือนพวกเขาว่าจักรวรรดิกำลังตามหาโอเมก้า ก่อนที่สุดท้ายครอสแฮร์จะถูกทรมาณอย่างหนัก เอคโค่มาหาแบดแบทช์บนพาบูพร้อมกับข้อมูลที่เขาเก็บมาได้ระหว่างการให้การช่วยเหลือ หลังจากได้รับข้อความของครอสแฮร์และประมวลข้อมูลของเอคโค่แล้ว แบดแบทช์ได้รับรู้ถึงหน่วยลับของจักรวรรดิ ซึ่งคือ แผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า | ||||||
31 | 15 | "The Summit" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 29 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
แบดแบทช์ตามรอยเฮมล็อกไปยังการประชุมที่ทาร์คินเป็นประธานบนดาวอีริอาดู ซึ่งมีการพูดถึงโปรแกรมลับต่าง ๆ ของจักรวรรดิ รวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับการโคลนของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าและโปรเจ็กต์สตาร์ดัสท์ ในขณะที่พวกเขาแอบเข้าไปในฐานที่มีการจัดการประชุม แบดแบทช์พบว่าซอว์ เกอร์เรร่าก็กำลังแทรกซึมเข้าไปในฐานเพื่อฆ่าเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิ พวกเขาขอให้ซอว์ไม่ปฏิบัติภารกิจของเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามเฮมล้อกไปยังศูนย์ลับซึ่งเป็นที่ตั้งของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า แต่ซอว์ได้จุดระเบิดในตอนที่เหล่าผู้บุกรุกเขาถูกพบตัวเข้า แบดแบทช์พยายามที่จะหลบหนีโดยใช้เคเบิลคาร์ของฐานนี้แต่ถูกขัดจัดหวะด้วยการระเบิด พวกเขาถูกทิ้งไว้และไม่สามารถไปไหนได้ | ||||||
32 | 16 | "Plan 99" | สตวร์ด ลี | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 29 มีนาคม ค.ศ. 2023 | |
ด้วยรถกระเช้าของพวกเขาติด ไม่สามารถขยับได้และกำลังถูกโจมตีโดยกองกำลังของจักรวรรดิ เทคเสียสละชีวิตตนเองเพื่อผลักให้คนอื่น ๆ ออกห่างจากจักรวรรดิ พวกเขาล่นถอยไปหาซิดบนดาวออร์ด แมนเทลล์ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและยอมรับในความสูญเสีย ในไม่นานพวกเขาถึงรู้ว่าซิดหักหลังพวกเขาให้กับเฮมล็อกผู้มาถึงและจับตัวฮันเตอร์และเร็กเกอร์ และบังคับให้โอเมก้าเผยตนเองออกมา เอคโค่และเอซีไอ-3 ช่วยฮันเตอร์และเร็กเกอร์ แต่โอเมก้าถูกจับตัวไปและนำตัวไปยังแทนทิส เฮมล็อกใช้โอเมก้าเป็นตัวผลักดันให้นาลา เซทำงานให้กับโปรเจ็กต์ของพวกเขา โอเมก้าเจอกับครอสแฮร์และเอเมอรี คาร์ โดยเอเมอรี คาร์เปิดเผยตนเองว่าเป็นโคลนเช่นเดียวกับโอเมก้า ทำให้นับได้ว่าเธอเป็นพี่น้องที่มีพันธุกรรมเฉกเช่นเดียวกับโอเมก้า |
ซีซัน 3 (ค.ศ. 2024)
[แก้]ตอน ทั้งหมด | ตอน | ชื่อ | กำกับโดย | เขียนโดย | วันเผยแพร่เดิม | |
---|---|---|---|---|---|---|
33 | 1 | "Confined" | ซอล รูอิส | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 | |
ณ ศูนย์แทนทิส โอเมก้าถูกบังคับให้ทำงานกับนาลา เซและเอเมอรีในโครงการการโคลน ในทุก ๆ วัน เธอเก็บตัวอย่างเลือดจากโคลนรวมถึงตัวเธอเองด้วย โดยนาลา เซแอบนำตัวอย่างเลือดของโอเมก้าทิ้งไปก่อนที่จะถูกนำไปทดสอบ นอกจากนี้โอเมก้ายังให้อาหารสุนัขเลอร์คาของศูนย์นี้และตีสนิทกับหนึ่งในสุนัขนั้น ซึ่งเธอตั้งชื่อว่าแบดเชอร์ โอเมก้าหลบจากผู้คุมเพื่อมาคุยกับครอสแฮร์ที่พยายามจะตัดกำลังใจเธอในการวางแผนการหลบหนี เมื่อจักรวรรดิตัดสินใจที่จะการุณยฆาตแบดเชอร์เนื่องจากเชื่องเกินไป โอเมก้าปล่อยเธอให้เป็นอิสระออกสู่ป่านอกศูนย์ เฮมล็อกเตือนโอเมก้าว่าหากทำตัวท้าทายอีกจะถูกลงโทษเช่นเดียวกับครอสแฮร์ | ||||||
34 | 2 | "Paths Unknown" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 | |
ฮันเตอร์และเร็กเกอร์ได้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานของเฮมล็กมาจากครอบครัวกลุ่มอาชญกรดูแรนด์ แต่ข้อมูลนี้กลับนำพวกเขาไปยังศูนย์เก่าที่ถูกทิ้งร้าง พวกเขาพบอดีตนายร้อยโคลน ม็อกซ์, ซีค และสแตกเข้าโดยบังเอิญ โดยพวกเขาถูกทิ้งไว้หลังจากจักรวรรดิทำลายและทิ้งร้างศูนย์นี้ ณ ตอนนี้ พื้นที่นี้ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สลิเธอร์ซึ่งเป็นการทดลองที่ผิดพลาดของจักรวรรดิ ซีคช่วยฮันเตอร์และเร็กเกอร์หลบหลีกเถาวัลย์และเข้าไปยังศูนย์เพื่อเข้าถึงข้อมูลอะไรก็ได้ที่มีเกี่ยวกับปฏิบัติการของเฮมล็อก ทั้งสามคนถูกโมตีโดยเถาวัลย์สลิเธอร์ซึ่งสุดท้ายเป็นเพียงหนวดของสัตว์ประหลาดยักษ์ ม็อกซ์และสแตกใช้ยาน “มารอเดอร์” ในการช่วยเหลือคนอื่น ๆ และฮันเตอร์สัญญาว่าจะพานายร้อยทั้งหลายไปพาบู | ||||||
35 | 3 | "Shadows of Tantiss" | สตวร์ด ลี | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 | |
จักรพรรดิพัลพาทีนเดินทางไปยังแทนทิสเพื่อตรวจความคืบหน้าของ "โปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์” ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นสิ่งจำเป็นต่ออนาคตของจักรวรรดิ ในตอนนี้โครงการนี้ยังไม่สามารถเพิ่มจำนวนเอ็ม-เคานต์จากตัวอย่างในโคลนได้ เมื่อเอเมอรีเริ่มทดสอบตัวอย่างเลือดของโอเมก้า นาลา เซ บอกให้โอเมก้าหนีไป โอเมก้าปล่อยตัวครอสแฮร์และพวกเขาก็หนีไปในป่า เพื่อหายานขนส่งที่ตกก่อนหน้านี้ เอเมอรีเตือนระบบรักษาความปลอดภัยและมีการส่งทีมค้นหา ครอสแฮร์และโอเมก้าร่วมกับแบดเชอร์เพื่อขโมยยานขนส่งของทีมค้นหา พวกเข้าถูกตามโดยยานรบแต่เฮมล็อกสั่งให้ยานเหล่านั้นถอนกำลัง เนื่องจากเอเมอรีตระหนักได้ว่าพวกเขาต้องการโอเมก้าเพราะเลือดของเธอนั้นสามารถนำไปเพิ่มจำนวนเอ็ม-เคานต์ได้ | ||||||
36 | 4 | "A Different Approach" | ซอล รูอิส | เอซรา นัชแมน | 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 | |
เนื่องจากยานขนส่งของพวกเขาเสียหาย โอเมก้าและครอสแฮร์จึงลงจอดฉุกเฉินบนดาวลอ ในท่าจอดยานใกล้เคียงนั้น ครอสแฮร์ต้องการที่จะใช้กำลังในการยึดยานแต่โอเมก้ายืนกรานที่จะหาเงินเพื่อมาติดสินบนพนักงานขายตั๋ว ในระหว่างที่โอเมก้าใช้ความสามารถในการพนันของเธอเพื่อหาเงิน แบดเชอร์ถูกจับตัวไปโดยทหารของจักรวรรดิ โอเมก้าตามหาเธอและครอสแฮร์ก็ตามไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เมื่อพวกเขาพบฝ่ายจักรวรรดิและจนมุม โอเมก้าอนุญาตให้ครอสแฮร์ใช้ความสามารถของเขาในการแก้ปัญหาในแบบของเขา พวกเขาเอาชนะทหาร ปล่อยแบดเชอร์ และหนีไปด้วยยานขนสินค้าที่ขโมยมา ทั้งคู่ไปเจอกับฮันเตอร์และเร็กเกอร์ที่สุขใจเมื่อได้เห็นโอเมก้า แต่มีความสุขน้อยลงเมื่อเห็นครอสแฮร์ | ||||||
37 | 5 | "The Return" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | อามานดา โรส มูโน | 6 มีนาคม ค.ศ. 2024 | |
เอคโค่กลับไปยังพาบู แบดแบทช์พูดคุยกันถึงการทดลองที่เกิดขึ้นที่แทนทิส โอเมก้ามีดาต้าแพดของศูนย์ซึ่งสามารถให้คำตอบพวกเขาได้ในบ้าง และครอสแฮร์แนะนำให้พวกเขาลองเข้าถึงดาต้าแพดนั้นด้วยคอมพิวเตอร์ของจักรวรรดิที่ค่ายทหารบนดาวบาร์ทอน โฟ หลังจากพบว่าฐานถูกทิ้งร้างไป พวกเขาย้ายการส่งพลังงานมาจากแนวป้องกันของฐานนั้นเพื่อจะได้เข้าถึงดาต้าแพดนั้นได้ การทำเช่นนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สามารถโจมตีฐานได้ ครอสแฮร์และฮันเตอร์เบี่ยงเบนความสนใจของสิ่งมีชีวิตนั้นในขณะที่คนอื่น ๆ พยายามเปิดแนวป้องกันอีก แบดแบทช์ออกจากดาวนี้พร้อมข้อมูลที่กู้ได้จากดาต้าแพดและครอสแฮร์ได้รับความเชื่อใจจากเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกครั้ง | ||||||
38 | 6 | "Infiltration" | สตวร์ด ลี | แบรด ราว | 13 มีนาคม ค.ศ. 2024 | |
ในระหว่างที่ถูกคุ้มกันโดยเร็กซ์ และเหล่าโคลนแปรพักตร์ของเขา อดีตสมาชิกวุฒิสภาซิงห์พบกับวุฒิสภาชูชีเพื่อพูดคุยถึงความพยายามในการต่อสู้กับจักรวรรดิ พวกเขาถูกโจมตีโดยโคลนนักฆ่า ซีเอ็กซ์-1 ซึ่งสุดท้ายถูกเร็กซ์จับตัวไป ซีเอ็กซ์-1 ได้พกเครื่องแสดงเป้าหมายซึ่งมีโอเมก้าอยู่ในนั้น เร็กซ์จึงเรียกแบดแบทช์มายังฐานของเขาบนดาวเทธ โอเมก้าและครอสแฮร์เปิดเผยถึงสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับการทดลองของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าและโครงการนักฆ่า “โคลนเอ็กซ์” ซึ่งเป็นการนำเอาตัวตนออกจากโคลนเพื่อทำให้เป็นนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบ นักฆ่าอีกรายหนึ่งชื่อซีเอ็กซ์-2 ถูกส่งไปเพื่อฆ่าซีเอ็กซ์-1 ที่ถูกจับตัวไปซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ หลังจากนั้นซีเอ็กซ์-2 เห็นโอเมก้าแล้วจึงเรียกกำลังเสริม ซึ่งนำโดยผู้บัญชาการโคลนวูล์ฟ | ||||||
39 | 7 | "Extraction" | ซอล รูอิส | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 13 มีนาคม ค.ศ. 2024 | |
แบดแบทช์ เร็กซ์ และโคลนแปรพักตร์ที่รอดชีวิตพยายามที่จะหลบหนี แต่ถูกตามโดยคนของวูล์ฟและซีเอ็กซ์-2 ซีเอ็กซ์-2 ยิงยานขนส่งของกลุ่มผู้หลบหนี ทำให้วูล์ฟหงุดหงิดเพราะโอเมก้าต้องถูกจับเป็น กลุ่มผู้หลบหนีได้เดินไปยังจุดนักพบซึ่งพวกเขาวางแผนไว้ว่าจะเจอเอคโค่และเกรเกอร์ ซีเอ็กซ์-2 ตามพวกเขาไปและสู้กับครอสแฮร์ก่อนที่จะตกน้ำตกลงไป ซึ่งในที่สุดเขาก็รอดมาได้ ที่จุดนัดพบนั้น วูล์ฟตกใจที่เห็นเร็กซ์ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเขายังไม่ตาย เร็กซ์บอกวูล์ฟเรื่องที่จักรวรรดิทำต่อโคลนและวูล์ฟปล่อยให้พวกเขาหนีไป เร็กซ์บอกฮันเตอร์ว่าพวกเขาต้องหาเหตุผลว่าทำไมโอเมก้าถึงสำคัญต่อจักรวรรดิ | ||||||
40 | 8 | "Bad Territory" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | แมทท์ มิชโนเวทซ์ | 20 มีนาคม ค.ศ. 2024 | |
แบดแบทช์ขอให้ฟีสืบเรื่องการทดลองของจักรวรรดิที่เกี่ยวกับเอ็ม-เคานต์ และเธอรายงานว่านักล่าเงินรางวัลถูกจ้างตัวไปเพื่อหาตัวอย่างที่มีเอ็ม-เคานต์สูง ด้วยความที่เชื่อว่าแชนด์จะรู้มากกว่านี้ ฮันเตอร์และเร็กเกอร์จะตามหาเธอ โอเมก้ากับครอสแฮร์รอที่พาบูและโอเมก้าพยายามที่จะช่วยครอสแฮร์ให้ก้าวข้ามอาการสมองตันที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซุ่มยิงของเขา แชนด์เสนอข้อมูลให้ฮันเตอร์และเร็กเกอร์หากพวกเขาช่วยเธอในการจับเป้าหมายปัจจุบันของเธอ ไซลาร์ ซาริส หลังจากพวกเขาจับตัวซาริสสำเร็จ แชนด์บอกว่าเธอจะติดต่อเรื่องข้อมูลในภายหลังด้วยข้อมูล หลังจากนั้นเธอจึงแจ้งบุคคลที่สามถึงแบดแบทช์และคำถามของพวกเขา | ||||||
41 | 9 | "The Harbinger" | สตวร์ด ลี | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 27 มีนาคม ค.ศ. 2024 | |
อาซาจ เวนเทรสซึ่งเป็นผู้ที่แชนด์ติดต่อเดินทางมายังพาบู เธอบอกแบดแบทช์ว่าเอ็ม-เคานต์สื่อถึงความสามารถในการติดต่อกับพลังและเริ่มทดสอบความสามารถของโอเมก้าโดยการใช้เทคนิคของเจได แบดแบทช์เป็นห่วงเมื่อตระหนักว่าเวนเทรสเคยเป็นนักฆ่าของฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสงครามโคลนแต่โอเมก้าเชื่อใจเธอ ในระหว่างการทดสอบสุดท้ายในทะเล เวนเทรสเผลอเรียกสัตว์ประหลาดในทะเลซึ่งโจมตีพวกเธอ เธอทำให้สัตว์ประหลาดสงบลงและช่วยโอเมก้าไว้ ทำให้ได้รับความเชื่อใจจากแบดแบทช์ เวนเทรสบอกโอเมก้าว่าเอ็ม-เคานต์ของเธอนั้นต่ำ แต่ในตอนหลังบอกคนอื่นว่าเธอโกหก เธอยังเตือนพวกเขาด้วยว่าพวกเขาอาจไม่ปลอดภัยบนพาบู | ||||||
42 | 10 | "Identity Crisis" | ซอล รูอิส | อามานดา โรส มูโน | 3 เมษายน ค.ศ. 2024 | |
เฮมล็อกขังนาลา เซเพราะเชื่อว่าเธอช่วยให้โอเมก้าและครอสแฮร์หลบหนีไปได้ และแต่งตั้งให้เอเมอรีเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ เอเมอรีได้เรียนรู้ว่าตัวอย่างทดลองนั้นเป็นเพียงเด็กที่มีเอ็ม-เคานต์สูงซึ่งถูกนำตัวมายังแทนทิสโดยนักล่าเงินรางวัลเช่นเบน เธอเริ่มที่จะรู้สึกไม่ดีกับจักรวรรดิ เธอยังพบเห็นเบนส่งตัวอย่างเด็กที่เด็กกว่าเด็กคนอื่น ๆ ซะอีก และต้องพบเจอกับความเลือดเย็นที่พวกเขาถูกกระทำใส่ ทาร์คินขู่ที่จะตัดงบเฮมล็อกหากแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ ซีเอ็กซ์-2 แจ้งเฮมล็อกว่าเขาใกล้ที่จะเจอโอเมก้าหลังจากที่รู้เรื่องความเกี่ยวข้องของเธอกับฟีผ่านการทรมานซิด | ||||||
43 | 11 | "Point of No Return" | นาธาเนียล วิลลานูเอวา | อามานดา โรส มูโน | 3 เมษายน ค.ศ. 2024 | |
ซีเอ็กซ์-2 แอบขึ้นไปบนยานของฟีและเก็บตำแหน่งของพาบูมาจากคอมพิวเตอร์นำทางของเธอ ด้วยความเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงของการอยู่ที่พาบู แบดแบทช์เตรียมตัวที่จะออกจากดาวในระหว่างที่ซีเอ็กซ์-2 มาถึงและยืนยันตำแหน่งของพวกเขา ด้วยหนทางหนีของพวกเขาถูกตัดขาดไป คนอื่น ๆ ของแบดแบทช์หนีจากการตามล่าในระหว่างที่ฮันเตอร์พยายามขโมยยานติดอาวุธของจักรวรรดิ เขาถูกยิงตกโดยซีเอ็กซ์-2 และโอเมก้าตัดสินใจที่จะมอบตัวเธอเอง เพื่อเผื่อชีวิตของผู้คนบนพาบูและหวังว่าแบดแบทช์จะสามารถติดตามเธอไปยังแทนทิส แต่กระนั้นความพยายามของครอสแฮร์ในการติดเครื่องติดตามนั้นไม่สำเร็จ ในขณะที่ซีเอ็กซ์-2 จากไปพร้อมโอเมก้า | ||||||
44 | 12 | "Juggernaut" | สตวร์ด ลี | เอซรา แนชแมน | 10 เมษายน ค.ศ. 2024 | |
ซีเอ็กซ์-2 พาโอเมก้ากลับไปยังแทนทิส และเอเมอรีตรวจเลือดของเธอเพื่อยืนยันว่าเธอตรงกับความต้องการของพวกเขา เฮมล็อกพาโอเมก้าไปขังพร้อมกับตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์คนอื่น ๆ เมื่อกองกำลังของจักรวรรดิจากพาบูไป ครอสแฮร์เสนอฮันเตอร์และเร็กเกอร์ว่าพวกเขาเอาพิกัดของแทนทิสมาจากพลเรือโทแรมพาร์ทได้ ผู้ซึ่งถูกขังอยู่ในค่ายแรงงานของจักรวรรดิบนดาวเอเรบัส ด้วยความช่วยเหลือของฟี พวกเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในดาวเอเรบัสได้ ขโมยยานขนส่งของเรือนจำ และหนีออกมาได้พร้อมกับแรมพาร์ท บนยานของฟีนั้น แรมพาร์ทอธิบายว่าไม่มีใครรู้ตำแหน่งของแทนทิส แต่เขาเต็มใจที่จะช่วยพวกเขาในการหาศูนย์นี้แลกกับการที่เขาไม่ถูกส่งตัวกลับค่าแรงงาน | ||||||
45 | 13 | "Into the Breach" | ซอล รูอิส | แบรด ราว | 17 เมษายน ค.ศ. 2024 | |
โอเมก้าได้รับแนะนำตัวให้คนตัวอย่างทดลองคนอื่น ๆ: เอวา, แจ็กซ์, แซมี และแบร์น เธอบอกพวกเขาว่าเธอเคยหนีออกมาจากแทนทิสมาก่อน และวางแผนที่จะทำเช่นนั้นอีกโดยใช้เส้นทางหลังห้องขังของเธอ แบดแบทช์และแรมพาร์ทกลับมาพบกับเอคโค่พร้อมด้วยยานขนส่งที่ถูกขโมยมา ซึ่งพวกเขาใช้ในการแทรกซึมเข้าไปในสถานีส่งต่อของจักรวรรดิเหนือดาวคอรัสซังเพื่อหาพิกัดสำหรับแทนทิส ด้วยเหตุที่ว่าพวกเขาไม่สามารถหาพิกัดของแทนทิสได้จากคลังข้อมูลของสถานีนี้ เอคโค่จึงตัดสินใจที่จะแอบขึ้นไปบนยานขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ซึ่งมีปลายทางคือแทนทิส และปิดเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งใกล้เคียงของยานนี้ได้ ทำให้คนอื่น ๆ สามารถเทียบยานของพวกเขาไปบนยานขนส่งนี้ได้ ในขณะที่พวกเขาเข้าสู่ไฮเปอร์สเปซ | ||||||
46 | 14 | "Flash Strike" | เนท วิลลานูเอวา | แบรด ราว | 24 เมษายน ค.ศ. 2024 | |
เฮมล็อกได้รับการเตือนเรื่องที่ว่าแบดแบทช์แทรกซึมเข้าไปในสถานีส่งต่อ และส่งยานไฟเตอร์ไปเพื่อขัดขวางยานที่กำลังจะมา ฮันเตอร์, เร็กเกอร์, ครอสแฮร์ และแรมพาร์ทถูกบังคับให้ยานตกลงใกล้เขาแทนทิสและต้องเดินทางต่อด้วยเท้า ในขณะที่ถูกล่าโดยสตอร์มทรูปเปอร์ที่ลาดตระเวน โอเมก้าได้ฉวยโอกาสจากการที่ฐานนี้อยู่ในช่วงที่เตรียมพร้อมขั้นสูง ในการสำรวจทางหนีที่เธอวางแผนไว้และพบกับปีศาจซิลโล่ในห้องขังใต้ดิน ในป่านั้น แรมพาร์ทเผลอปลุกสิ่งมีชีวิตยักษ์ทำให้มันโจมตีพวกเขา และเขาถูกแยกตัวจากคนอื่น ๆ และถูกจับตัวไป เอคโค่แทรกซึมเข้าไปในฐานและเผชิญหน้ากับเอเมอรี ผู้บอกให้เขารู้เรื่องเด็กคนอื่น ๆ ที่ถูกขังอยู่กับโอเมก้า | ||||||
47 | 15 | "The Cavalry Has Arrived" | สตวร์ด ลี, ซอล รูอิส กับ แบรด ราว | เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ | 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 | |
เด็ก ๆ หลบหนีออกมาและปลดปล่อยปีศาจซิลโล่ให้เข้าทำลายทั่วศูนย์ ก่อนที่พวกเขาจะพบกับเอคโค่และเอเมอรี ฮันเตอร์, เร็กเกอร์ และครอสแฮร์แทรกซึมเข้าไปในฐานแต่ถูกจับกุมตัวโดยเหล่านักปฏิบัติการซีเอ็กซ์ของเฮมล็อก เอคโค่และโอเมก้าปล่อยตัวนาลา เซ, แรมพาร์ท และนักโทษโคลนนายอื่น ๆ ในขณะที่เอเมอรีพาเด็กคนอื่น ๆ ไปยังที่ปลอดภัย นาลา เซไปเพื่อทำลายข้อมูลของศูนย์ เพื่อปกป้องโอเมก้าและป้องกันจักรวรรดิจากการใช้งานวิจัยของเธอ แต่แรมพาร์ทฆ่าเธอและวางแผนที่จะใช้งานวิจัยนี้ในการต่อรองกับจักรวรรดิ ก่อนที่เธอจะตายนั้น นาลา เซได้ใช้ระเบิดมือในการทำลายข้อมูลและฆ่าแรมพาร์ท เฮมล็อกพยายามที่จะแปลงฮันเตอร์, เร็กเกอร์ และครอสแฮร์ให้กลายเป็นนักปฏิบัติการ แต่เอคโค่, โอเมก้า และโคลนนายอื่น ๆ ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระและเอาชนะนักปฏิบัติการที่มีอยู่ได้ เฮมล็อกจับตัวโอเมก้าเป็นตัวประกัน แต่เธอช่วยให้ฮันเตอร์และครอสแฮร์ฆ่าเขา พวกเขาหลบหนีไปยังพาบู ทาร์คินสั่งปิดแทนทิสและผันงบประมาณไปที่โปรเจ็กต์สตาร์ดัสท์แทน เอเมอรีร่วมกับเอคโค่ในการช่วยโคลนนายอื่น ๆ ในขณะที่โอเมก้าและแบดแบทช์ยังคงอยู่บนพาบู ในหลายปีต่อมา โอเมก้าที่โตแล้วเข้าร่วมฝ่ายกบฏในการต่อสู้กับจักรวรรดิ |
นักแสดงและตัวละคร
[แก้]นักแสดงนำ
[แก้]- ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ เป็น แบดแบทช์:
หรือที่รู้จักกันในนาม หน่วยโคลน 99 แบดแบทช์เป็นหน่วยของโคลนทรูปเปอร์ที่เป็นเอกลักษณ์โดยมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม[8] จอร์จ ลูคัส ผู้เป็นผู้ให้นำเกิด สตาร์ วอร์ส ต้องการให้พวกเขามีความสามารถพิเศษที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากโคลนอื่น ๆ แต่เขาไม่ได้ต้องการให้พวกเขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่[9] แบดแบทช์ประกอบด้วย: ฮันเตอร์ หัวหน้าทีมซึ่งมีการรู้สัมผัสที่เพิ่มขึ้นจากปกติและถูกเรียกว่า "ปรมาจารย์ในการติดตาม"; เร็กเกอร์ ผู้มีกล้ามเนื้อที่ดีกว่าปกติและมีโครงกระดูกที่เสริมความแข็งแรง ทำให้เขาแข็งแรงมาก; ครอสแฮร์ นักซุ่มยิงที่มีฝีมือ; เทค อัจฉริยะผู้เก่งในเรื่องเทคโนโลยี; และเอคโค่ อดีตโคลนธรรมดา หรือ "พวกกาก" ผู้ถูกเปลี่ยนเป็นไซบอร์กผ่านการทดลองที่น่าสะพรึงกลัว และในตอนนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้[10] ถึงแม้ว่าจะเป็นโคลน เบเกอร์ทำให้แน่ใจว่าทีมนี้มีเสียงที่ต่างกันและสามารถแยกออกจากกันได้ในแต่ละคน เช่น ความแม่นยำของเทค และการที่ครอสแฮร์เสียงเหมือน "งูที่กำลังขดตัว"[11]- ดังเช่นที่เขาทำใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส เบเกอร์ยังให้พากย์เสียงโคลนนายอื่น ๆ ในแอนิเมชันชุดนี้อีกด้วย[11] ประกอบด้วย: เกรย์ กัปตันภายใต้ปรมาจารย์เจได เดปา บิลลาบา ในช่วงคำสั่งที่ 66;[12] คัท ลอว์เควน ผู้ละทิ้งสงครามโคลนและหนีไปซ่อนตัวกับครอบครัวของเขา;[13] เร็กซ์ อดีตกัปตันผู้ถูกเชื่อว่าตายไปในตอนจบของสงครามโคลนและตอนนี้ทำปฏิบัติการลับเพื่อช่วยเหลือโคลนนายอื่น ๆ และต่อต้านจักรวรรดิ;[14][15] ฮาวเซอร์ กัปตันโคลนบนดาวไรลอธผู้สนับสนุนนักสู้เพื่ออิสรภาพในการสู้กับจักรวรรดิ;[16] เกรเกอร์ คอมมานโดผู้ทำงานร่วมกับเร็กซ์;[17] วิลโค กัปตันผู้ประจำบนดาวเซเรนโนและถูกฆ่าโดยพลเรือโทแรมพาร์ทในฐานปฏิเสธการปลอมแปลงเอกสารรายงาน;[18] โคดี ผู้บัญชาการที่ละทิ้งการทำงานหลังจากเริ่มตั้งคำถามต่อจักรวรรดิในระหว่างภารกิจที่ทำร่วมกับครอสแฮร์;[19] เคดและสลิป โคลนผู้ถูกฆ่าโดยแรมพาร์ทเพราะเป็นส่วนหนึ่งของผู้แพร่ข่าวลือเรื่องการปิดบังการทำลายเมืองทิโพก้า;[20] สกอร์ช คอมมานโดผู้นำกองกำลังของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า;[21] เมย์เดย์ ผู้บัญชาการของค่ายทหารไร้ผู้คนบนดาวบาร์ทอน โฟ ผู้ซึ่งความตายของเขานั้นเป็นตัวเร่งให้ครอสแฮร์หักหลังให้จักรวรรดิ;[22] ฟายบอลล์และเนเมค สมาชิกกลุ่มโคลนแปรพักตร์ของเร็กซ์;[23] เหล่านักฆ่า โคลนเอ็กซ์;[24] และวูล์ฟ ผู้บัญชาการที่ถูกส่งมาเพื่อจับกุมตัวโอเมก้าและถูกเจรจาโดยเร็กซ์;[25] เบเกอร์เพิ่มความแตกต่างเล็กน้อยในเสียงของโคลนแต่ละนาย[11]
- เบเกอร์กลับมารับบทเป็นบาร์ทัน โคเบิร์น พลเรือเอกแห่งจักรวรรดิผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน โดยเป็นตัวละครจาก เดอะ โคลน วอร์ส[26] นอกจากนี้เขายังให้เสียงของแบดเชอร์ สุนัขเลอร์คาที่โอเมก้าสนิทด้วย[27]
- มิเชลล์ แองก์ เป็น โอเมก้า:
โคลนเด็กหญิงผู้เข้าร่วมแบดแบทช์[28] เธอเป็นโคลนของแจงโก้ เฟทท์ที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง ทำให้เธออายุเพิ่มขึ้นตามปกติต่างจากแบดแบทช์และโคลนนายอื่น ๆ ที่อายุเพิ่มขึ้นเร็วเป็นสองเท่าของความเร็วปกติ ดังนั้น ในทางเทคนิคแล้ว โอเมก้าจึงแก่กว่าโคลนเกือบทั้งหมดถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาที่เด็กกว่า[29] ชื่อของเธออ้างอิงถึงโคลนที่ไม่ได้รับการปรับแต่งโคลนแรกของแจงโก้ เฟทท์ "แอลฟ่า" หรือที่รู้จักกันในฐานะลูกชายของแจงโก้ โบบา[3] ในการให้เสียงโอเมก้า แองก์ใช้สำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอเองแต่ปรับความสูงต่ำของเสียงและความรู้สึกนึกคิดเพื่อให้ "ความเยาว์วัย" แก่ตัวละคร แองก์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการดูการที่ลูกชายของเธอได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ[30]
นักแสดงสมทบ
[แก้]ตัวละครจากสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ
[แก้]- เบน ดิสกิน เป็น เอซี-3: ดรอยด์ทางการแพทย์จากดาวคามิโน่ ผู้ให้ความช่วยเหลือแบดแบทช์[31]
- บ็อบ เบอร์เก็น เป็น ลามา ซู: นายกรัฐมนตรีของดาวคามิโน่[31]
- เกวนโดลิน ยีโอ เป็น นาลา เซ: นักวิทยาศาสตร์ชาวคามิโน่ผู้รับผิดชอบกระบวนการโคลน[31]
- สตีเฟน สแตนตัน เป็น
- ทาร์คิน: เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิ[14]
- เมส เอเมดดา: มหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิ[32]
- เจนนิเฟอร์ เฮล เป็น ไรโย ชูชี: สมาชิกวุฒิสภาชาวแพนทอร่า ผู้แก้ต่างเพื่อโคลน[33]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 1
[แก้]- โนเชียร์ ดาลาล เป็น แรมพาร์ท: พลเรือโทของจักรวรรดิผู้รับผิดชอบในโครงการทหารเกณฑ์ใหม่สตอร์มทรูปเปอร์[31]
- เลียม โอ'ไบรอัน เป็น โบโล: ชาวอิโธเรียนธรรมดาในบาร์ของซิด[ต้องการอ้างอิง]
- แซม ไรเจล เป็น เคทช์: ชาววีเคยธรรมดาในบาร์ของซิด[ต้องการอ้างอิง]
- เรีย เพิร์ลแมน เป็น ซิด: ชาวแทรนโดเชน อดีตผู้แจ้งเรื่องเจได และผู้หางานทหารรับจ้างให้แก่แบดแบทช์[31]
- เชลบี ยัง เป็น
- แบรกก์: กัปตันของจักรวรรดิที่ประจำการอยู่บนดาวแรซัส เซคันดัส[ต้องการอ้างอิง]
- ยานนา: วูกีเฒ่า[ต้องการอ้างอิง]
- แบร์น: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง[ต้องการอ้างอิง]
- เฮเลน แซดเลอร์ เป็น สแคลเดอร์: แพทย์ในแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าของจักรวรรดิ[34]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 2
[แก้]- แวนดา ไซกส์ เป็น ฟี เจนัว: โจรสลัดในรายชื่อติดต่อของซิด ซึงได้สนิทกับแบดแบทช์[35]
- จิมมี ซิมสัน เป็น รอยซ์ เฮมล็อก: ผู้กำกับแห่งแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าของจักรวรรดิ[36]
- เคชา แคสเซิล-ฮิวจญส์ เป็น เอเมอรี คาร์: โคลนหญิงโตเต็มวัยของแจงโก้ เฟทท์ ซึ่งทำงานให้แผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า[37]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 3
[แก้]- ไอแวน ไซนิตซิน เป็น แจ็กซ์: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-32[ต้องการอ้างอิง]
- ออลวีน เอ็ม. เวแลน เป็น เอวา: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-54[ต้องการอ้างอิง]
- ไนยา ซิงห์ พาดิลลา เป็น แซมี: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-39[ต้องการอ้างอิง]
นักแสดงรับเชิญ
[แก้]ตัวละครจากสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ
[แก้]- อาร์ชี ปัญจาบี เป็น เดปา บิลลาบา: ปรมาจารย์เจไดผู้ถูกฆ่าในคำสั่งที่ 66 ความตายของเธอนั้นถูกแสดงออกมาต่างจากที่ระบุไว้ในหนังสือการ์ตูน เคนัน[38]
- แมทธิว วูด เป็น
- แบทเทิลดรอยด์แห่งกองทัพของฝ่ายแบ่งแยก[39]
- บิบ ฟอร์ทูนา: หัวหน้าคนใช้และมือขวาของเจ้าพ่อมาเฟีย แจบบา เดอะ ฮัทท์[40]
- เฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์ เป็น เคเลป ดูม: พาดาวันของเดปา บิลลาบา ผู้หลีบหนีจากคำสั่งที่ 66 เหตุการณ์นี้ถูกแสดงออกมาต่างจากที่ระบุไว้ในหนังสือการ์ตูน เคนัน[38]
- เอียน แม็คเดียร์มิด เป็น พัลพาทีน: จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ และเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ [41]
- แอนดรูว์ คิชิโน เป็น ซอว์ เกอร์เรร่า: นักสู้เพื่ออิสรภาพชาวออนเดรอน[42]
- ทอม เคน เป็น นักบรรยายฉากเปิดในรูปแบบของ เดอะ โคลน วอร์ส ด้วยเหตุที่ว่าสงครามโคลนนั้นจบลงในตอนแรกของซีรีสนี้ การบรรยายจึงไม่ถูกนำมาใช้ในตอนอื่น ๆ[43]
- นิกา ฟัตเทอร์แมน เป็น
- เชเอีย ลอว์เควน: ลูกสาวของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
- อาซาจ เวนเทรส:
ลูกศิษย์ของเคานต์ดูกู ในช่วงสงครามโคลน ผู้ผันตัวกลายเป็นนักล่าเงินรางวัล[45] การปรากฏตัวครั้งล่าสุดของตัวละครนี้นั้นอยู่ในนิยายปี ค.ศ. 2015 เรื่อง ดาร์ก ดิสซิเพิล ซึ่งดัดแปลงมาจากบทของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้และสตอรีบอร์ดของเรื่องนั้น ในหนังสือ เวนเทรสตกหลุมรักกับเจได ควินแลน วอส และเสียสละตัวเธอเองเพื่อช่วยเขา[45][46] ในตอนที่ผู้อำนวยการผลิต เดฟ ฟิโลนี ต้องการให้ตัวละครนี้กลับมามีบทบาทในซีซัน 3 ของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ฝ่ายผลิตต้องพยายามในการหาทางให้เวนเทรสสามารถรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพวกเขาวางแผนที่จะเปิดเผยในเรื่องราวของ สตาร์ วอร์ส ในอนาคต[47] การรูปร่างหน้าตาของเธอใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นได้ต้นแบบมาจากงานออกแบบที่ทำไว้สำหรับตอนของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ ประกอบด้วยผมที่ยาวขึ้นและกระบี่แสงใหม่ซึ่งมีใบดาบสีเหลือง[45][46] ฟัตเทอร์แมนนั้นตื่นเต้นที่จะได้แสดงเป็นเวนเทรสในรูปแบบที่อ่อนโยนขึ้น[47]
- แคธ ซูชี เป็น เจค ลอว์เควน: ลูกชายของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
- คารา พิฟโก เป็น ซู ลอว์เควน: ภรรยาของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
- หมิง-นา เหวิน เป็น เฟนเนค แชนด์: ทหารรับจ้างและนักซุ่มยิงที่มีความสามารถ[48]
- บริจิทท์ คาลี เป็น เทรซ มาร์เทซ: อดีตนักลับลอบขนของเถื่อนที่ผันตัวเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพและเป็นน้องสาวของราฟา[49]
- อลิซาเบธ โรดริเกซ เป็น ราฟา มาร์เทซ: อดีตนักลับลอบขนของเถื่อนที่ผันตัวเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพและเป็นพี่สาวของเทรซ[49]
- โครีย์ เบอร์ทัน เป็น
- เซ็ธ กรีน เป็น โทโด 360: ดรอยด์ผู้ช่วยของแคด เบน[50]
- รีนา โอเวน เป็น ทอน วี: ชาวคามิโน่ซึ่งเป็นผู้ช่วยของลามา ซู[52]
- โรบิน แอทคิน ดาวนส์ เป็น ชาม ซินดูลลา: นักสู้เพื่ออิสรภาพชาวทวิเล็กผู้โด่งดัง และเป็นพ่อของเฮรา ซินดูลลา[51]
- วาเนสซา มาร์แชล เป็น เฮรา ซินดูลลา:
ลูกสาวของชาม ซินดูลลา ผู้เป็นนักบินที่มีความสามารถและเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพ ก่อนหน้านี้มาร์แชลเคยรับบทเป็นเฮราในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ซึ่งเธอใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันเป็นส่วนใหญ่สำหรับตัวละครนี้ แต่กระนั้น ในแอนิเมชันชุดนั้นได้เปิดเผยฉาดว่าเฮราเคยมีสำเนียงฝรั่งเศสมาก่อน—แสดงถึงสำเนียงท้องถิ่นของดาวไรลอธ —ดังเช่นชามและตัวละครทวิเล็กคนอื่น ๆ นั้นมี แต่เธอสูญเสียสำเนียงนี้ไปเมื่อเธออกเดินตามทางของเธอเอง มาร์แชลซึ่งสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่อง จึงสามารถให้เสียงเฮราด้วยสำเนียงท้องถิ่นได้ใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ และยังปรับความสูงต่ำของเสียงของเธอเพื่อแสดงเป็นเฮราในช่วงวัยรุ่น[53] - ฟีล ลามาร์ เป็น
- ออร์น ฟรี ทา: สมาชิกวุฒิสภาของจักรวรรดิ จากดาวไรลอธ ผู้ประพฤติมิชอบ[51]
- เบล ออร์กานา: สมาชิกวุฒิสภาดาวอัลเดอราน ผู้ต่อต้านจักรวรรดิอย่างลับ ๆ[32]
- เดฟ ฟิโลนี เป็น ช็อปเปอร์: แอสโทรเม็คดรอยด์ที่น่ารำคาญของเฮรา แอนิเมชันชุดนี้ยังคงทำตามธรรมเนียมเดิมจาก สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ที่ใส่เครดิตว่าช็อปเปอร์เล่นเป็น “ตัวเขาเอง”[54]
- ชารอน ดันแคน-บรูว์สเตอร์ เป็น ทินนรา พามโล: สมาชิกวุฒิสภาของจักรวรรดิจากดาวทาริส[55]
- จามีลาห์ แม็คมิลแลน เป็น เฮลล์ เบอร์โทนี: อดีตสมาชิกวุฒิสภาจากดาวคามิโน่[56]
- แอนดี เดอ ลา ทูร์ เป็น เฮิร์สท์ โรโมดี: พลเรือเอกของจักรวรรดิ ผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน[26]
- เบน เมนเดลโซห์น เป็น ออร์สัน เครนนิก: ผู้บัญชาการของจักรวรรดิผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน และเป็นผู้ดูแล “โปรเจ็คสตาร์ดัสท์”[26]
- ดาเนียล โลแกน เป็น ม็อกซ์ และ จูเลียน เดนนิสัน เป็น ดีคและสแตก: สามโคลนหนุ่มของแจงโก้ เฟทท์ ผู้ถูกทิ้งโดยจักรวรรดิ[57][58]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 1
[แก้]- เอมีลีโอ การ์เซีย-แซนเชส เป็น อีเอส-01: สมาชิกกลุ่มทหารเกณฑ์ยอดฝีมือของครอสแฮร์[ต้องการอ้างอิง]
- ดาเฮลี ฮอลล์ เป็น อีเอส-04: สมาชิกกลุ่มทหารเกณฑ์ยอดฝีมือ[ต้องการอ้างอิง]
- ทีนา ฮวง เป็น อีเอส-02: สมาชิกกลุ่มทหารเกณฑ์ยอดฝีมือของครอสแฮร์[ต้องการอ้างอิง]
- เนสส์ บอทิสตา เป็น อีเอส-03: สมาชิกกลุ่มทหารเกณฑ์ยอดฝีมือของครอสแฮร์[ต้องการอ้างอิง]
- อเล็กซานเดอร์ ซิดดิก (ซีซัน 1) และ แดนนี เจคอบส์ (ซีซัน 3) เป็น อาวี ซิงห์: สมาชิกวุฒิสภาดาวแรซัส เซคันดัส[ต้องการอ้างอิง]
- เฟเรลิธ ยัง เป็น เอเลนี ซินดูลลา: ภรรยาของชาม และเป็นแม่ของเฮรา[51]
- ทอม เทย์เเลอร์สัน เป็น โรแลนด์ ดูแรนด์: ชาวดีวาโรเนียน และเป็นสมาชิกระดับสูงของครอบครัวกลุ่มอาชญากรดูแรนด์[ต้องการอ้างอิง]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 2
[แก้]- เออร์นี ฮัดสัน เป็น กรีนี มิลเลกี: นักเลงชาวดาวูทิน และเป็นคู่ปรับทางธุรกิจของซิด ผู้ซึ่งคอยดูแลการแข่งบนดาวซาฟา โทมา[ต้องการอ้างอิง]
- เบน ชวาร์ตซ์ เป็น เทย์-โอ: ดรอยด์นักแข่งของซิดบนดาวซาฟา โทมา[ต้องการอ้างอิง]
- โจนาธาน ลีโพ เป็น
- กันจี: เจไดเด็กชาววูกี ผู้หลบหนีจากจักรวรรดิ[ต้องการอ้างอิง]
- ม็อกโก: เจ้านายผู้ใจดำแห่งศูนย์เหมืองแร่[ต้องการอ้างอิง]
- ยูรี โลเวนธัล เป็น เบ็นนี บาโร: เด็กหนุ่มนักค้นซากผู้ทำงานในเหมืองของม็อกโก[59]
- คริสพิน ฟรีแมน เป็น โนแลน: ร้อยโทของจักรวรรดิผู้ไม่ชื่นชอบโคลนและถูกฆ่าโดยครอสแฮร์[60]
- แอนดี อัลโล เป็น ไลอานา ฮาซาร์ด: ลูกสาวของนายกเทศมนตรีแห่งพาบู เชป ผู้ซึ่งสนิทกับโอเมก้า[ต้องการอ้างอิง]
- อิมารี วิลเลียมส์ เป็น เชป ฮาซาร์ด: นายกเทศมนตรีแห่งพาบู พ่อของไลอานา และผู้เป็นเพื่อนของฟี[ต้องการอ้างอิง]
ตัวละครใหม่ในซีซัน 3
[แก้]- แองเจลิกา ฮัสตัน เป็น อิซา ดูแรนด์: หัวหน้าของครอบครัวกลุ่มอาชญากรดูแรนด์ [61]
- แฮร์รี ลอยด์ เป็น มานน์: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่ประพฤติมิชอบบนดาวลอ ผู้พนันกับโอเมก้า[ต้องการอ้างอิง]
- เจฟ โบห์ม เป็น โนวิทซ์: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่บัญชาการยานขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า[ต้องการอ้างอิง]
การผลิต
[แก้]ภูมิหลัง
[แก้]หลังจากที่ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการลูคัสฟิล์มในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 นั้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ภาพยนตร์แอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ได้ถูกยกเลิกไป[62] โดยให้ความสำคัญกับแอนิเมชันชุดใหม่ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ แทน[63] ลูคัสฟิล์มกล่าวว่าตอนบางส่วนที่ยังทำไม่เสร็จของ เดอะ โคลน วอร์ส นั้น จะยังถูกนำไปปล่อยเป็น "เนื้อหาเสริม"[62] ประกอบด้วยโครงเรื่องที่มีสี่ตอนซึ่งแนะนำหน่วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์หรือที่รู้จักกันในนาม แบดแบทช์ แนวคิดสำหรับเรื่องราวนี้มาจากผู้ให้กำเนิด สตาร์ วอร์ส จอร์จ ลูคัส โดยตรง[9] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2015 ตอนทั้งหมดสี่ตอนนี้ถูกนำมาแสดงในรูปแบบของชุดวิดีโอสตอรีบอร์ดที่ไม่สมบูรณ์ในงาน Star Wars Celebration Anaheim[64] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 หัวหน้าผู้กำกับการสร้าง เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์ เดฟ ฟิโลนี ได้ถอยออกจากตำแหน่งนั้นในแอนิเมชันชุด เรเบลส์ เพื่อให้เขาสามารถตั้งใจเขียนและพัฒนาแอนิเมชันชุดต่าง ๆ ในอนาคตให้กับลูคัสแอนิเมชัน[65] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟิโลนีประกาศว่าซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส กำลังอยู่ระหว่างการสร้างเพื่อปล่อยบนบริการสตรีมมิ่งใหม่ ชื่อ ดิสนีย์+ ในปี ค.ศ. 2020[66] หลังจากนั้นตอนที่เกี่ยวกับแบดแบทช์ทั้งสี่ตอนได้ผลิตเสร็จสมบูรณ์สำหรับซีซันสุดท้าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย[9]
การพัฒนา
[แก้]ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 ดิสนีย์+ ประกาศให้มีการสร้าง สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ซึ่งเป็นแอนิเมชันชุดที่แยกจากซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส แอนิเมชันชุดนี้จะดำเนินเรื่องเกี่ยวกับแบดแบทช์ในผลกระทบที่ตามมาหลังจากสงครามโคลน การประกาศนี้เรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่าเป็นวิสัยทัศน์ของฟีโลนี และเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างคู่กับอะทีนา พอร์ทิลโอจากลูคัสฟิล์ม, หัวหน้าผู้กำกับการสร้าง แบรด ราว, และหัวหน้าผู้เขียนบท เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์, พร้อมกับคาร์รี เบ็ค และจอร์ช รามส์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างและผู้สร้างตามลำดับ[2] ฟีโลนีเรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่า "มีความเป็น" เดอะ โคลน วอร์ส และกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้จะยังคงเป็นแอนิเมชันชุดที่ตรงตามวิสัยทัศน์ของลูคัสในความต้องการแอนิเมชันชุดที่มีเรื่องราวผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและยิ่งใหญ่[67] ในปีค.ศ. 2021 ก่อนที่แอนิเมชันชุดนี้จะฉายตอนสุดท้ายของซีซันแรกนั้น แอนิเมชันชุดนี้ได้รับการไปต่อในซีซัน 2[68] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 ใน Star Wars Celebration London นั้น ได้มีการประกาศซีซัน 3 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้าย[69] ฝ่ายการสร้างได้ตั้งใจไว้ว่าจะเล่าเรื่องแบบ 3 ซีซันตั้งแต่แรก และดีใจที่สามารถจบแผนที่พวกเขาตั้งใจไว้ได้ ราวกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้จะจบเรื่องราวของแบดแบทช์แต่ไม่ใช่สำหรับ "จักรวาล โคลน วอร์ส"[46]
การคัดเลือกนักแสดง และการพากย์เสียง
[แก้]ตัวอย่างแรกของซีรีส์ซึ่งปล่อยออกมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 เป็นสิ่งยืนยันว่า ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ กลับมาจาก เดอะ โคลน วอร์ส เพื่อให้เสียงแก่โคลนทรูปเปอร์ทุกนายซึ่งประกอบด้วย สมาชิกของแบดแบทช์, กัปตันเร็กซ์ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย[8][14] เบเกอร์ได้มาแทนนักแสดงชาวนิวซีแลนด์ เทมูเอรา มอร์ริสัน ผู้เคยเล่นเป็นโคลน—รวมถึงนักล่าเงินรางวัล แจงโก้ เฟทท์ ซึ่งเป็นต้นแบบของโคลน—ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้น[70] นอกจากนี้ใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ยังมีมิเชลล์ แอง รับบทเป็นโอเมก้า โคลนเด็กหญิงของแจงโก้ เฟทท์[28] เหตุผลบางส่วนที่แองได้รับการคัดเลือกเป็นเพราะภาษาอังกฤษสำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอที่ตรงกับของมอร์ริสัน และเธอดีใจที่ได้รับโอกาสในการน้อมรับด้านนั้นของเธอ ด้วยเหตุที่ว่าเธอหน้าตาไม่เหมือนกับ "สิ่งที่คนทั่วโลกคิดไว้เมื่อนึกถึงชาวนิวซีแลนด์" ด้วยความเป็นผู้สืบเชื้อสายจีนและมาเลเซีย เบเกอร์และแองพากย์เสียงตอนแรกของแอนิเมชันชุดนี้ด้วยกัน แต่ด้วยภาระงานอื่น ๆ ทำให้แองต้องเดินทางกลับบ้านที่นิวซีแลนด์ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เธอไม่สามารถกับมาพากย์เสียงร่วมกับเบเกอร์ในหลายตอนหลังจากนั้น ด้วยเหตุนี้แองพากย์เสียงของเธอเองผ่านวิดีโอคอลแทน[30]
เอเมอรี คาร์ ซึ่งเป็นโคลนหญิงโตเต็มวัย ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซัน 2 ในตอนแรกนั้นนักพากย์ เคชา แคสเซิล-ฮิวจญส์ ไม่ได้รู้ว่าเอเมอรีเป็นโคลนแต่เธอรู้สึกสงสัยว่าตัวละครนี้เกี่ยวข้องกับโอเมก้าหลังจากที่ทางผู้สร้างขอให้เธอใช้สำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอในบทบาทนี้ แคสเซิล-ฮิวจญส์ เคยรับบทที่ไม่มีการพูดมาก่อน โดยเป็นราชินีอาไพลานาในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส: เอพพิโซด 3 – ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005)[37] ดาเนียล โลแกน ผู้แสดงเป็นโบบา เฟทท์ และโคลนหนุ่มรายอื่น ๆ ในหนังไตรภาคต้นและ เดอะ โคลน วอร์ส กลับมาให้เสียงโคลนหนุ่มชื่อม็อกซ์ ในซีซัน 3 ของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ[57] ม็อกซ์มีเพื่อนโคลนอีกสองนายที่เด็กยิ่งกว่าม็อกซ์ ชื่อดีคและสแตก ซึ่งได้รับการพากย์โดยเพื่อนนักแสดงชาวนิวซีแลนด์ของโลแกน จูเลียน เดนนิสัน[58][71]
ในตอนที่ตัวอย่างแรกของแอนิเมชันชุดนี้ปล่อยออกมา ตัวละครสาวของเฟนเนค แชนด์ จาก เดอะ แมนดาลอเรียน ได้ถูกเปิดเผยว่าจะมีการปรากฏตัวในแอนิเมชันชุดนี้ และหลังจากนั้นไม่นาน นักแสดงหญิง หมิง-นา เหวิน ได้ยืนยันว่าเธอจะกลับมารับบทเป็นแชนด์[48] ตัวอย่างนี้ยังเปิดเผยอีกว่า สตีเฟน สแตนตันและแอนดรูว์ คิชิโนจะกลับมารับบทเป็นตัวละครของพวกเขาใน เดอะ โคลน วอร์ส โดยเป็นทาร์คินและซอว์ เกอร์เรร่า ตามลำดับ[14][42] ตัวละครอื่น ๆ ใน เดอะ โคลน วอร์ส ที่กลับมาในซีซัน 1 ของแอนิเมชันชุดนี้ประกอบด้วย เบน ดิสกิน เป็น เอซี-3;[31] แมทธิว วูด เป็น แบทเทิลดรอยด์;[39] บ็อบ เบอร์เก็น เป็น ลามา ซู;[31] เกวนโดลิน ยีโอ เป็น นาลา เซ;[31] นากา ฟัตเทอร์แมน, แคธ ซูชี, และคารา พิฟโก เป็นสมาชิกในครอบครัวของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน;[44] บริจิทท์ คาลี และอลิซาเบธ โรดริเกซ เป็น พี่น้องมาเทซ;[49] โครีย์ เบอร์ทัน เป็น แคดเบน และ เซธ กรีน เป็น ดรอย์ของเบน โทโด 360;[50] และทอม เคน ผู้เป็นผู้บรรยายฉากเปิดในแต่ละตอนของ เดอะ โคลน วอร์ส กลับมาให้การบรรในรูปแบบเดียวกันสำหรับตอนแรกของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ[43]
นักแสดงที่กลับมาจากภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ในซีซันแรกประกอบด้วย เอียน แม็คเดียร์มิด เป็น จักรพรรดิพัลพาทีน,[41] วูด เป็น บิบ ฟอร์ทูนา,[40] และ เรนา โอเวน เป็น ทอน วี[52] ผู้สร้างรู้ตั้งแต่ช่วงแรกของการสร้างว่าตอนแรกจะต้องเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราวของคำสั่งที่ 66 อีกครั้ง โดยผ่านมุมมองของแบดแบทช์ และตัดสินใจที่จะใส่เจได เดปา บิลลาบาและเคเลป ดูม เนื่องด้วยผู้ชมหลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเคเลปจาก เรเบลส์ ซึ่งเขาถูกรู้จักในชื่อ เคนัน จาร์รัส ตัวละครสองตัวนี้มีการปรากฏตัวแบบไม่มีบทพูดในซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส ก่อนที่จะมาปรากฏตัวใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ โดยมีอาร์ชี ปัญจาบีให้เสียงเป็นบิลลาบา ผู้สร้างเคยคิดที่จะคัดเลือกนักแสดงเด็กมาพากย์เป็นเคเลป ก่อนที่ฟิโลนีจะติดต่อไปยังนักแสดงผู้ให้เสียงเคนัน เฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์ ให้เข้ากลับมารับบท ราวรู้สึกว่าพรินซ์น่าจะนำพาความกระฉับกระเฉงมาใส่ในตัวละครที่เด็กลงได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีต่อเคนัน[72] ในตอนหลัง ๆ ของซีซัน มีการแนะนำตัวละครจากแอนิเมชันชุด เรเบลส์ ที่เด็กลง เฮรา ซินดูลลา โดยมีวาเนสซา มาร์แชล กลับมารับบท[53] เส้นเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับเธอ ทั้งที่มาจาก เดอะ โคลน วอร์ส และ/หรือ เรเบลส์: โรบิน แอทคิน ดาวนส์ เป็น พ่อของเฮรา ชาม, เบอร์ทัน เป็น โกบี กลี, ฟีล ลามาร์ เป็น ออร์น ฟรี ทา, และฟิโลนี เป็นดรอยด์ของเฮรา ช็อปเปอร์ ซึ่งโผล่ในเครดิตว่าเล่นเป็น "ตัวเขาเอง" และแม่ของเฮรา เอเลนี ผู้เคยถูกกล่าวถึงแค่ใน เรเบลส์ ปรากฏตัวครั้งแรกใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ พากย์เสียงโดยเฟเรลิธ ยัง[51][54] นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซันนี้อีก ได้แก่ โนเชียร์ ดาลาล รับบทเป็น พลเรือโทแรมพาร์ท และเรีย เพิร์ลแมน รับบทเป็น ซิด[31]
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 แวนดา ไซกส์ ได้เปิดเผยว่าเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นนักแสดงสมทบรับบท ฟี เจนัว ในซีซัน 2[35] ซีซันนี้ยังมีการปรากฏตัวครั้งแรกของ จิมมิ ซิมสัน รับบท ดร. เฮมล็อก ผู้เข้ามาแทนแรมพาร์ทในการเป็นตัวร้ายหลักของแอนิเมชันชุดนี้[36] นักแสดงรับเชิญที่กลับมาจาก เดอะ โคลน วอร์ส ในซีซัน 2 ได้แก่ สแตนตัน ในบทของ เมส อาเมดดา,[32] เจนนิเฟอร์ เฮล ในบทของ ไรโย ชูชี,[33] ลามาร์ ในบทของ เบล ออร์กานา,[32] และจามีลาห์ แม็คมิลแลน ในบทของ เฮลล์ เบอร์โทนี[56] นอกจากนี้ซีซันนี้ยังมีนักแสดงสมทบหลายคนจากภาพยนตร์ โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2016): ชารอน ดันแคน-บรูว์สเตอร์ เป็น ทินนรา พามโล,[55] แอนดี เดอ ลา ทูร์ เป็น เฮิร์สท์ โรโมดี, และ เบน เมนเดลโซห์น เป็น ออร์ซัน เครนนิก[26] สำหรับซีซัน 3 ฟัตเทอร์แมนกลับมารับบทเป็นตัวละครจาก เดอะ โคลน วอร์ส อาซาจ เวนเทรส[45]
ดนตรี
[แก้]เควิน ไคเนอร์ได้รับการยืนยันว่าจะประพันธ์เพลงประกอบสำหรับแอนิเมชันชุดนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 หลังจากที่เคยประพันธ์เพลงประกอบสำหรับ เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์[73] เขาแต่ง ธีมของทีมโคตรโคลนมหากาฬ สำหรับซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส[74] และอธิบายเพลงของเขาสำหรับ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ว่าถือเป็นวิวัฒนาการจากเพลงก่อนหน้าโดยใช้การผสมเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และองค์ประกอบของออเคสตราเข้าไป ไคเนอร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแพลงประกอบภาพยนตร์ ป้อมปืนนาวาโรน (ค.ศ. 1961) และ 12 เดนตาย (ค.ศ. 1967) ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้นั้นมีกลุ่มของตัวละครที่คล้ายคลึงกับ ทีมโคตรโ๕ลนมหากาฬ[73]
เพลงประกอบของไคเนอร์สำหรับซีซันแรกนั้นได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบดิจิทัลโดยวอลต์ดิสนีย์เรคอร์ดส์ ในรูปแบบสองชุด โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 และเพลงจากแปดตอนหลังเผยแพร่วันที่ 20 สิงหาคม เพลงหนึ่งจากซีซันแรก ชื่อ "Enter the Bad Batch" นั้นได้เผยเพร่เป็นซิงเกิลในรูปแบบดิจิตัลในวันที่ 13 พฤษภาคม[75] เพลงสำหรับซีซันสองของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเผยแพร่ในรูปแบบกำหนดการที่คล้ายกับเพลงประกอบในซีซันแรก โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023[76] และเพลงจากแปดตอนหลังเผยแพร่วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2023[77] เพลงสำหรับซีซันสามซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายเผยแพร่ในรูปแบบสองชุด โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024[78] และเพลงจากเจ็ดตอนหลังนั้นคาดการณ์ว่าจะเผยแพร่ในช่วงเดือนพฤษภาคม[79]
การตลาด
[แก้]ประธานลูคัสฟิล์ม เคธลีน เคนเนดี โปรโมตแอนิเมชันชุดนี้ที่งานดิสนีย์ส อินเวสเตอร์เดย์ ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 โดยเปิดเผยตัวอย่างแรกสำหรับแอนิเมชันชุดนี้ เจคอบ ออลเลอร์จาก Syfy Wire รู้สึกว่าตัวอย่างนี้นั้นทำให้แอนิเมชันชุดนี้ดูเหมือน เดอะ โคลน วอร์ส ในรูปแบบที่หนักไปทางโลดโผนมากกว่า และเปรียบเทียบแอนิเมชันชุดนี้กับละครโทรทัศน์ช่วงทศวรรษที่ 1980 ชื่อ หน่วยพิฆาตเดนตาย[8] ก่อนที่จะมีการเผยแพร่รอบปฐมทัศน์ ตัวละครจากแอนิเมชันชุดนี้ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในเกมเล่นตามบทบาท สตาร์ วอร์ส: กาแลกซีออฟฮีโร่ส์ ในรูปแบบตัวละครที่สามารถปลดล็อกและเล่นได้[80]
การเผยแพร่
[แก้]สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เผยแพร่รอบปฐมทัศน์บนดิสนีย์+ ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ซึ่งเป็นวันสตาร์ วอร์ส[81] โดยเป็นตอนพิเศษที่มีความยาว 70 นาที[14] ตอนอื่น ๆ ที่เหลืออีกสิบหกตอนของซีซันแรกนั้นเผยแพร่จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม[14][28] ซีซันสองซึ่งมีสอบหกตอนนั้นเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม จนถึง 29 มีนาคม ค.ศ. 2023[82][35] หลังจากที่เคยมีการคาดการณ์ว่าจะเผยแพร่ตอนแรกในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2022[83] ซีซันสุดท้ายซึ่งมีสิบห้าตอนเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึง 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024[84]
การตอบรับ
[แก้]การรับชมของผู้ชม
[แก้]ตามแอปติดตามการรับชมของวิปมีเดีย ทีวีไทม์ สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครโทรทัศน์ที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดเป็นอันดับแรกในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021[85] และเป็นละครโทรทัศน์ที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ในช่วงเดือนกันยายน ค.ศ. 2022[86] ตามนีลเซน สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครชุดดังเดิมที่ได้รับการสตรีมมากที่สุดเป็นอันดับที่เจ็ดตลอดทุกแพลตฟอร์ม ในระหว่างช่วงสัปดาห์ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 จนถึง 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[87][88]
ตามแอปติดตามการรับชมของวิปมีเดีย ทีวีไทม์ สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครชุดดั้งเดิมที่ได้รับการสตรีมมากที่สุดเป็นอันดับที่สามตลอดทุกแพลตฟอร์ม ในระหว่างช่วงสัปดาห์ 8 มกราคม ค.ศ. 2023,[89] 15 มกราคม ค.ศ. 2023,[90] 22 มกราคม ค.ศ. 2023,[91] 29 มกราคม ค.ศ. 2023,[92] 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[93] เป็นอันดับที่ห้าในช่วงสัปดาห์ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023[94], 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[95] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[96] เป็นอันดับที่เจ็ดในช่วงสัปดาห์ 5 มีนาคม ค.ศ. 2023,[97] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 12 มีนาคม ค.ศ. 2023,[98] เป็นอันดับที่เจ็ดในช่วงสัปดาห์ 19 มีนาคม ค.ศ. 2023,[99] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 26 มีนาคม ค.ศ. 2023,[100] และเป็นอันดับที่ห้าในช่วงสัปดาห์ 2 เมษายน ค.ศ. 2023[101]
การวิพากษ์วิจารณ์
[แก้]ซีซัน | รอตเทนโทเมโทส์ | เมทาคริติก |
---|---|---|
1 | 86% (93 บทความ)[102] | 67 (9 บทความ)[103] |
2 | 90% (21 บทความ)[104] | — |
3 | 87% (15 บทความ)[105] | 68 (4 บทความ)[106] |
เว็บไซต์รวบรวมคำวิจารณ์ รอตเทนโทเมโทส์ ซีซันแรกได้รับคะแนนความนิยม 86% โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.3/10 ยึดจากบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 92 บทความสำหรับซีซันแรก ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "แอนิเมชันการผจญภัยที่แสนสวยงามของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ อาจจะเน้นไปทางตำนานของ สตาร์ วอร์ส สำหรับผู้ชมทั่วไป แต่สำหรับแฟน ๆ นั้น จะเพลิดเพลินไปกับการดำลึกเข้าไปในตัวละครเหล่านี้"[102] บนเมทาคริติก ซีซันแรกนี้ได้รับคะแนนเฉลี่ยเมื่อถ่วงน้ำหนักแล้วอยู่ที่ 67 จาก 100 ยึดตามบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 9 บทความซึ่งระบุว่า "บทวิจารณ์โดยทั่วไปเป็นที่ชื่นชอบ"[103] ซีซันสองได้รับคะแนนความนิยม 90% บนรอตเทนโทเมโทส์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.2/10 ยึดจากบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 21 บทความสำหรับซีซันแรก ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "ชุดที่สองของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นยังคงรักษาความดีและความชั่วเหมือนซีซันแรกได้: การผจญภัยของ สตาร์ วอร์ส ที่ยอดเยี่ยม และมุ่งไปที่แฟน ๆ ตัวยงแลกกับผู้ชมทั่วไป"[104] ซีซันสามได้รับคะแนนความนิยม 87% บนรอตเทนโทเมโทส์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.0/10 ยึดจากบทวิจารณ์ 15 บทความ ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "การระดมส่งเสียงไชโยครั้งสุดท้ายพร้อมด้วยอีสเตอร์เอกมากมายและการโลดโผนที่เร้าใจที่ยังคงอยู่ในคลัง ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นจบลงด้วยดี"[105] บนเมทาคริติก ซีซันสามได้รับคะแนน 68 จาก 100 ยึดตามบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 4 บทความ ซึ่งระบุว่า "บทวิจารณ์โดยทั่วไปเป็นที่ชื่นชอบ"[106]
โจล เคลเลอร์จาก ดีไซเดอร์ เรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่าเป็นภาคแยกที่ "คู่ควร" ของ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส และชื่นชมการแนะนำตัวโอเมก้าในการเป็นตัวละครหญิงหลัก โดยเขียนไว้ว่า "สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ น่าจะทำให้แฟน ๆ สงครามโคลนนั้นพึงพอใจ และให้แฟน ๆ ของแฟรนไชส์เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงต้นของจักรวรรดิ"[107] โจชัว ริเวราจาก โพลีกอน ให้บทวิจารณ์ทางบวกแก่รายการนี้ และกล่าวว่า "ไตรภาคต้นนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้มากมายดังเช่นในไตรภาคเดิมของ สตาร์ วอร์ส และ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นก็มีหน้าที่เดินเรื่องอย่างช้า ๆ และระมัดระวัง เพื่อให้สามารถดึงความเป็นไปได้เหล่านั้นออกมา ดั่งเช่นที่ เดอะ โคลน วอร์ส เคยทำไว้"[108] เวนเลย มา จาก News.com.au ให้บทวิจารณ์ทางบวกแก่รายการนี้ และกล่าวว่า "สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเป็นเหมือนหญ้าแมวสำหรับแฟน ๆ สตาร์ วอร์ส ที่ทุ่มเท โดยแอนิเมชันชุดนี้นั้นเป็นแอนิเมชันชุดแนวโลดโผน-ผจญภัยที่มีทั้งความตื่นเต้นเร้าใจ มีตัวละครที่สามารถเชื่อมโยงได้และอยู่ฝั่งที่ถูกของสงคราม มีปืนบลาสเตอร์ และเรื่องเกี่ยวกับตำนานและอีสเตอร์เอกมากพอที่จะทำให้สามารถกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นได้"[109]
วินเซนต์ ชิลลิงจาก อินเดียนคันทรีทูเดย์ ให้รายการนี้ 8.5 จาก 10 ดาว และกล่าวว่า "ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แฟนของแอนิเมชันชุดของ สตาร์ วอร์ส แต่ผมประทับใจกับเรื่องนี้ โดยกลุ่มของข้อตำหนิที่ได้รับการอนุมติ ที่แต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน เป็นสูตรที่ชนะใจผมมาก – ดีเยี่ยมซะด้วยซ้ำไป"[110] เจสซี ชาดีนจาก ไอจีเอ็น ให้ตอนปฐมทัศน์ 8 จาก 10 และกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้นั้นเป็น "ผู้สืบทอดของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่คู่ควร มากขนาดขั้นที่ว่าเรื่องนี้อาจถูกรีแบรนด์ให้เป็นซีซันที่แปดได้เลย" และ "เรื่องนี้ใช้ประโยชน์จากการที่เรื่องนั้นจบลงแบบหลวม ๆ เพื่อสร้างเรื่องราวใหม่เกี่ยวกับสภาพของโคลนหลังจากที่สงครามจบ และมันเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาได้ในทันที" เขายังเพิ่มเติมว่ารายการนี้ "เก็บหลายสิ่งที่ทำให้ เดอะ โคลน วอร์ส นั้นดีมาก (เช่นรูปแบบแอนิเมชันที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการพากย์เสียงของเบเกอร์) แต่ก็ไม่ได้ทำให้รายการนี้หลุดพ้นของของติต่าง ๆ เช่นกัน"[111] จูเลียน ไลเติลจาก idobi.com ให้แอนิเมชันชุดนี้ 8 จาก 10 ดาวและระบุว่า "ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เป็นการเริ่มการผจญภัยใหม่ พร้อมด้วยตัวละครใหม่ ๆ ในพื้นหลังที่เจ๋ง ฉันรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มนี้ในจักรวรรดิ"[112] มาร์ตี บราวน์จาก คอมมอนเซนส์มีเดีย ให้รายการนี้ 4 จาก 5 ดาวพร้อมกับจำแนกภาพยนตร์เป็นช่วงอายุ '10+' โดยระบุว่า "แอนิเมชันชุดนี้มอบสิ่งที่แฟน ๆ น่าจะคาดหวังจากเรื่องราวของ สตาร์ วอร์ส อย่างละเอียด: การวางพล็อต, ตัวละครใหม่ที่โดดเด่น, และฉากโลดโผนที่ยิ่งใหญ๋ พร้อมด้วยเรื่องศีลธรรมเป็นแกนกลาง"[113]
โจนาธาน โรเบิร์ตส์จาก เดอะนิวเปเปอร์ ให้รายการนี้ 2.5 จาก 5 ดาว และระบุว่า "ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเหมาะที่จะดู แต่อาจจะหนักไปสำหรับผู้ชมบางคน"[114] นิฟ เอ็ม. ซุลทานจาก สแลนต์แมกาซีน ให้รายการนี้ 1.5 จาก 4 ดาว และระบุว่า "ความพยายามของรายการนี้ในการทำให้ตัวละครหลักแต่ละตัวแตกต่างกันนั้นทำให้พวกเขาเดาทางได้ง่ายดายและซ้ำซาก"[115]
คิมเบอร์ลี เทราซากิจาก เดอะแมรีซู เป็นห่วงว่าแอนิเมชันชุดนี้จะทำให้โคลนทรูปเปอร์นั้นกลายเป็น "ผิวขาว" โดยเขียนว่า "งานออกแบบของบางตัวละครนั้นดูเหมือนจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นดูจะผิวอ่อนลง และ/หรือ มีลักษณะของคนเชื้อชาติยุโรป...โดยสรุปคือ: โคลนของตัวละครที่เล่นโดยชาวเมารีกลายเป็นตัวละครผิวขาว" เรื่องนี้ก็ได้รับการสังเกตโดยเแฟน ๆ เช่นกัน ทำให้เกิดเพจทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และแคมเปญใน เชนจ์.โออาร์จี[116] เพื่อตอบกลับเรื่องนี้ ผู้กำกับดูแล แบรด ราว บอกว่าทีมแอนิเมชันนั้นได้กลับยังตอนที่สร้างเสร็จแล้วและปรับผิวสีของโคลนให้ใกล้เคียงกับของเทมูเอรา มอร์ริสัน ขึ้น[117]
รายการนี้ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องมีตัวละครที่เป็นตัวแทนของผู้พิการ เอมิลี สมิธจาก เรดีโอไทมส์ ชี้ว่าก่อนที่จะมี ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ตัวละครที่พิการส่วนใหญ่ในจักรวาล สตาร์ วอร์ส นั้นเกี่ยวข้องกับด้านลบ เช่นตัวร้าย ดาร์ธ เวเดอร์ และดาร์ธ มอล ซึ่งพิการหลังจากการต่อสู้ ตัวละครอื่น ๆ เช่น ลุค สกายวอล์คเกอร์ และเคนัน จาร์รัส ได้รับผลกระทบทางลบหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการสู้กับตัวร้าย กลับกัน ตัวละครดั้งเดิมทั้งสี่คนจาก ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเกิดมาพร้อมกับความพิการ ซึ่งสมิธเรียกว่าการปลดปล่อยความพิการออกจากความหมายแฝงใด ๆ[118] โจชัว แพตทอนจาก ซีบีอาร์ ชมรายการนี้เรื่องการแสดงบทพูดที่ดูเป็นมิตรต่อเด็กเกี่ยวกับความหลากหลายทางประสาท โดยเน้นคำพูดจากเทคในซีซันสอง ตอนที่เก้า "ข้าอาจจะทำตัวและคิดต่างไปในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าข้ารู้สึกถึงมันน้อยกว่าเจ้า"[119]
รางวัล
[แก้]ซีซันแรกเป็นหนึ่งใน 200 ซีรีส์โทรทัศน์ที่ได้รับรีเฟรมสแตมป์สำหรับปี ค.ศ. 2021 ถึง 2022 สแตมป์นี้ได้รับจากแนวร่วมความเท่าเทียมทางเพศ รีเฟรม และฐานข้อมูลอุตสาหกรรม อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบสโปร สำหรับโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ได้รับการยืนยันว่ามีจ้างงานที่เท่าเทียมทางเพศ เนื่องด้วยสแตมป์นี้มอบให้แก่โปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่จ้างคนที่ระบุเพศตอนเองว่าเป็นเพศหญิง โดยเฉพาะหญิงผิวสี โดยมีถึงสี่ในแปดบทบาทสำคัญในงานสร้างของพวกเธอ[120]
ปี (ค.ศ.) | รางวัลที่ได้เข้าชิง | สาขารางวัล | ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง | ผล | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|
2022 | โกลเด้นรีลอวอร์ดส | งานตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม – แอนิเมชันชุดหรือรูปแบบสั้น | แมทธิว วูด, เดวิด ดับเบิลยู. คอลลินส์, แฟรงก์ รีเนลลา และคิมเบอร์ลี แพทริก (สำหรับ "Reunion") | เสนอชื่อเข้าชิง | [121] |
แซทเทิร์นอวอร์ดส | แอนิเมชันชุดทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม | สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ | ชนะ | [122] | |
2024 | โกลเด้นรีลอวอร์ดส | งานตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม – แอนิเมชันชุดถ่ายทอดสด | เดวิด ดับเบิลยู. คอลลินส์, แมทธิว วูด, จัสติน ดอยล์, เควิน โบเลน, คิมเบอร์ลี แพทริก, แฟรงก์ รีเนลลา, มาร์กี โอ'แมลลีย์ และแอนเดรีย การ์ด (สำหรับ "Faster") | ชนะ | [123] |
โปรดิวเซอร์สกิลด์ออฟอเมริกาอวอร์ดส | รายการเด็กยอดเยี่ยม | สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ | เสนอชื่อเข้าชิง | [124] | |
แซทเทิร์นอวอร์ดส ครั้งที่ | แอนิชันชุดทางโทรทัศน์หรือรูปแบบพิเศษยอดเยี่ยม | สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ | ชนะ | [125] |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Disney+ Announces Season 2 of Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-08-05.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 D'Alessandro, Anthony (July 13, 2020). "'Star Wars: The Bad Batch': New Animated Series To Debut On Disney+ In 2021". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2020. สืบค้นเมื่อ July 13, 2020.
- ↑ 3.0 3.1 Saavedra, John (June 25, 2021). "Star Wars The Bad Batch: Omega Origin and Identity Explained". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ Kane, Alex (May 6, 2021). "'The Bad Batch' premiered this week—and we're already in love". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2021. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
- ↑ Myers, Kendall (February 19, 2024). "'Star Wars: The Bad Batch' Season 2 Recap: What To Remember Before Season 3". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
- ↑ Britt, Ryan (December 9, 2022). "Star Wars canon is about to fix the Empire's weirdest plot hole". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 9, 2022. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ Johnston, Dais (April 4, 2024). "Star Wars Has Finally Fixed 'Rise of Skywalker's Dumbest Plot Twist". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2024. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 Oliver, Jacob (December 11, 2020). "Star Wars' (almost) most famous clones are back in The Bad Batch first teaser". Syfy Wire (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Leong, Tim (March 2, 2020). "Clone Wars EP Dave Filoni breaks down the first episodes of the final season". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 3, 2020. สืบค้นเมื่อ May 10, 2020.
- ↑ Bacon, Thomas (May 6, 2021). "Clone Force 99: Every Member's Powers & Abilities Explained". Screen Rant (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 7, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Ross, Dalton (May 3, 2021). "Watch Dee Bradley Baker voice all the 'Star Wars Bad Batch' clones". Entertainment Weekly (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ Young, Bryan (May 4, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Breakdown: The Details And History That Enrich "Aftermath"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ Jacobs, Eammon (May 7, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Episode 2 Ending Explained". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 25, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 Whitbrook, James (March 30, 2021). "Star Wars: The Bad Batch's New Trailer Puts Clones on the Run". io9 (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2021. สืบค้นเมื่อ March 30, 2021.
- ↑ Patton, Joshua M. (March 13, 2024). "The Bad Batch Reveals Why Rex's Clones Aren't Working With Clone Force 99". Comic Book Resources (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Cao, Caroline (July 9, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Makes A Promising Shift To Spotlight A 'Rebels' Origin Story In "Devil's Deal"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Cao, Caroline (July 30, 2021). "'The Bad Batch' Pays A Price In The Thrilling "War-Mantle"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Gaughan, Liam (January 10, 2023). "'The Bad Batch': The Clones Are Fighting an Undefeatable Enemy". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Brooks, Dan (January 13, 2023). "Star Wars: The Bad Batch: Dee Bradley Baker on the Return of Commander Cody – Exclusive". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 14, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Morgan, Lauren (February 23, 2023). "Ranking the top 15 'Star Wars' clone troopers". Entertainment Weekly (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 23, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Kelley, Aidan (January 4, 2023). "'Star Wars: The Bad Batch' Season 2 Cast and Character Guide: Who's Returning in the New Episodes". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 5, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Connolly, Jason (April 24, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Didn't Give Fans Enough Time With Mayday". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 24, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Connolly, Jason (April 30, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Theory - Fireball & Nemec Will Die In Season 3". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Parker, Jamie (March 14, 2024). "The Bad Batch Explains One of the Empire's Biggest Crimes Against Clones". CBR (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Myers, Kendall (March 16, 2024). "'The Bad Batch' Season 3: Who Is Commander Wolffe?". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 26.0 26.1 26.2 26.3 Burt, Kieran (April 6, 2024). "Who are the Imperials at the summit in The Bad Batch?". Dork Side of the Force (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ ""Confined" Episode Guide | Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 Keane, Sean (May 3, 2021). "Star Wars: The Bad Batch crew talks season length, Omega and Imperial oppression". CNET. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ May 3, 2021.
- ↑ Miller, David (August 7, 2021). "How Omega Is Older Than The Bad Batch". Screen Rant (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
- ↑ 30.0 30.1 Baver, Kristin (June 8, 2021). "Meet Omega: Michelle Ang on Becoming the Heart of Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 8, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 31.0 31.1 31.2 31.3 31.4 31.5 31.6 31.7 31.8 Salvati, Tara (February 14, 2024). "Star Wars: The Bad Batch Voice Cast - What The Actors Look Like In Real Life". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 32.0 32.1 32.2 32.3 Cao, Caroline (May 29, 2022). "Commander Cody And Gungi Are Returning In The Bad Batch Season 2". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 30, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
- ↑ 33.0 33.1 Chapman, Tom (February 9, 2023). "How A The Bad Batch Cameo Sets Up A New Era of Star Wars". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Fesmire, Caleb (March 9, 2023). "'The Bad Batch' Season 2: Mount Tantiss Explained". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ 35.0 35.1 35.2 Amin, Arezou (December 7, 2022). "'The Bad Batch' Season 2 Casts Wanda Sykes". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2022. สืบค้นเมื่อ December 7, 2022.
- ↑ 36.0 36.1 Patton, Joshua M. (March 4, 2023). "The Bad Batch Debuts Jimmi Simpson's Mysterious New Villain". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 37.0 37.1 Brooks, Dan (March 30, 2023). "Keisha Castle-Hughes on Doctor Emerie Karr and The Bad Batch Season 2's Cliffhanger". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 38.0 38.1 Cao, Caroline (May 4, 2021). "Star Wars: The Bad Batch retcons a Jedi backstory that's key to Rebels". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ 39.0 39.1 Cao, Caroline (October 9, 2021). "The voice of the clone soldiers did the Jawa voice for movie tickets". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 40.0 40.1 Whitbrook, James (May 28, 2021). "On Star Wars: The Bad Batch, Maybe Not Everyone Needs an Origin Story". Gizmodo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2022. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ 41.0 41.1 Freitag, Lee (January 4, 2023). "The Bad Batch: What Critics Are Saying About Season 2". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 17, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ 42.0 42.1 Skrebels, Joe (March 30, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Will Begin With a 70-Minute Premiere". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2021. สืบค้นเมื่อ March 30, 2021.
- ↑ 43.0 43.1 Melrose, Kevin (May 7, 2021). "How Star Wars: The Bad Batch Signals the Clone Wars Are Truly Over". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 13, 2021. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ 44.0 44.1 44.2 44.3 Silliman, Brian (May 6, 2021). "Hunter gets dad lessons from an old friend in Episode 2 of Star Wars: The Bad Batch". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 28, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 45.0 45.1 45.2 45.3 Diaz, Eric (January 22, 2024). "The Bad Batch Final Season Trailer Reveals Asajj Ventress' Return". Nerdist. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2024. สืบค้นเมื่อ January 22, 2024.
- ↑ 46.0 46.1 46.2 Johnston, Dais. "New Star Wars Animated Movie? 'Bad Batch' Showrunners Say "How Could You Say No?"". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 16, 2024. สืบค้นเมื่อ February 16, 2024.
- ↑ 47.0 47.1 Brooks, Dan (March 27, 2024). "Ventress Strikes Back". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 48.0 48.1 Baver, Kristin (December 16, 2020). "The Return of Fennec Shand: Ming-Na Wen on Finding Her Voice as the Elite Assassin in The Mandalorian". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 16, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ 49.0 49.1 49.2 Cao, Caroline (June 4, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Runs Into Some Familiar Faces From 'The Clone Wars' In "Decommissioned"". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 50.0 50.1 50.2 Brian, Silliman (June 17, 2021). "Star Wars: The Bad Batch just set the stage for an epic showdown that has been long in the making". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 51.0 51.1 51.2 51.3 51.4 Silliman, Brian (July 9, 2021). "Another 'Rebels' hero returns to begin her journey on the latest 'Star Wars: The Bad Batch'". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 24, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 52.0 52.1 Young, Bryan (June 25, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Breakdown: The Details And History That Enrich "Bounty Lost"". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 53.0 53.1 Brooks, Dan (July 19, 2021). "Hera Flies Again: Vanessa Marshall on Returning as the High Flying Pilot in Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2021. สืบค้นเมื่อ July 19, 2021.
- ↑ 54.0 54.1 Kim, Brendan (July 20, 2021). "Star Wars Rebels' Chopper Gets His Own Bad Batch Poster". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 55.0 55.1 Young, Bryan (February 8, 2023). "The Bad Batch Delves Into The Clone Conspiracy And Evolution Of The Empire". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 56.0 56.1 Celestino, Mike (February 8, 2023). "TV Review / Recap – "Star Wars: The Bad Batch" – "The Clone Conspiracy" and "Truth and Consequences"". Laughing Place. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 8, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 57.0 57.1 Declan, Liz (February 21, 2024). "The Bad Batch's Secret Boba Fett Cameo Wasn't Exactly The One Viewers Were Hoping For". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 23, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
- ↑ 58.0 58.1 ""Paths Unknown" Trivia Gallery | Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ Patton, Joshua M. (February 23, 2023). "The Bad Batch Lost Their Ship and Its Thief Sounds Like Spider-Man". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ Young, Bryan (March 8, 2023). "The Bad Batch Brings Us One Of Its Best Episodes Yet". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ Young, Bryan (February 21, 2024). "A Brilliant Oscar-Winning Actress Has Joined The Star Wars Universe With The Bad Batch". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 21, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
- ↑ 62.0 62.1 Goldberg, Lesley; Block, Alex Ben (March 11, 2013). "'Star Wars: Clone Wars' Ends Its Run on Cartoon Network". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2021. สืบค้นเมื่อ February 18, 2024.
- ↑ "New Animated Series Star Wars Rebels Coming Fall 2014". StarWars.com. May 20, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2014. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ "Star Wars: The Clone Wars "Bad Batch" 4-Episode Arc Coming to Star Wars Celebration". StarWars.com. April 9, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2020. สืบค้นเมื่อ February 26, 2021.
- ↑ Anderton, Ethan (September 26, 2016). "Lucasfilm Animation Makes Some Big Changes Behind the Scenes for 'Star Wars Rebels' & Beyond". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2016. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ "Star Wars: The Clone Wars to Return with New Episodes". StarWars.com. July 19, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 19, 2018. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ Russell, Bradley (December 17, 2020). "Dave Filoni teases Star Wars series The Bad Batch, saying it will "follow the legacy" started by George Lucas". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
- ↑ Petski, Denise (August 5, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Renewed For Season 2 By Disney+". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 5, 2021. สืบค้นเมื่อ August 6, 2021.
- ↑ Mitovich, Matt Webb (April 10, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Renewed for Third and Final Season". TVLine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 10, 2023.
- ↑ Busch, Jenna (January 13, 2022). "Temuera Morrison Would Love To Play The Other Clones In Live-Action". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 13, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ MattG (February 25, 2024). "Julian Dennison Joins The Bad Batch Cast". Star Wars New Zealand. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ Whitbrook, James (May 5, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Producers Break Down That Big Premiere Cameo". Gizmodo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ 73.0 73.1 "Interview: Star Wars: The Bad Batch Composer Kevin Kiner". ComingSoon.net. May 6, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2021. สืบค้นเมื่อ May 16, 2021.
- ↑ "First Track from 'Star Wars: The Clone Wars' – The Final Season Soundtrack Released". Film Music Reporter. February 21, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 22, 2020. สืบค้นเมื่อ January 16, 2021.
- ↑ "First Track from 'Star Wars: The Bad Batch' Soundtrack Released". Film Music Reporter. May 13, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 14, 2021. สืบค้นเมื่อ May 16, 2021.
- ↑ "Details for 'Star Wars: The Bad Batch' Season 2, Vol. 1 (Episodes 1-8) Soundtrack Album Revealed". Film Music Reporter. February 16, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 17, 2023. สืบค้นเมื่อ February 18, 2023.
- ↑ "Details for 'Star Wars: The Bad Batch' Season 2, Vol. 2 (Episodes 9-16) Soundtrack Album Revealed". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2023. สืบค้นเมื่อ April 6, 2023.
- ↑ "'Star Wars: The Bad Batch' Season 3 – Vol. 1 (Episodes 1-8) Soundtrack Album Details". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2024. สืบค้นเมื่อ March 29, 2024.
- ↑ "'Star Wars: The Bad Batch' Season 3 – Vol. 2 (Episodes 9-15) Soundtrack Album Details". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 2, 2024. สืบค้นเมื่อ May 2, 2024.
- ↑ "SWGoH: Bad Batch Confirmed as Hunter Joins Galaxy of Heroes in Upcoming Marquee Event". GamingFans. April 6, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2022. สืบค้นเมื่อ July 20, 2022.
- ↑ Ramos, Dino-Ray (February 24, 2021). "Disney+ Sets Premiere Dates For 'Star Wars: The Bad Batch' And Marvel Studios' 'Loki'". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 24, 2021. สืบค้นเมื่อ February 24, 2021.
- ↑ Purslow, Matt (September 10, 2022). "Star Wars: The Bad Batch Season 2 Coming in January 2023". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2022. สืบค้นเมื่อ September 10, 2022.
- ↑ Amin, Arezou (June 3, 2022). "'The Bad Batch' Season 2 Coming in September". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2022. สืบค้นเมื่อ June 4, 2022.
- ↑ "Watch the Star Wars: The Bad Batch Season 3 Trailer". StarWars.com. January 22, 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2024. สืบค้นเมื่อ January 22, 2024.
- ↑ "'Star Wars: The Bad Batch' Top Anticipated New Show in May – Media Play News". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). April 29, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 5, 2022. สืบค้นเมื่อ October 5, 2022.
- ↑ "Whip: 'The Lord of the Rings' Top New Show, 'Fate: The Winx Saga' Top Returning Show Anticipated in September – Media Play News". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). September 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2022. สืบค้นเมื่อ October 5, 2022.
- ↑ Porter, Rick (June 3, 2021). "Canceled 'Jupiter's Legacy' Opens as Top Original Series in Nielsen Streaming Charts". The Hollywood Reporter (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2021. สืบค้นเมื่อ October 28, 2022.
- ↑ Gruenwedel, Erik (June 3, 2021). "Nielsen: Netflix's 'The Mitchells vs. The Machines' Tops Weekly Most-Streamed Chart". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2022. สืบค้นเมื่อ October 28, 2022.
- ↑ Prange, Stephanie (January 10, 2023). "'1923,' 'The Menu' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (January 17, 2023). "'The Menu,' '1923' Again Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 4, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (January 24, 2023). "'Criminal Minds,' 'The Menu' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 4, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (January 31, 2023). "'How I Met Your Father,' 'You People' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (February 7, 2023). "'How I Met Your Father,' 'Black Panther: Wakanda Forever' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 8, 2023. สืบค้นเมื่อ February 8, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (February 14, 2023). "Netflix's 'You,' 'Your Place or Mine' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (February 22, 2023). "Netflix's 'Your Place or Mine,' 'You' Again Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (February 28, 2023). "'M3GAN,' '1923' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (March 7, 2023). "'We Have a Ghost,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (March 14, 2023). "'Puss in Boots: The Last Wish,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (March 21, 2023). "'Luther: The Fallen Sun,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2023. สืบค้นเมื่อ March 23, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (March 28, 2023). "'Knock at the Cabin,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 3, 2023. สืบค้นเมื่อ April 3, 2023.
- ↑ Prange, Stephanie (April 4, 2023). "'Murder Mystery 2,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2023. สืบค้นเมื่อ April 12, 2023.
- ↑ 102.0 102.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 1". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ May 15, 2021.
- ↑ 103.0 103.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 1". Metacritic. Red Ventures. สืบค้นเมื่อ May 5, 2021.
- ↑ 104.0 104.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 2". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ January 19, 2023.
- ↑ 105.0 105.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 3". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ February 21, 2023.
- ↑ 106.0 106.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 3". Metacritic. Red Ventures. สืบค้นเมื่อ February 23, 2024.
- ↑ "Stream It Or Skip It: 'Star Wars: The Bad Batch' On Disney+, A 'Clone Wars' Spinoff About A Group Of Clones That Won't Fight For The Empire". Decider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). May 4, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Rivera, Joshua (May 19, 2021). "The Bad Batch is diving deep into my biggest Star Wars pet peeve". Polygon (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ "Star Wars The Bad Batch review: Solid thrills for fans and newbies alike". NewsComAu (ภาษาอังกฤษ). May 5, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Schilling, Vincent (May 8, 2021). "#NativeNerd reviews: 7 films and series I've seen recently". Ict News (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Schdeen, Jesse (May 4, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Series Premiere - "Aftermath" Review". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2021. สืบค้นเมื่อ May 4, 2021.
- ↑ "TV Show [P]Review: Star Wars: The Bad Batch – Season 1". idobi.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ "The Bad Batch - TV Review". www.commonsensemedia.org (ภาษาอังกฤษ). May 4, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Roberts, Jonathan (May 21, 2021). "TV review: Star Wars: The Bad Batch". The New Paper (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Sultan, Niv M. (May 7, 2021). "Review: Star Wars: The Bad Batch Fails to Distinguish Itself in the Clone Wars Saga". Slant Magazine (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
- ↑ Terasaki, Kimberly (January 5, 2023). "One Major Issue With 'The Bad Batch' Is Causing Some Fans To Boycott the Show". The Mary Sue. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 11, 2023. สืบค้นเมื่อ August 11, 2023.
- ↑ "'The Bad Batch' Director Responds to the #UnwhitewashTheBadBatch Campaign". Collider. January 3, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 6, 2023. สืบค้นเมื่อ August 11, 2023.
- ↑ "How Star Wars: The Bad Batch delivers the disability representation the franchise needed". Radio Times (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ March 11, 2024.
- ↑ Patton, Joshua M. (February 24, 2023). "The Bad Batch Told a Kid-Friendly Story About Neurodiversity". CBR (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ March 11, 2024.
- ↑ Behzadi, Sofia (July 19, 2022). "'Euphoria', 'Abbott Elementary' & Apple Among ReFrame Stamp Recipients For Gender-Balanced Hiring; Numbers Down From 2020-2021". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 19, 2022. สืบค้นเมื่อ July 20, 2022.
- ↑ Tangcay, Jazz (January 24, 2022). "'Dune' Leads Nominations for Golden Reel Awards". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
- ↑ O'Rourke, Ryan (October 26, 2022). "Saturn Award Winners Headlined by 'Everything Everywhere All at Once', 'Top Gun: Maverick', and 'Better Call Saul'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 25, 2023. สืบค้นเมื่อ October 25, 2023.
- ↑ Gajewski, Ryan (March 3, 2024). "'Oppenheimer' Leads the Winners at Sound Editors Golden Reel Awards". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2024. สืบค้นเมื่อ March 3, 2024.
- ↑ Davis, Clayton (January 12, 2024). "PGA Awards Nominations: 'Anatomy of a Fall' and 'Zone of Interest' Make History and Join 'Barbie,' 'Oppenheimer' and More". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2024. สืบค้นเมื่อ January 19, 2024.
- ↑ Hipes, Patrick (February 5, 2024). "'Avatar: The Way of Water', 'Oppenheimer', 'Star Trek: Picard' Among Winners at Saturn Awards". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 5, 2024. สืบค้นเมื่อ February 5, 2024.
ดูเพิ่ม
[แก้]- สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ใน ดิสนีย์+
- สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ใน วูกีพีเดีย วิกิของ สตาร์ วอร์ส